บทที่ 38 เสี่ยวเถียนเดินไปไหนก็มีเห็ดโตที่นั่น

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 38 เสี่ยวเถียนเดินไปไหนก็มีเห็ดโตที่นั่น
บทที่ 38 เสี่ยวเถียนเดินไปไหนก็มีเห็ดโตที่นั่น

น้องเก้าจ้องมองก้อนดินในมือซูเสี่ยวเถียนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมา “มันไม่ใช่ก้อนดินหรือ?”

ถึงเธอจะมองไม่ออกว่ามันคืออะไร แต่รู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่ก้อนดินแน่ ๆ

เพราะมัวแต่กังวลเรื่องเห็ด เธอเลยไม่ได้ใส่ใจก้อนดินก้อนนั้นมากนัก ก่อนจะวางมันลงในตะกร้า แล้วแอ่นก้นเก็บเห็ดต่อไป

เด็กทั้งสองกำลังเก็บเห็ดกันอย่างมีความสุข

ในไม่ช้าในตะกร้าก็อัดแน่นไปด้วยเห็ด

เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วก็เห็นซูซื่อเลี่ยงอยู่ไม่ไกลจากกัน

“พี่รอง ๆ ถ้าตะกร้าหนูเต็มต้องทำอย่างไรคะ?”

เสียงนุ่ม ๆ ของซูเสี่ยวเถียนดังเข้าหูพี่รอง

ครั้นคนเป็นพี่หันกลับมามอง เป็นไปไม่ได้น่า เห็ดในตะกร้าน้องเถียนพูนแล้ว

มีเห็ดเยอะขนาดนี้โตบนเขาตั้งแต่เมื่อไร

เหตุใดตอนถอนหญ้าเขาถึงไม่เห็นมันเลยล่ะ?

หมู่บ้านเรา เห็ดเป็นของหายากมาก ปกติแล้วจะมีให้เอามาทำแกงอยู่ไม่กี่ดอกรสชาติไม่แย่ แล้วเก็บได้เยอะขนาดนี้เชียวหรือ?

“เถียนเถียน น้องโชคดีจริง ๆ ทำไมหาเจอไวจัง แถมยังเยอะอีกด้วย?”

“พี่รอง ผมเห็นเถียนเถียนเดินไปไหนก็มีเห็ดโตที่นั่น!” น้องเก้าว่าอย่างหดหู่

เห็ดในตะกร้าที่เจอมายังไม่ถึงห้าดอกเลย ส่วนที่เหลือคือเถียนเถียนน้อยเป็นคนหาเจอ

ซูซื่อเลี่ยงหัวเราะลั่น “น้องเก้าพูดจาตลกมาก เท้าของน้องเถียนไม่ได้ก้าวออกมาเป็นเห็ดหรอกกระมัง?”

“ถ้าพี่ไม่เชื่อก็ดูเองเลยพี่รอง ผมพูดความจริงทั้งนั้น” น้องเก้ามุ่ยปาก

“พี่เชื่อแล้ว ๆ!” ถึงจะไม่ได้เอ็นดูน้องเก้าเหมือนเถียนเถียนน้อย แต่ก็เป็นพี่น้องแท้ ๆ เลยไม่ได้พูดอะไรออกไปมาก

“เหลือไม่เยอะแล้ว!”

“พวกน้องเก็บต่อไปแล้วกัน เก็บได้เท่าไหนค่อยเอามากองรวมไว้ รอพวกพี่ถอนหญ้าเสร็จก็เอามาวางไว้บ้างบนแล้วหิ้วกลับกัน” ซูซื่อเลี่ยงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจัดการให้เด็กทั้งสองเก็บเห็ดต่อ ส่วนตนเองก็รีบไปถอนหญ้า

แต่ถึงเขาจะถอนหญ้าจนเร็วจี๋ขนาดไหน แต่ก็ต้องประหลาดใจที่เห็นว่าเด็กทั้งสองได้เห็ดมาอีกกองหนึ่ง

เขามองดูกองเห็ดนั้นด้วยความแปลกใจ กะพริบตาถี่ ๆ พลันแอบสงสัยว่าตนเองตาฝาด

แต่ไม่ว่าจะกะพริบตามากเท่าไร เห็ดก็ยังกองบนพื้นอยู่ดี

“พี่ครับ ตาเป็นอะไรหรือ?” น้องเก้าอดไม่ได้ที่จะถามเมื่อเห็นพี่ชายกะพริบตาไม่หยุด

“น้องเก้า นี่ นี่คือเห็ดที่พวกน้องเก็บหรือ? ตกลงไปในกองเห็ดหรือเปล่าเนี่ย?”

