ตอนที่ 74 สมุนไพรเก่าแก่
“ใช่! ผมโกหกคุณ”
หลินหนานตอบหญิงสาวพร้อมกับหัวเราะร่วน รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเขานั้น แสดงออกถึงความเย้ยหยันอย่างชัดเจน
ร่างของกู่หยุนลิ่วสั่นเทิ้มไปด้วยความโกรธ และจ้องหน้าหลินหนานราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เวลานี้ท่าทางของเธอก็ไม่ต่างจากสิงห์โตตัวน้อย ที่พร้อมจะกัดศัตรูให้จมเขี้ยวได้ในทันที
“ทำไมคุณต้องหลอกฉันด้วย? คุณสนุกมากหรือยังไง?”
กู่หยุนลิ่วสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ แล้วจึงร้องตะโกนถามหลินหนานด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
“ทั้งหมดที่ผมทำไป ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อคุณต่างหาก” หลินหนานยกขาขึ้นไขว่ห้างพร้อมกับเอ่ยตอบ
กู่หยุนลิ่วได้ฟังคำตอบของหลินหนานก็ถึงกับนิ่งอึ้งไป..
เวลานี้เธอรู้สึกอับอายขายหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เห็นชัดว่าผู้ชายคนนี้จงใจหลอกเธอ แต่ยังกล้าพูดเอาดีเข้าตัวอีก!
“เอาล่ะ.. ตอบผมมาก่อนว่า คุณรู้ได้ยังไงว่าผมโกหกคุณ?” หลินหนานเอ่ยถามต่อทันที
“ก็ใบสั่งยานี่ยังไงล่ะ!! ทั้งหมดนี้เป็นตัวยาสำหรับรักษาเรื่องรอบเดือนมาไม่ปกติของผู้หญิงเท่านั้น..” กู่หยุนลิ่วร้องตะโกนใส่หน้าหลินหนานด้วยความเดือดดาล
“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าเป็นใบสั่งยาเกี่ยวกับเรื่องนั้น?” หลินหนานย้อนถาม
“ทำไมฉันจะไม่รู้? สมุนไพรพวกนั้นล้วนมีฤทธิ์เกี่ยวกับระบบภายในของผู้หญิง..” กู่หยุนลิ่วตอบกลับเสียงห้วน
“นั่นไง! นี่แสดงว่าคุณเองก็มีความรู้พื้นฐานในเรื่องแพทย์แผนจีนอยู่บ้าง แต่คุณเป็นคนบอกเองว่าความรู้พวกนี้เป็นความรู้ขยะไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมคุณยังเชื่อว่าสมุนไพรพวกนั้นรักษาระบบภายในของผู้หญิงได้จริง?” หลินหนานหรี่ตามองกู่หยุนลิ่วขณะถาม
“เอ่อ.. ฉัน..”
กู่หยุนลิ่วถึงกับจนปัญญา และไม่อาจโต้เถียงหลินหนานได้..
หลินหนานพูดถูก ในเมื่อเธอไม่เชื่อเรื่องแพทย์แผนจีน ทำไมเธอถึงยังเชื่อว่า สมุนไพรพวกนั้นคือสมุนไพรที่ใช้รักษาระบบภายในของผู้หญิง?
“ความน่าอัศจรรย์ของการแพทย์แผนจีนก็คือ การที่คนธรรมดาทั่วไปยังสามารถรู้เรื่องใบสั่งยาพื้นๆพวกนี้ และนำไปใช้รักษาอาการเจ็บป่วยของตนเองได้ เป็นการแพทย์ที่สามารถเจาะเข้าถึงกลุ่มคนได้มาก..”
“แต่การเจาะเข้าถึงกลุ่มคนได้มาก ก็ไม่ได้หมายความว่าการรักษาจะมีประสิทธิภาพไปด้วยไม่ใช่เหรอ?” กู่หยุนลิ่วตอบโต้กลับทันที
“ถ้าอย่างนั้นผมขอถามคุณว่า อาการทั้งหมดของคุณที่ผมพูดออกมา มีตรงไหนผิดบ้างมั๊ย?” หลินหนานย้อนถาม
“เอ่อ เรื่องนั้น..”
