บทที่ 37 ของขวัญให้เพื่อนบ้าน

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 37 ของขวัญให้เพื่อนบ้าน

บทที่ 37 ของขวัญให้เพื่อนบ้าน

ถังหว่านยืนอยู่ข้างโจวอี้อย่างเงียบ ๆ แม้จะดูเหมือนไม่สะทกสะท้าน แต่ในใจเธอกลับรู้สึกอับอาย

ความจริงแล้วเธอเองก็ได้เตรียมของขวัญไว้ให้เหล่าเพื่อนบ้านเช่นกัน แต่มันก็ไม่ใช่ของที่น่าสนใจมากนัก

ด้วยเหตุนี้ โจวอี้จึงกล่าวว่ามันไม่ได้แสดงถึงความจริงใจ ชายหนุ่มจึงยืนกรานที่จะใช้ของขวัญที่เขาเตรียมไว้แทน

มันคืออะไรน่ะเหรอ?

ก็ยาต้มไง!

ไปเยี่ยมเพื่อนบ้านและให้ยาต้มเป็นของขวัญเนี่ยนะ?

แม้เธอจะพยายามห้ามเขา แต่โจวอี้ก็ดื้อรั้นจนเธอต้องยอมแพ้

ปาร์ตี้บาร์บีคิวยังไม่ทันเริ่มด้วยซ้ำ แต่ผู้คนเหล่านั้นต้องการที่จะเห็นของขวัญที่พวกเขานำมาให้ ซึ่งมันทำให้เธออยากจะซ่อนตัวจากความอับอาย

ครั้นเปิดกล่องของขวัญอันวิจิตรงดงาม ขวดหยกสองขวดที่วางอยู่ข้างในก็เผยโฉมออกมา

หลีฟางหยิบขวดหยกออกมาและยื่นให้อู๋ฉี่หางผู้เป็นสามี

“ขวดหยกพิเศษจากห้องรวบรวมสมบัติ เป็นของขวัญที่ดี!” อู๋ฉี่หาง พยักหน้า และอคติของเขาที่มีต่อโจวอี้ก็ลดลง…

เขาเป็นสมาชิกของสมาคมนักเขียนอักษรจีนและจิตรกรรมจินหลิง และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลักที่มีชื่อเสียงในประเทศจีน เขามีงานวิจัยมากมายเกี่ยวกับของเก่าและของโบราณ ดังนั้นจึงสามารถระบุถึงที่มาและคุณภาพของขวดหยกที่โจวอี้นำมาได้อย่างง่ายดาย

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลีฟางก็ยิ้มและกล่าวว่า “โจวอี้ ถังหว่าน คุณสองคนยอดเยี่ยมมาก ฉันและเฒ่าอู๋ชอบอะไรแบบนี้พอดี”

ถังหว่านตกตะลึง จากนั้นก็รู้สึกโล่งใจ

เธอไม่เคยศึกษาเรื่องขวดหยกและวัตถุโบราณอื่น และเธอไม่สามารถแยกแยะของดีเหล่านี้ได้ โชคดีที่เพื่อนบ้านคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญและชื่นชอบมัน

“พี่หลี พี่อู๋ มีคำกล่าวที่ว่า หีบย่อมไม่ซ่อนไข่มุก ขวดหยกเป็นเพียงเรื่องรอง ซึ่งมีค่าน้อยนักสำหรับผม เพราะของขวัญแท้จริงที่เราเตรียมมาให้ คือยาต้มอี้เฉินที่อยู่ในขวดหยกนี้”

โจวอี้กลัวว่าอีกฝ่ายจะตาบอด และทำให้ยาต้มที่เขาปรุงด้วยวัตถุดิบทางการแพทย์อันล้ำค่านั้นเสียเปล่า

ยาต้มอี้เฉิน?

ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความฉงน

“โจวอี้ ยาต้มอี้เฉินคืออะไร?” หลีฟางถาม

“เป็นยาต้มที่ผมต้มด้วยวัตถุดิบทางการแพทย์อันล้ำค่ามากกว่าสิบชนิด มันมีผลในการบำรุงพลังปราณและเลือด บำรุงพลังงานหยินและไต และยังสามารถฟื้นฟูการทำงานของร่างกาย และโรคเล็ก ๆ เช่นหวัดและไข้ จะสามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพหลังจากรับประทาน” โจวอี้อธิบายด้วยรอยยิ้ม

ยาต้ม?

ยาต้มที่เขาทำเอง?

มาทักทายเพื่อนบ้านด้วยการให้ของขวัญเป็นยาต้ม?!

