ตอนที่ 63 ซุบซิบนินทา

สามีข้า คือพรานป่า

เฉินเถียนเถียนยิ้มปลอบเขา “ยังเด็กยังเล็กเหตุใดจึงถอนหายใจ เอาล่ะ! รีบกลับกันเถอะ ท่านแม่ของเจ้าจะได้ไม่ต้องมาหาเรื่องข้าอีก”

หยุนเคอเรียกเกวียนวัวจากหมู่บ้านข้าง ๆ เพื่อนำอิฐสีเขียวจำนวนมากกลับมาและเจ้าของเตาอิฐก็จะส่งอิฐสีเขียวมาให้ทุกวัน

หัวหน้าหมู่บ้านได้รับผลประโยชน์จากหยุนเคอ จึงทุ่มเทอย่างมากในการหาคนงานที่ขยันขันแข็งในหมู่บ้านเพื่อเริ่มขุดที่ดินรกร้างที่เขาซื้อมา!

ฐานบ้านถูกขุดลงไปลึกมากและบางคนก็พบว่าหินทุกชนิดบนภูเขานั้นเป็นเพียงหินหัวมุมใต้ดินของบ้าน เรื่องนี้เป็นที่อึกกระทึกครึกโครมมาก จนคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านรับรู้กันทั่ว

คนป่าบนภูเขานั่นต้องการลงมาใช้ชีวิตอยู่ในเมือง และดูเหมือนว่าเขาน่าจะมีเงินในมืออยู่ไม่น้อย เพราะบ้านที่เขาสร้างทำจากอิฐสีเขียวทั้งหลัง!

บางทีการที่เขามีหนวดเครารกรุงรังก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีเงิน แต่คนแบบนี้ก็มักจะขาดผู้หญิงรายล้อม เป็นไปได้ว่านี่คือเหตุผลที่เขาเปลี่ยนใจย้ายเข้ามาในหมู่บ้าน

แม้ไม่รู้ว่าชายคนนี้หน้าตาเป็นอย่างไร แต่ถ้าลูกสาวบ้านไหนได้แต่งเข้าบ้านที่สร้างจากอิฐสีเขียวทั้งหลังนี้ เป็นไปได้หรือที่สินสอดทองหมั้นจะมีเพียงน้อยนิด?

ส่งผลให้บางครอบครัวเริ่มปล่อยให้ลูกสาวแต่งตัวสวย ๆ เดินผ่านที่ดินรกร้างโดยแสร้งทำเป็นไม่ได้ตั้งใจ

หยุนเคอรู้สึกเย้ยหยันคนพวกนี้ในใจ ในอดีตตอนที่เขายังเรืองอำนาจอยู่นั้น ได้พบเจอผู้หญิงเช่นนี้มากมายนับไม่ถ้วน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น!

อีกอย่างแม้ว่าตัวเขาในตอนนี้จะตกต่ำ แต่รสนิยมของเขาก็ยังไม่ต่ำตาม!

หญิงสาวในหมู่บ้านยังคงต้องทำงานหนัก ดังนั้นส่วนใหญ่จึงผิวหยาบกร้านและดำคล้ำเพราะแสงแดด!

ผู้หญิงคนนี้ผิวหน้าแดงเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติ แต่สีผิวตรงลำคอของนางกลับเป็นสีดำคล้ำ ความขัดแย้งของสองช่วงนี้ทำให้รู้สึกราวกับนางเป็นคนหน้าซื่อใจคด!

หยุนเคอไม่ชอบใจนักเมื่อเห็นผู้หญิงแบบนี้ เขารู้สึกขยะแขยงและนึกถึงเด็กสาวตัวน้อยผู้นั้นแทน…

ใบหน้าของเฉินเถียนเถียนงดงามผุดผาดถอดแบบมาจากมารดา ซึ่งดูอ่อนโยนเป็นธรรมชาติมากและเนื่องจากถูกกักขังไว้ที่บ้านเป็นเวลานานสีผิวจึงขาวซีด

ต่อให้นางไม่แต่งหน้าก็ตราตรึงใจยิ่งกว่าหญิงสาวในตระกูลสูงศักดิ์ที่เคยพบเจอในเมืองหลวง

หยุนเคอรู้สึกสับสนในใจเล็กน้อย เหตุใดเขาจึงเผลอคิดถึงเด็กสาวคนนั้นอยู่ร่ำไป?