“ผมพูดแล้วไง เถียนเถียนเดินไปไหนก็มีเห็ดโผล่ที่นั่น และทุกครั้งก็เป็นกองใหญ่ด้วย…” น้องเก้าหดหู่มากกว่าเดิม

ก็เห็นอยู่ว่าเดินไปด้วยกัน แต่ทุกครั้งที่เถียนเถียนเจอพุ่มเห็ด เขากลับมองไม่เห็น จนสงสัยว่าตาของตัวเองมันเป็นอะไรกันแน่!

“พี่รอง เห็นหรือไม่ว่าหนูกับพี่เก้าเก่งมาก!” ซูเสี่ยวเถียนทำทีชื่นชม “หนูเป็นเด็กที่โชคดีที่สุดเลย!”

ซูซื่อเลี่ยงกลืนน้ำลายก่อนที่จะพยักหน้าเป็นเครื่องจักร “เถียนเถียนน้อยเป็นเด็กที่โชคดีที่สุดเลย!”

ถ้าโชคไม่ดีจะเก็บเห็ดได้เยอะขนาดนี้หรือ?

เห็ดพวกนี้ตากแดดสักหน่อยก็พอกินกันทั้งครอบครัวได้หลายมื้อเลย

ถ้าเขาเอากลับบ้าน คุณปู่คุณย่าจะตกใจใช่หรือไม่?

เดี๋ยวก่อน ๆ เห็ดเยอะขนาดนี้จะเอากลับบ้านอย่างไรดี?

ซูซื่อเลี่ยงเป็นคนกระตือรือร้นก็เลยรีบตะโกนเรียกจากที่ไกล ๆ “น้องสี่ น้องห้า มานี่เร็วเข้า พี่มีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย”

สองพี่น้องวิ่งมายังต้นตอของเสียงอย่างรวดเร็ว ครั้นเห็นกองเห็ดก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

พวกเขามักจะขึ้นเขาไปเก็บเห็ดด้วยกันตลอดเลย แต่ไม่เคยจะเก็บเห็ดได้เยอะขนาดนี้ในครั้งเดียวมาก่อน

แล้วใครทำได้ขนาดนี้กันล่ะ?

เหตุใดไม่เคยรู้มาก่อนเลย?

“ตะกร้าของพวกน้องไปไหนแล้วล่ะ? ถือมาด้วยสิ ใส่เห็ดกันคนละครึ่งแล้วเอาหญ้าปิดทับไว้ค่อยขนกลับบ้าน” ซูซื่อเลี่ยงแจกแจง

สองพี่น้องจ้องมองไปยังซูซื่อเลี่ยงที่เทหญ้าออกมา แล้วใส่เห็ดเข้าไปก่อนจะคลุมทับด้วยหญ้าอีกชั้น

“พี่รอง ผมตาฝาดหรือเปล่า?” ซูอู่ร่างอดไม่ได้ที่จะถามออกมา

ซูซื่อเลี่ยงระเบิดสมองพวกเขา

“เจ้าโง่เอ๊ย ก็ใส่ไปในตะกร้าแล้วไง จะมาตาฝาดอะไรกัน? น้องเถียนของพวกเราทำเอง หาเจอเยอะมากเลย” ปากซูซื่อเลี่ยงแทบจะฉีกถึงหู

เห็ดเป็นของดีแต่หายากมาก วันนี้โชคดีจริง ๆ

เห็นน้องสี่และน้องห้าแบกเห็ดลงเขาไปอย่างมีความสุข ซูซื่อเลี่ยงก็ลูบจุกน้อยบนหัวซูเสี่ยวเถียน “น้องเถียนมีความสามารถจริง ๆ!”