อู๋ฉี่หางขมวดคิ้ว ส่วนหวังเจิ้งเหว่ยและหยางจื่อต้งมองโจวอี้ด้วยความประหลาดใจ

หลีฟางไม่สนใจว่ายาต้มจะเป็นอะไร แต่กลับถามด้วยความสงสัยว่า “โจวอี้ คุณสามารถทำยาต้มได้งั้นเหรอ คุณทำอาชีพอะไร?!”

“ผมเพิ่งหางานทำและกำลังจะเป็นหมอที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง” โจวอี้ตอบพร้อมรอยยิ้ม

“หมอ?! โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง? ดี! ดูเหมือนว่าโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงจะรับคนเข้าทำงานได้ยากมาก แสดงว่าทักษะทางการแพทย์ของคุณต้องดีมากแน่ ๆ!” หลีฟางกล่าวด้วยความชื่นชม

“เป็นธรรมดาครับ” โจวอี้ตอบอย่างสุภาพ

แม้ว่าคนอื่นจะรู้แล้วว่าโจวอี้ทำงานอะไร แต่พวกเขาก็ยังไม่เห็นด้วยกับการให้ยาต้มเป็นของขวัญ

ในขณะที่ถังหว่านรู้สึกสับสนเล็กน้อย ความสนใจของเธอเปลี่ยนจากของขวัญยาต้มมาเป็นเรื่องอาชีพของโจวอี้

หลังจากที่หลีฟางกำลังทักทายทุกคนอย่างอบอุ่น ถังหว่านก็แอบดึงเสื้อคลุมของโจวอี้ และกระซิบถามว่า “คุณหางานทำได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“วันนี้หลังจากที่ผมส่งลูกสาวไปโรงเรียน ผมก็ไปโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงเพื่อรายงานตัว” โจวอี้ตอบ

“ถ้าจำไม่ผิด ดูเหมือนคุณยังไม่มีใบรับรองเอกสารเลยด้วยซ้ำ แล้วจะสมัครทำงานที่นั่นได้ยังไง?” ถังหว่านยังคงสับสน

“รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงเชิญผมไปที่นั่น และบอกว่าผมควรเป็นแพทย์ที่ปรึกษา ผมไม่ได้ตั้งใจจะตกลงหรอก แต่เขาบอกว่าผมสามารถเข้าทำงานเพียงสองวันต่อสัปดาห์ ซึ่งผมจะยังมีเวลาได้เลี้ยงดูลูกสาว ผมจึงตอบตกลง” โจวอี้กล่าว

แค่สองวันต่อสัปดาห์เองเหรอ?

แถมยังได้รับเชิญจากรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเป็นการส่วนตัว?

ถังหว่านตกตะลึง ก่อนที่แววตาจะค่อย ๆ เผยความเย็นชา เธอคิดว่าโจวอี้กำลังท้าทายไอคิวของเธอ

ใครเชื่อเรื่องที่เขาเล่าก็ปัญญาอ่อนเต็มที!

เธอรู้ว่าอาจารย์ของโจวอี้เป็นปรมาจารย์แพทย์แผนจีน และโจวอี้ก็ได้เรียนแพทย์แผนจีนกับอาจารย์คนนั้นมาตั้งแต่เด็ก แต่เขาจะมีทักษะอะไรมากมายนัก?

ยิ่งไปกว่านั้น นั่นคือโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงเชียวนะ เขาจะได้รับเชิญให้ไปเป็นแพทย์ที่ปรึกษาได้อย่างไร?

ทำไมไม่เชิญเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญกิตติมศักดิ์ไปเลยล่ะ?

ถังหว่านผิดหวังและกำลังอารมณ์เสีย เธอมองดูฉากการสนทนาที่มีชีวิตชีวาของทุกคน และจู่ ๆ ก็คิดอยากจะออกไปจากที่นี่…

โจวอี้ไม่รู้ความคิดของถังหว่าน และชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าทุกคนกำลังพูดไม่ออก

เขามาที่ชั้นวางบาร์บีคิว และยังอาสาช่วยย่างบาร์บีคิวด้วย

บัดนี้หิมะกำลังตกหนัก ทว่ามันไม่หนาวมากนักเมื่ออยู่ในชุดกันลม ไฟจากเตาถ่านกำลังแรงได้ที่ ท่ามกลางแสงตะเกียงวูบไหวเพราะแรงลม ท้ายที่สุด บาร์บีคิวที่สุกได้ที่ก็ถูกจัดเสิร์ฟบนโต๊ะยาวทีละจาน กลิ่นหอมของบาร์บีคิวลอยอบอวลไปทั่วบริเวณ

