ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล

ทั้งลานฝึกฝีมือพลันเกิดความปั่นป่วนขึ้น
ทุกคนไม่เชื่อว่านี่เป็นความจริง อัจฉริยะของตระกูลฉิน ลูกรักของสวรรค์ ดาวรุ่งอนาคตไกลฉินคุนกลับพ่ายแพ้ต่อผู้ฝึกตนขั้นแรกที่จุดตันเถียนเสียหายฉินเทียน?
ทั้งนี่ยังเป็นการลงมือในกระบวนท่าเดียว
นี่ใช่ขยะแห่งตระกูล เศษสวะแห่งเมืองชิงเหอจริงๆน่ะหรือ?
นี่ใช่เด็กรับใช้อันต่ำต้อยแห่งเหลาฟุหลงที่ผู้คนต่างหยามหยันจริงๆน่ะหรือ?
สมองของผู้คนพลันว่างเปล่า ไม่อาจตอบรับกับเหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้านี้ได้ ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วทั้งลานฝึกฝีมือ เงียบสงัดราวกับป่าช้า
สายตาหลายร้อยคู่จับจ้องมองมาที่ฉินเทียน แววตาของฉินเทียนทั้งถือดีและเย็นชา
พวกมันกล้าสาบานเลยว่ามองเห็นฉินเทียนอัจฉริยะคนเก่าได้กลับมาแล้ว
โค่นล้มฉินคุนในหนึ่งกระบวน กระทั่งผู้ฝึกตนขั้นที่เก้ายังไม่อาจทำได้ ฉินเทียนทำได้อย่างไร? มันใช่อยู่ในขั้นสุดท้ายของขอบเขตผู้ฝึกตนหรือทะลวงระดับชั้นไปแล้ว?
เพียงไม่นานความตื่นเต้นก็แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งลานกว้าง
อัจฉริยะคนเก่ากลับมาโค่นล้มผู้ที่ดูหมิ่นเหยียดหยามเขาตลอดห้าปีฉินคุนได้ในหนึ่งกระบวนท่า เหยียบย่ำเขาเอาไว้ใต้ฝ่าเท้า ผู้คนที่เคยดูถูกเหยียดหยามเขาเอาไว้เริ่มรู้สึกหนาวเหน็บในใจขณะมองดูสีหน้าอันเย็นชาของฉินเทียน
“นายน้อย ไม่ใช่ว่าพวกเราเปิดตัวเด่นไปหรือ?”
เมิ่งเล่ยฉีกยิ้มกว้างปัดฝุ่นผงตามร่างกาย มองดูฉินคุนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
“เด่นไป?”
ฉินเทียนหัวเราะ “นี่เป็นเพียงการป่าวประกาศให้เหล่าผู้ที่เคยเหยียดหยามข้าได้ทราบ…บิดาผู้นี้กลับมาแล้ว”
“ประเสริฐ ‘บิดาผู้นี้กลับมาแล้ว’ อันประเสริฐ..”
น้ำเสียงที่เจือปนความเป็นอริลอยฝ่าอากาศมา ไม่ทันสิ้นเสียงฝ่ามือขนาดใหญ่ก็คว้ามาที่ร่างของฉินเทียน
ฉินเทียนตกใจ ขมวดคิ้วเป็นปม แยกฝ่าเท้าทั้งสองออกเตรียมตัวหลบหลีก
“ดูว่าเจ้าจะสามารถหนีรอดได้หรือไม่….”
ขณะที่เสียงอันเย็นชาดังขึ้นอีกหน ฝ่ามือขนาดใหญ่นั้นก็ลงมือปิดผนึกเส้นทางหลบหนีทั้งหมดของฉินเทียน
ไม่มีที่ให้หลบซ่อน ไม่มีเส้นทางให้หลบหลีกเช่นเดียวกับหนูติดจั่น
ฝ่ามือขนาดใหญ่ที่กำลังพุ่งเข้ามานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังปราณ ผู้ที่ฝึกปรือถึงขั้นนี้ได้ภายในตระกูลฉินมีไม่เกินสามคน ฉินเทียนพลันนึกถึงฉินเซี่ยงเทียน ในสามคนที่มือฝีมือเช่นนี้ มีเพียงมันที่ตามรังควาญฉินเทียนไม่เลิกรา
คิดได้ดังนั้น ในใจของเขาพลันเปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหด ร่างกายหยุดหลบหนี พุ่งย้อนกลับไป
ภายในร่างของเขาเริ่มใช้ออกด้วยเคล็ดวิชาคัมภีร์มังกรฟ้า พลังปราณพลันเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน แหลมคมดุจดาบขณะพุ่งทะลวงขึ้นสู่ท้องฟ้า พุ่งเข้าหาฝ่ามือขนาดใหญ่นั้น
ฝ่ามือพลังปราณแม้จะดูเบาบางคล้ายเมฆหมอก หากแต่มีความแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า ราวกับว่ามันสามารถบดขยี้เขาได้ทุกชั่วขณะ ความเกลียดชังของฉินเซี่ยงเทียนเผยให้เห็นอย่างเด่นชัด นี่ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนวิชาฝีมือ หากแต่เป็นการมุ่งเอาชีวิต
ความแข็งแกร่งของฝ่ามือปราณนี้ฉินเทียนรู้ซึ้งดี ในเมื่อหลบหนีไม่ได้ เช่นนั้นก็มีแต่ต้องทำลายมันซะ!
