บทที่ 28 เขาถูกสงสัย

หยวนชิงหลิงสังเกตจากอุปนิสัยและการแสดงออกของเขา

“จุดประสงค์ของฝ่ายตรงข้ามคือท่าน?เพราะตอนนั้นท่านอยู่หอเหวินชาน?”

หยู่เหวินเห้าไม่ได้ตอบอะไร เขาค่อยๆนั่งลง มองไปที่ฝูเป่าด้วยความสงสารจับใจ ความโกรธพลุ่งพล่านจากก้นบึ้งของหัวใจ

“พวกเขาต้องการใช้วิธีการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ทำร้ายเสร็จปู่ และต้องการใส่ร้ายข้าด้วย” หยู่เหวินเห้าหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หยวนชิงหลิงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง มองไปที่เขา “ถึงแม้ว่าจะร้ายไท่ซ่างหวงไม่ได้ พวกเขาก็จะดึงท่านเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่ดี เรื่องที่เกิดขึ้นมันแปลกมาก ฝ่าบาทต้องสอบสวนอย่างแน่นอน หากถึงตอนนั้น เกรงว่าท่านอ๋องจะตกที่นั่งลำบาก หากท่านถอยหลัง1หมื่นก้าวแม้ว่าท่านจะไม่ได้ทำ แม้ไท่ซ่างหวงไม่ตำหนิท่านแต่พระองค์ก็จะผิดหวังในตัวท่าน

หยวนชิงหลิง ไม่ได้พูดประโยคสุดท้าย

นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ได้เป็นรัชทายาทอีกต่อไป

หยู่เหวินเห้าเงียบเป็นเวลานาน คิ้วขมวด แววตาเย็นชา

ท่าทางของเขาในตอนนี้น่ากลัวมาก หยวนชิงหลิงไม่กล้าพูดอะไรไม่เข้าหู

แผนการและกลเม็ดเหล่านี้ นางก็ไม่อย่างยุ่งด้วยเท่าไหร่

แต่ว่า เรื่องนี้หากมันเกิดขึ้นสุดท้ายเรื่องราวก็ต้องโยงมาหานางเพราะนางเป็นพระชายาของเขา ดังนั้นนางเองก็อดสงสัยไม่ได้จึงถามไปประโยคหนึ่ง “นอกจากท่านแล้ว มีใครอยู่ที่หอเหวินชานอีก?”

หยู่เหวินเห้าเงยหน้าขึ้นด้วยแววตารู้สึกสงสัย “พูดด้วยน้ำเสียงดุดัน เจ้าต้องการพูดอะไร?”

“ฉู่หมิงชุ่ย!”หยวนชิงหลิงพูดออกมา

“หุบปาก!”หยู่เหวินเห้าพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ใครให้เจ้าพูดไปเรื่อย?”

หยวนชิงหลิงเมื่อให้เขาโมโหจึงไม่อยากยุ่งกับเขา เดินไปนั่งลงข้างๆฝูเป่า นางเอื้อมไปจะลูบขนคิ้วของมัน พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านอ๋องท่านรีบไปเข้าเฝ้าไท่ซ่างหวงเถอะ เมื่อไท่ซ่างหวงตื่นขึ้น ฝ่าบาทต้องรีบตรวจสอบ ดีที่สุดท่านควรอยู่ที่นั่นด้วย”

สีหน้าของหยู่เหวินเห้าตึงเครียดและเขาหันตัวเดินออกไป

หยวนชิงหลิงมองดูไปที่ฝูเป่า ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา มีคนกล้าทำร้ายฝูเป่า นางก็เป็นกังวลอยู่เหมือนกัน เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้รู้ ฝ่ายศัตรูกล้าลงมือขนาดนี้ หากฝูเป่าจะปลอดภัย ก็ต้องอยู่ใกล้ไท่ซ่างหวง

นางใช้ผ้าห่มคลุมตัวฝูเป่าไว้ ห่อหุ้มฝูเป่าเสร็จนางมุ่งหน้าไปตำหนักฉินคุน

ไปสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นกับฝู่เปา เป็นคำสั่งของไท่ซ่างหวง

