บทที่ 59 มีปัญญาซื้อเหรอ

คิงดราก้อน

เช้าวันรุ่งขึ้น เซียวหยางวางเอกสารไว้ที่ห้องรับแขก

ตอนที่เย่หยุนซูลงมันนั้น ก็เห็นเอกสารที่หนาปึกแปลเสร็จแล้ววางอยู่ และมันก็ทำให้เธอต้องมองเซียวหยางในมุมมองใหม่

“คุณใช้เวลาเพียงคืนเดียวก็สามารถแปลเอกสารทั้งหมดเหล่านี้ได้ ? นี่คุณยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า ”

ความเร็วแบบนี้ เร็วกว่านักแปลมืออาชีพไม่รู้กี่เท่า ชายคนนี้ทำมันออกมาได้ยังไงกัน ?

เมื่อได้ยินคำชมของภรรยา เซียวหยางก็รู้สึกภูมิใจไม่น้อย แต่ประโยคหลังฟังดูแล้วเหมือนกำลังด่าเขายังไงไม่รู้

“ผมถือว่าเป็นคำชมจากคุณ”

เย่หยุนซูหยิบเอกสารขึ้นมาดู แปลได้ถูกต้อง ไม่มีตรงไหนบ่งชี้ว่าแปลมั่วหรือแปลไปเรื่อย

มองดูดวงตาของเซียวหยาง ก็อ่อนโยนลงไปมาก

“วันนี้คุณไม่ต้องไปทำงาน ฉันให้คุณหยุดวันหนึ่ง พักผ่อนอยู่ที่บ้านแล้วกัน ”

“อ๋อยังมีอีกอย่าง เกือบลืมเลย ในเมื่อรับปากจะไปร่วมงานบนเรือยอช์ตของQueen Annaแล้ว คุณก็คงต้องแต่งองค์ทรงเครื่องเสียใหม่ อย่าให้ถังเทียนหวามาดูถูกเอาได้ ”

เย่หยุนซูหยิบบัตรเครดิตออกมา “ อะนี่ ในนี้มีเงินอยู่สองแสน คุณไปเลือกซื้อเสื้อผ้าที่เข้ากับตัวเองสักชุดแล้วกัน ”

เซียวหยางตกปากรับคำ หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จ เขาก็ส่งเย่หยุนซูไปยังที่ทำงาน จากนั้นก็ขับรถกลับ แล้วไปเตร็ดเตร่ตามท้องถนน

อันที่จริงแล้วเมื่อวานเซียวหยางก็นั่งแปลเอกสารนั้นอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ส่งมันไปยังสำนักดราก้อน แล้วได้กำชับกับคนที่นั่นว่าให้ส่งกลับมาคืนเขาก่อนเช้าวันรุ่งขึ้น

แล้วตัวเขาเอง ก็นอนหลับบนเตียงอย่างสบายใจ

ใช้เวลาไม่นาน เซียวหยางก็มาถึงที่ห้างสรรพสินค้า เขาเดินไปยังโซนเครื่องแต่งกายบุรุษเป็นอันดับแรก

กับสไตล์การแต่งตัว และความคุ้นชินในยี่ห้อของสินค้า เซียวหยางก็จัดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญอยู่เหมือนกัน

เวอร์ซาเช่ พราด้า ดอลเช่แอนด์แกบาน่า อาร์มานี……

แต่เซียวหยางไม่ค่อยชอบอาร์มานี ปรกติพวกเศรษฐีใหม่ชอบใส่ของอาร์มานี ทำให้เกรดของมันต่ำลง

เขาเลือกแบรนด์ของเวอร์ซาเช่

เวอร์ซาเช่เป็นแบรนด์ชั้นนำของอิตาลี เซียวหยางชอบตราสัญลักษณ์หัวของเมดูซา แนวการออกแบบยังเป็นอารยธรรมของกรีกโบราณ อียิปต์ อินเดียและวัฒนธรรมลึกลับอื่นๆ เป็นแฟชั่นที่ทันสมัย และนำเทรนอยู่ตลอดเวลา

หลังจากเข้าไป ภายในร้านมีพื้นที่ราวๆห้าร้อยตารางเมตร สไตล์การตกแต่งก็หรูหรา และอลังการมาก

นอกจากเสื้อผ้าของผู้ชายแล้ว ยังมีเครื่องประดับของผู้ชายอีกด้วย อาทิเช่นเข็มขัด น้ำหอมและเครื่องประดับอื่นๆ

แต่ราคาสินค้าแบรนด์ดังนี้แค่เห็นก็เกิดความกลัวแล้ว แค่เข็มขัดเส้นเล็กเส้นหนึ่งก็สนนราคาหลักหมื่นแล้ว

