ตอนที่ 74 ข่าวจากตระกูลสโตร์ก

My Death Flags Show No Sign of Ending

สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ภายใต้ผืนดินที่ซึ่งแสงจากโลกภายนอกไม่สามารถส่องถึงได้ ณ ที่แห่งนี้มีเพียงแหล่งกำเนิดแสงสลัวๆที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้แสงสว่างแก่สถานที่แห่งนี้

แต่ทว่า จุดประสงค์จริงๆของสิ่งๆนั้นกลับไม่ใช่ทำหน้าที่เพื่อกำเนิดแสงแต่อย่างใด แต่มันเป็นเพิ่งแท่งแก้วที่บรรจุสารละลายอะไรบางอย่างที่เปล่งแสงสลัวๆออกมาภายในตัวมันเอง พวกมันตั้งเรียงรายเป็นแถวแนวยาว และภายในนั้นส่วนใหญ่กลับ– 

 

–มีร่างกายของมนุษย์อยู่ภายในนั้น

 

ร่างเหล่านั้นไม่มีจุดร่วมที่เหมือนๆกันแต่อย่างใดไม่ว่าเพศหรืออายุ แต่สิ่งที่เหมือนๆกันคือร่างเหล่านั้นต่างเปลือยปล่าวและไร้การขยับแต่อย่างใด และมีอีก 1คุณสมบัติที่หากดูจากภายนอกอาจไม่สามารถบอกได้ นั้นก็คือร่างเหล่านั้นทั้งหมดเป็นคนจากเผ่าสเตลล่า ผู้อ่านดารา

มีเสียงดาบปะทะกันดังกึกก้องขึ้นตัดผ่านบรรยากาศที่น่าขนลุกเช่นนี้ แสงไฟจากเหล็กที่ปะทะกันสว่างขึ้นเป็นระยะๆ ทุกๆครั้งทีอาวุธถูกเหวี่ยง ดาบจะสะท้อนแสงอะไรบางอย่างสีซีดๆออกมา

แหล่งที่มาของแสงและเสียงเหล่านั้นเกิดจากอาวุธในมือของชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังปะทะกัน

ร่างของเด็กหนุ่มนั้น เขามีผมสีม่วง ในมือของเขากำลังถือหอกเล่มยาวอยู่ หากมองจากขนาดของมัน มันไม่น่าเป็นไปได้ แต่เด็กหนุ่มคนนั้นกับกวัดแกว่งมันได้อย่างอิสระ ซึ่งแม้ผู้ใหญ่ก็อาจไม่สามารถทำแบบนี้ได้แม้ว่าจะคำนึงของน้ำหนักและแรงเหวี่ยงแล้วก็ตาม

ส่วนอาวุธที่หญิงสาวกำลังถืออยู่เป็นดาบสั้นแบบกลับด้าน แน่นอนว่าระยะโจมตีนั้นสั้นกว่าหอกเป็นอย่างมาก แถมลักษณะของมันกลับโค้งเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ระยะโจมตียิ่งเสียเปรียบเข้าไปอีก แต่ทว่าแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ แต่ดาบดาบสั้นในมือทั้ง 2 ของเธอกลับเป็นฝ่ายรุกไล่เด็กหนุ่มเสียเอง

อย่างไรก็ตาม ตรงกันข้ามกับการต่อสู้ที่ดุเดือดนั้น ใบหน้าของทั้งคู่กับมีสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ พวกเขาทั้งคู่ไม่มีความกลัวแม้กระทั้งความเจ็บปวดหรือความตาย ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆที่แสดงออกถึงความต้องการที่จะสังหารอีกฝ่าย ทั้งคู่ดูสงบมากจนการต่อสู้ที่ดุเดือดเช่นนี้ดูราวกับเป็นงานง่ายๆชิ้นหนึ่งที่พวกเขาทั้งคู่ต้องทำเป็นประจำ

