ตอนที่ 49 ปิดเทอมฤดูหนาว
ตกเป็นรองแล้ว
การโจมตีครั้งนี้ของเจียงขุยตอกหน้าของซุนเย่าหั่ว ถึงขั้นที่รู้สึกยำเกรงอยู่บ้าง
เจียงขุยเป็นคู่ปรับที่น่าเคารพ
และคำพูดต่อมาของหลินเยวียนก็ดันไปทำให้ซุนเย่าหั่วขุ่นเคืองขึ้นมา!
นั่นก็เพราะหลินเยวียนถึงกับเอ่ยปากถามเจียงขุยประโยคหนึ่งว่า “หลังจากนี้มีแผนจะปล่อยเพลงมั้ยครับ”
ตึกตัก!
ตึกตัก!
เจียงขุยหัวใจเต้นรัวขึ้นมาฉับพลัน เดิมทีเธอเพียงแค่อยากสร้างภาพลักษณ์ดีๆ ต่อหลินเยวียน ไม่อยากแพ้ซุนเย่าหั่ว
แต่เธอก็ไม่คิดว่าตนจะประจบประแจงจนได้โอกาสร่วมงานจริงๆ ชั่วขณะนั้นเธอเข้าใจแล้วว่าทำไมซุนเย่าหั่วถึงเลียแข้งเลียขาสุดแรงเกิดแบบนั้น “หลังตรุษจีนจะออกเพลงค่ะ แต่ยังไม่เจอผลงานที่เหมาะสม…”
ซุนเย่าหั่วอิจฉาจนตาลุกเป็นไฟ
เปลวเพลิงแห่งความริษยากำลังลุกโหมพร้อมเผาไหม้!
หลินเยวียนพยักหน้า “งั้นค่าความจุปอดน่าจะพอได้ใช่มั้ยครับ”
เจียงขุยผงกศีรษะอย่างแรง “ก่อนหน้านี้ตอนเรียนขับร้องเคยฝึกขยายปอดมาโดยเฉพาะค่ะ!”
“ส่วนแบ่งล่ะครับ?”
นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่หลินเยวียนสนใจ
เจียงขุยนั้นไหวพริบดีมาก ตอบไปโดยแทบไม่ลังเล “ถ้าได้ร่วมงานกับอาจารย์หลินเยวียนอีกครั้งละก็ ฉันจะรับส่วนแบ่งตามที่อาจารย์เสนอ อาจารย์ให้เท่าไหร่ก็ได้ค่ะ!”
“อืม…”
นับว่ายอดฝีมือในการต่อรองราคา
หลินเยวียนขมวดคิ้วน้อยๆ
อันที่จริงสิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือคำพูดที่ว่า ‘ให้เท่าไหร่ก็ได้’ เพราะนั่นหมายความว่าปัญหาจะถูกโยนกลับมาอีก
ให้น้อยเกินไป ตนก็จะรู้สึกเกรงใจ
ถ้าให้มาก ตนก็จะรู้สึกปวดใจอีก
เจียงขุยกำลังรอคำพูดต่อไปของหลินเยวียน แต่กลับพบว่าหลินเยวียนไม่พูดต่อแล้ว หัวใจก็พลันระส่ำขึ้นมา
ฉันพูดอะไรผิดเหรอ
กลับเป็นซุนเย่าหั่วที่รีบร้อนขึ้นมา
แม้ว่าจะเป็นคู่แข่งของเจียงขุย แต่เมื่อเห็นว่าเจียงขุยกำลังจะพลาดโอกาสหายากไป สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวต้องเข้าไปช่วย แสดงละครด้นสนเพื่อเตือนสติ “ถ้านายจะร่วมงานกันฉันละก็ ฉันจะไม่รับส่วนแบ่งเลย”
ครั้งก่อนกินข้าวกับหลินเยวียน ซุนเย่าหั่วพอจะจับจุดของหลินเยวียนได้แล้ว
เจียงขุยรีบเปลี่ยนคำพูดทันที “ใช่ ฉันไม่เอาส่วนแบ่งได้ค่ะ!”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หลินเยวียนก็วางใจแล้ว
เขาเองก็ไม่ใช่คนที่ได้คืบจะเอาศอก ไม่มีทางโลภมากถึงขนาดนั้นจริงๆ “งั้นพวกเราอิงตามเกณฑ์ส่วนแบ่งเดิมก็แล้วกัน ผมมีเพลงหนึ่งอยู่ เหมาะกับคุณมาก”
เพลงที่หลินเยวียนพูดถึงก็คือ ‘ลูกโป่ง’
เพลงนี้ต้องใช้ผู้หญิงซึ่งความจุปอดสูงมากมาร้อง ความจุปอดของเจียงขุยก็มากพอ นับเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
ส่วนกฎเดิม ก็คือนักร้องได้ส่วนแบ่ง 0.5 ส่วน
เจียงขุยมีหรือจะไม่ยินดี?