“ไม่เลว! ปีกไก่นี้กรอบนอกนุ่มใน เคบับเนื้อแกะสุกกำลังดีและเผ็ดได้ที่ ฝีมือการทำบาร์บีคิวของน้องโจวนั้นยอดเยี่ยมมาก” ปากของหยางซีตง เต็มไปด้วยคราบน้ำมันขณะกล่าวชื่นชมโจวอี้

“น่าแปลกที่พี่อู๋เป็นคนเตรียมส่วนผสมของเนื้อสัตว์ทั้งหมดนี้ แต่ทำไมครั้งนี้รสชาติถึงต่างจากเมื่อก่อน? ผมเคยกินบาร์บีคิวที่ดีที่สุดมาแล้ว แต่มันไม่อาจเทียบกับบาร์บีคิวในคืนนี้ได้เลย” หวังเจิ้งเหว่ยถึงกับสงสัย

“นั่นเป็นเพราะโจวอี้ใส่ส่วนผสมอื่นลงในบาร์บีคิว” อู๋ฉี่หางสังเกตเห็น เขาจึงถามชายหนุ่ม “โจวอี้ คุณช่วยบอกเราได้ไหมว่าคุณใส่อะไรในบาร์บีคิว?

“มันเป็นส่วนผสมบาร์บีคิวของผมเอง” โจวอี้วางจานลงบนโต๊ะ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณอาจไม่รู้ ผมเคยอยู่บนภูเขามาก่อน อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดในภูเขา แน่นอน! มันคือเนื้อย่าง และตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก ผมเคยย่างเสือโคร่ง เสือดาว จิ้งจอก หมาป่า ไก่ เป็ด วัว แกะ และปลา ผมนับจำนวนครั้งไม่ได้ ผมกินมันมาตลอด ส่วนผสมบาร์บีคิวของผมจึงถูกพัฒนาครั้งแล้วครั้งเล่า และส่วนผสมสำหรับบาร์บีคิวในปัจจุบันที่พวกคุณกินอยู่นี้ก็ถูกคิดขึ้นมาแล้ว”

ทุกคนในที่นี้ถึงกับตกใจ…

เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะกินไก่ เป็ด วัว แกะ ปลา หรือแม้กระทั่งเนื้องู แต่เสือโคร่ง เสือดาว จิ้งจอก…ใครจะไปกินได้ล่ะ?!

“น… น้องโจว ล้อเล่นเหรอ สัตว์คุ้มครองพวกนั้นน่ะ…” หยางจื่อต้งถึงกับปากสั่น

“ท้องฟ้าสูง ภูเขาอยู่ไกล สัตว์ร้ายมักทำร้ายผู้คน และนั่นคือธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่คนบนภูเขาเองก็ต้องพึ่งพาภูเขาเพื่อกินและอยู่ สัตว์ป่าจึงเป็นแหล่งอาหารหลัก ผมได้เก็บของบางส่วนไว้ด้วย อย่างเช่นอุ้งเท้าหมี หางเสือ และเขากวาง และผมเอามันมาดองเป็นเหล้าสมุนไพร ถ้าคุณอยากดื่ม ถ้าผมกลับไปที่ภูเขาแล้วจะเอาออกมาให้พวกคุณได้ลอง” โจวอี้อธิบายอย่างใจเย็น

“…”

พวกเขามองหน้ากันและไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ

ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์เหล่านั้น หรือเหล้าดองสมุนไพรจากวัตดุดิบพวกนั้น แม้ว่าจะมีเงินก็ยังหาซื้อได้ยาก!

“ใช่แล้ว!! ผมอยากลอง ถ้าน้องโจวนำมันกลับมา ไม่ว่าจะราคาเท่าไร ผมก็จะซื้อ!!” หยางจื่อต้งพยักหน้าอย่างหนักแน่น

“พี่หยางอยากจะมีเรื่องกับผมเหรอ?! มันทำร้ายความรู้สึกของผมเชียวแหละเมื่อพูดถึงเงิน เอาเป็นว่าถ้าผมกลับไปที่ภูเขา ผมจะเอามันมาให้พวกคุณเอง!” โจวอี้ยิ้มขณะกล่าวหยอกล้อ

หลายคนยิ้มรับและพยักหน้า

บัดนี้พวกเขาทั้งหมดรู้สึกดีต่อโจวอี้ขึ้นมาแล้ว