และคนที่เฝ้าดูการต่อสู้ของทั้งคู่นั้นคือ เจ้าของสถานที่แห่งนี้

ยูสทัส ฟรอยด์

เมื่อได้รับสัญญาณอะไรบางอย่างจากยูสทัสหลังจากที่การปะทะกันเกิดขึ้นมาสักระยะ พวกเขาทั้งคู่ก็หยุดการกระทำทั้งหมดลงราวกับหุ่นยนต์ที่ที่ได้รับคำสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่

 

[ ….. ยังคงธรรมดาเกินไป ทักษะการต่อสู้ของพวกเขายังต้องพัฒนาอีกมาก แม้ว่า …] – ยูสทัส

 

ยูสทัสยังไม่อยากที่จะเพิ่มขีดความสามารถของพวกเขาให้มากยิ่งขึ้นไปกว่านี้ เขาไม่ต้องการที่จะให้ “ร่าง” ที่อยู่เขาครอบครองอยู่ในมือลดลงไปกว่านี้ แม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาจะยังไม่ถึงระดับที่เพียงพอจะเริ่มแผนการณ์ แต่จะให้ไปหาวัตถุดิบอย่างชนเผ่าสเตลล่าในตอนนี้เพิ่มมันก็มีแต่จะเสียเวลา แต่ช่างโชคดีที่มีใครคนหนึ่งที่เหมาะสมจะให้ไปสนับสนุน 2 คนนี้อยู่พอดี และยูสทัสเองยังมองว่าหาก ให้ 2 คนนี้อยู่ภายใต้การสั่งการของใครสักคน คงเหมาะสมกว่าเช่นกัน

เมื่อสรุปได้เช่นนั้น ยูสทัสจึงจะมุ่งความสนใจของตนไปยังงานวิจัยของเขาที่กำลังพัฒนาอยู่และมอนอำนาจการตัดสินใจของเขาให้กับ “ชายคนนั้น” ผู้ที่ได้รับความไว้วางใจระดับหนึ่งจากยูสทัส และหากไม่มีอะไรผิดพลาดยูสทัสก็หวังว่าชายคนนั้นจะปฎิบัติงานอย่างที่เขานั้นคาดหวังเอาไว้

ในที่สุด ช่วงเวลาที่ยูสทัสโหยหาก็ได้มาถึง หลังจากต้องอยู่ภายใต้ความมืดมิดมานับสิบๆปี ในที่สุด เขาก็ได้มาถึงจุดที่สามารถเริ่มต้นความปรารถนาอันยาวนานของเขาเป็นจริงได้ 

มันเป็นเสียงหัวเราะที่หลุดออกมาจากปากของยูสทัสที่ดูเป็นธรรมชาติ

 

[ ฮี่ๆๆๆ ในที่สุด อีกนิดเดียว … อีกก้าวเดียวเท่านั้น ผมก็จะได้พบกับคุณแล้ว .. รอผมอีกนิดนะ ] – ยูสทัส

 

ยูสทัสมองไปยังพื้นที่ว่างปล่าวด้วยสีหน้าเบิกบานใจ และน้ำเสียงของเขาห่างไกลกับความว่าปกติ แม้ว่ามันจะดูสงบแต่ก็เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง

ในที่สุดความสิ้นหวังที่จะเริ่มต้นทำลายโลกใบนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้น

 

 

——————————-

 

 

ตอนนี้ มีเด็กคนหนึ่งอยู่ตรงหน้าของฮาโรลด์ ซึ่งเอาจริงๆ คงจะเรียกว่าเด็กทารกที่พึ่งเกิดคงจะถูกต้องมากกว่า แน่นอนว่าไม่ใช่ลูกของฮาโรลด์แต่อย่างใด เด็กคนนี้ชื่อว่า ฮิวอี้ เป็นน้องชายต่างมารดาของฮาโรลด์

