ตอนที่ 119 ตอนที่ 120 ห้ามโจมตีผีสิ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 119 สถานการณ์ไม่ดี หนีก่อนดีกว่า! / ตอนที่ 120 ห้ามโจมตีผีสิ
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 119 สถานการณ์ไม่ดี หนีก่อนดีกว่า!
ฉินหลิวซีกลับไปถึงเรือนของตนเองแล้วก็เหลือบมองไปที่กำแพง
ผีชายหญิงคู่ร้ายหมอบอยู่บนกำแพงอาบแสงจันทร์อย่างเกียจคร้าน พอเห็นว่าฉินหลิวซีกลับมา พวกเขาก็หลบไม่ทัน ถูกจับได้คาหนังคาเขา
ไม่ดีแล้ว เผ่น
“มานี่”
ชายหญิงคู่ร้ายรีบลอยมาหานางอย่างว่าง่ายทันทีและยิ้มอย่างประจบประแจง “นายท่าน มีอันใดให้ข้ารับใช้หรือ”
“ช่วงนี้พวกเจ้าสังเกตเห็นว่าผีเร่ร่อนในเมืองหลีน้อยลงไป หรือว่าพวกเขาไปเกิดใหม่ หรือมีเรื่องอันใดแปลกประหลาดเกิดขึ้นบ้างหรือไม่” ฉินหลิวซีเอามือไพล่หลังพลางเอ่ยถาม
ผีผู้หญิงส่ายหน้า “นายท่าน พวกเราปักหลักอยู่ที่นี่ ไม่ได้ออกไปข้างนอกเท่าไรนัก แต่พอท่านเอ่ยแบบนี้ขึ้นมา ก็ดูเหมือนว่าจะมีผีบางตนหายหน้าไปจริงๆ ต้าสยง เจ้าได้สังเกตบ้างหรือไม่ ก่อนหน้านี้เจ้ายังบ่นอยู่เลยว่า เถาหงน้อยนั้นหายไปไหนไม่รู้ ยังถามอยู่เลยว่านางไปเกิดใหม่แล้วหรือ”
ผีผู้ชายเอ่ย “ใช่แล้ว ไม่เห็นหน้าค่าตาเป็นสิบวันแล้วกระมัง นอกจากเถาหงน้อยก็ยังมีอิงอิงและเยี่ยนเยี่ยนด้วย อ่า แม้แต่ตาเฒ่าที่ชอบแข่งกันหว่านเสน่ห์กับข้าก็ไม่เห็นมาหลายวันแล้วเหมือนกัน”
ฉินหลิวซีได้ยินแล้วก็ต้องขมวดคิ้วทันที
“ส่วนเรื่องประหลาดๆ นั่นก็มี ฮูหยินตระกูลหลี่ในมืองตงคลอดลูกคนหนึ่ง แต่พอเกิดออกมาก็ตายทันทีแบบนี้นับหรือไม่ ข้าเข้าไปดูก็พบว่าเด็กตัวแห้งจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก น่ากลัวมาก ตระกูลหลี่ไม่กล้าโวยวายอันใดด้วยซ้ำ พวกเขาขุดหลุมฝังศพในคืนนั้นเลย แล้วบอกคนภายนอกว่าเด็กตายเพราะคลอดยาก ได้ยินมาว่าฮูหยินหลี่ผู้นั้นป่วยจนลุกจากเตียงไม่ได้แล้ว” ผีผู้ชายเอ่ยอีกครั้ง
ผีผู้หญิงได้ยินเช่นนั้นก็เบิกตากว้างทันที “เจ้าหน้าไม่อาย ยังมีหน้าไปดูชาวบ้านคลอดลูกอีก ไม่ละอายบ้างหรือ ไม่กลัวทำให้คนอื่นตกใจหรืออย่างไร ข้าว่าเด็กตกใจเจ้าจนตายมากกว่า สารเลว ข้าจะตีเจ้าให้ตายเลย!”