ไท่ซ่างหวงรู้นิสัยของฝูเป่าดี ฝูเป่ากลัวความสูง แม้ตอนเดินลงจากบันไดขามันยังสั่น แน่นอนว่ามันไม่กล้าขึ้นไปบนหอเหวินชาน และแน่นอนว่ามันไม่กล้ากระโดดลงจากที่สูงขนาดนั้น

ฉะนั้น หลังจากไท่ซ่างหวงตื่นขึ้น ต้องสอบสวนเรื่องนี้อย่างแน่นอน ฮ่องเต้หมิงหยวนเสร็จมาถึงแล้ว เมื่อรู้สถานการณ์ เขาโกรธมาก และสั่งโบยขันทีที่รับดูแลฝู่เป่ายี่สิบกว่าไม้

ผู้ที่รับผิดชอบสืบสวนคดีนี้คือรองผู้บัญชาการมหาดเล็ก

พระตำหนักฉินคุนมีคนไม่มาก สอบสวนไม่นานก็จะรู้

มีคนให้การว่าเห็นอ๋องฉู่หยู่เหวินเห้า

หยู่เหวินเห้าอุ้มฝูเป่าขึ้นไปบนหอเหวินชาน

“อ๋องฉู่!” สีหน้าของฮ่องเต้หมิงหยวนเปี่ยมไปด้วยความโกรธ

หยู่เหวินเห้าพึ่งมาถึงตำหนักพัก และได้ยินเสียงดังลั่นของฮ่องเต้หยวนหมิงอย่างชัดเจน

ใจของเขาก็กระวนกระวายมาก ไม่รอกู้ซือมา เขารีบเข้าไปในตำหนักทันที

ตำหนักด้านใน มีอ๋องชินลุ่ย อ๋องฉี อ๋องจี้และเชื้อสายของพระมหากษัตริย์หลายคน ฮองเฮาและฉู่หมิงชุ่ยยืนอยู่ข้างไทเฮา ไท่ซ่างหวงนั่งอยู่ที่เตียง พระองค์เศร้าโศกและเหมือนคนไม่มีสติ ฉางกงกงยกน้ำชามาและดูแลอยู่ข้างๆ

“อ๋องฉู่!”กู้ซืออยู่ด้านหน้า สายตาของเขาดูสับสน“วันนี้ท่านใช่ไหมที่พาฝูเป่าขึ้นบนหอเหวินชาน?”

หยู่เหวินเห้าเงียบไปครู่หนึ่ง ค่อยๆพยักหน้า “ใช่ข้าเอง!”

สีหน้าของฮ่องเต้หมิงหยวน ดูแค้นมาก “ท่านพาฝูเป่าไปที่แห่งนั้นทำไมรึ?”

หยู่เหวินเห้าเงียบลงอีกครั้ง“ลูกรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ทั่วท้อง จึงอยากขึ้นไปบนหอเหวินชานเพื่อรับอากาศ ฝูเป่าตามมาด้วย ลูกจึงพาฝูเป่าไปขึ้นไปด้วย

“ถ้าอย่างนั้นตอนที่ท่านอ๋องออกมาจากที่นั่น ฝูเป่าลงมาด้วยหรือเปล่า?” กู้ซือถาม

หยู่เหวินเห้าส่ายหัว “ในตอนนั้นข้าไม่ทันสังเกต”

“เจ้าไม่มีความกระตือรือร้นความใส่ใจเลยเช่นนั้นรึ รู้ทั้งรู้ว่าฝูเป่าเป็นเหมือนดวงใจของเสร็จปู่เจ้า เจ้าไม่แม้แต่จะสังเกตและใส่ใจ?”