ฮาโรลด์พึ่งจะรับรู้ว่าเขามีน้องชายต่างแม่ของเขาชื่อว่าฮิวอี้หลังจากกลับจากงานเฉลิมฉลองการหมั้นหมายของอิสุกิกับซิววี่แห่งตระกูลเบอร์ลิออสไม่นานนัก ข่าวนี่ที่ส่งมาพร้อมจดหมายที่ถูกเขียนโดยพ่อของเขาเพื่อที่จะโน้วน้าวให้เขาคิดใหม่เกี่ยวกับเรื่องการยกเลิกการหมั้นกับเอริกะและ “น้องชายของลูกพึ่งจะคลอด ดังนั้นหาเวลาแวะเข้ามาเยี่ยมน้องสักครั้งนะ”

เมื่ออ่านจดหมายจนจบ ฮาโรลด์ได้แต่ชื่นชมในตัวของพ่อของตนที่แม้จะอายุ 50 กว่าเข้าไปแล้วแต่ยังคงแข็งแรงหาเมียเพิ่มได้ แต่ว่าเมื่อพิจารณาดูดีๆ ซึ่งตัวของฮาโรลด์ที่ควรจะทำหน้าที่ทายาทของตระกูลสโตร์ก กลับมีชื่อเสียงไม่ดีเลื่องลือไปทั่ว และละทิ้งการหมั้นหมายอย่างเห็นแก่ตัว ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ บิดาจะหาลูกชายอีกคนเพื่อเป็นหลักประกันเผื่อเอาไว้

แม้ว่าจะมีไม่เยอะนัก แต่ว่าในอาณาจักรก็อนุญาตให้เหล่าขุ่นนางสามารถมีภรรยาหลายคนได้ และภรรยาของพ่อของเขา เจสสิก้า ที่มีอายุ 40 กว่าเข้าไปแล้ว หากคิดถึงความปลอดภัยของตัวมารดาและเด็ก มันคงจะดีกว่าที่จะให้กำเนิดบุตรชายจากภรรยาคนที่ 2

หากโยนเรื่องน้องชายออกไปก่อน และฮาโรลด์กลับไปยังคฤหาสน์ในตอนนี้ เขาเชื่อว่าคงโดนเฮย์เดน พ่อของเขากล่อมเรื่องการหมั้นหมายไม่หยุดแน่ ถึงกระนั้นหากพวกเขาสามารถเอาตัวรอดจนจบเรื่องราวไปได้ ถึงตอนนั้น ตระกูลสโตร์กจะยังมีอยู่รึปล่าวก็ไม่อาจรู้ได้

แม้ว่าบางส่วนของโลกใบนี้จะแตกต่างจากภายในเกมส์ แต่โดยพื่นฐานแล้วมันยังคงคล้ายคลึงกับโลกของเกมส์ “Brave Hearts” เป็นอย่างมาก แม้ว่าการเพาะปลูกแบบ LP จะสามารถสร้างรายได้ให้กับตระกูลสโตร์กได้บ้าง แต่ว่าก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงแนวคิดของครอบครัวที่เป็นพวกเลือดบริสุทธิ์ ซึ่งนำไปสู่การกดขี่ประชาชนของพวกเขา ไม่ว่าฮาโรลด์จะคิดอย่างไร มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่ตระกูลสโตร์กจะล่มสลายในท้ายที่สุด

ดังนั้น หากตัวของฮาโรลด์สามารถเอาชีวิตรอดจนจบเรื่องราวของเกมส์ลงได้แต่ว่ายังไม่สามารถหาทางกลับโลกเดิมได้ ฮาโรลด์ก็คิดที่จะออกจากตระกูลและทิ้งชื่อของฮาโรลด์ สโตร์กไว้เบื้องหลัง ซึ่งถือว่าโชคดีที่เขาค่อนข้างแข็งแกร่ง มันคนไม่ยากเท่าไหร่ที่จะหาเลี้ยงชีพต่อไปในฐานะนักผจญภัยหรือทหารรับจ้าง

ดังนั้น ตัวของฮาโรลด์จึงไม่กล้าที่จะกลับไปที่คฤหาสน์เพราะมันจะยิ่งทำให้เรื่องราวยิ่งยุ่งยาก แต่อย่างน้อยฮาโรลด์ก็ยังอยากเห็นหน้าน้องชายของเขาสักครั้ง และในที่สุดฮาโรลด์ก็นึกขึ้นได้และตัวแข็งทื่อไปในทันที

