“เกิดเรื่องอันใดขึ้น” เถ้าแก่รองเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับผู้ดูแลหวัง
เมื่อครู่นี้เถ้าแก่รองไปทำธุระที่ธนาคารที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ทันทีที่กลับเข้ามา ก็ได้ยินผู้ดูแลหวังบอกว่าบุตรสาวของจวนโหวทำของหาย พวกจึงช่วยกันค้นหา แล้วก็บังเอิญเข้ามาเห็นฉากนี้พอดี
ห้องนี้เป็นห้องที่ทางหุยชุนถังเตรียมไว้สำหรับใช้เป็นห้องพักผ่อนของกู้เจียวโดยเฉพาะ แม้กู้เจียวจะไม่ค่อยได้เข้ามาใช้งานเท่าไหร่ แต่โดยปกติแล้วไม่เคยมีใครบุกเข้าไปในห้องนั้น พอได้ยินเสียงเด็กสาวพูดว่า “เจ้าใช่ไหมที่ขโมยของของนายหญิง” พวกเขายังคิดอยู่เลยว่าโจรนั่นจะแอบเข้ามาหลบด้านใน
พอเข้าไปเห็นถึงได้รู้ว่าในห้องนั้นมีแค่เด็กสาวคนใช้และกู้เจียวสองคนเท่านั้น
ถ้าเช่นนั้น ขโมยที่นางพูดถึง ก็คือกู้เจียวอย่างนั้นรึ
สาวใช้ไม่เคยพบเจอกู้เจียวมาก่อน พอเถ้าแก่รองกับผู้ดูแลหวังเดินเข้ามา ก็รีบชี้นิ้วไปที่กู้เจียวพลางเอ่ย “พวกท่านมาก็ดีแล้ว! นางนี่แหละที่ขโมยป้ายหยกของนายหญิงไป! ซ้ำยังขโมยแหวนของคุณชายด้วย!”
เถ้าแก่รองเมื่อได้ยินดังนั้นก็อึ้งไปสักพัก พลางเอ่ย “น่าจะมีเรื่องเข้าใจผิดกระมัง แม่นางผู้นี้ไม่มีทางเป็นขโมยได้หรอก!”
นางจะเป็นขโมยไปได้อย่างไร อยู่กันมาตั้งนาน ที่หุยชุนถังก็มีข้าวของเครื่องใช้ราคาสูงตั้งเยอะแยะ ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรหายไปเลยสักอัน
และที่สำคัญ แววตาของนางดูแน่วแน่มาก หากนางทำจริงล่ะก็ อย่างไรเสียก็ต้องมีท่าทีรู้สึกผิดแสดงออกมาบ้าง
แต่ผู้ดูแลหวังกลับไม่มองเช่นนั้น แม้เขาจะไม่อยู่ด้วยในวันที่ไปรักษาที่จวนโหว แต่ก็ได้ยินเรื่องราวจากหมอชราและเถ้าแก่รองว่ากู้เจียวเป็นคนช่วยชีวิตคุณชายเล็กเอาไว้ได้ นางจึงมีจังหวะที่จะขโมยแหวนของคุณชายเล็กไป
แถมวันนี้ที่บุตรสาวจวนโหวมาเยี่ยม ป้ายหยกก็ดันมาโผล่ที่โต๊ะของกู้เจียวพอดี เลยทำให้ผู้ดูแลหวังอดคิดสงสัยมิได้
สาวใช้เริ่มโมโห พลางตะโกน “ท่านหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่านางไม่ได้ขโมยของ หรือท่านจะบอกว่าข้ากล่าวหานางมั่วๆ อย่างนั้นรึ คนอย่างนางไม่คู่ควรที่ให้ข้าเสียเวลาถ่อมาถึงนี่เพื่อต่อว่านางหรอก!”
คำพูดของสาวใช้ดูไม่ค่อยน่าฟังเสียเท่าไหร่ แต่ถึงกระนั้นแล้ว อย่างไรเสียนางก็เป็นสาวใช้ประจำจวนโหว มีสถานะสูงกว่าคนทั่วไป หากนางจะกล่าวหากู้เจียวก็ย่อมได้ เพราะถ้าเทียบกันสำหรับกู้เจียวแล้วก็เป็นได้แค่แมลงสาบตัวนึงเท่านั้น คงไม่มีกะใจเสียเวลามากระทืบแมลงสาบตัวเล็กๆ หรอก
นอกเสียจาก กู้เจียวจะขโมยของไปจริงๆ
“ท่านแน่ใจหรือว่าไม่ได้เข้าใจผิด บนโลกนี้มีของหน้าตาเหมือนกันตั้งมากมาย” เถ้าแก่รองยังคงปักใจเชื่อว่ากู้เจียวเป็นผู้บริสุทธิ์
“ข้านะหรือเข้าใจผิด” สาวใช้แสยะยิ้ม “คิดหรือว่าเครื่องประดับของเจ้านายทั้งสองของข้า เป็นของทั่วไปที่หาได้ตามท้องตลาดน่ะ ป้ายหยกนี้น่ะเป็นของกำนัลจากวังเชียวนะ พวกเจ้าไม่มีปัญญาซื้อหรอก!”