“อ๊ากก! ข้าแค่ผ่านไปก็เลยแวะดูเท่านั้น อย่าตีนะ อย่าตี โอ๊ย”
ผีสองตัวลอยไปลอยมาทั่วทั้งเรือน ทำให้บริเวณนั้นเต็มไปด้วยเงาผี
ฉินหลิวซีคิดถึงเรื่องที่พวกเขาเอ่ย คิ้วขมวดมุ่นจนหน้าผากเป็นรอยย่น นางนับนิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือแล้วเอ่ยสั่ง “หยุดเสียงดังได้แล้ว”
เงาผีกลับมารวมกันในทันใด และโฉบเข้ามาข้างหน้าฉินหลิวซีไม่ไกล
ฉินหลิวซีมองผีทั้งสองพลางสั่งการ “พวกเจ้าออกไปดู แล้วลองถามพวกผีเร่ร่อนตนอื่นๆ ดูหน่อยว่า รอบๆ ตัวพวกเขามีผีตนไหนหายหน้าหายตาไปบ้างหรือไม่ ได้บอกไว้หรือไม่ว่าจะไปที่ไหน อีกอย่าง บอกให้พวกเขาสังเกตหน่อยว่าช่วงนี้มีสิ่งใดผิดปกติบ้างหรือไม่ ถามเสร็จแล้วค่อยกลับมารายงานข้า”
ชายหญิงคู่ร้ายหมอบอยู่บนกำแพงเรือนฉินหลิวซีมานานหลายปีแล้ว แต่กลับไม่เคยเห็นนางดูเคร่งขรึมจริงจังเช่นนี้มาก่อนเลย พอนึกถึงสิ่งที่ฉินหลิวซีเอ่ยถามก็อดสบตากันไม่ได้
“นายท่าน มีเรื่องใดหรือ” ผีผู้หญิงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
ฉินหลิวซีเหลือบมองไป ทันใดนั้นนางก็หดตัวลงและถอยหลังไปหนึ่งก้าว ยิ้มแหยๆ “หากท่านไม่สะดวกจะเปิดเผยก็ถือเสียว่าข้าไม่ได้ถามก็แล้วกัน”
ฮือ คิดดูสิว่านางเป็นผีร้ายที่ยึดที่มั่นอยู่ในเมืองหลีมาหลายร้อยปีแล้ว ทั้งยังได้รับความเคารพจากผีน้อยที่อยู่ที่นี่ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเทพผู้ยิ่งใหญ่อย่างฉินหลิวซี นางก็ทำได้เพียงเรียกตัวเองว่าเป็นผีน้อยเท่านั้น
ไม่มีทางเลือกอื่น ฉินหลิวซีมีความสามารถในการปราบผีได้ นางสู้ไม่ได้ก็ต้องยอมแพ้
นอกจากนี้ นางยังนอนอยู่บนกำแพงเรือนคนอื่นเพื่อดูดซับพลังวิญญาณ เป็นหนี้บุญคุณก็ต้องมีความเกรงใจ ในเมื่อนางรับผลประโยชน์จากฉินหลิวซีแล้ว ก็ได้แต่ต้องทำธุระให้ท่านเทพแล้ว
ฉินหลิวซีนิ่งเงียบไปเล็กน้อย “มีผีร้ายหลุดมาจากนรกเก้าขุม ตอนนี้ยังหาร่องรอยไม่พบ จู่ๆ ผีพวกนี้ก็มาหายไป ข้าก็ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ พวกเจ้าก็ควรตื่นตัวให้มากสักหน่อย ผีร้ายตนนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผีน้อยอย่างพวกเจ้าจะรับมือได้”
ชายหญิงคู่ร้ายได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกชาไปทันที “ข้าน้อยทราบแล้ว ขอบคุณนายท่าน”
“พวกเจ้าไปเถิด ข้าจะเรียกราชาผีตงฟาง…”
ผีทั้งสองไม่รอให้นางเอ่ยจบ พอได้ยินชื่อนั้นก็หายตัวไปพร้อมกับเสียงฟึ่บทันที
แม่เจ้า ราชาผีตงฟางกำลังจะมา น่ากลัวจริงๆ สถานการณ์ไม่ดี หนีก่อนดีกว่า!
ฉินหลิวซี “!”