“หากฮาโรลด์ออกจาตระกูลและตระกูลสโตร์กได้ล่มสลายลง จะเกิดอะไรขึ้นกับฮิวอี้ที่ยังคงเป็นทารก ?  น้องชายของเขาจะถูกทิ้งไว้ข้างถนน ?” หรืออย่างเลวร้ายที่สุด น้องชายของเขาจะต้องตาย

เดิมทีในเนื้อเรื่องของเกมส์ ฮาโรลด์ไม่มีน้องชาย หรือเขาอาจจะมีแต่เขาไม่รู้ เพราะภายในเกมส์มันไม่มีอะไรบอกกล่าวว่าตัวของฮาโรลด์นั้นมีน้องชายแต่อย่างใด กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การกระทำของของฮาโรลด์ เป็นเหตุให้ตัวของฮิวอี้ได้ถือกำเนิดมา ซึ่งแตกต่างจากเนื้อเรื่องของภายในเกมส์

จะยังไงก็ช่าง น้องชายของเขาก็คือน้องชายของเขา แม่ว่าจะมาจากต่างมารดา แต่ความรู้สึกของฮาโรลด์บอกเช่นนั้น

หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ฮาโรลด์ก็ได้ไปต่อรองกับยูสทัสและได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับคฤหาสน์ได้ 2-3 วัน ดังนั้น ฮาโรลด์จึงได้กลับมายังคฤหาสน์ของตนหลังจากห่างหายไปกว่า 5 ปีเต็ม และเป็นอย่างที่คาด ฮาโรลด์ถูกพ่อของตนเทศนาอย่างนักนานนับชม.และพยายามที่จะไม่พูดอะไรตอบกลับไปมากนัก จนในที่สุด เขาก็ได้มาพบกับฮิวอี้และอีกด้านของเปลมีผู้หญิงอีกคนกำลังนั่งอยู่ นั้นคือแม่ของฮิวอี้ หรือก็คือภรรยาอีกคนของเฮย์เดน เธอยังคงดูเด็ก อาจจะรุ่นๆเดียวกับยูโนะ ดูเหมือนว่าเฮย์เดนและเธอจะมีความแตกต่างด้านอายุเกือบ 20 ปีได้ เธอได้เข้ามาช่วยเหลือฮาโรลด์ที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดีหลังจากที่ฮิวอี้เริ่มจะงอแง แต่ว่าตั้งแต่การทักทายกันตอนแรก เธอก็เอาแต่เงียบไม่พูดอะไร และดูเหมือนว่าเธอไม่ต้องการที่จะเป็นผู้เริ่มต้นบทสนทนาด้วยตัวของเธอเอง

เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอเป็นกังวล เป็นคนเงียบ หรือเกลียดขี้หน้าฮาโรลด์กันแน่

ฮาโรลด์จึงพยายามพูดคุยกับเธอเพื่อตรวจสอบ

 

[ เธอบอกว่าเธอชื่อ โดโรธี ใช่ไหม ? ] – ฮาโรลด์

[ ค่ะ ] – โดโรธี

[ อายุเท่าไหร่? ] – ฮาโรลด์

[ ดิฉันกำลังจะอายุ 25 ปีเต็มเร็วๆนี้ค่ะ ] – โดโรธี

 

เธออายุเยอะกว่าฮาโรลด์อย่างแน่นอน ดังนั้นมันคงจะเป็นเรื่องปกติหากเธอจะใช้ภาษาที่ผู้ใหญ่ใช้กันแทนที่จะใช้ภาษาที่อ่อนน้อมถ่อมตนแบบนี้กลับเขา ซึ่งฮาโรลด์ก็ไม่แน่ใจว่านี่เป็นเรื่องปกติสำหรับเธอหรือไม่