เถ้าแก่รองหน้าซีดเผือด ถ้าเป็นของล้ำค่าหายากขนาดนั้น คงไม่ใช่ของกู้เจียวแล้วล่ะ แต่เขาก็ยังไม่เชื่อว่า
กู้เจียวเป็นคนทำ “ถ้าเช่นนั้นก็ไม่น่ามีของทำซ้ำหรอกใช่ไหม”
ไม่แน่ของที่เห็นอยู่นี่ อาจเป็นของปลอมก็ได้!
ผู้ดูแลหวังมองเถ้าแก่รองด้วยสายตากังวล หากเขายังเชื่อในตัวกู้เจียวขนาดนี้ เกรงว่าจะเกิดเรื่องบาดหมางใจกับจวนโหว เขาไม่อยากให้เถ้าแก่รองต้องมามีปัญหา
ขณะที่ผู้ดูแลหวังคิดจะเอ่ยโน้มน้าวกู้เจียวให้รับผิด เพื่อให้เรื่องจบๆ ไปนั้น กู้เจียวก็ชิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่ใช่ของปลอมหรอก นี่เป็นของจริง”
“ฟังสิฟังสิ! นางยอมรับแล้ว!”สาวใช้เอ่ยอย่างเคียดแค้น
“อวี้หรู”
น้ำเสียงผู้ดีลอยเข้ามาจากด้านนอก
“นายหญิง! ท่านมาแล้วหรือ!” สาวใช้รีบเปลี่ยนท่าทีจากนั้นทำความเคารพนายหญิง
บุตรสาวจวนโหวผู้สวมชุดกระโปรงยาวพร้อมทั้งผ้าคลุมหน้าที่ยาวจรดเท้าค่อยๆ จับชายกระโปรงแล้วเดินเข้ามาอย่างระวัง
นางใช้ผงน้ำหอมที่มีเพียงสตรีผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงเท่านั้นที่สามารถซื้อได้ ทำให้เกิดกลิ่นหอมลอยฟุ้งไปทั่วทั้งห้อง
“ฮัดเช้ย!” จู่ๆ กู้เจียวเกิดจามออกมา
ทำไงได้ ก็นางแพ้กลิ่นแบบนี้นี่นา
สาวใช้จ้องเขม็งไปที่กู้เจียว ยังอีก นายหญิงเดินเข้ามาแล้วยังไม่ทำความเคารพอีก ซ้ำยังมาทำเป็นจาม
ต่อหน้านายหญิง เด็กบ้านนอกนี่มันบ้านนอกจริงๆ เอาแต่แสดงพฤติกรรมต่ำตมอยู่ได้!
บุตรสาวจวนโหวเอ่ย “ป้ายหยกนี้ไม่มีของปลอมแน่นอน เพราะทำขึ้นจากหยกหยางจื่อจากภูเขาคุนซาน ในแคว้นจ้าว มีเพียงราชนิกุลเท่านั้นที่สามารถครอบครองหยกชนิดนี้ได้ การปลอมแปลงสมบัติราชวงศ์จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก มิหนำซ้ำ ของแบบนี้ไม่มีทางทำซ้ำได้เหมือนทุกจุดแน่นอน”
“อ้อ” กู้เจียวฟังเพลินถึงกับลูบคางไปมา
“เจ้า ทำพฤติกรรมเช่นนี้ได้อย่างไร” สาวใช้หันไปค้อนกู้เจียวต่อ แต่เพราะครั้งนี้มีบุตรสาวโหวจวนอยู่ด้วย นางจึงไม่กล้าแผงฤทธิ์แบบเมื่อครู่
หญิงงามหันไปทางกู้เจียว พลางเอ่ยถาม “เจ้าคือหมอปรุงยาคนนั้นใช่หรือไม่”
“อืม” กู้เจียวขานรับสั้นๆ ไม่ได้ถามต่อว่านางเดาออกได้อย่างไร ทั้งๆ ที่จริงก็น่าจะเดาได้ไม่ยากนัก
นางเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงปกติสุข “ป้ายหยกนี่ ข้ามอบให้เจ้า ส่วนข้าขอแหวนหยกคืน คิดเสียว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
“นายหญิง!” สาวใช้กระทืบเท้า
ผู้ดูแลหวังคาดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะหักมุมขนาดนี้ บุตรสาวจวนโหวผู้นี้บารมีสูงส่งยิ่งนัก ใจกว้างมอบของ
ล้ำค่าเช่นนี้ให้กู้เจียว แถมรับปากว่าจะไม่บอกคนนอก รักษาหน้าตาของกู้เจียวและหุยชุนถังเอาไว้
พอเห็นกู้เจียวไม่เอ่ยอะไร นางจึงพูดต่อ “ข้าเป็นเจ้าของป้ายหยกนี้ หากเจ้าชอบละก็ ข้ายกให้เจ้า
ส่วนแหวนนั่นเป็นของน้องชายข้า ข้าต้องมอบคืนให้เขา”
ผู้ดูแลหวังเอาแต่ภาวนาให้กู้เจียวรีบตอบรับนางไป รีบตอบไปสิ รีบตอบเร็ว!
