ตอนที่ 54 ตอนนี้ฉันประกาศสงครามเย็นกับเขาเพียงฝ่ายเดียว

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 54 ตอนนี้ฉันประกาศสงครามเย็นกับเขาเพียงฝ่ายเดียว

ตอนที่ 54 ตอนนี้ฉันประกาศสงครามเย็นกับเขาเพียงฝ่ายเดียว

“คราวนี้เราไปเก็บวัสดุก่อสร้างและพบว่าคนที่เราติดต่อด้วยนั้นมีความผิดปกตินิดหน่อย จากนั้นได้พบว่าคนผู้นี้จะกลายสภาพเป็นวิญญาณในเวลากลางคืน และในเวลากลางวันเขาจะเข้าร่างของคนอื่น ใช้ร่างกายของคนอื่นทําสิ่งเลวร้ายเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เมื่อผมฆ่าเขาก็ได้รับพลังของเขามาซึ่งเป็นเหตุผลที่คุณคิดว่าผมเป็นเหมือนผี”

“แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะในอีกไม่กี่วันผลข้างเคียงนี้จะหายไป”

ซูเถากลืนน้ำลายอึกใหญ่ “คุณพูดดูเหมือนง่ายมาก แต่ฉันคิดว่ากว่าจะฆ่าคนคนนี้ได้คงไม่ใช่เรื่องง่ายใช่ไหม สภาพวิญญาณเร่ร่อน…ไม่ง่ายเลยที่จะมองเห็นและสัมผัส ทั้งยังสามารถทิ้งร่างกายได้ตลอดเวลา”

สือจื่อจิ้นเงียบไปครู่หนึ่ง “ใช่ เสี่ยวเจี่ยนอยู่ข้างหลังเขา เขาสิงร่างของเสี่ยวเจี่ยนและทำร้ายตัวเองต่อหน้าผม”

สวรรค์!

ซูเถาไม่กล้าพูดเรื่องนี้อีก

ทั้งสองเงียบลงพร้อมกัน และได้ยินเพียงเสียงลมที่พัดเบา ๆ ภายใต้แสงจันทร์สลัว หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ซูเถาถามขึ้นว่า “แล้วภารกิจต่อไปของคุณ คุณจะออกเดินทางเมื่อไหร่”

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้สือจื่อจิ้นก็อดไม่ได้ที่จะกุมขมับ “หนึ่งเดือนหลังจากนี้”

ซูเถาขยับตัวไปด้านข้างของเขามากขึ้น แล้วโน้มกายเข้าหาชายหนุ่ม

“ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณหน่อยน่ะ คุณพาฉันไปด้วยได้ไหม”

สือจื่อจิ้นหันขวับไปมองหญิงสาวข้างกาย

“คุณว่างเกินไปเหรอ? คุณเบื่อเถาหยางและตงหยางแล้วเหรอ? ถึงอยากจะออกไปเที่ยวเล่น?”

ซูเถาเตะเก้าอี้ของอีกฝ่าย

“คุณอย่ามาขัดฉันได้ไหม? เห็นฉันเป็นคนขี้เกียจขนาดนั้นเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องสำคัญ จริง ๆ ฉันก็คงไม่อยากก้าวออกจากเถาหยางไปแม้แต่ครึ่งก้าว”

แม้พูดจบแล้วเธอก็ยังอยากจะเตะเขาอีกสักครั้งหนึ่ง รู้สึกว่าเขาไม่จริงใจเอาเสียเลย

สือจื่อจิ้นคว้าข้อเท้าของเธอ “อย่าขยับเท้านะ ด้านนี้เป็นสระว่ายน้ำ ถ้าคุณเตะผมลงไป ผมก็จะดึงคุณลงกับไปด้วย”

ซูเถารู้สึกเพียงว่าข้อเท้าของเธอราวกับถูกเหล็กล็อกไว้แน่น จนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย เธอพยายามลุกขึ้นอย่างดื้อรั้น เท้าอีกข้างหนึ่งสลัดรองเท้าออกและเตะเข้าที่แขนของเขา

แต่กลอุบายนี้ไม่เพียงพอสําหรับสือจื่อจิ้น เขาจับสองเท้าของเธอด้วยมือข้างเดียว ซูเถากรีดร้องอย่างตกใจรีบโอบรอบเขาไว้ เพราะกลัวว่าตัวเองจะล้มลง

“คุณไม่ให้ไปก็ไม่ให้ไปสิ นี่คุณจะมารังแกคนอื่นทำไม?”