ในตอนแรก ฮาโรลด์ลำบากใจเป็นอย่างมากเพราะไม่รู้ว่าจะเขาหาโดโรธีด้วยท่าทีแบบไหนดี จากมุมมองของฮาโรลด์ เธอมีตำแหน่งเป็นถึงภรรยาของพ่อของเขา และเธอได้แต่งงานเข้าร่วมตระกูลสโตร์กแล้ว ดังนั้นจึงถือว่าได้เธอเป็นแม่เลี้ยงของเขาด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เจสซิก้า ภรรยาของเฮย์เดน หรือแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นจึงจะถูกต้องมากกว่าหากจะบอกว่าเธอเป็นเพียงภรรยาคนที่ 2 ของพ่อของเขา ซึ่งหากคิดดูจริงๆแล้ว ฮาโรลด์ก็ไม่คุ้นเคยที่จะสนทนากับคนที่อยู่ในตำแหน่งนั้นอย่างไรเช่นกัน ซึ่งความคิดของฮาโรลด์นั้นคล้ายคลึงกับระบบความคิดของคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบัน

 

[ ชั้นไม่อยากจะเชื่อเลยที่เธอจะเลือกมาเป็นภรรยาคนที่ 2ด้วยวัยขนาดนี้ นี่เธอทิ้งครอบครัวของตัวเองมารึปล่าว ? ] – ฮาโรลด์

 

ตรงกันข้ามกับจิตใจของเขาที่ลังเลที่จะกล่าวออกไป ปากของเขากลับพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา และโดโรธีตอบกลับมาโดยไม่มีปัญหาใดๆ

 

[ ปล่าวค่ะ เพราะดิฉันยังโสดและเลยวัยที่จะแต่งงานมาแล้วค่ะ ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหาอะไรค่ะ ] – โดโรธี

 

ตามที่โดโรธีเล่ามา ดูเหมือนว่าเธอจะเคยเป็นขุนนางจากดินแดนห่างไกลมาก่อน แต่ดูเหมือนว่าธุรกิจของตระกูลจะไปไม่รอด พวกเขาจึงขายตำแหน่งขุนนางของตนเพื่อทำให้ใช้ชีวิตต่อกันไปได้โดยที่ไม่ลำบากจนเกินไป แม้ว่าจะผ่านมากว่า 10 ปีแล้วที่ตระกูลของเธอต้องเปลี่ยนจากขุนนางมาเป็นสามัญชนอย่างไม่เต็มใจ แต่ตระกูลของเธอก็ยังไม่สามารถหยุดหยั้งสู่ความตกต่ำลงได้ และในตอนนั้นมีการยื่นข้อเสนอแต่งงานต่อโดโรธี บิดาของโดโรธีก็กระโดดงับข้อเสนอนี่อย่างไม่รอช้า เห็นได้ชัดว่าข้อเสนอดังกล่าวคือการรวมเข้ากับตระกูลสโตร์ก และให้พวกเขาดูแลด้านการเงินเพื่อที่ตระกูลของโดโรธีจะสามารถกู้ตำแหน่งศักดิ์ศรีที่ตระกูลเคยขายทิ้งไปกลับคืนมาได้

โดโรธีต้องกลายมาเป็นภรรยาคนที่ 2 ของเฮย์เดนเพื่อแลกกับความมีน้ำใจที่เข้าช่วยเหลือของเขา กล่าวอีกนัยคือ นี่คือการเสียสละของโดโรธีนั้นเอง

เพราะความชั่วร้ายของเฮย์เดนจึงทำให้เธอต้องตกมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ และฮาโรลด์ ผู้เป็นตนเหตุให้เฮย์เดนต้องหาภรรยาคนที่สอง แน่นอนว่าเขาคงต้องถูกเธอไม่ชอบหน้าเป็นแน่ กล่าวอีกนัยคือเขาเป็นต้นเหตุให้โดโรธีต้องมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ เพราะเรื่องการยกเลิกการหมั้นหมายกับเอริกะ จึงทำเฮย์เดนหาทางออกอื่นไม่ได้นอกเสียจากรับโดโรธีเข้าตระกูล

