ตอนที่ 35 จับได้หมายเลขสาม

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 35 จับได้หมายเลขสาม

แม่นางอวี้คือหมอปีศาจ?!!

เย่ซิวตู๋หันหน้ากลับมาทันใด ก่อนจะจับหนานหนานยกขึ้นมา “เจ้าบอกว่าหมอปีศาจคือใครนะ?”

“เอิ๊ก” หนานหนานถูกเขาทำให้ตกใจจนตัวสั่นส่งเสียงเรอออกมาอย่างแรง เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายราวกับจะกินคนก็กะพริบตาปริบ ๆ กล่าวเสียงเบาหวิว “ท่าน…ท่านแม่ของข้าไงเล่า”

ต้าอู่เห็นสถานการณ์เช่นนี้จึงเกิดอาการใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เห็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของเย่ซิวตู๋แล้วก็รู้สึกตาลายขึ้นมา ทำการคว้ามือออกไปเพื่อชิงตัวหนานหนานโดยไม่ทันยั้งคิด “ปล่อยตัวเด็กลง”

โม่เสียนที่อยู่ใกล้ยกขาขึ้นมาขวางตรงหน้าอีกฝ่าย ต้าอู่เม้มปากแน่น งอตัวกลิ้งเข้าไป เป้าหมายคือหนานหนาน

“ฝีมือไม่เลวเลย” โม่เสียนยิ้ม นิ้วมือของเขาจับบ่าของอีกฝ่ายและลากกลับมาอย่างรวดเร็ว ทั้งสองจึงประมือกันทันที

เพียงแต่เมื่อเทียบกับผู้คุ้มกันข้างกายเย่ซิวตู๋แล้ว ฝีมือของต้าอู่ก็ยังอ่อนแอกว่านิดหน่อย ผ่านไปไม่นานก็ถูกโม่เสียนกดลงบนพื้นจนมิอาจขยับตัวได้

“พวกท่านเป็นใครกันแน่ ปล่อยหนานหนานนะ”

ต้าอู่ออกแรงดิ้น โม่เสียนจึงใช้ฝ่ามือสับหลังคอของอีกฝ่ายจนสลบเหมือดไป

ภายในห้องกลับมาสงบอีกครั้ง หนานหนานยังถูกเย่ซิวตู๋หิ้วตัวขึ้นมา เขามีท่าทางมึนงงยิ่ง “ท่านอา ท่านไม่รู้หรือ? เอ๋…พวกท่านเองก็ไม่รู้หรือ? ข้าไม่เคยบอกหรือ?”

มุมปากเย่ซิวตู๋กระตุกอย่างรุนแรง ก่อนจะหันไปมองเสิ่นอิง

อีกฝ่ายตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ผ่านไปครึ่งหนึ่งจึงค่อย ๆ หุบปากเข้าหากัน กลืนน้ำลายแล้วตอบอย่างยากลำบาก “เรือนด้านหลังมีคนเฝ้าอยู่ พวกเราไม่สามารถเข้าไปเจอโฉมหน้าที่แท้จริงของหมอปีศาจได้อย่างชัดเจน เพราะกลัวว่าหากเคลื่อนไหวมากไป อาจทำให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นขอรับ”

ตอนที่เขากลับมาเมื่อครู่นี้ ก็เพื่อรายงานเรื่องนี้กับเย่ซิวตู๋ เพียงแต่ถูกเสียงเคาะประตูของต้าอู่ขัดจังหวะเสียก่อน

โรงเตี๊ยมแห่งนี้ซ่อนความสามารถไว้จริง ๆ ฝีมือของเถ้าแก่เนี้ยจินก็เก่งกาจเพียงนี้ ลูกจ้างเหล่านั้นของโรงเตี๊ยมแต่ละคนก็ดูเป็นผู้มีวรยุทธ แม้ว่าจากฝีมือของเขาจะสามารถจัดการกับคนที่เฝ้าเรือนด้านหลังได้อย่างไร้ปัญหา แต่ก็อาจก่อให้เกิดความยุ่งเหยิงได้ ถึงเวลานั้นอย่าว่าแต่ไม่ได้เจอหน้าหมอปีศาจเลย เกรงว่าอาจเปิดเผยตัวตนของนายท่านด้วย

แต่…แต่…แต่ไม่ว่าเขาจะคิดเช่นไรก็นึกไม่ถึงเลย คนที่อยู่เรือนด้านหลังและถูกคนอื่นเรียกขานว่าเป็นหมอปีศาจผู้ลึกลับผู้นั้น จริง ๆ แล้วคือแม่นางอวี้

เสิ่นอิงรู้สึกได้ว่าความจริงเช่นนี้ยากที่จะยอมรับ

ไม่เพียงแต่เขา โม่เสียนและเหวินเทียนที่อยู่ที่นี่ก็รับไม่ได้เช่นกัน แม้แต่เผิงอิงที่นอนอยู่บนเตียงข้าง ๆ และยังไม่หายดีก็ถึงกับอ้าปากค้างสติหลุดลอย