ราชาผีตงฟางสามารถทำให้ผีหวาดกลัวได้มากกว่านางอีกหรือ อารมณ์เสีย!
ตอนที่ 120 ห้ามโจมตีผีสิ
หากเป็นนักพรตเต๋าคนอื่นที่ต้องการจะเรียกห้าผีขึ้นมาก็จะต้องจัดค่ายอาคมและมีเครื่องเซ่นไหว้ ไม่ต้องเอ่ยถึงการอัญเชิญหัวหน้าใหญ่อย่างราชาผี ใครที่มีความสามารถไม่มากพอก็จะไม่สามารถเรียกมาได้ และถึงแม้จะอัญเชิญมาได้ ก็อาจจะส่งกลับไปไม่ได้อีก
แต่ฉินหลิวซีสามารถเรียกราชาผีออกมาได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องเซ่นด้วยซ้ำ นางวาดยันต์เรียกผี กระดาษรูปม้า ธงทิว ชุดเกราะ แล้วซ้อนก้อนทองคำคุณภาพดีจำนวนหนึ่งเข้าด้วยกัน จุดธูปเผายันต์ ก้าวเท้าตามเส้นสร้างอาคมห้าผี ขณะเดียวกันนั้นก็วาดฝ่ามือไปด้วย ปากก็ท่องคาถา “สวรรค์ตื่นรู้พื้นพิภพขานรับ ทหารหันตาม ขุนพลนำปฏิบัติ ศิษย์ฉินหลิวซี ขออัญเชิญราชาผีตงฟางเฉินขุย มาพบโดยไว ดุจบัญชาไท่ซ่างเหล่าจวิน จงรับคำสั่ง!”
ในเวลานั้นราชาผีตงฟางที่กำลังถือกาสุราอยู่ในถ้ำของตนกำลังเพลิดเพลินกับการดูนางสนมคนใหม่ของเขาเต้นระบำจิงหง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกหนาวตามแนวกระดูกสันหลังขึ้นมา เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีนัก
แล้วก็เป็นอย่างที่คาด ขณะที่ความรู้สึกอันคุ้นเคยนี้เกิดขึ้น เขาได้รับคำสั่งเรียกตัวไป เจ้าเด็กจอมมารแซ่ฉินผู้นั้นนั่นเอง!
ไม่ ข้าจะไม่ไป
ราชาผีตงฟางร้องโหยหวนออกมาหนึ่งที พลันหายวับไป
ฉินหลิวซีเปิดเหล้าไหหนึ่งแล้วรินลงถ้วย นางจุ่มนิ้วลงในเหล้าแล้วดีดขึ้นไปกลางอากาศ เหล้ากระจายตัวออก “มาก็มาแล้ว ไฉนไม่ยอมปรากฏตัว เช่นนั้นเหล้านี้ข้าจะโปรยทิ้งให้หมด”
“เฮ้ๆๆ ท่านดูท่านสิ หญิงสาวคนหนึ่งไปเอาอารมณ์ร้ายๆ แบบนี้มาจากไหน ไม่อ่อนโยนเลยสักนิด แล้วอย่างนี้จะได้แต่งงานหรือ เหมือนวังหลังของข้า…ไม่ต้องจ้องหน้าข้าแล้ว ข้าหุบปากแล้ว!” เมื่อราชาผีตงฟางปรากฏตัวขึ้น เขาก็ยกนิ้วมือขึ้นปิดปากตนเองเล็กน้อย ยืนอยู่ตรงหน้าฉินหลิวซีด้วยสีหน้าน่าสงสาร มองสุราไหนั้นตาปริบๆ
สวรรค์รู้ดีว่า ตอนที่เขาผ่านเมืองหลีมา ผีน้อยในเมืองนี้ก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แทบอยากจะไปเกิดใหม่ทันที ไม่มีใครกล้าโผล่หน้าออกมาทั้งนั้น
ดังนั้นตอนนี้ก็ไม่ต้องเอ่ยถึงบริเวณใกล้ๆ บ้านของฉินหลิวซีเลย ในเมืองหลีมีผีเพียงไม่กี่ตนที่กล้าออกมา เพราะกลัวว่าจะพบเข้ากับราชาผีตงฟางและจบลงด้วยชีวิตของตนเอง