ความจริงแล้วเธอก็เหมือนกับซุนเย่าหั่ว ต่อให้ไม่ได้เงินก็รับ ดังนั้นเธอจึงพยักหน้ารัวด้วยกลัวว่าหลินเยวียนจะเปลี่ยนใจ “ได้ค่ะ ได้เลย!”
พูดจบ
เจียงขุยก็เหลือบมองซุนเย่าหั่วด้วยความรู้สึกขอบคุณ เธอไม่รู้เลยว่าที่แท้อาจารย์หลินเยวียนกำลังขบคิดปัญหาเรื่องส่วนแบ่ง
ได้ผลจริงด้วย!
ซุนเย่าหั่วก็เพียงจะลองเตือนสติเจียงขุยดูเท่านั้น นึกไม่ถึงว่ารุ่นน้องจะชอบวิธีนี้จริงๆ นั่นทำให้เขาตระหนักได้ว่าตนก็คล้ายกับจะมีความหวังเหมือนกัน!
……
วันต่อมา หลินเยวียนส่งต้นฉบับของเดือนหน้าเข้าอีเมลของหยางเฟิง ถึงยังไงระบบก็แบ่งเล่มมาให้แต่แรกแล้ว
ตอนนี้ก็เป็นช่วงปลายเดือนแล้ว
สถานศึกษาทั่วประเทศล้วนย่างเข้าสู่ช่วงปิดเทอมฤดูหนาว
นักศึกษาของวิทยาลัยศิลปะฉินโจวต่างคนต่างเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้านพรุ่งนี้
หลินเยวียนก็อยากกลับบ้าน
ดังนั้นหนึ่งวันก่อนปิดเทอมฤดูหนาว เขาจึงไปที่บริษัทเพื่อลาหยุดกับเหล่าโจว
เพราะว่าตามสัญญาแล้ว ยามที่เขาไม่มีเรียน ก็ต้องเข้าบริษัทมาทำงาน ถ้าไม่ทำงานจะถือว่าโดดงานและจะถูกหักเงินเดือน
เมื่อลาหยุดแล้วก็หมดปัญหา
เข้าไปในห้องทำงานของหัวหน้าแผนกประพันธ์เพลงที่ชั้นสิบ หลินเยวียนก็พบว่าในนั้นว่างเปล่า จึงไปถามอู๋หย่งซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานว่าเหล่าโจวอยู่ที่ไหน
อู๋หย่งกล่าว “ปกติแล้วหัวหน้าจะทำงานที่ออฟฟิศชั้นยี่สิบสอง นายจะทำอะไรล่ะ”
หลินเยวียนตอบ “ลาหยุดครับ”
อู๋หย่งส่ายหน้า “ฉันขอแนะนำให้นายเลิกคิดไปเถอะ ปกติแล้วลาหยุดน่ะไม่ยากหรอก แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ก่อนช่วงหยุดประจำปี จะมีคนไปลาหยุดกับเหล่าโจวเยอะแยะเลย แต่กลับถูกเหล่าโจวบ่นยับ ยังไงปีใหม่ก็จะเริ่มแล้ว นักร้องหลายคนก็จะปล่อยเพลง เป็นช่วงที่แผนกประพันธ์เพลงกำลังงานยุ่งเลยล่ะ”
“ผมจะลองดู”
หลินเยวียนพูดจบก็ขึ้นลิฟต์ไปยังห้องทำงานหัวหน้าที่ชั้น 22
“…”