โดยเฉพาะเหวินเทียน ตอนนั้นเป็นเพราะถูกอวี้ชิงลั่วป้อนยาถ่ายเข้าไปหนึ่งเม็ด ภายในใจก็เกิดความระแวงตลอดเวลา เพียงแต่วิธีของนางรุนแรงเกินไปและไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้ถอนหายใจด้วยซ้ำ มิใช่เรื่องง่ายที่จะได้ยินว่าหมอปีศาจอยู่ที่เจียงเฉิง มิใช่เรื่องง่ายที่นายท่านจะตอบตกลงมาหาหมอปีศาจผู้นี้ เขากำลังครุ่นคิดว่า ถึงอย่างไรก็ต้องมีคนที่มีทักษะทางการแพทย์ชั้นยอดที่สามารถกดความหยิ่งผยองของอวี้ชิงลั่วลงได้

คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเป็นจุดจบที่ไม่คาดคิด หมอปีศาจที่เขาคาดหวังและแอบเลื่อมใสมาโดยตลอด จริง ๆ แล้วคือนาง

บนโลกใบนี้ เหตุใดถึงได้มีเรื่องที่ทำให้คนทุกข์ทรมานเช่นนี้? เหตุใดถึงได้มีเรื่องที่ทำให้เขาขบฟันกรอดแต่ก็จนปัญญาเช่นนี้?

เหวินเทียนแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เขาพุ่งตัวไปด้านหน้าราวลูกธนูหลุดจากคันศร ยืนอยู่ตรงหน้าหนานหนาน ถามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “หนานหนาน เจ้าบอกว่า ท่านแม่ของเจ้า ก็คือแม่นางอวี้ สตรีผู้นั้นที่รักษาพิษของเผิงอิง คือ…คือหมอปีศาจจริง ๆ หรือ?”

หนานหนานเอียงศีรษะ กะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความสงสัย ก้นของเขานั่งลงบนอ้อมกอดของเย่ซิวตู๋ ครั้นได้ยินอีกฝ่ายถามเช่นนี้ เขาก็เกิดความสงสัยขึ้นมา

“หรือว่า ท่านแม่ของข้าไม่ได้มีชื่อเรียกว่าหมอปีศาจ? ชื่อว่าหมอพิษ? หมอเทพ? หมอเถื่อน? ไม่ถูกสิ ดูเหมือนว่าจะชื่อหมอปีศาจนี่แหละ ท่านป้าจินบอกว่า นั่นเป็นเพราะท่านแม่ของข้าเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยม ดังนั้นหมอปีศาจจึงเป็นคำที่เหมาะกับนางมาก”

เย่ซิวตู๋เม้มปากแน่น ใบหน้าดูตึงเครียด เขานึกถึงประกายวาบผ่านสายตาของอวี้ชิงลั่วที่มิได้เกิดความลังเลแม้แต่น้อยตอนที่มาหาหมอปีศาจ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เป็นเช่นนี้นี่เอง มิแปลกใจเลยที่ต่อให้ทักษะทางการแพทย์ของนางจะถูกสงสัยแต่นางก็มิได้สนใจ ไม่แปลกใจที่บนตัวของนางมีโอสถน้ำค้างแข็งที่หาได้ยากนั้น ไม่แปลกใจที่ทักษะทางการแพทย์ของนางจะยอดเยี่ยมที่สุดเช่นนี้

หมอปีศาจ? เหอะ หมอปีศาจจริง ๆ สินะ?

พูดเช่นนี้ ถือว่าเขาจับพลัดจับผลูเก็บสมบัติได้อย่างนั้นหรือ?

เยี่ยมมาก มีเหตุผลที่ต้องเก็บนางไว้ข้างตัวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งข้อแล้ว

เหวินเทียนกุมขมับ ครั้นได้ยินคำตอบเช่นนั้นของหนานหนาน ก็ยิ่งเกิดความคิดอยากตายมากขึ้น เพียงแต่ภายในใจก็ยังแอบมีหวังเล็ก ๆ ถามเสียงเบาไปว่า “หมอปีศาจไม่ใช่บุรุษ? ไม่ใช่ผู้อาวุโส? ไม่ใช่ผู้มีความลึกลับซับซ้อนที่มากล้นประสบการณ์หรือ?”

สายตาของหนานหนานปรากฏความประหลาดใจเล็ก ๆ เขาจ้องเหวินเทียนและกวาดตามองขึ้นลง “ท่านลุงเหวิน ท่านป่วยไข้จนเพ้อหรืออย่างไรกัน? แม้แต่ท่านแม่ของข้าเป็นบุรุษหรือสตรีก็ยังแยกแยะไม่ออก หากท่านรู้สึกไม่สบายข้าจะให้ท่านแม่ช่วยดูให้ ไม่ต้องห่วง ไม่คิดเงินหรอก”

เหวินเทียนไม่อยากพูดอะไรแล้ว เขาเดินไปข้าง ๆ แล้วเริ่มเขี่ยพื้นอย่างเงียบ ๆ ความจริงช่างโหดร้ายเสียเหลือเกิน

