ตอนที่ 115 คุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว ตอนที่ 116

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 115 คุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว / ตอนที่ 116 ข้าว่าท่านโชคไม่ค่อยดี
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 115 คุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว
ฉินหลิวซีรีบกลับไปที่บ้านตระกูลฉินก่อนที่ประตูเมืองจะปิด แล้วข่าวการกลับมาของนางก็เป็นที่รู้กันทั่วบ้านตระกูลฉิน ตั้งแต่เจ้านายไปถึงบ่าวไพร่ในบ้าน แต่ละคนล้วนมีความรู้สึกที่ซับซ้อน
นางฉินผู้เฒ่า: ในที่สุดก็รู้จักกลับบ้าน
สะใภ้หวัง: ในที่สุดก็กลับมาแล้ว
พวกสะใภ้เซี่ย: ข้าจะไปคิดบัญชีกับนาง!
ส่วนฉินหมิงฉุน: สมุดคัดลายมือของข้าล่ะ? อ๊ากก ยังไก่เขี่ยอยู่เลย ตายแน่!
สะใภ้วั่น: ลูกข้าไร้ประโยชน์เกินไปแล้ว ข้าควรแสร้งทำเป็นป่วยลุกไม่ขึ้นดีหรือไม่ จะได้ไม่เหนื่อย!
ในลานบ้านของฉินหลิวซี ฉีหวงจับตัวนางตรงโน้นตรงนี้เพื่อสำรวจ “ไม่มีอะไรหายไป แค่ผอม จับโดนกระดูกแล้วนี่”
“เหลวไหล ข้าเคยอ้วนที่ไหน” ฉินหลิวซียิ้ม “คนแซ่ฉีนั่นเป็นหลานชายคนโตของจวนหนิงอ๋อง รุ่ยจวิ้นอ๋อง คนที่ข้ารักษาคราวนี้ก็เป็นพระชายาผู้เฒ่า ค่ารักษาก็จ่ายให้อย่างใจกว้าง แถมยังให้ของขวัญข้ามาอีกไม่น้อย อ้อ ให้ปิ่นปักผมข้ามาคู่หนึ่งด้วย ถ้าเจ้าเห็นว่าสวยก็เลือกไปใช้ได้”
ฉีหวงมองกล่องประณีตที่อยู่บนโต๊ะใบนั้น เมื่อเปิดออกดูก็เห็นว่าเป็นปิ่นปักผมทับทิมทั้งชุด เป็นงานฝีมือชั้นเลิศจนนางอดถอนหายใจไม่ได้ “ที่แท้ก็เป็นคนในราชวงศ์นี่เอง ใจกว้างจริงๆ ช่างงดงามมาก”
นางเพียงชมแล้วปิดกล่องกลับเหมือนเดิมโดยไม่ได้รู้สึกเลยว่ามันล้ำค่าแค่ไหน ความจริงแล้วตามความคิดของนาง ขอเพียงฉินหลิวซีเต็มใจ เครื่องประดับที่ล้ำค่าหายากกว่าปั่นปักผมทับทิมเหล่านี้ นางก็สามารถมีได้ไม่ยาก
“ข้าไม่ใส่หรอก เครื่องประดับผมทั้งหมดนี้ ต่อไปจะได้เก็บไว้เป็นสมบัติติดตัวท่าน” ฉีหวงยิ้ม
ฉินหลิวซีเหลือบตามอง “ยังมีวันนั้นด้วยหรือ”
ฉีหวงเอ่ยอย่างมั่นใจ “ข้าย่อมหวังให้มีวันนั้นอยู่แล้ว”
คนตระกูลฉินเป็นญาติทางสายเลือดของฉินหลิวซี แต่ก็เพียงญาติทางสายเลือดเท่านั้น นางไม่ได้รู้สึกว่าตระกูลฉินกับฉินหลิวซีจะใกล้ชิดสนิทสนมกันเท่าใดนัก แต่อนาคตกลับต่างออกไป
หากฉินหลิวซีแต่งงานมีลูก นั่นก็จะเป็นบ้านที่แท้จริงของนาง เป็นคนในครอบครัวของนางจริงๆ เช่นนั้นแล้วนางก็จะไม่ได้โดดเดี่ยวตัวคนเดียวอีกต่อไป
ฉินหลิวซีไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ นางถอดเสื้อคลุมออกพลางเอ่ยถาม “ตอนที่ข้าไม่อยู่ ที่บ้านมีปัญหาใดบ้างหรือไม่”
ฉีหวงเตรียมตัวไว้นานแล้ว จึงเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาให้ฉินหลิวซีฟัง เล่าเรื่องที่ตระกูลติงหลบหน้าไม่ต้องการพบด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ตอนที่ตระกูลฉินยังไม่ล้มลง เมื่อก่อนตระกูลติงจะต้องส่งของขวัญมาให้ไม่มีลืม ฮูหยินติงผู้เฒ่าพร่ำเอ่ยไม่หยุดว่าจะรับท่านไปเล่นที่นั่นด้วย ตอนนี้กลับวิ่งหนีเสียไวเชียว”
ฉินหลิวซีจิบชา “บังเอิญตอนที่ข้าไปหนิงโจวก็ได้พบฮูหยินติงผู้เฒ่าระหว่างทาง ที่แท้ก็จงใจหลบหน้าจริงๆ”
“ก็ใช่น่ะสิเจ้าคะ ไม่รู้ว่าฮูหยินใหญ่เอ่ยอันใด ฮูหยินผู้เฒ่าเองจึงเลิกเอ่ยว่าจะไปเยี่ยมคนอื่นแล้ว แต่บอกว่าอยากจะไปอารามเพื่อพบเจ้าอาวาสชื่อหยวนแทน ฮูหยินใหญ่ก็ห้ามไว้อีก”
ฉินหลิวซีพยักหน้า “ท่านแม่ใหญ่ของข้ามีจิตใจเข้มแข็งอย่างหาได้ยาก มีไหวพริบรับมือกับสถานการณ์ได้ดี ตระกูลหวังสั่งสอนได้ดีจริงๆ”
“ท่านยังไม่รู้ เมื่อหลายวันก่อน ฮูหยินรองต้องการบุกเข้าไปในห้องของท่าน ฮูหยินใหญ่ต่อว่านางแทนท่านไปแล้ว” ฉีหวงยิ้มมุมปาก
“โอ้?”