ภายในร้าน นอกจากพนักงานสี่ห้าคนแล้ว ก็มีเพียงคนวัยกลางคนเพียงคนเดียวที่กำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่

เซียวหยางเดินไปยังโซนขายชุดสูท แล้วเริ่มเลือกเสื้อผ้า

พนักงานในร้าน ล้วนอายุน้อยๆกันทั้งนั้น ดูไปก็คงจะราวๆยี่สิบต้นๆได้ สวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์ตัวเอง ดูไปแล้วก็ไม่เหมือนพนักงานดูแลร้านเท่าไร เหมือนเด็กวัยรุ่นชนชั้นสูงมากกว่า

พนักงานพวกนี้ล้วนต้อนรับแต่ลูกค้าชนชั้นสูง แน่นอนว่าสายตาก็สูงไปด้วยเช่นกัน กับเซียวหยางที่สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาแบบนี้ ตั้งแต่หัวจรดเท้า รวมกันยังไม่ถึงห้าร้อยหยวน ยังกล้าเข้าร้านเวอร์ซาเช่ พวกเขาก็เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก

“คุณผู้ชายค่ะ เสื้อผ้าของเราหยิบจับไปเรื่อยไม่ได้นะคะ”

พนักงานที่ใส่รองเท้าส้นสูงผิวขาวคนหนึ่งเดินเข้ามา พร้อมใบหน้าที่ดูหมิ่นเล็กน้อย

หากไม่ใช่เพราะเซียวหยางมีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลา คำพูดของเธอก็คงจะรุนแรงมากกว่านี้

“จับต้องไม่ได้ แล้วผมจะลองเสื้อผ้าได้ยังไง ไม่ลองเสื้อผ้า แล้วผมจะซื้อมันยังไง ?”

เซียวหยางไม่ได้โกรธ เรื่องแบบนี้เขาเจอมานักต่อนักแล้ว

“คุณผู้ชาย หากคุณต้องการซื้อ เราสามารถให้คุณลองได้แน่นอน แต่ร้านเราเป็นร้านเวอร์ซาเช่ ก่อนหน้านั้นคุณเคยใส่ของเวอร์ซาเช่ไหมคะ นี่เป็นเสื้อผ้าสำหรับคนชนชั้นสูง”

ในตอนนี้เอง พนักงานชายที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ก็แสดงท่าทีเยาะเย้ย เข้าทำงานที่นี่ได้ ก็ต้องผ่านการคัดเลือกหลายขั้นตอน เงินเดือนก็ค่อนข้างสูงพอสมควร เพราะฉะนั้นอย่าเห็นว่าพวกเขาเป็นแค่พนักงาน แต่สายตาพวกเขาก็สูงด้วยเช่นกัน

กับเซียวหยางที่สวมใส่เสื้อผ้าตามท้องตลาด จึงไม่เข้าตานัก

เซียวหยางไม่ได้สนใจพวกเขา เดินวนในส่วนของเสื้อผ้าบุรุษอยู่ครู่หนึ่ง แล้วดูเครื่องประดับที่เข้าชุด จากนั้นจึงได้กวักมือ เรียกพนักงานสาวคนหนึ่งมา

พนักงานสาวคนนี้หน้าสะสวย และกิริยาท่าทางก็ไม่ได้น่ารังเกียจ

พนักงานสาวเพิ่งเรียนจบมหาลัย เข้าทำงานได้ไม่ถึงครึ่งเดือน เป็นพนักงานใหม่ ยอดขายแย่ จนถึงตอนนี้ก็ยังขายเสื้อผ้าไม่ได้เลยสักชิ้น

เมื่อเห็นเซียวหยางเรียกตัวเอง เธอก็ไม่ได้คิดมากอะไร ต่อให้เซียวหยางจะไม่มีปัญญาซื้อ เธอก็จะอธิบายให้กับเซียวหยาง ถือว่าสะสมประสบการณ์ไปในตัวแล้วกัน

“คุณผู้ชาย ไม่ทราบว่าต้องการให้ช่วยเหลืออะไรคะ ? ”

“ชุดสูทสองชุดนี้ กับเข็มขัดสองเส้นนี้ แล้วเสื้อเชิ้ตตัวนี้กับรองเท้าหนังคู่นั้น ผมขอลองหน่อย”

เซียวหยางไม่ได้ควักบัตรเครดิตที่เย่หยุนซูให้มา เพราะเขารู้ว่าเงินแค่นั้นซื้อสินค้าในร้านเวอร์ซาเช่พวกนี้ไม่ได้