กู่หยุนลิ่วถึงกับนิ่งอึ้ง และไม่อาจโต้เถียงหลินหนานในเรื่องนี้ได้ เพราะอาการที่หลินหนานพูดมาทั้งหมดนั้น ไม่มีเรื่องไหนผิดเลยแม้แต่เรื่องเดียว
“แล้วการที่คุณไปรักษาด้วยแพทย์ตะวันตก หมอพวกนั้นรักษาคุณให้หายได้มั๊ยล่ะ?” หลินหนานยังคงถามต่อ
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดกู่หยุนลิ่วก็เม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะยอมรับออกมาตามตรง “ไม่หาย!”
การแพทย์ตะวันตกเน้นการตรวจ และวินิจฉัยโรคไปตามอาการที่ร่างกายแสดงออกมา กู่หยุนหลินไปตรวจมาหลายครั้ง แต่ก็หาสาเหตุของอาการเหล่านั้นไม่พบ แม้แต่อาจารย์หมอของเธอเองก็ยังตอบไม่ได้..
“แต่ผมสามารถรักษาคุณให้หายได้!”
หลินหนานอธิบายต่อว่า “ความสำคัญของแพทย์แผนจีนอยู่ที่การสังเกต การฟัง การสอบถาม และการทำความเข้าใจคนไข้ ทั้งสี่อย่างนี้คือพื้นฐานของการวินิจฉัยโรค หากเป็นหมอที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูงจริงๆ เพียงแค่เห็นท่าทางการเดิน และการเคลื่อนไหวของคนไข้ ก็สามารถวินิจฉัยโรคได้แล้ว ไม่ว่าคนไข้จะมีอาการที่แปลกประหลาด หรือซับซ้อนมากเพียงใดก็ตาม..”
“ยิ่งไปกว่านั้น การแพทย์แผนจีนเน้น และให้ความสำคัญเกี่ยวกับการป้องกันไม่ให้เจ็บป่วย มากกว่าการรักษาไปตามอาการ ร่างกายของมนุษย์เป็นสิ่งมหัศจรรย์ยิ่ง เพราะสามารถเยียวยา และสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกายได้เอง..”
“และด้วยเหตุนี้ บรรพชนที่ชาญฉลาดของพวกเรา จึงได้พยายามค้นหาวิธีที่ดีที่สุด เพื่อที่จะฟื้นฟูร่างกายของมนุษย์เรา ให้สามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติ มากกว่าการรักษาอาการเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นแต่ละอาการ..”
“คุณยังคิดว่าความเฉลียวฉลาดนี้เป็นเรื่องที่น่าขบขันอยู่อีกเหรอ?!”
กู่หยุนลิ่วไม่โต้เถียงเลยแม้แต่คำเดียว และเวลานี้แววตาของเธอก็เป็นประกาย ราวกับว่ากำลังฟังอาจารย์ที่สอนอยู่หน้าชั้น
หลินหนานยังคงอธิบายต่อพร้อมกับยิ้มกว้าง..
“ผมไม่ได้บอกว่าการแพทย์ตะวันตกไม่ดี เพราะความจริงการแพทย์ตะวันตกก็สามารถตรวจวินิจฉัยโรคได้แม่นยำสูง และมียารักษาที่มีประสิทธิภาพ แต่ในขณะเดียวกัน การรักษาในเชิงฟื้นฟูป้องกันแบบแพทย์แผนจีนก็วิเศษไม่น้อยไปกว่า แต่ละศาสตร์ล้วนมีข้อดีและข้อด้อยในตัวเอง จึงไม่มีความจำเป็นต้องแยกสองศาสตร์ออกจากกัน..”
“นี่คุณกำลังจะบอกว่า..” แววตาของกู่หยุนลิ่วเป็นประกายขึ้นมาทันที
“ไม่ว่าจะจีนหรือตะวันตก แก่นแท้คือการรักษาเยียวยาผู้คนให้มีร่างกายที่แข็งแรงไม่ใช่เหรอ? หากคุณเลือกที่จะมองจากมุมใหม่ที่แตกต่างจากเดิม โลกของคุณก็จะกว้างขึ้น” หลินหนานพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ฉันเข้าใจแล้ว!!!”