ฉีหวงเองก็ไม่ได้ใส่ไฟ นางเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฉินหลิวซีฟังอย่างละเอียด “ข้าก็แค่อยากจะลงโทษนางเล็กน้อยเท่านั้น ต้องทำให้นางกลัวสักหน่อย ต่อไปจะได้ไม่กล้ามาหยิบฉวยเอาสิ่งใดไปอีก แน่นอนว่าเป็นเพียงการลงโทษเล็กน้อยเท่านั้น ข้าสั่งพวกผีน้อยว่าไม่ต้องไปคุกคามนางอีก”
ผีน้อยไร้ชื่อที่หมอบอยู่บนกำแพงด้านนอก พวกข้ามีชื่อนะ ตอนนี้ชื่อว่า คู่ร้ายชายหญิง!
ฉินหลิวซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่สะใภ้หวังปกป้องตน ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบๆ “ทำได้ดี”
“ท่านน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่า ฮูหยินรองจะต้องมาขอคำอธิบายจากท่านแน่!” ฉีหวงเตือน
ทันทีที่นางพูดตบ ด้านนอกก็มีเสียงสาวใช้ดังขึ้น ฮูหยินผู้เฒ่าเชิญคุณหนูใหญ่ไปพบ
ตอนที่ 116 ข้าว่าท่านโชคไม่ค่อยดี
แม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะเรียกหานาง ฉินหลิวซีก็ไม่ได้รีบไปทันที แต่กลับไปอาบน้ำสมุนไพรอย่างดีเสียก่อนเพื่อชำระล้างฝุ่นและขจัดความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แล้วจึงค่อยๆ เดินไป
เวลานั้นเป็นเวลากินข้าวเย็นแล้ว ในห้องของฮูหยินผู้เฒ่าก็มีคนอื่นอยู่ด้วยกำลังเตรียมตัวจะกินข้าว
พอฉินหลิวซีเข้าไป ทุกคนก็มองมาเป็นตาเดียว
ท้องฟ้ามืดแล้ว ภายในห้องก็จุดไฟตะเกียงแล้ว เมื่อนางเดินมาจึงรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น
เหตุใดไม่เห็นหน้านางหลายวัน ดูเหมือนนางจะดูดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ให้ความรู้สึกห่างเหินเข้าใกล้ยากยิ่งขึ้นไปอีก
“คารวะท่านย่า” ฉินหลิวซียอบกายคารวะ
“ลุกขึ้นเถิด” สีหน้าฮูหยินฉินผู้เฒ่าเรียบเฉย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะป่วยหรือความกังวล ผมของนางจึงยิ่งดูหงอกขาวมากขึ้นไปอีก ทั้งยังดูแก่ชราขึ้นด้วย
เป็นรูปลักษณ์แห่งความเสื่อมโทรม
ฉินหลิวซีกวาดตามองก่อนจะหลุบตาลง แล้วหันไปคารวะสะใภ้หวัง “ท่านแม่”
“นังหนูซีใหญ่โตจริงนะ ท่านย่าของเจ้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว กว่าจะมาได้” สะใภ้เซี่ยกำลังนึกชิงชังที่ตนเองถูกทำลายโฉม เมื่อเห็นท่าทางเนิบนาบของนาง ในใจพลันรู้สึกโกรธและอดเสียงดังขึ้นมาไม่ได้
พอคิดถึงเรื่องในวันนั้น นางก็รู้สึกเจ็บจมูกขึ้นมาทันที
สะใภ้หวังทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดยุยงของสะใภ้เซี่ย ขณะที่นางก้าวเข้าไปจับตัวฉินหลิวซี ก็ได้กลิ่นยาจางๆ ลอยมา แล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “กลับมาแล้ว เจ้าอาบน้ำอาบท่าล้างฝุ่นตามเนื้อตัวก่อนจะมาหรือ”