อู๋หย่งเห็นว่าโน้มน้าวไม่ได้ผล ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก รอให้หลินเยวียนถูกปฏิเสธกลับมาก็รู้เองว่าการลาหยุดก่อนช่วงวันหยุดประจำปีนั้นยากเย็นแสนเข็ญขนาดไหน
เข้าไปในชั้นยี่สิบสอง
ทันทีที่หลินเยวียนเดินไปถึงประตูห้องทำงานของเหล่าโจว ก็ได้ยินเหล่าโจวกำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยง “ลาหยุด? ไม่ได้! อย่าคิดว่านายเป็นนักแต่งเพลงระดับสูงแล้วฉันจะตามใจนายนะ! แผนกศิลปินมีนักร้องที่เตรียมปล่อยเพลงใหม่หลังตรุษจีนตั้งเท่าไหร่นายก็รู้ดี ในเวลาแบบนี้นายไม่ต้องคิดจะหาเวลาว่างเลย! ที่จริงจะลาหยุดมันก็ได้ แต่นักแต่งเพลงทุกคนในแผนกประพันธ์เพลงถ้าอยากลาหยุด ก็ต้องส่งเพลงดีๆ มาให้ฉันก่อน!”
“ก็ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”
พี่ชายคนที่ถูกเหล่าโจวต่อว่าเดินออกมาจากห้องทำงานด้วยสภาพหดหู่
ในตอนนั้นเหล่าโจวสังเกตเห็นหลินเยวียนที่หน้าประตู ไม่อยากดูดุดันเกินไป จึงเค้นรอยยิ้มออกมา “หลินเยวียน นายมาหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ”
หลินเยวียนตอบ “ลาหยุดครับ”
เหล่าโจว “…”
รอยยิ้มของเขาค่อยๆ เลือนหายไป
นายไม่เห็นเหรอว่าเจ้านั่นที่มาลาหยุดเมื่อกี้เพิ่งจะถูกฉันสาปส่งไป?
เขากระแอมครั้งหนึ่ง ไม่อยากดูน่ากลัว แต่น้ำเสียงยังคงแข็งกระด้าง “ตอนนี้นายน่าจะปิดเทอมหน้าหนาวอยู่ใช่มั้ย ตามสัญญาแล้วปิดเทอมหน้าหนาวนายก็ยังต้องมาทำงาน”
“อื้ม”
หลินเยวียนหวนนึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของเหล่าโจว “ถ้าส่งเพลงแล้วก็ลาหยุดได้ใช่มั้ยครับ”
เหล่าโจวแทบสะอึก “ถึงจะพูดแบบนั้น แต่คุณภาพของเพลงที่นายส่งต้องผ่านก่อนถึงจะได้ หลังตรุษจีนพวกนักร้องก็จะมีออเดอร์มา นักร้องเบอร์ใหญ่บางคนถึงกับมีแผนปล่อยอัลบั้ม สำหรับแผนกประพันธ์เพลงของเราแล้วดีมานด์เพลงนั้นเยอะมาก…”
“เพลงนี้ได้มั้ยครับ”
หลินเยวียนหยิบโทรศัพท์ออกมา ส่งเพลงลูกโป่งต่อหน้าเหล่าโจว
“เพลงใหม่?”