เมื่อพิจารณาถึงความตั้งใจจริงของเฮย์เดน ที่พยายามจะรักษา “สายเลือดบริสุทธิ์” เอาไว้ และโดโรธี ที่เป็นอดีตขุนนาง วิธีนี้คือตอบโจทย์ทุกปัญหาของเฮย์เดนได้ในที่สุด

แต่ไม่ว่าจะกรณีใดๆ หัวใจของฮาโรลด์ก็ได้แต่เจ็บปวดและอยากจะขอโทษให้แก่ทั้งโดโรธีและฮิวอี้

 

[ ฮึ เอาเถอะ ชั้นไม่สนหรอกว่าเธอจะคิดยังไง ตราบใดที่ไม่มายุ่งกับชั้น จะทำอะไรก็ทำ ] – ฮาโรลด์

 

แม้ว่าเขาอยากที่จะถ่ายทอดความรู้สึกของเขาที่มีต่อ 2 แม่ลูกออกไป แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะพูดออกไปอย่างเหมาะสมได้ อย่างไรก็ตาม ฮาโรลด์กังวลเกี่ยวกับฮิวอี้ ที่จะต้องเติมโตขึ้นมาในตระกูลเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุมมองของเขาที่มีต่อสามัญชน ขณะที่กำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นและมองดูภาพของฮิวอี้ที่กำลังหลับจากทางด้านข้าง ฮาโรลด์ก็เดินออกจากห้องไป

แม้ว่าฮาโรลด์จะยอมจำนนต่อสิ่งล่อใจและมาดูหน้าฮิวอี้จนได้ แต่ก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการพบหน้ากันที่ดีสำหรับด้านอารมณ์ของฮาโรลด์ การเฝ้าดูผู้คนที่ถูกโยนทิ้งไปตามความสะดวกสบายของตระกูลและสภาพแวดล้อมนั้นทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนั้น

และหากตระกูลสโตร์กถึงวันล่มสลาย โดโรธที่แต่งงานเข้าตระกูลนั้นจะต้องกลับไปผ่านความยากลำบากอีกครั้ง เกือบจะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าอนาคตที่รออยู่ของ 2 แม่ลูกนั้นไร้ซึ่งความสุข ซึ่งทั้งหมดเป็นผลมาจากการกระทำของฮาโรลด์

แต่นั้นจะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อฮาโรลด์ยึดมั่นในแผนการณ์และละทิ้งตระกูลสโตร์ก –

 

(ผมควรจะทำยังไงดี ?) – ฮาโรลด์

 

จริงแล้วการล่มสลายของตระกูลสโตร์กไม่จำเป็นอะไรสำหรับฮาโรลด์ เขาคิดว่ามันคงจะดีกว่าหากให้เรื่องราวดำเนินไปแบบอย่างภายในเกมส์ นั้นคือสาเหตุที่ฮาโรลด์คิดที่จะออกจากตระกูล และรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์นี้แต่อย่างใด และสนใจแค่เพียงมันจากลายออกมาเป็นอย่างไรเท่านั้น กล่าวคือ เขาหมกมุ่นที่จะทำให้ตัวเองรอดชีวิตจนจบเรื่องราวมากเกินไปจนไม่เคยคิดเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตระกูลของเขาเลยซักนิด

อย่างไรก็ตาม เพราะฮาโรลด์ได้เปลี่ยนแปลงเรื่องราวดั้งเดิมของมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนสถานการณ์หลายๆอย่างเปลี่ยนแปลงไป การช่วยเหลือโดโรธีและฮิวอี้ไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไรสำหรับเขา ถ้าเขาแค่ทิ้งเรื่องเหล่านี้ให้กลายเป็นปัญหาของคนอื่นซะ เรื่องทุกอย่างก็จบ แต่เขาก็รู้ดีกว่าเขาไม่ใช่คนที่โหดเหี้ยมมากพอที่จะทิ้งผู้คนให้จมอยู่กับอนาคตที่มีความทุกข์ทรมานรออยู่เพียงเพื่อประโยชน์ของตัวเองได้ เขาไม่สามารถเลือกวิธีการนั้นได้แม้ว่ามันจะทำให้เรื่องต่างๆง่ายขึ้นก็ตาม นั้นเพราะเขาอ่อนโยนเกินไป