ในเวลานั้นทุกคนต่างคิดว่าฉินเทียนมีความมั่นใจเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทานฝ่ามือปราณนี้ นี่เป็นฝ่ามือที่ถูกควบแน่นจากปราณระดับสุดยอดชั้นวิญญาณ เขาจะสามารถต้านทานมันได้อย่างไร?
ในสถานการณ์ที่ดูสิ้นหวังนี้ เขาจะถอยได้อย่างไร เขาจะไปที่ใดได้ในเมื่อเส้นทางหลบหนีล้วนถูกปิดสกัดเอาไว้หมดแล้ว
สายลมแข็งแกร่งจากฝ่ามือปราณพัดปะทะใบหน้าของเขา แหลมคมดั่งใบมีดกรีดเฉือน ฉินเทียนกัดฟันเร่งเร้าพลังปราณออกมา…..
ในเวลานี้ ค่าพลังปราณที่ถูกสะสมมากว่าสองเดือนพลันเหือดหายอย่างรวดเร็ว เสียงจากระบบมีเพียง “ใช้พลังปราณ 10 จุด ใช้พลังปราณ 10 จุด” วนซ้ำอยู่เช่นนั้น
เมื่อรีดเร้นพลังปราณออกมาจนเกือบจะหมด ฉินเทียนก็ทะยานตัวขึ้นไป เมื่อถึงระดับความสูงที่เหมาะสมแล้วเขาก็พลันฟันสะบัดฝ่ามือปราณนั้น….
ฝ่ามือของฉินเทียนนี้สะสมพลังปราณนับหมื่นจุดเข้าไว้ด้วยกันจนก่อเกิดเป็นพลังอันน่าตื่นตระหนก
นี่เป็นทักษะจากคัมภีร์มังกรฟ้าหากไม่ใช้ค่าพลังปราณเกือบทั้งหมดก็ไม่อาจใช้พลังมังกรสวรรค์ที่แท้จริงได้
วินาทีที่พลังปราณทั้งสองสายเข้าปะทะกัน การระเบิดอย่างรุนแรงพลันปะทุขึ้น ก่อเป็นแสงเจิดจ้าจับตา แสงบดบังท้องนภา เขย่าแผ่นปฐพีจนสะเทือนเลือนลั่น แสงที่ระเบิดออกมานี้ทำให้สายตาผู้คนพร่ามัวไปพักหนึ่ง
ฉินเซี่ยงเทียนตกตะลึงอย่างไม่เชื่อสายตาว่าฉินเทียนจะสามารถปลดปล่อยพลังปราณอันรุนแรงเช่นนี้ออกมาได้ กระนั้นก็ยังเร่งเร้าพลังปราณส่งเข้าหาฝ่ามือปราณของตนอย่างต่อเนื่อง
“สลาย!”
เสียงตะโกนของฉินเทียนดังผ่านอากาศ ฝ่ามือค่อยๆผลักไปเบื้องหน้าก่อให้อากาศเกิดการบีบตัวอย่างรุนแรง เสียงดังปานฟ้าร้องดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
เสียงดังนี้ยังคงดังสะท้อนไปทั่วราวกับมียักษ์เหยียบย่ำพสุธา อาคารโดยรอบเริ่มสั่นไหว ศิษย์บางคนที่มีการบ่มเพาะอ่อนด้อยต่างรู้สึกหัวหมุนงุนงง ร่างส่ายไปมาไม่อาจทรงกายมั่น
ฝ่ามือปราณที่มองไม่เห็นของฉินเซี่ยงเทียนพลันส่งเสียงแตกหักออกมา
ฉินเทียนที่ส่งพลังปราณอยู่ที่พื้นมีใบหน้าขาวซีดเล็กน้อย บริเวณรัศมี 30 ก้าวรอบกายของเขากลายเป็นหลุมขนาดใหญ่
มือขนาดใหญ่ที่กลั่นรูปขึ้นจากพลังปราณของผู้ที่อยู่ระดับสุดยอดชั้นวิญญาณกลับไม่อาจผลักดันเขาได้อีกต่อไป!