แต่ราชาผีตงฟางที่ทำให้ผีทุกตนหวาดกลัวยามอยู่ต่อหน้าใครบางคนกลับเหมือนสะใภ้ตัวน้อยที่ต่ำต้อยเหลือแสน โชคดีที่ไม่มีผีแอบมองอยู่ใกล้ๆ ไม่เช่นนั้นภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง ดุดัน และทรงอำนาจของเขาอาจจะหายวับไปจากใจเหล่าผีได้เลย
ฉินหลิวซีเหลือบมองเขา ก่อนจะใช้ยันต์ส่งสุราให้ “นั่งลงคุยกันหน่อย”
ราชาผีตงฟางนั่งลงพร้อมรอยยิ้ม หยิบสุราขึ้นมาดื่มด้วยสีหน้าพึงพอใจ “เหล้าของใต้เท้านี่ร้อนแรงดีจริงๆ หอมหวานล้ำเลิศ ไม่ว่าของใครก็ไม่สามารถเทียบได้”
“พอเถิด คุยธุระกันดีกว่า” เนื่องจากสถานะของอีกฝ่ายเป็นวัตถุหยิน ตอนนี้บ้านตระกูลฉินก็ไม่ได้มีแค่นางอยู่คนเดียว แต่มีสตรีเด็กและคนชรามาอยู่ด้วยอีกหลายคน โดยเฉพาะเด็กทารกสองคนที่อายุยังไม่ครบเดือนดี
แม้ว่านางจะใช้ยันต์กางอาณาเขตเพื่อป้องกันไม่ให้พลังหยินรั่วไหลออกไป แต่วิญญาณหยินอย่างราชาผีตงฟางหากอยู่นานไปถึงอย่างไรก็ไม่ดี
“โอ้ ใต้เท้าจะเอ่ยอันใดหรือ ว่าแต่เหตุใดในบ้านของท่านถึงมีคนมากเสียจริง”ราชาผีตงฟางมองออกไปนอกเรือน
“อย่าให้กลิ่นอายของท่านรั่วไหลออกไป ที่นี่มีแต่คนชราและคนอ่อนแอทั้งนั้น ยังมีเด็กที่เพิ่งเกิดได้มานานอีก พวกเขาหนีภัยกันมา หากกลิ่นอายของท่านรั่วไหลออกไป พวกเขาจะต้องเดือดร้อนแน่” ฉินหลิวซีทำท่าฝ่ามือดึงเอากลิ่นอายที่รั่วไหลของเขากลับมา
ราชาผีตงฟางรีบเก็บงำกลิ่นอายของตนทันที

ราชาผีตงฟางรีบเก็บงำกลิ่นอายของตนทันที
ฉินหลิวซีเอ่ยต่อ “ที่เรียกท่านมาไม่ได้มีเรื่องอันใดหรอก ท่านได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นที่อำเภอชิงในชิงโจวระยะนี้มาบ้างหรือไม่ รู้บ้างหรือไม่ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ผีน้อยที่อยู่ในอำนาจท่านมีอันใดผิดปกติบ้างหรือไม่”
ราชาผีตงฟางจิบเหล้าก่อนจะเอ่ย “อำเภอชิงเกิดอันใดขึ้นหรือ ท่านก็รู้ว่าข้าอยู่เฉยจนชินเสียแล้ว ไม่ค่อยจะชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน…”
“ใช่สิ ขี้เกียจเช่นนี้ แต่กลับไม่มีใครล้มท่านขึ้นแทนที่ ยึดภรรยาตัวน้อยทั้งแปดสิบคนของท่าน ใช้เงินทองอันมหาศาลของท่าน เป็นผีที่ไม่มีความทะเยอทะยานจริงๆ” ฉินหลิวซีเสียดสี
ราชาผีตงฟาง “!”
ผีที่ไม่มีความทะเยอทะยานทั้งหลาย “!”
ไม่สิ ห้ามโจมตีผีสิ!