“ถ้าอย่างนั้นคุณบอกผมมา ว่าคุณจะไปทําไม? ข้างนอกมันอันตราย และตอนนี้ไม่เพียงอันตรายจากซอมบี้ที่วิวัฒนาการ แต่ยังรวมถึงอันตรายจากความร้อนแห้ง และการขาดแคลนน้ำที่เกิดจากฤดูร้อนที่มาเร็วด้วย”

ซูเถามองเขาอย่างจริงจัง “ฉันไม่สามารถอธิบายได้ว่าฉันจะไปทำอะไร แต่ฉันต้องไป มันสําคัญมากสําหรับฉัน”

“ผมต้องพิจารณาเรื่องนี้ก่อน เพราะถ้าผมพาคุณออกไป คุณจะเป็นคนของผม ความปลอดภัยของคุณ ผมต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”

เฉินเทียนเจียวออกมาประจวบเหมาะ และบังเอิญได้ยินประโยคที่ว่า ‘คุณเป็นคนของผม’

ซึ่งเขาเห็นคนสองคนกอดกันอยู่ไม่ไกลนักจึงรู้สึกตกใจ เขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินทันทีและหันไปรอบ ๆ แขนโอบรอบคอของตั่งซิ่งเหยียน พลางห้ามไม่ให้เขามองย้อนกลับไป และพูดว่า

“พี่ตั่ง พี่อายุมากกว่ากัปตันของเราเสียอีก พี่ต้องพิจารณาปัญหาของตัวเองหน่อยแล้วนะ…”

ตั่งซิ่งเหยียนรู้สึกงุนงง?

……

ซูเถากระชับแขนที่โอบรอบคออีกฝ่าย และไม่ยอมปล่อยมือ “คุณต้องพาฉันไปด้วย ถ้าคุณพาฉันไปจะมีประโยชน์มากนะ เถาหยางมีฉันคอยนำพาทำให้มีอาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ สามารถราบรื่นไปได้ตลอดทาง”

สือจื่อจิ้นดึงแขนของเธอ “ถ้าอย่างนั้นคุณก็คํานวณผิดแล้ว เพราะเราสามารถไปได้ตลอดทางโดยไม่ต้องกินหรือดื่มเลย”

ซูเถากอดเขาแน่นขึ้น และเริ่มอ้างหลักศีลธรรม

“คุณไม่คิดถึงพี่น้องของคุณหน่อยเหรอ คุณไม่รู้สึกทุกข์ใจที่เขาต้องขึ้นเขาลงห้วยและไม่อาหารการกินที่ดีไปกับคุณเหรอ?”

สือจื่อจิ้นเริ่มหักนิ้วของเธอ “ไม่ทุกข์ใจ พวกเขาหนังหนา”

ซูเถาใช้เท้าทั้งสองข้างเกาะเขาไว้เหมือนหมีโคอาลา

“พลตรีสือคุณเปลี่ยนไปแล้ว คุณเคยมีน้ำใจกับลูกน้องมาก พรุ่งนี้ฉันจะฟ้องเฉินเหล่าเอ้อร์ เพื่อยุยงให้คุณกับเขาไม่ลงรอยกัน”

ลมหายใจของหญิงสาวรดลงเต็มจมูกของสือจื่อจิ้น ใบหน้าเขาชาไปหมด จนเขาต้องยื่นคำขาด

“ถ้าคุณยังไม่ปล่อยมือ ก็เตรียมตกน้ำได้เลย”

“คุณสัญญากับฉันก่อน แล้วฉันจะปล่อยมือ”

อีกนัยคือ เธอจะพาเขาลงน้ำไปด้วยกัน

ยี่สิบนาทีต่อมา

จวงหว่านเช็ดผมเปียกของซูเถาและถามอย่างงงงวย

“อยู่ ๆ ทำไมถึงลงน้ำไปทั้งชุดแบบนี้ได้ และยังลงไปกับพลตรีสืออีก”

ซูเถาตอบเพียงว่า “ตอนนี้ฉันประกาศสงครามเย็นกับเขาเพียงฝ่ายเดียวแล้ว และอย่าพูดถึงเขากับฉันอีก ก่อนที่ฉันจะสร้างสันติภาพ”

จวงหว่านตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้แล้วหัวเราะออกมาทันที

“พลตรีสือไม่ได้ตกลงว่าจะพาคุณไปใช่ไหม ฉันบอกแล้วว่าเขาต้องไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน เขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมาก ถ้าเขาพาคุณออกไป ในกรณีที่เกิดอะไรขึ้น เขาจะโทษตัวเองไปตลอดชีวิต”

ซูเถาล้มตัวลงบนเตียงพร้อมกับถอนหายใจ ถ้าเธอสามารถไปด้วยตัวเองได้ เธอจะไปด้วยตัวเองเลย แต่เธอไม่มีทักษะอะไรเลย หนึ่งคือไม่รู้เส้นทาง สองคือไม่สามารถเผชิญกับความยากลําบากได้ เมื่อวาร์ปกลับมาที่เถาหยาง เธอก็ต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น