เหล่าโจวจ้องมองหลินเยวียน
หลินเยวียนพยักหน้า “เพลงใหม่ฮะ”
เหล่าโจวไม่ได้พูดอะไรมาก หยิบหูฟังขึ้นมาฟังทันที
หลังจากฟังจบ ต่างคนต่างมองหน้ากัน
เพลงใหม่ของหลินเยวียนคุณภาพไม่เลว ถึงแม้จะเทียบกับพวกปลายักษ์ไม่ได้ แต่ระดับของความติดหูก็ไม่มีปัญหา
ทว่าหลินเยวียนจะไม่ผลิตผลงานเร็วไปหน่อยเหรอเนี่ย
ก่อนหน้านี้ตนยังคิดเสียอีกว่าหลินเยวียนเค้นสมองจนหมดแล้ว ไม่คิดว่าจะเขียนเพลงใหม่ที่ฟังแล้วใช้ได้ออกมาอีก
หลินเยวียนถาม “ลาหยุดได้แล้วใช่มั้ยครับ”
เหล่าโจวพยักหน้าหงึกๆ เหมือนเครื่องจักรกล “ดะ…ได้…เพลงนี้นายคิดว่าจะให้ใครร้อง”
หลินเยวียนคิดมาในใจแล้ว “เจียงขุย”
เจียงขุย?
เหล่าโจวครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ย “เจียงขุยมีแผนจะออกเพลงใหม่ แล้วก็กำลังอยู่ระหว่างการเลือกเพลง เพลงลูกโป่งนี้เหมาะมาก เจียงขุยน่าจะไม่ปฏิเสธ”
“อื้ม”
หลินเยวียนพูด “งั้นผมไปได้หรือยังครับ”
เหล่าโจวจนปัญญากับหลินเยวียน ทำได้เพียงยิ้มขื่น “ได้ นายไปเถอะ ถึงยังไงนายก็ส่งงานก่อนสิ้นปีมาเรียบร้อยแล้ว”
เขาไม่เจอปัญหาของเพลงลูกโป่งเลย
หลินเยวียนพยักหน้า กลับไปยังชั้นสิบ อู๋หย่งเห็นว่าหลินเยวียนกลับมา จึงหยอกว่า “เป็นยังไง ฉันบอกแล้วใช่มั้ยล่ะ เวลาแบบนี้น่ะ หัวหน้าไม่มีทางให้หยุด”
“ลาได้แล้วครับ”
หลินเยวียนพูดพลางเก็บข้าวของของตัวเอง
อู๋หย่งอึ้งงันไปหลายวินาที จู่ๆ ก็ดีอกดีใจขึ้นมายกใหญ่ “ปีนี้หัวหน้าพูดง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ เหอะๆ งั้นฉันจะไปลาหยุดบ้าง!”
“อื้ม”
หลินเยวียนกลับไปเก็บของที่โต๊ะ
เมื่อเก็บของเสร็จแล้ว กำลังจะออกไป ก็เจอกับอู๋หย่งที่เพิ่งกลับมา หลินเยวียนเลยถามไปด้วยความเป็นห่วง “ลาได้แล้วใช่มั้ยครับ”
“…”
อู๋หย่งมองหลินเยวียนอย่างขุ่นเคือง “ฉันโดนหัวหน้าด่ามา ทำไมนายไม่บอกแต่แรกล่ะว่านายส่งเพลงใหม่ไปแลกวันหยุด”
“ใช่ครับ”
หลินเยวียนพูดอย่างเป็นปกติ “พี่ก็ส่งเพลงใหม่ไปแลกก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอครับ”
อู๋หย่งรู้สึกเดือดดาล “ทำไมนายถึงคิดว่าฉันจะมีเพลงที่เอาไปแลกวันหยุดได้”
หลินเยวียนขบคิดชั่วครู่ ก่อนจะตอบ “ผมทำได้ พี่ก็ทำได้”
พูดไป หลินเยวียนก็สะพายกระเป๋าเป้ใบเล็กขึ้นหลัง เดินออกไปอย่างมีความสุข
อู๋หย่งยืนตะลึงงันมองไล่หลังหลินเยวียน หวนนึกถึงน้ำเสียงสบายๆ ของหลินเยวียน ในยามนั้นก็พลันนึกสงสัยในตัวเอง
เขียนเพลงใหม่ที่คุณภาพดีออกมามันง่ายขนาดนั้นจริงๆ เหรอ?
…………………………………………..