ทุกคนต่างตกตะลึง พวกมันอ้าปากค้าง ไม่อาจสรรหาคำอธิบายใดๆมาบรรยายได้ในตอนนี้
เทียบกับที่ฉินเทียนเอาชนะฉินคุนได้อย่างง่ายดายแล้ว ชัยชนะในครั้งนี้ช่างเขย่าขวัญผู้คนไปแล้ว นี่ราวกับเป็นการปะทะกันของสองสุดยอดฝีมือ สะท้านสะเทือนไปทั้งจิตวิญญาณของพวกมัน
ฉินเทียนยืนขึ้น กวาดสายตามองไปยังฝูงชน ที่ตรงนั้นผู้คนพลันแยกตัวหลบออกเป็นสองฝั่ง เผยให้เห็นฉินเซี่ยงเทียนที่จ้องมองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ สายตาอาฆาตจดจ้องอยู่ที่ฉินเทียน นี่ทำให้ผู้ที่อยู่โดยรอบรู้สึกสั่นสะท้าน
ระดับสุดยอดชั้นวิญญาณ พลังปราณที่ไม่อาจประมาณได้ มันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะถูกทำลายได้โดยฉินเทียน นี่นับเป็นความอับอายอย่างที่สุดราวกับถูกจ้องมองร่างที่เปลือยเปล่า
ใบหน้าของฉินเซี่ยงเทียนแปรเปลี่ยนเป็นหน้าเกลียดยิ่งขึ้น มือทั้งสองข้างกำหมัดจนส่งเสียง “กึด” ออกมา มันก้าวเท้าเข้าหาฉินเทียนทีละก้าว มีความมุ่งร้ายแผ่พุ่งออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด
เป็นเจตนาฆ่าฟันที่รุนแรง
ฉินเทียนจับจ้องมองการเคลื่อนไหวของฉินเซี่ยงเทียน โดยไม่คาดคิดสีหน้าของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นยินดี ในใจของเขาอดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้
“ไม่ใช่ว่าสมองของมันได้รับการกระทบกระเทือนหรอกนะ?”
“ลุกขึ้นมาก็ยิ้มได้ หรือมันไม่ทราบว่าท่านผู้อาวุโสสูงสุดต้องการจะสังหารมัน?”
“นายน้อย….นายน้อยขอรับ”
ในสายตาของฉินเทียน ฉินเซี่ยงเทียนไม่นับเป็นคนอีกต่อไป
ทว่านี่คือบอสใหญ่ บอสที่เปล่งแสงประกายล่อตาล่อใจ
ในเวลานี้รัศมีของฉินเซี่ยงเทียนแผ่พุ่งเทียมฟ้า ส่องประกายแวววาวราวกับบอสในเกม
ฉินเทียนไม่คาดคิดว่านอกจากสัตว์ปีศาจแล้ว มนุษย์เองก็ยังสามารถกลายมาเป็นบอสใหญ่ได้
ในกรณีนี้ นอกเหนือจากการสังหารสัตว์ปีศาจเพื่อเพิ่มเลเวลแล้ว การสังหารผู้คนก็สามารถเพิ่มระดับได้ด้วยหรือ?
เรื่องราวอันน่าตกตะลึงนี้เองทำให้ฉินเทียนหัวเราะออกมาอย่างลี้ลับ บอกโดยไม่อำพราง ตอนนี้เขาเป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นที่หก เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของฉินเซี่ยงเทียนได้อย่างไร?
กระนั้นเขาได้ปลดปล่อยค่าพลังปราณไปนับหมื่นจุดในครั้งเดียว ซึ่งนั่นยังมากกว่าที่ระดับสุดยอดชั้นวิญญาณจะมีได้เสียอีก ตอนนี้ร่างกายของเขายังเปล่งรัศมีอันแข็งกร้าวรุนแรงยิ่งกว่าฉินเซี่ยงเทียน ภายในตระกูลฉินตอนนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าฉินเซี่ยงเทียนมีเพียงคนเดียว นั่นก็คือประมุขตระกูลฉิน ฉินซานเทียน
ค่าพลังปราณของฉินเทียนตอนนี้เหลืออีกเพียงไม่กี่ร้อยจุด ไม่เพียงพอที่จะใช้ทักษะจากคัมภีร์มังกรฟ้าได้อีก กระนั้นเขากลับยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง ไร้ซึ่งความหวาดหวั่น
เขากำลังเดิมพันอยู่
เดิมพันว่าฉินเซี่ยงเทียนจะลงมือหรือไม่
เขาสามารถเอาชนะฉินคุนได้ในหนึ่งกระบวนท่า ทั้งยังสามารถต้านรับฝ่ามือปราณขนาดใหญ่ของฉินเซี่ยงเทียนได้ นี่บ่งชี้ให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นอัจฉริยะ
เป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากในรอบหลายร้อยปีของตระกูลฉิน
เผชิญหน้ากับพรสวรรค์ พลังปราณอันมหาศาล เส้นทางในการบ่มเพาะของเขาย่อมกว้างไกลไร้ขอบเขต แล้วเช่นนี้ฉินซานเทียนจะยอมให้ฉินเซี่ยงเทียนลงมือต่อเขาหรือ?
แน่นอนว่าไม่….