“ท่านเองก็ไม่แสวงหาความก้าวหน้ามิใช่หรือ ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง” เขาพึมพำ
ฉินหลิวซีกลอกตาไปด้านข้าง
ราชาผีตงฟางรีบนั่งตัวตรงแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มทันที “นี่ก็เพราะพวกเขาทำไม่ได้มิใช่หรือ ฮิๆ พวกเขาไม่ได้มีใต้เท้าหนุนหลังเหมือนข้านี่”
เหอะๆ ประจบประแจงแล้วอย่างไร ชีวิตสำคัญกว่า!
ฉินหลิวซีแค่นเสียงหยัน นางเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ให้เขาฟังโดยไม่เสียเวลาอีก
สีหน้าของราชาผีตงฟางเคร่งขรึมจริงจังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้ฟัง “ท่านคิดว่าเป็นฝีมือของผีร้ายจากนรกเก้าขุมตนนั้น ว่ากันตามหลักแล้ว หากรอดจากนรกเก้าขุมมาได้ก็ถือว่าอาการร่อแร่แล้ว จะต้องใช้พลังชีวิตและแก่นแท้จำนวนมาก หรือไม่ก็ต้องกลืนกินผีตนอื่นเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเอง”

สีหน้าของราชาผีตงฟางเคร่งขรึมจริงจังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้ฟัง “ท่านคิดว่าเป็นฝีมือของผีร้ายจากนรกเก้าขุมตนนั้น ว่ากันตามหลักแล้ว หากรอดจากนรกเก้าขุมมาได้ก็ถือว่าอาการร่อแร่แล้ว จะต้องใช้พลังชีวิตและแก่นแท้จำนวนมาก หรือไม่ก็ต้องกลืนกินผีตนอื่นเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเอง”
นั่นเป็นสิ่งที่ฉินหลิวซีคาดเดาไว้เช่นกัน
“แต่ผีร้ายที่สามารถหลบหนีจากนรกเก้าขุมมาได้คงจะไม่ประมาทและไร้สมองหรอก หากเขาสร้างปัญหาในโลกมนุษย์ ร่องรอยของเขาจะต้องถูกนักพรตเหลือขอ… อ่า ไม่ใช่ มัน จะต้องถูกปรมาจารย์สำนักเต๋าฝ่ายธรรมะอย่างพวกท่านล่วงรู้อยู่แล้ว”
ราชาผีตงฟางจิบสุราอีกครั้ง “ที่ใดมีชีวิต ที่นั่นย่อมมีความหวัง หากเป็นข้า กว่าจะหนีออกมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ คงไม่มีทางโง่ถึงขนาดรีบเอาคอมาพาดเขียงแบบนี้หรอก พลังยังไม่ฟื้นคืนก็บุ่มบ่ามเข้าไป จะต้องถูกจับได้แน่ ดังนั้นต่อให้จะรีบเร่งเติมพลังและความแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ทำได้เพียงแอบซ่อนลอบกระทำ ท่านกับข้าต่างก็รู้ดีว่าการดิ้นรนเอาชีวิตรอดเท่านั้นที่ทำให้เราอยู่ได้นานขึ้นได้มิใช่หรือ”
ท่านเห็นหรือไม่ว่า คนที่เป็นราชาผีได้จะต้องมีมันสมองอยู่บ้าง การวิเคราะห์นี้ค่อนข้างสมเหตุสมผลดีทีเดียว
ฉินหลิวซีเอ่ย “สมองของท่านยังไม่ได้ถูกสตรีทำให้เลอะเลือนไปจริงๆ แต่เรื่องผิดปกติที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ หากไม่ใช่เขา ก็ต้องเป็นนักพรตชั่วที่สร้างปัญหา แต่อาจเป็นไปได้เช่นกันว่าพวกเขาไม่ได้ใช้วิธีการชั่วร้าย”