นี่เป็นการแก้ต่างแทนฉินหลิวซี
ฉินหลิวซีเอ่ย “เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ กินยาเข้าไปด้วย กลิ่นยาแรงมาก ข้าจึงไม่กล้ามาทันที เกรงว่าจะทำให้ท่านย่าได้กลิ่นแล้วรู้สึกไม่สบาย”
ทุกคนตกตะลึงไปทันที
สะใภ้หวังรีบถามทันที “ไม่สบายตรงไหนหรือ จะต้องตามหมอมาหรือไม่”
“ก็ไม่เป็นไรมากหรอกเจ้าค่ะ เป็นยาที่ข้ากินมาตั้งแต่เด็ก ก็ร่างกายกับดวงของข้าไม่ค่อยดีอยู่แล้วมิใช่หรือ อาจารย์ก็เลยปรุงยาให้ข้ากินมาตลอดน่ะเจ้าค่ะ” ฉินหลิวซีเอาคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าก่อนหน้านี้มาใช้
สะใภ้หวัง “…”
ฮูหยินฉินผู้เฒ่ามีสีหน้าอักอ่วนเล็กน้อย “นั่งลงเถิด เจ้าไปอยู่ที่อารามหลายวันไม่กลับมาจนข้าเกือบจะให้ท่านแม่เจ้าไปรับกลับมาแล้ว จะได้พบเจ้าอาวาสชื่อหยวนสักหน่อยด้วย”
“บังเอิญจริงๆ ที่อาจารย์ออกพเนจรพอดี”
สะใภ้เซี่ยถูกละเลย ในใจนางจึงไม่สบอารมณ์ เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ย “บังเอิญออกไปพเนจรพอดีเชียว คงไม่ได้หาขออ้างมาปฏิเสธหรอกนะ”
“อาสะใภ้รองเอ่ยอันใดออกมา” ฉินหลิวซีนิ่วหน้า “สำนักเต๋าใครก็ไปได้ ไปทำบุญถวายธูปเทียนก็ทำให้อารามเป็นที่นิยมมากขึ้น สำนักเต๋าที่ไหนบ้างจะไม่ต้อนรับคนมาทำบุญ”
สะใภ้เซี่ยสะอึกไปทันที
“อาสะใภ้รองจมูกไปโดนอันใดมาหรือเจ้าคะ” ฉินหลิวซียกมือขึ้นเล็กน้อย สีหน้าท่าทางเป็นกังวล “ท่านบาดเจ็บตรงจมูก จะต้องระวังหน่อยแล้ว ข้าเห็นว่าจุดอิ้นถังกลางหว่างคิ้วของท่านดำคล้ำ เร็วๆ นี้จะโชคร้าย น่าจะเป็นเพราะบาดเจ็บที่จมูกนี่แหละ”
เปลือกตาของสะใภ้เซี่ยกระตุกทันที “เจ้าพูดเหลวไหลอันใด โชคร้ายอันใด เจ้าแช่งข้าหรือ! ท่านแม่ ท่านดูนางสิ มีที่ไหนสาปแช่งผู้หลักผู้ใหญ่อย่างนี้”
ฉินหลิวซีก้มหน้าท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจ “ข้าติดตามอาจารย์มานานหลายปี แม้อาจารย์จะเอ่ยอยู่เสมอว่าข้าโง่เขลา แต่ต่อให้ข้าจะไม่ได้ฝึกถึงขั้นปรมาจารย์ แต่โหงวเฮ้งง่ายๆ ข้าก็พอดูเป็น อาสะใภ้รองไม่เชื่อก็ถือว่าข้าไม่ได้เอ่ยก็แล้วกัน”
จมูกเป็นแผล บริเวณหน้าผากหมองคล้ำ ใบหน้าทะมึน ดวงตาไร้แวว โหงวเฮ้งนี้บอกว่านางกำลังโชคร้ายแน่นอน
สะใภ้เซี่ยโกรธจนสั่นไปทั้งตัว ริมฝีปากนางสั่นระริก แต่กลับไม่สามารถตอบโต้กลับไปได้ เพราะช่วงนี้นางโชคร้ายจริงๆ กำลังปักดอกไม้อยู่ในห้องดีๆ ก็ถูกเข็มแทง เดินอยู่ดีๆ ก็เลี้ยวไปชนเก้าอี้ แม้แต่ดื่มน้ำ นางก็ยังสำลักเอาเป็นเอาตาย
ดังนั้นคำพูดของฉินหลิวซีจึงแทงใจนางเข้าอย่างจัง หรือว่ามันจะเป็นเรื่องจริง