เขาหยิบบัตรไดมอนด์การ์ด VIP ออกมา

พนักงานสาวเคยได้รับบัตรแบบนี้มาก่อน ทันใดนั้นก็อึ้งไป

บัตรแบบนี้เธอเคยเห็น เป็นบัตรVIPระดับสูงสุดของธนาคาร คนที่ถือครอบครองได้ ฐานะต้องเป็นที่ได้รับความเคารพนับถือ มูลค่าของบัตรก็ราวๆพันล้านได้

แต่เซียวหยางกลับสวมใส่เพียงเสื้อผ้าตามท้องตลาด

ดูไม่ออกจริงๆ ชายหนุ่มคนนี้ที่สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา แต่กลับเป็นคนรวยที่สมคำร่ำลือจริงๆ

และพนักงานคนอื่นต่างก็ตกตะลึงไปพร้อมกัน ไม่คิดว่าเซียวหยางจะหยิบบัตรเครดิตระดับสูงเช่นนี้ออกมา

“เชอะ จะสักเท่าไรกันเชียว ก็คงแค่เศรษฐีใหม่ อย่างมากก็ซื้อแค่ตัวหนึ่งเอาหน้า ไม่มีอะไรน่ามหัศจรรย์หรอก”

พนักงานสาวเดินตามหลังเซียวหยาง เซียวหยางชี้ไปที่สิ่งไหน พนักงานสาวก็จำแบบและขนาดเอาไว้ จากนั้นจึงไปที่ห้องเก็บของแล้วนำไซซ์ที่ต้องการออกมา

เซียวหยางหยิบเสื้อผ้าและเครื่องประดับไปที่ห้องลองเสื้อ ผ่านไปไม่นาน ก็เดินออกมาด้วยรูปโฉมใหม่

ทันใดนั้น พนักงานทั้งหมดในร้านต่างก็ตกตะลึง

“ว้าว หล่อจัง เด็กคนนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเหมือนเป็นนายแบบไปเลย!ช่างหล่อเหลาจริงๆ !”

มีพนักงานสาวคนหนึ่งจ้องมองไปที่เซียวหยางด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ แล้วก็จ้องมองเซียวหยางอยู่อย่างนั้น

ไม่เพียงหล่อเท่านั้น แต่เสื้อผ้าของเวอร์ซาเช่ก็เปร่งประกายออร่าที่มีของเซียวหยางออกมาจนหมด

ราวกับคุณชายตระกูลใหญ่ สูงส่งและดูสง่า ทันใดนั้นก็แยกระดับชนชั้นกับเหล่าพนักงานนั้นออกโดยสิ้นเชิง

แม้ในสายตาของพนักงาน ชุดสูทที่เซียวหยางสวมใส่จะดูดีมีสไตล์ แต่เซียวหยางที่มองดูตัวเองในกระจก กลับส่ายหน้า

ชุดนี้ก็แค่พอไปวัดไปวาได้ ยังไม่พอสร้างความประทับใจให้กับเขา จากนั้นก็หยิบอีกชุดเข้าไปยังห้องลองเสื้อผ้าอีกครั้ง

“เชอะ ฉันว่าเจ้าเด็กคนนี้คงแค่แกล้งทำเนียบไปเท่านั้น ดีไม่ดีบัตรใบนั้นจะเป็นของปลอมด้วยซ้ำ แกล้งหน้ามึนไปงั้นแหละ ”

“เปลี่ยนเสื้อผ้าสักสองสามชุดแล้วอัพรูปลงโซเซียล เอาไว้หลอกสาวๆ พวกเสื้อผ้าเครื่องประดับเข็มขัดและรองเท้านี้ รวมๆกันแล้วก็เกือบล้าน ยังไงฉันก็ไม่เชื่อว่าไอเด็กคนนี้จะมีปัญญาซื้อ ”

พนักงานชายพูดขึ้นอย่างอิจฉา ยิ่งอายุของเซียวหยางกับเขาก็ไล่เลี่ยกัน กะแค่คนธรรมดา ยังมาอวดรวย ถูกพนักงานพวกนี้ชื่นชม เขามองดูแล้วก็สะอิดสะเอียน

พนักงานสาวต่างไม่ได้พูดอะไร หากเขาไม่มีปัญญาซื้อจริงๆ แต่การที่เซียวหยางใส่สูท แล้วดูหล่อเหลานั้น มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องเงินเลย

เพียงไม่นาน เซียวหยางก็เดินออกมา ออร่ากระจายต่อหน้าทุกคน

“ว้าว หล่อจัง !”

“หล่อระเบิด !”