เสิ่นอิงอดกลืนน้ำลายไม่ได้ โชคดี โชคดีที่ก่อนหน้านี้เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับหมอปีศาจ โชคดีที่เขาคิดมาตลอดว่าแม่นางอวี้ไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป โชคดีที่ความรู้สึกของเขาแม่นยำมาก มิเช่นนั้นคงได้เจอจุดจบที่ไม่ดีแน่

“ท่านป้าจินที่เจ้าพูดถึง ก็คือเถ้าแก่เนี้ยโรงเตี๊ยมแห่งนี้งั้นหรือ?” เย่ซิวตู๋ค่อย ๆ คลายความหงุดหงิดที่ไม่รู้จักในอก เขาอุ้มหนานหนานย้ายไปอีกด้านหนึ่ง สั่งให้เสิ่นอิงนำอาหารในกล่องอาหารออกมาวางบนโต๊ะ ให้เด็กเล็กที่ท้องเริ่มร้องได้กินอะไรสักหน่อย

หนานหนานพยักหน้าด้วยแก้มป่อง ๆ “ถูกต้อง ท่านป้าจินเก่งกาจมาก คนของนางก็เป็นผู้มีวรยุทธ์ทั้งนั้น ก็เหมือนกับท่านลุงต้าอู่นี่แหละ จริงไหม ท่านลุง…ต้าอู่ เหตุใดถึงเป็นลมไปแล้วล่ะ?”

เสิ่นอิงเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างเงียบ ๆ เขาเห็นใจต้าอู่ที่ถูกโม่เสียนกดลงพื้นมาก หนานหนาน ตอนนี้เจ้าเพิ่งรู้หรือว่าวีรบุรุษที่เข้ามาช่วยเจ้าสลบไปแล้ว?

หนานหนานไถลลงจากตักของเย่ซิวตู๋ ยื่นมือไปแตะที่จมูกของต้าอู่เพื่อตรวจสอบ เมื่อพบว่ายังหายใจอยู่ก็โล่งอก ก่อนจะกลับมากินอาหารต่อ

เสิ่นอิงเห็นอกเห็นใจต้าอู่อีกหน หนานหนาน หรือว่าแม้แต่ความคิดที่จะพยุงคนขึ้นมาจากพื้นก็ไม่มีเลยอย่างนั้นหรือ?

เย่ซิวตู๋กอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมกอด ดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย ขณะกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “ท่านแม่กับท่านป้าจินของเจ้ารู้จักกันได้อย่างไร?”

“อ่อ…อ้ำ ๆ…อร่อย…ก็เพราะท่านป้าจินได้รับบาดเจ็บ…จอบแจบ ๆ…จากนั้นท่านแม่ก็ช่วยชีวิตไว้…อ้ำ ๆ” หนานหนานกวาดถ้วยเล็ก ๆ มาอยู่ตรงหน้าตนเองอย่างเร่งรีบ กินอย่างตะกละตะกลามโดยไม่ห่วงภาพลักษณ์

“ตัวตนของท่านแม่เจ้า นอกจากท่านป้าจินของเจ้าแล้ว ยังมีใครรู้อีกบ้าง?” เย่ซิวตู๋รินน้ำให้เขาหนึ่งแก้วอย่างมีน้ำใจ ช่วยตบหลังให้เขาเพื่อไม่ให้สำลัก แต่ถึงอย่างนั้นความคิดก็ไม่ได้หยุดนิ่ง

เขาคิดว่าช่วงเวลาก่อนหน้านี้เขาหันผิดทิศ ใครจะไปรู้ว่าเรื่องของอวี้ชิงลั่วจะหลุดออกมาจากปากของหนานหนานได้ง่ายที่สุด

เจ้าเด็กคนนี้… แทบจะพูดทุกอย่างที่รู้

เสิ่นอิงเริ่มเห็นอกเห็นใจอวี้ชิงลั่วเสียแล้ว

“นอกจากท่านป้าจิน… แจบ ๆ…ยังมีท่านอาต้าอู่ ท่านย่าเก๋อ ท่านอาเหมียนฮวาถัง พี่สาวโหรวโหรวเอย…อ้ำ ๆ…”

หนานหนานเริ่มขายมารดาของตนเองโดยไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย แม้ว่าชื่อเหล่านั้นที่พูดออกมา…จะไม่มีแหล่งอ้างอิงเลยสิกนิด

ในเวลานี้เอง เสียงของจินหลิวหลีที่ชัดเจนและทรงพลังก็ดังขึ้นมาจากด้านล่าง “หมายเลขสาม ครั้งนี้จับได้หมายเลขสาม”

หมายเลขสาม? เหวินเทียนหยิบแผ่นป้ายไม้ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา ดวงตาประสานเข้ากับดวงตาที่กำลังครุ่นคิดของเย่ซิวตู๋

…………………………

สารจากผู้แปล

ลูกขายแม่ซะแล้ว ชิงลั่วจะทำยังไงดีเนี่ย

วงวารเหวินเทียน กลัวอะไรมักจะได้อย่างนั้นนะคะ

ไหหม่า(海馬)