ตอนนั้นเองที่ซูเสี่ยวเถียนพูดอีกครั้ง “พี่รอง ๆ หุบเขาข้างหน้ามีสวนเผียวเอ๋อร์ด้วย”

เผียวเอ๋อร์เป็นสตรอว์เบอร์รีป่าชนิดหนึ่ง คนที่นี่มักจะเรียกว่าเผียวเอ๋อร์

รสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ เป็นรสชาติที่หาได้ยากสำหรับเด็ก

แต่จะโตบนภูเขาน้อยมาก ต่อให้พวกเด็ก ๆ ในตระกูลซูมาวิ่งเล่นบ่อย ๆ ก็เจอได้ยากอยู่ดี

“เผียวเอ๋อร์ จริงหรือ?” ซูซื่อเลี่ยงถามด้วยแววตาเป็นประกาย

เขาขึ้นมาบนเขาลูกนี้นับครั้งไม่ถ้วน เหตุใดถึงไม่รู้ว่ามีเผียวเอ๋อร์อยู่แถวนี้ด้วย?

อีกอย่างก็อาจมีคนมาเก็บก่อนแล้ว แล้วจะยังรอให้พวกเขามาอีกหรือ?

ซูเสี่ยวเถียนว่าอย่างเคร่งขรึม “มีจริง ๆ สิคะ หนูเห็นตรงหน้าเลย รอพี่ถอนหญ้าเสร็จพวกเราค่อยไปเก็บกัน!”

“เข้าใจแล้ว ฟ้ายังไม่มืด งั้นพี่รองจะไปถอนหญ้าอีกสักพัก หนูกับน้องเก้าไปเล่นก่อนนะ อย่าเดินไปไกลล่ะ” ซูซื่อเลี่ยงเอ่ยเตือนและเริ่มถอนหญ้าอีกครั้ง

น้องสี่กับน้องห้าถูกส่งลงเขา งานของพวกน้องยังไม่เสร็จดีเลยจึงทำได้แค่ช่วยถอน

ตอนทั้งสองกลับมา ซูเสี่ยวเถียนก็เจอเห็ดอีกหน่อย โชคดีที่มีไม่มากเลยซ่อนไว้ในตะกร้าแล้วเอาติดตัวไปด้วยได้

แต่ที่น่าประหลาดใจคือพวกเขายังเก็บเผียวเอ๋อร์มาได้กองหนึ่ง

“พี่รอง พี่ไปหามาจากไหน?” น้องสี่ถาม

“ข้างหน้าไม่ไกลนี่เอง พวกเราเก็บแต่ผลที่สุกแล้ว รออีกสองวันค่อยมาเก็บแล้วกัน ถึงเวลาแล้วค่อยมาอีกครั้ง” ซูซื่อเลี่ยงยิ้มกว้าง

“พี่สี่ พี่ลองชิมดูสิ หวานมากเลย!” มือขาว ๆ ของซูเสี่ยวเถียนจับเผียวเอ๋อร์แล้วส่งให้พี่ชายทั้งสอง

ในยุคที่ข้าวยากหมากแพงจะมีผลไม้ไม่เท่าไร ดังนั้นผลไม้ป่าเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเด็ก ๆ

เด็กชายทั้งสองรับเผียวเอ๋อร์ผลแดง ๆ จากมือของน้องสาว มองซ้ายทีขวาที น้ำลายเกือบไหลอกมาหากแต่ก็ยังไม่กินสักที

“น้องเถียนกินเถอะ พี่ไม่กินหรอก!” สุดท้ายูซูอู่ร่างตัดสินใจไม่กินแล้วให้น้องสาวแทน

“หนูกินแล้วก่อนที่พี่กับพี่สี่จะชิมอีก ส่วนที่เหลือเอากลับบ้านไปกินกับคุณปู่คุณย่ากัน” ซูเสี่ยวเทียนยิ้ม ดวงตาประกายเจิดจ้า

ซูอู่ร่างรู้สึกว่านี่เป็นผลไม้ป่าที่หอมหวานที่สุดที่เขาเคยกินมาในชีวิตเลย หลายปีหลังจากนี้ เขายังคงจดจำรสชาติของสตรอว์เบอร์รีป่าในปีนั้นได้