คนเดียวที่สามารถพาเธอไปทําภารกิจได้คือสือจื่อจิ้นจริง ๆ

ยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือนที่เธอจะโน้มน้าวอีกฝ่ายได้ แต่ตอนนี้สงครามเย็นของเธอได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และจะไม่จบลงง่ายๆ

งั้นขอลองต่อสู้อย่างเย็นชาสักสองสามวันก่อน หึ

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เฉินเทียนเจียวไปรับแม่ของเขามาที่เถาหยาง หญิงชราอายุเกือบ 60 ปี แต่เธอมีสุขภาพจิตที่ดีมาก สะพายกระเป๋าใบใหญ่ใบเล็กแล้วเดินเหมือนบินได้

เมื่อเห็นซูเถาก็ยิ้มตาหยี “สาวสวยคนนี้รูปโฉมงดงาม อายุเท่าไหร่แล้วจ๊ะ”

เฉินเทียนเจียวรีบแนะนํา “แม่ครับ เธอเป็นเถ้าแก่ของเถาหยาง เถ้าแก่ซูครับ”

สายตาของหญิงชราไม่ค่อยดีนัก เธอจึงขยับเข้าไปหาซูเถาใกล้ ๆ

“อ้าว! ยังดูเด็กอยู่เลย ดี ๆ เธอแต่งงานรึยัง? ปีนี้เทียนเจียวของเราอายุยี่สิบสี่ปี เธอว่าเขาเป็นยังไง เขาพอจะเข้าตาเธอบ้างไหม”

เฉินเทียนเจียวตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เขามองไปที่พี่ใหญ่ของตนเองโดยไม่รู้ตัว ฝ่ามือฝ่าเท้าเย็นไปหมด

“แม่! แม่! แม่เข้าใจผิดแล้ว เถ้าแก่ซูมีคนรู้ใจแล้ว แม่อย่าไปยุ่มย่ามกับเธอนะ”

ซูเถา?

เธอมีอะไร?

หญิงชราเอ่ย “โอ้เอ้” สองคำ และก็ตบหลังของเฉินเทียนเจียวเบา ๆ

“คนไม่เอาการเอางาน ผู้หญิงดี ๆ ย่อมไม่สนใจเธอ”

ตั่งซิ่งเหยียนที่โดนเยาะเย้ยเรื่องโสดเมื่อวานนี้ ยืนย่ามใจอยู่ข้าง ๆ

จวงหว่านพาเธอไปลงทะเบียนตามขั้นตอน แต่ยังไม่ทันถึงห้องใหม่ หญิงชราก็อุทานเมื่อเห็นทางเดินที่สะอาดสะอ้าน

“ที่นี่สะอาดจริง ๆ ฉันไม่ได้เห็นทางเดินที่สะอาดเช่นนี้มาหลายปีแล้ว อาคารที่ฉันอาศัยอยู่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเรียกว่าสกปรกมาก ไหนจะยังมีคนมาฉี่ทิ้งไว้อีก ที่นี่ใช้มือเช็ดถูทุกวันใช่ไหม ไม่มีคราบความสกปรกเลย มีแม่บ้านใช่หรือเปล่า?”

จวงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ แม่บ้านของเราที่ทําความสะอาดที่นี่ชื่อป้าฉี ที่ทางเข้าของอาคารมีข้อมูลการติดต่อของเธอ หากคุณพบว่ามีตรงไหนในพื้นที่สาธารณะที่ต้องทําความสะอาด คุณสามารถติดต่อเธอได้”

หญิงชราถอนหายใจ “พวกคุณดีจริง ๆ ลูกเฉินพาฉันมาอยู่ที่ที่ดีจริง ๆ”

เฉินเทียนเจียวถึงค่อยรู้สึกมีตัวตนขึ้นมาหน่อย และเอ่ยกล่อมให้แม่ของเขามีความสุข “ข้างนอกยังมีศาลาตรงระเบียงอีกนะ มีพี่ป้าน้าอาพักอยู่หลายคน ว่าง ๆ ก็ไปทำความรู้จักกัน พูดคุยกันตามอัธยาศัย”

ทันใดนั้นหญิงชราก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา “ยายแก่เพื่อนสนิทของฉันจากไป ไม่อย่างนั้นคงได้มาอยู่ด้วยกันกับฉันแล้ว ได้เพลิดเพลินกับความสุขนี้ด้วยกัน”

เมื่อเข้าไปในบ้าน หญิงชราเห็นเพียงแวบแรก

“ปัง” สะบัดมือของเฉินเทียนเจียวที่พยุงอยู่ออกไป และวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ลูบมือแตะเตาที่สะอาดเอี่ยม ตู้ใหม่และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กด้วยดวงตาแดงก่ำ