เหมือนครั้งนั้น 8ปีก่อน วันที่เขาได้ดุด่าเอริกะ เขาต่อว่าเธอว่าความใจดีของเธอทำให้เธอนั้นอ่อนโยนจนเกินไป ทั้งๆที่ตัวเขาเองไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนั้นด้วยซ้ำ

แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าการหักธงการล่มสลายของตระกูลสโตร์กจะส่งผลเสียต่อธงมรณะของฮาโรลด์เสมอไป มันอาจฟังดูไม่มีความรับผิดชอบที่จะพูดแบบนี้ แต่นั้นเป็นอีก 1 เป้าหมายที่ฮาโรลด์มุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จให้จงได้ แต่นั้นการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่วันยังค่ำ แต่อย่างน้อยความพยายามของเขาก็อาจจะสามารถช่วยโดโรธีและฮิวอี้ผ่านพ้นความทุกข์ที่กำลังจะมาเยือน แม้ว่าจะอับจนหนทาง แต่ก็หวังว่าจะทำให้พวกเธอก้าวผ่านพ้นมันไปได้ก็ยังดี

นอกจากนี้ ฮาโรลด์ก็ยังมีความรู้สึกคลุมเคลือกับครอบครัวของเขา แน่นอนว่าฮาโรลด์ไม่ใช่คนประเภทพเลือกปฎิบัติมากนัก แต่เขาก็รู้สึกขอบคุณต่อพ่อแม่ของเขาที่เลี้ยงดูเขามาและไม่เคยทอดทิ้งตัวของเขาแม้ตอนนี้ชื่อเสียงแย่ๆของเขาจะแพร่กระจายไปทั่ว

นั้นทำให้ตอนนี้เขาเชื่อว่า มันคงจะดีกว่าถ้าหากตระกูลสโตร์กสามารถรอดพ้นหายนะไปได้

นั้นแม้ว่านั้นจะกลายเป็นปัญหาใหม่ๆที่เขาจะต้องแบกรับเพิ่ม และยิ่งมีเรื่องให้เขากังวลเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เวลาที่เขาจะคิดวิธีจัดการปัญหาอื่นๆน้อยลงเท่านั้น

วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เขาได้มาถึงคฤหาสน์ของตระกูล ฮาโรลด์ก็ได้รับหมายเรียกด่วนเป็นข้อความที่ถูกส่งมายังเครื่องที่ติดอยู่บนข้อมือของเขา โดยปกติแล้ว ผู้ส่งก็เป็นยูสทัสนั้นแหละ แน่นอนว่าฮาโรลด์ไม่สามารถทำตัวเอ้อระเหยได้ ดังนั้นเขาจึงเดินทางกลับไปยังศูนย์วิจัยในทันทีและลากเท้าไปยังห้องทำงานของยูสทัสอย่างไม่เต็มใจนัก

นั้นเพราะเวลาที่เนื้อเรื่องของเกมส์จะเริ่มต้นขึ้นใกล้เข้ามาทุกที ฮาโรลด์ไม่ต้องการที่จะให้ยูสทัสมอบภารกิจที่กินเวลานานจนเกินไปมากนัก

ขณะคิดเช่นนั้น  ฮาโรลด์ก็เปิดเข้าไปในห้องทำงานของยูสทัสโดยไม่เคาะแต่อย่างใด นั้นเป็นเรื่องที่เขาทำเป็นปกติทุกครั้งที่มายังสถานที่แห่งนี้ และยูสทัสเองก็เคยบอกไว้ว่าการที่จะให้ขานรับทุกครั้งก็เป็นเรื่องยุ่งยากจนเกินไป