ฮ่องเต้หมิงหยวนกล่าวด้วยความโมโห สิ่งนี้มันหมายความว่าหยู่เหวินเห้านำความรักและความไว้ใจที่ไท่ซ่างหวงมีมาทำร้ายพระองค์ บรรยากาศในตำหนักตอนนี้ตึงเครียดมาก

แม้แต่ไทเฮาเองก็ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น

นางกล่าว “ช่างเถอะ แค่สุนัขตัวเดียวทำไมต้องโมโหลูกชายเขาขนาดนั้นถึงแม้ว่าหลานห้าจะพาขึ้นไปจริงๆ เขาก็ไม่มีทางที่จะโยนลงมา เพราะหลานห้าเองก็รักฝูเป่ามาก”

ไทเฮาไม่รู้เลยว่าฮ่องเต้หมิงหยวนไม่ใช่คิดแค่เรื่องนี้ ?พระนางรู้สึกว่าฮ่องเต้หมิงหยวนทำให้เรื่องราวใหญ่โต แค่สุนัขตัวเดียว สอบสวนให้อยู่ในขอบเขตก็พอแล้ว ทำไมต้องหักหน้าหลานห้าต่อหน้าเชื้อสายของพระมหากษัตริย์หลายคนเช่นนี้?

ไทเฮาเห็นว่าฮ่องเต้หมิงหยวนไม่พูดอะไร แต่สีหน้าของเขาดูโกรธมาก และพระนางหันไปหาไท่ซ่างหวงพลางพูดขึ้น“ไท่ซ่างหวง พระองค์พูดอะไรหน่อยสิเพคะ

ฝูเป่าก็จากไปแล้ว พระองค์อย่าได้นำเรื่องเช่นนี้ มาลงโทษบุตรหลานของท่านเลย”

ไท่ซ่างหวงจ้องมองไปที่หยู่เหวินเห้า “ตอนที่เจ้าลงมา ยังมีใครที่อยู่บนหอเหวินชาน?”

ดวงตาของหยู่เหวินเห้าดูเป็นกังวลและแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสับสน “ไม่มีพะยะค่ะเสร็จปู่ ”

ตอนที่หยวนชิงหลิงเข้ามา และนางได้ยินที่ไท่ซ่างหวงถามหยู่เหวินเห้า สิ่งที่หยู่เหวินเห้าตอบ นางเองก็รู้ว่า บนหอเหวินชานต้องมีคนอื่นอีก

แต่ว่าเขาเอง ที่ต้องการปกป้องอีกฝ่าย

หยวนชิงหลิงจ้องไปที่ฉู่หมิงชุ่ย นางยืนอยู่ข้างกายฮ่องเฮา มือผสานเข้าหากัน เมื่อได้ฟังคำตอบของหยู่เหวินเห้าแววตานางดูเป็นกังวลมาก

ฉางกงกงสังเกตเห็น ในมือของหยวนชิงหลิงเหมือนห่อห่มด้วยอะไรบางอย่าง นั้นเป็นผ้าห่มที่คลุมฝู่เป่า ดูเปื้อนเลือด

เขาสงสัยมาก พระชายาฉู่คิดจะทำสิ่งใดกันแน่?รู้ทั้งรู้ว่าไท่ซ่างหวงโศกเศร้าเสียใจกับเรื่องของฝูเป่ามาก แต่ก็ยังนำผ้าที่เปื้อนเลือดของฝูเป่าเข้ามา

สิ่งนี้นางต้องการกระตุ้นให้ไท่ซ่างหวงยิ่งเสียใจรึ?

เขารีบเดินไปหยุดการกระทำนี้ของหยวนชิงหลิง แต่หยวนชิงหลิงได้เข้ามาในตำหนักแล้ว

ทุกสายตาจ้องไปที่นางในมืออุ้มผ้าที่เปื้อนเลือดมาด้วย

สีหน้าของฮ่องเต้หมิงหยวนยิ่งโกรธ กำลังจะพูดออกมา แต่ทันใดนั้นหยวนชิงหลิงคุกเค่าลงคารวะลง “ไท่ซ่างหวง เสด็จพ่อ หม่อมฉันได้รักษาบาดแผลของฝูเป่าแล้วตอนนี้มันยังไม่ทรงรู้สึกตัว เกรงว่าไท่ซ่างหวงจะไม่สบายพระทัย หม่อมฉันจึงอุ้มมาหาพระองค์ก่อน”

ไท่ซ่างหวงกวาดสายตาไปหานาง รีบกล่าวด้วยความร้อนใจ “เจ้ารีบมาหาข้า!”