กู่หยุนลิ่วร้องตะโกนออกมาด้วยความดีอกดีใจ พร้อมกับโค้งคำนับหลินหนานจากใจจริง
“คุณเข้าใจที่ผมพูดจริงเหรอ?” หลินหนานถามเพื่อให้มั่นใจ
“ฉันเข้าใจแล้วจริงๆค่ะ! แต่เรื่องที่คุณโกหกฉัน เรื่องนี้ฉันไม่ยอมจบง่ายๆแน่..” สาวน้อยบอกกับหลินหนานพร้อมกับยิ้มกว้าง

หลินหนานผายมือพร้อมตอบกลับไปว่า “งั้นก็เชิญคุณมาแก้แค้นผมได้ทุกเมื่อ!”

“ฉันจะทำตามเงื่อนไขที่ได้รับปากคุณไว้ เดี๋ยวฉันจะไปที่มหาวิทยาลัย และขออาจารย์ดร็อปเรียนไว้ก่อนสามเดือน..”
พูดจบ.. กู่หยุนลิ่วก็วิ่งออกไปจากห้องทันที
หลินหนานจ้องมองตามร่างเด็กสาวสดใสร่าเริงไป พร้อมกับแอบถอนหายใจออกมา และอดคิดไม่ได้ว่า เด็กสาวคนนี้ทั้งสดใส แล้วก็งดงามไร้ที่ติจริงๆ!
หลังจากนั้น หลินหนานก็หันกลับมา และพบว่าผู้เฒ่ากู่กำลังจ้องหน้าเขาเขม็ง หลินหนานจึงได้แต่พูดขึ้นด้วยความรู้สึกผิด
“อาวุโสกู่ อย่าตำหนิผมเลย ทั้งหมดที่ผมทำไปเพราะต้องการที่จะช่วยคุณ..”
“คุณชายหลิน.. อย่าได้พูดแบบนั้นอีก ผมรับรู้ได้ถึงความตั้งใจดีของคุณ ไม่อย่างนั้น คุณก็คงไม่บอกความจริงกับพวกเราแน่..” ผู้เฒ่ากู่เอ่ยตอบอย่างเข้าอกเข้าใจ
“คุณชายหลิน คิดไม่ถึงว่าคุณจะทำให้หลานสาวของผมเลิกอคติกับการแพทย์แผนจีนได้ คุณช่างเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลกู่จริงๆ” ผู้เฒ่ากู่พูดกับหลินหนาน พร้อมกับโค้งศรีษะคำนับเขาอีกครั้ง
หลินหนานรีบยกมือขึ้นโบกไปมา พร้อมกับร้องห้ามเสียงดัง “อาวุโสกู่ ห้ามทำแบบนี้อีก ถ้าขืนคุณยังทำไม่เลิก ผมคงต้องอายุสั้นแน่! เผลอๆจะอยู่ไม่ถึงวันเกิดปีนี้ของตัวเองด้วยซ้ำ!”
ผู้เฒ่ากู่นึกรู้สึกขบขันกับคำพูดหยอกเย้าของหลินหนาน จึงได้ตอบกลับไปว่า “คุณชายหลินล้อผมเล่นอีกแล้ว เอาล่ะ.. คราวนี้บอกผมได้แล้วว่าอะไรคือหญ้าหิมะกับบุหงาฟื้นคืนวิญญาณ?”
ตาเฒ่านี่ความจำดีจริงๆ!!
หลินหนานแสร้งทำเป็นหัวเราะ แล้วตอบกลับไปว่า “เรื่องนั้นช่างเถอะ อย่าไปพูดถึงมันจะดีกว่า ว่าแต่ในสมุนไพรเก่าแก่ที่สุดในร้านของคุณมีอะไรบ้าง?”
