บทที่ 48 หาคนที่ตลาดมืด

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 48 หาคนที่ตลาดมืด

เรื่องกินข้าวจบลง หลานเยาเยารู้ว่าชายชราผมขาวนามสกุลคือเย่นและก็บอกนางเพียงแค่สกุลเย่นเท่านั้น

ทว่าหลานเยาเยาก็ไม่ได้ใส่ใจ นางไม่ได้เรียกเขาว่าปู่ แต่เรียกว่าไอ้แก่เย่น

เพราะแบบนี้ไอ้แก่เย่นโกรธจนลมพ่นจมูก แต่ก็ทำอะไรนางไม่ได้ ทำได้เพียงหน้ามุ่ยหันหน้าไปทางอื่น ราวกับว่าไม่อยากสนใจนางอีก

“สมน้ำหน้า ไอ้แก่เย่น ใครให้เจ้าเรียกข้าว่านังเด็กบ้าตลอดล่ะ ข้าเรียกเจ้าไอ้แก่เย่นบ้างก็ไม่น่าผิดอะไร”

เห็นว่าเขายังไม่พูดเหมือนเดิม หลานเยาเยายักไหล่ที

“เจ้าพักผ่อนอยู่ที่นี่ดีดี อย่าเพ่นพ่านออกไปข้างนอกสร้างปัญหาให้ข้าล่ะ สถานะเจ้าในตอนนี้ไม่ดีนัก ทางที่ดีอย่าให้ใครพบเห็น ข้าจะออกไปซื้อบ้านหนึ่งหลัง ดูแลตัวเองด้วย”

นางรู้สึกเป็นห่วงไอ้แก่นั้น กลัวว่าจะหนีออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน

เดิมที่เดินออกจากประตูใหญ่ไปแล้ว แต่กลับหยุดฝีเท้าลง จากนั้นก็เดินย้อนกลับไป เอาตั๋วเงินออกมาหนึ่งแผ่นวางไว้ที่โต๊ะ ถึงจะจากไปอย่างวางใจ

เดินในซอยเล็กๆ นางไม่ได้เดินออกมาทางเดิมเหมือนกับตอนที่เดินเข้าไปในซอย แต่ทว่าเดินคดเคี้ยวไปมา จากนั้นเดินวนในซอยหลายรอบ และออกมาอีกทางที่ไม่ได้เป็นจุดสังเกตมากนัก

บนท้องถนนใหญ่แลดูวุ่นวายนัก ผู้คนขวักไขว่ไปมาไม่ขาดสาย คนขายของสองข้างทางตั้งแผงขายของร้องเรียกลูกค้า

แล้วตรงที่เช่าบ้านกับขายบ้านต้องไปทางไหนกันน่ะ?

และนี่ก็ทำให้หลานเยาเยางงงวยพอควร

ทันใดนั้น นัยน์ตานางเป็นประกายขึ้นมา ราวกับว่านึกอะไรออก

นางรู้แล้วว่าควรไปหาใคร

เขาน่าจะอยู่ที่ตลาดมืดแหละ

ตลาดมืดไม่ได้ถูกควบคุมโดยกฎหมายของราชสำนัก โดยทั่วไปจะแอบค้าขายกันเงียบๆ ทั้งค้าสัตว์ มนุษย์ และสิ่งของอื่นๆ และของที่ค้าขายเหล่านี้ไม่ใช่วิถีแลกเปลี่ยนทั่วไป

แต่ทว่าคนที่อยู่ในตลาดมืดล้วนไม่ก่อเรื่องให้มันใหญ่โตนัก มิเช่นนั้นจะถูกคนที่ราชสำนักส่งมาทำการกวาดล้าง

หลานเยาเยามาถึงปากทางเข้าตรงสะพาน เห็นขอทานที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงมอมแมมจึงเดินไปตรงหน้าเขาทันที และโยนเงินสิบเหวินให้เขา พร้อมพูดว่า

“ตลาดมืดไปทางไหน”

ขอทานเงยหน้าขึ้นมองนางอย่างประหลาดใจ จากนั้นเก็บเงินในถ้วยและยืนขึ้นโดยไม่พูดอะไร เดินตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

หลานเยาเยาเดินตามมาติดๆ เดินผ่านบ้านช่องที่เปล่าเปลี่ยวและรุงรัง และผ่านตลาดสดหลายแห่ง จากนั้นมุดเข้าไปในร้านชาร้านหนึ่งที่หน้าร้านไม่สวยเท่าไหร่