“ใต้เท้าหมายความว่าอย่างไร”
“ต้องให้ท่านตรวจสอบสักหน่อยแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ย “หากเป็นการกระทำของผีร้าย เช่นนั้นแล้วกลืนกินใครจึงจะมีพลังมากที่สุดเล่า เอ๊ะ ราชาผีตนหนึ่งจะไม่มีพลังมากกว่าผีน้อยสักพันตนหมื่นตนหรือ”
ราชาผีตงฟางตัวสั่นทันที
“หาหไม่ใช่เขา แต่เป็นนักพรตชั่ว เช่นนั้นแล้วท่านก็ต้องระมัดระวังอยู่ดี ไม่แน่อีกฝ่ายอาจจะจับเอาภรรยาคนไหนของท่านหรือลูกน้องของท่านไปทำเครื่องสังเวยก็ได้ และตอนนี้ทางชิงโจวก็ได้ส่งนักพรตจำนวนหนึ่งลงเขาไปตรวจสอบแล้ว ดังนั้นท่านต้องระวังหน่อย อย่าให้ถูกเขาจับผิดตัวไปได้หรือวิ่งไปชนตอเข้า”
ราชาผีตงฟางขมวดคิ้ว “ข้าเข้าใจแล้ว”
“เรื่องที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็นเรื่องร่องรอยของผีร้ายตนนี้ เขาซ่อนตัวอยู่มิดชิด ไม่เป็นการดีต่อใครทั้งสิ้น โดยเฉพาะหลังจากที่พลังของเขาฟื้นคืนแล้ว”
ราชาผีตงฟางได้ยินเช่นนั้นก็มองหน้านาง “ใต้เท้าวางแผนที่จะช่วยเทพเฟิงตู[1]จับผีร้ายนี้ไปลงโทษหรือ”
ฉินหลิวซีเอ่ยทันที “เฮ้ ท่านเห็นว่าข้าเป็นคนดีหรือ เรื่องที่เปลืองแรงและไม่สนุก ทั้งยังไม่มีประโยชน์กับข้า”
“ท่านเป็นห่วงใต้หล้า”
“อย่ามา! ข้าไม่ใช่ ข้าไม่เคย อย่ามายกยอให้ข้าดูสูงส่งส่งเดช ข้ายังอายุน้อย ร่างกายก็อ่อนแอ จะเอาความสามารถที่ไหนมาเป็นห่วงใต้หล้า” ฉินหลิวซีโบกมือ “เอาล่ะ หมดเรื่องแล้วท่านก็กลับไปก่อนเถิด อย่าลืมคำพูดของข้า หากมีข่าวใดก็มารายงานด้วย”
“เรียกก็มา โบกมือก็ไป ท่านไม่มีมโนธรรมเลย อย่างไรก็น่าจะมีรางวัลให้บ้าง” ราชาผีตงฟางชี้ไปที่สุรา
“ไหนี้ก็ยังไม่พอหรือ ยังไม่ทันจะได้ทำงานก็จะขอรางวัลเสียแล้ว หน้าด้านจริงๆ!” ปากฉินหลิวซีก็เอ่ยเหมือนว่ารังเกียจ แต่มือกลับส่งเหล้าไปให้เขาอีกไห
ราชาผีตงฟางยิ้มแย้มแจ่มใสทันใด พอเขาขยับมือก็เกิดเสียงดังโครมคราม แล้วบนโต๊ะก็มีเงินทองของมีค่าต่างๆ นานาปรากฏขึ้น น้ำเสียงเรียบง่ายเอ่ย “ขอแสดงความยินดีกับใต้เท้าที่มีเด็กเกิดใหม่ในบ้าน นี่คือของขวัญแสดงความยินดีของข้า”
หลังจากที่พูดจบ ร่างนั้นก็หายวับไปทันที เขาควรสนใจเรื่องนี้อย่างที่ฉินหลิวซีเอ่ยจริงๆ และยังต้องเรียกราชาผีที่เหลือมาหารือกันด้วย ทุกคนควรให้ความสนใจเรื่องนี้
ผีร้ายจากนรกเก้าขุมเชียวนะ หากรอให้เขาฟื้นคืนพลัง ต่อให้เป็นพวกเขาก็อาจจะรับมือไม่ไหว ดังนั้น…
อาศัยตอนที่เขายังป่วยอยู่ จัดการเขาเสียดีกว่า!
[1]เทพเฟิงตู เทพเจ้าแห่งความตาย