ผู้เฒ่ากู่ทำสีหน้าครุ่นคิด จากนั้นจึงตอบไปว่า “คุณชายหลิน คุณรอประเดี๋ยว!”
จากนั้นผู้เฒ่ากู่ก็รีบร้อนลุกขึ้น และเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่นานนักเขาก็เดินกลับมาพร้อมกับกล่องใบหนึ่ง
หลินหนานสังเกตเห็นว่ากล่องใบนั้นรูปร่างหน้าตาธรรมดา แต่มีภาพแกะสลักของมังกรและหงส์ แม่กุญแจทองเหลืองที่คล้องอยู่ก็ดูเหมือนจะเก่าแก่มาก เพราะมีคราบสนิมอยู่เป็นจุดๆ
ผู้เฒ่ากู่ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดกว่าก่อนมาก มือที่กำลังเปิดแม่กุญแจนั้นสั่นสะท้าน และเมื่อเปิดออกมาก็พบกับสิ่งที่อยู่ด้านใน
ภายในกล่องใบนั้นมี มีสมุนไพรหายากยิ่งนักวางอยู่บนผ้าแพรอ่อนนุ่มสีแดง..
รูปร่างหน้าตาของสมุนไพรนี้ดูแปลกประหลาดอย่างมาก!
สมุนไพรต้นนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือ ลำต้นสีฟ้า มีใบอยู่ทั้งหมดสามใบ ตรงกลางมีดอกซึ่งมีรูปร่างเป็นลักษณะหกแฉก แม้จะผ่านมาเนิ่นนานหลายปี แต่รูปร่างของมันกลับดูคล้ายยังไม่สมบูรณ์
และทันทีที่ฝากล่องถูกเปิดออก กลิ่นหอมหวนก็โชยออกมา ตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง หลินหนานถึงกับตกใจจนแทบช็อคเมื่อได้กลิ่นของมัน
“กลิ่นหอมรุนแรงขนาดนี้เชียวเหรอ?” หลินหนานร้องอุทานออกมา และสีหน้าของเขาก็ถึงกับเปลี่ยนไป
“คุณชายหลิน นี่เป็นโอสถที่องค์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ก่อนหน้า มอบให้แก่บรรพชนของผมเป็นรางวัล จากนั้นจึงได้มอบต่อลูกหลานในตระกูลจากรุ่นสู่รุ่นให้เก็บรักษาไว้ จนกระทั่งถึงปัจจุบันี้..”
สีหน้าของผู้เฒ่ากู่เปลี่ยนเป็นงุนงงสับสนเล็กน้อย พร้อมกับอธิบายต่อว่า “แต่โอสถนี้ก็แปลกประหลาดมากทีเดียว!”
“ผมได้ค้นหาทั้งจากตำราเปิ๋นเฉ่ากังมู่ แล้วก็สารานุกรมพืชต่างๆ แม้กระทั่งไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องพืชที่มีชื่อเสียง แต่ก็ไม่พบแหล่งที่มาของสมุนไพรต้นนี้เลย!”
หลินหนานได้แต่แอบยิ้มอยู่ในใจ..
นี่คือสมุนไพรครอบจักรวาล แน่นอนว่าคุณต้องหาไม่พบอยู่แล้ว!
“ไม่ทราบว่าสมุนไพรต้นนี้จะมีประโยชน์กับคุณชายหลินบ้างมั๊ย..? แต่นี่ก็เป็นสมุนไพรที่เก่าแก่ที่สุดในหอฟู่ซิงแล้ว!”
ผู้เฒ่ากู่เอ่ยถาม พร้อมกับยื่นกล่องในมือให้กับหลินหนาน..
————————-
เปิ๋นเฉ่ากังมู่ – หลี่ ฉือเจิน แพทย์คนสำคัญในช่วงกลางสมัย ราชวงศ์หมิง เป็นผู้ประพันธ์ตำราทางการแพทย์ที่สำคัญของจีนเล่มหนึ่งคือ เปิ๋นเฉ่ากังมู่ (อังกฤษ: Compendium of Materia Medica) หรือเค้าโครงบัญชีโอสถ