คนในร้านชาให้นางสวมใส่เสื้อคลุมที่ทำจากผ้ากระสอบ และใส่หมวกด้วย

คนขอทานถึงจะพานางเข้าไปที่ห้องลับห้องหนึ่ง

ประตูหินของห้องลับเล็กมาก ซึ่งผ่านได้แค่คนเดียว

แต่ทว่า หลังจากที่ผ่านประตูลับไป ข้างในรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายขึ้นมาทันที

ตลาดค้าขายด้านมืดที่ใหญ่มากปรากฏตรงหน้านาง ข้างในนี้มืดครึ้มมาก แต่เสียงคนดังโกลาหลไปหมด คนทุกคนหน้าตาดำทมิฬ ดูเหมือนไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่

ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าผู้คนที่อยู่ข้างในจะแต่งตัวต่างกัน แต่ทุกคนใส่เสื้อคลุมที่มีแบบต่างกันและบางคนก็มีม่านผืนใหญ่ด้วย

เวลานี้

ขอทานที่นำทางหยุดลงมองนางอย่างเงียบๆ นัยน์ตา

แฝงความโลภ

เห็นชัดแจ้ง ต้องเพิ่มเงินถึงจะพานางไปหาที่ที่นางกำลังตามหาอยู่

“เจ้าไม่ต้องนำทางแล้ว ข้าไปหาเอง”

ขอทานไม่ได้พูดอะไร แค่พยักหน้าแล้วกลับไปทางเดิม

เดิมคิดว่าตลาดมืดจะอยู่บนพื้นดินในที่ลับๆ คิดไม่ถึงว่าจะสร้างอยู่ในใต้ดิน

อากาศที่นี่ขุ่นหมอง และมีกลิ่นเหม็นอบอวล

หลานเยาเยาเดินผ่านแผงขายของต่างๆ ของที่ขายบนแผงขายของกับบนถนนใหญ่เหมือนกันอย่างกับแกะ ต่างกันแค่เพียงสีหน้าของคนขายที่ไม่ได้น่าคบค้าเท่าคนขายบนถนนใหญ่

และด้านหลังแผงขายของทุกที่จะมีบ้านหนึ่งหลังที่สร้างขึ้นอย่างมิดชิด

เวลานี้ นางเดินผ่านแผงขายของเจ้าหนึ่งที่ประตูบ้านด้านหลังเปิดอ้าไว้ มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่หน้าตาอัปลักษณ์และยิ้มเยิ้มเดินออกมา

และภายในห้อง มีผู้หญิงที่ถูกถอดเสื้อผ้าจนเกลี้ยงทั้งตัว กำลังถูกผู้ชายร่างบึกบึนหนวดยาวนัวเนียคลอเคลีย ทั้งยังใช้แส้เฆี่ยนตีหญิงสาวที่อยู่ใต้ร่างกายอย่างแรง

“มองอะไรหา ไปไปไป”

หลังจากที่เจ้าของแผงขายของเก็บเงินจากชายที่ยิ้มเยิ้มที่เพิ่งออกมาเสร็จ เห็นหญิงสาวอายุน้อยนางหนึ่งกำลังมองไปที่ภายในบ้าน จึงรีบออกเสียงไล่ให้นางไป

หลานเยาเยามองไปที่ชายผู้นั้นแวบเดียว ด้วยสายตารังเกียด จากนั้นรีบเดินไปข้างหน้า

ตลอดทางที่เดินมา บางบ้านที่เปิดประตูไว้ข้างในมีเด็กทารกที่ยังคงร้องไห้ บางคนเป็นชายที่ถูกขาย พวกเขาเป็นเหมือนสัตว์ที่ต้องคุกเข่าบนพื้นเพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตน เพื่อที่จะได้ถูกเลือก และออกจากตลาดมืด

หลานเยาเยาแม้จะมีความเห็นใจ แต่นางรู้ดีว่า คนที่ตกอยู่ในสภาพนี้ใช่ว่าทุกคนจะเป็นคนบริสุทธิ์จริง

เดินผ่านจุดค้ามนุษย์ มาถึงจุดที่ขายสัตว์

สถานที่ตรงนี้ยิ่งโกลาหลวุ่นวายกว่าตรงจุดค้ามนุษย์ และมีกลิ่นเหม็นมาก

หลานเยาเยามาถึงแผงขายของเจ้าหนึ่งที่เจ้าของร้านดูเหมือนเป็นมิตร และได้วางเหรียญเงินหนึ่งตำลึงบนแผงขายของ

“ปกติถิงเมี่ยนนานแค่ไหนถึงจะมาที่ตลาดมืด?”