ฮาโรลด์ทำใจให้พร้อมสำหรับสิ่งที่กำลังรอคอยเขาอยู่ และเขาก็คิดถูก ที่นั้นไม่ได้มีเพียงแค่ยูสทัส ที่นั้นมีชายหนุ่มและหญิงสาว 2 คนที่ฮาโรลด์ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนยืนอยู่ด้วยเช่นกัน

ชายหนุ่มผู้มีผมสีม่วงดูๆแล้วน่าจะอายุราวๆ 20 ปี และหญิงสาวผมสีฟ้าอ่อนที่ดูแล้วน่าจะอายุ 17-18 ปี ทั้ง 2 ไม่มีอารมณ์หรือสีหน้าใดๆ และโดยไม่รอให้ฮาโรลด์ถามว่าทั้ง 2 เป็นใคร ยูสทัสก็ข้ามการอธิบายใดๆและมอบหมายบทบาทที่ฮาโรลด์จะต้องเล่นในทันที

 

[ ฮาโรลด์ นายจะได้เป็นหัวหน้าของเด็กๆพวกนี้ ] – ยูสทัส

[ หือ ? ] – ฮาโรลด์

 

ฮาโรลด์เผลอตอบกลับไปอย่างไม่รู้ตัว เพราะไม่สามารถเข้าใจได้กับคำพูดของยูสทัส “อะไรคือสิ่งที่หมอนั้นบอกว่าให้เป็นหัวหน้า ? ยิ่งกว่านั้น 2 คนนี้เป็นใคร ? “

แน่นอนว่าถ้าเขาไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของยูสทัส ฮาโรลด์จะปฎิเสธทันที แต่นี่ไม่ใช่ทางเลือก ไม่ว่าจะยังไง ฮาโรลด์จะต้องขจัดความสงสัยใดๆก็ตามที่ยูสทัสมีต่อเขาทั้งหมด

 

[ เจ้าพวกนี้มันอะไร ? ] – ฮาโรลด์

[ พวกมันเป็นตุ๊กตาที่ชั้นสร้างขึ้น ] -ยูสทัส

[ อายุขนาดนี้แล้วยังเล่นตุ๊กตาเนี้ยนะ ? รสนิมแปลกดีนี่ ] – ฮาโรลด์

[ เจ้าพวกนี้เป็นอะไรที่พิเศษกว่าตุ๊กตาทั่วๆไป พวกมันเป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์และจะทำตามคำสั่งทุกๆอย่าง ] – ยูสทัส

[ …. นายล้างสมองเจ้าพวกนี้รึไง ? ] – ฮาโรลด์

[ ก็ อะไรประมาณนั้นละมั้ง เผ่าสเตลล่าสามารถใช้เวทมนตร์ที่เป็นเอกลักษณ์ได้ ร่างกายของพวกเขามีอวัยวะแบบพิเศษที่อนุญาตให้พวกเขาสามารถรับพลังจากดวงดาวได้แตกต่างจากที่พวกเราทำ ในขณะที่ทำเจ้าพวกนี้เป็นตุ๊กตา ชั้นได้เอาส่วนอื่นๆที่ไม่จำเป็นออกไป เช่นอารมณ์ ความรู้สึก จริงๆจะบอกว่าลบมันออกก็ไม่ถูก แค่มันไม่ถูกแสดงขึ้นมาเฉยๆ— … ] – ยูสทัส

 

แม้ว่ายูสทัสจะยังคงบรรยายออกไม่หยุด แต่สติสัมปชัญญะของฮาโรลด์ก็ค่อยๆหายไปเรื่อยๆ 

 

ตุ๊กตาที่รับคำสั่ง ? เผ่าเสลต่า ? การตัดอารมณ์และความรู้สึก ?

 

คีย์เวิดพวกนี้ เมื่อรวมกับสมมุติฐานที่อยู่ภายในหัวของฮาโรลด์ เขารู้สึกได้ทันทีเรื่องราวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า