หยวนชิงหลิงเดินเข้าไปข้างเตียง และนางค่อยๆวางตัวฝูเป่าที่ห่อหุ้มด้วยผ้าห่มลง ฝูเป่ายังไม่ได้สติ แต่ยังหายใจอยู่

ไท่ซ่างหวงโน้มตัวลงมองไปที่ฝูเป่า และถามหยวนชิงหลิง “อาการเจ็บของมันเป็นอย่างไรบ้างรึ?ทำไมถึงนอนแน่นิ่งใช่นี้?”

“ไม่มีสิ่งใดน่าเป็นห่วงแล้ว หลานสะใภ้ได้ให้ยาที่รักษาบาดแผลภายในให้มันกินแล้ว เรื่องที่พระองค์ทรงถามท่านอ๋องก่อนหน้านี้”นางพูดขึ้น และหันกลับไปมองหน้าของหยู่เหวินเห้า

เสียงของฉู่หมิงชุ่ยดังขึ้น “ไม่รู้ว่ายาที่ให้ฝูเป่ากินคือยาอะไร ที่สามารถช่วยให้ฝูเป่าที่กำลังจะตายฟื้นขึ้นมาได้”

หยวนชิงหลิงหันไปมองที่ฉู่หมิงชุ่ย “ยาเม็ดจื่อจิน ท่านอ๋องบอกว่าฝูเป่าเป็นเหมือนลูกของเสร็จปู่ เกรงว่าหากฝูเป่าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำให้อาการของไท่ซ่างหวงทรุดลง ด้วยเหตุนี้ท่านจึงนำยาเม็ดจื่อจินให้ฝูเป่ากิน เพื่อว่าจะสามารถช่วยชีวิตฝูเป่าได้”

ไทเฮาถอนหายใจออกมาแรง มองไปที่หยู่เหวินเห้าด้วยแววตาเอาเรื่อง“ทำไมเจ้าถึงโง่เขลาเช่นนี้ ?ยาเม็ดจื่อจินเจ้ามีเพียงเม็ดเดียว หากไม่จำเป็นจริงๆตัวเจ้าเองยังไม่กินเลย ทำไมถึงเอายานั้นให้ฝูเป่ากิน? ”

หยู่เหวินเห้าจ้องไปที่หยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงยืนด้วยท่าทางที่สงบนิ่ง แววตาดวงตากลมโตที่สอดรับกับขนตายาวเป็นแพ

เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หลานเห็นว่าเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับฝูเป่าทำให้อาการพระองค์แย่ลง ในตอนนั้นจึงไม่ได้คิดถึงสิ่งใดมากนัก………”

เมื่อให้ว่าเขากล้าที่จะใช้ยาเม็ดจื่อจินช่วยชีวิตฝูเป่า ฉะนั้น แน่นอนว่าฝูเป่าไม่ได้ถูกเขาทำร้าย

ความโกรธบนใบหน้าของฮ่องเต้หยวนหมิงค่อยๆคลายลง อ๋องชินลุ่ยเมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เขากล่าวขึ้น“อาจเป็นไปได้ว่าฝูเป่าเล่นเพลินอยู่บนหอเหวินชาน ทันใดนั้นมันเผลอกระโดดออกจากรั้วกั้น เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ”

ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ค่อยๆทำใจยอมรับกับเรื่องนี้ สิ่งที่ทำให้เขายอมรับเรื่องนี้ได้คือใบหน้าของไท่ซ่างหวงที่ดูเปลี่ยนไป

การไกล่เกลี่ยข้อพิพาททำให้ไท่ซ่างหวงดูสงบลง

เขากล่าวขึ้น “กู้ซือ ยังไม่รีบพาฝูเป่าไปอีก?”

ไท่ซ่างหวงยื่นมือไปห้ามไว้ “ไม่ต้องหรอก ให้มันพักฟื้นอยู่กับข้าที่นี่ ข้าเหนื่อยแล้ว พระชายาฉู่ เจ้าดูแลข้าอยู่ในตำหนัก คนอื่นๆ ไปพักเถอะ!”