ดูจากการแลกเปลี่ยนเมื่อครั้งก่อน ยาพิษเหล่านั้นที่ถิงเมี่ยนเอามา ต้องซื้อจากตลาดมืดอย่างแน่นอน อีกอย่างเขาซื้อมาเยอะขนาดนั้น จะต้องสนิทกับคนในตลาดมืดมากๆแน่

และแผงขายของตรงหน้านาง วางกรงไว้หลายอัน ข้างในขังแต่งูที่ไม่มีพิษ

ดังนั้น

เจ้าของแผงขายของคนนี้จะต้องรู้จักถิงเมี่ยนอย่างแน่นอน

ใครจะไปคิด…

“แม่นาง เจ้าต้องถามอีกหนึ่งคำถาม”

เจ้าของแผงขายของที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มือทั้งสองสอดเข้าไปในชายเสื้อ เอียงคอมองมาที่นาง ท่าทางประมาณว่าหากเจ้าไม่ถามอีกหนึ่งคำถาม ข้าจะไม่ตอบคำถามเจ้า

“ทำไมล่ะ?”

หลานเยาเยาถามอย่างไม่เข้าใจ

“ข้าว่าแม่นาง เจ้ามาที่ตลาดมืดครั้งแรกหรือ? เหรียญเงินหนึ่งตำลึงสามารถถามสองคำถาม ไหงเจ้าไม่รู้ล่ะ ข้าน่ะเป็นคนที่มีหลักเกณฑ์ เจ้าถามคำถามไม่ครบข้าจะไม่ตอบเจ้าหรอก”

แม่งเอ๊ย

ยังมีหลักเกณฑ์?

เหรียญเงินหนึ่งตำลึงถูกเขากุมไว้ที่มือ

กุมแน่นเชียว กลัวว่านางถามคำถามไม่ครบจะขอคืนเหรียญเงินครึ่งตำลึงล่ะสิ

ช่างเถอะ

ในเมื่อเหรียญเงินหนึ่งตำลึงนั้นก็ไม่คิดจะเอาคืนอยู่แล้ว ถามเพิ่มอีกคำถามกับไม่ถามเพิ่มก็ไม่ได้ต่างกันมาก

“จะหาเขาเจอได้ที่ไหน?”

“ปกติท่านถิงไม่ได้มาที่ตลาดมืดหรอก จะมาเองก็ต่อเมื่อมีการค้าล็อตใหญ่ อยากจะหาเขาให้เจอ…” นอกเสียจากว่าจะหาคนของเขาให้เจอก่อน

แต่ทว่า…

คำพูดของเจ้าของแผงขายของพูดยังไม่ทันจบ ก็ต้องเบิกตากว้างพร้อมชี้ไปทางที่ไม่ไกลออกไป และพูดว่า

“แม่นาง โชคดีของเจ้า พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาพอดี”

มองตามทิศทางที่นิ้วมือดำๆของเจ้าของแผงขายของชี้ไป มองเห็นถิงเมี่ยนที่สวมใส่เสื้อคลุมจริงๆด้วย

เขาที่ใบหน้าอิ่มเอิบไปด้วยความสุข ดูเหมือนว่าเป็นที่ต้อนรับมากในตลาดมืด

“ท่านถิง ท่านถิง มีแม่นางผู้หนึ่งหาท่าน”

เจ้าของแผงขายของตะโกนเรียกเสียงดัง เสียงดังจนแสบหู ราวกับว่าดังจนสะท้อนไปทั่วทั้งตลาดมืด ไม่กลัวเลยว่าคนทั้งหมดจะได้ยิน

ถิงเมี่ยนก็ย่อมได้ยิน

แม่นาง?

อยู่ในตลาดมืดทำไมถึงมีผู้หญิงมาหาเขาล่ะ?

เขาหันหน้ากลับมา แวบเดียวก็มองเห็นหลานเยาเยาที่ยืนอยู่หน้าแผงแล้ว

มองเห็นนาง ถิงเมี่ยนถึงกับเปิดตากว้าง จากนั้นรีบเดินไปหา แต่คำพูดแรกไม่น่าฟังจนหลานเยาเยาหมดคำพูด

“คุณหนูหก ท่านยังไม่ตายหรือ? สุดยอดมาก”

พูดไปด้วยยกนิ้วโป้งให้นางด้วย ตามด้วยนัยน์ตาที่เป็นประกายทันที

ในเมื่อคุณหนูหกมาหาเขา นั่นก็แปลว่าการค้าล็อตใหญ่มาแล้ว ดังนั้นเขายังคงพูดจาเกรงอกเกรงใจ และตีเจ้าของแผงขายของไปทีที่ขยิบตาอยู่ด้านข้าง…