กู้เจียวชำเลืองหญิงงามแล้วเอ่ยตอบด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ท่านเอาแหวนหยกคืนไป ส่วนป้ายหยกนั่น
ท่านต้องคืนให้ข้า”
กู้เจียวสงสัยแต่แรกอยู่แล้วว่าแหวนนั่นเป็นของคุณชายจวนโหวแน่นอน ซึ่งเหตุการณ์วันนี้ก็ได้พิสูจน์กันให้เห็นแล้ว
ที่กู้เจียวไม่อธิบายถึงเรื่องที่ว่าแหวนหยกอันนี้หล่นเข้ามาในกระเป๋าเสื้อได้อย่างไรนั้น หนึ่งคือนางไม่อยากเปิดเผยความลับในการรักษา สองคืออธิบายไปพวกนางก็คงไม่เชื่อ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดต้องเปลืองน้ำลายด้วย
หญิงงามเอ่ยต่อ “เจ้านี่ตาถึงจริงๆ แหวนหยกนี่เป็นของที่มีคุณค่าทางใจของน้องชายค่าเท่านั้น ไม่ได้มีราคามากเท่าใด เทียบไม่ได้กับป้ายหยกอันนี้แน่นอน”
กู้เจียวเอ่ยตอบ “ข้าคืนแหวนหยกให้ท่านเพราะมันเป็นของน้องชายท่าน ส่วนป้ายหยกอันนี้ ไม่ใช่ของพวกท่าน ดังนั้นต้องเอาคืนมาให้ข้า”
สาวใช้เบะปาก “ป้ายหยกนี่ถ้าไม่ใช่ของนายหญิง แล้วมันต้องเป็นของเจ้าหรือไง ช่วยไปตักน้ำใสกะโหลกแล้วชะโงกดูเงาตัวเองก่อนเถอะว่าเจ้าน่ะเหมาะสมกับป้ายหยกอันล้ำค่าแบบนี้แล้วหรือ”
บุตรสาวจวนโหวเอ่ยแย้ง “อวี้หรู”
เถ้าแก่รองขมวดคิ้ว “แม่หญิงโปรดระวังคำพูดด้วย!”
“ในเมื่อพวกท่านไม่เชื่อ ข้าก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี” กู้เจียวเอ่ย พลางยื่นมือออกไป “ข้าขอเอ่ยเป็นครั้งสุดท้าย คืนป้ายหยกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้”
สาวใช้ถอยหลังไปหนึ่งก้าว พลางตะโกน “ฝันไปเถอะ! นี่เป็นของนายหญิง!”
บุตรสาวจวนโหวกำหมัดแน่น พยายามข่มอารมณ์ตัวเองไว้ จากนั้นเอ่ยกับเถ้าแก่รอง “เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เถ้าแก่รองก็เห็นแล้วใช่ไหม นางยอมรับแล้วว่าตัวเองเป็นคนขโมย ข้าเห็นว่าพวกท่านช่วยรักษาน้องชายข้าให้หายดีได้ ดังนั้น ข้าจะไม่เอาเรื่อง แต่ข้าหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง!”
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ กู้เจียวยอมรับแค่ว่าแหวนวงนั้นเป็นของคุณชายจวนโหว ไม่ได้บอกว่าตนเองขโมยแหวนนั้นมา แต่พอเปลี่ยนผู้พูดเท่านั้น กลับกลายเป็นว่ากู้เจียวเป็นหัวขโมยเสียอย่างนั้น