เหมือนจะได้คำตอบในใจว่าเป็นเพียงความเผลอไผลชั่วคราวเท่านั้น หยุนเคอยกจอบในมือก้มหน้าขุดต่อไป แม้ว่าในอดีตเขาจะเคยอยู่อย่างสุขสบาย แต่การใช้ชีวิตบนภูเขาเป็นเวลาหลายปีก็ได้สอนให้เขารู้จักงานที่ยากลำบากเหล่านี้

เมื่อเขากำลังจะเริ่มทำงานอย่างจริงจัง จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังขึ้นใกล้ ๆ พวกนางก็เริ่มซุบซิบนินทา เดิมทีเขาไม่ชอบฟังเรื่องราวพวกนี้ แต่แล้วเรื่องที่คนเหล่านั้นพูดถึงกลับเป็นเรื่องของเด็กสาวผู้นั้น… หยุนเคอจึงอดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

เขาอยู่ห่างจากกลุ่มคนที่จับกลุ่มนินทาระยะหนึ่ง แต่หลังจากฝึกฝนการต่อสู้มาหลายปี ความสามารถในการได้ยินของเขาจึงเหนือชั้นกว่าคนทั่วไป

ผู้ที่เริ่มกล่าวเรื่องนี้ คือป้าหวงผู้แสนใจดี สามีของนางเป็นคนขยันและคล่องแคล่วที่สุดในหมู่บ้านนี้!

“ทุกคนช่วยกันหน่อย! ลูกสาวของเฉินผิงอันกำลังมองหาตระกูลที่เหมาะสม ผู้หญิงที่จิตใจดีและงดงามเช่นนี้ อย่าปล่อยให้เขาต้องทำให้นางเสื่อมเสียเลย”

“จริงหรือที่หลินชวนฮวาไม่สนใจใยดีการหาคู่แต่งงานให้ลูกเลี้ยงของนาง?”

ป้าหวงถอนหายใจ “หลินชวนฮวาวัน ๆ เอาแต่แต่งหน้าแต่งตัวแล้วยังอยากได้บ้านของลูกสาวคนนี้อีก มีแค่ป้าของนางที่ขอให้ช่วย ไม่จำเป็นต้องร่ำรวยหรือเก่งกาจ ขอเพียงแค่เป็นชาวนาที่ซื่อสัตย์ก็พอ!”

“เด็กสาวคนนั้นสวยมาก แต่ต้องการแค่จับคู่กับชาวนา ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ!”

คำพูดที่เผลอกล่าวออกมานั้น ทำให้บางคนที่มีลูกสาวรู้สึกไม่สบายใจ!

“แค่สวยจะมีประโยชน์อะไร? ไม่รู้ว่ายังบริสุทธิ์อยู่หรือไม่? ไม่อย่างนั้น นายน้อยหลี่คงพอจะช่วยผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ด้วยการแต่งกับนางจริงหรือไม่?”

ป้าหวงได้ยินดังนั้นก็เริ่มมีโทสะ “หลี่ซื่อ! เจ้าควรระวังคำพูดด้วย มิใช่ว่านางตามหานายน้อยหลี่เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางแล้วหรือ? เจ้าต้องการอะไรอีก? เหตุใดถึงยังไม่ปล่อยวาง? หรือต้องการให้หญิงบริสุทธิ์ออกจากหมู่บ้าน ช่างมีเกียรติเสียจริงนะ?”

หญิงงามใบหน้าเปี่ยมเสน่ห์ยกนิ้วเรียวสวยราวกับดอกกล้วยไม้ของนางขึ้นพร้อมกับยิ้มเยาะเย้ย “บางทีนายน้อยตระกูลหลี่อาจจะเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ดูสวยดี จึงช่วยนางเป็นพิเศษ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าหากนางไม่บริสุทธิ์จริงก็อาจจะถูกจับถ่วงน้ำตาย!”

“ถ้าจะให้พูด หญิงผู้นี้ถือได้ว่ามีความสามารถมาก หลอกลวงนายน้อยหลี่ จนหลงหัวปักหัวปำ!”

ป้าหวงใบหน้าบูดบึ้ง ชี้นิ้วไปที่จมูกของผู้หญิงคนนั้นแล้วพูดเสียงดัง “ข้าคิดว่าเจ้าก็ไม่ใช่สตรีที่ดีนักหรอกใช่หรือไม่? หากนางคบหากับนายน้อยหลี่จริง ๆ เหตุใดจึงไม่เข้าไปอยู่ในตระกูลหลี่! เป็นไปได้หรือที่ชีวิตในบ้านนายน้อยตระกูลหลี่จะลำบากกว่าชาวนายากจนอย่างพวกเรา?”

“หลี่ซื่อข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้นะ หากยังพูดจาแบบนี้อีก ข้าจะไปบอกผู้เฒ่าในหมู่บ้านว่าเจ้าจงใจทำให้คนในหมู่บ้านเสื่อมเสียชื่อเสียง!”

หญิงงามคนนั้นกลอกตา แม้ว่านางจะรู้สึกกลัวเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ทุกคนย่อมรู้ดีว่าว่าเรื่องนี้เหลือเชื่อจริงๆ!

ปกติป้าหวงก็ทำอะไรนางไม่ได้อยู่แล้ว จึงได้แค่ถอนหายใจ “พวกเราก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ถ้าต้องเจอเรื่องแบบนี้คงรู้สึกทุกข์ใจไม่น้อยและวันนี้นางก็อยู่ที่นี่ เราควรเห็นใจและพูดจาด้วยความสัตย์จริง ถือเป็นการให้เกียรตินางด้วย!”

หญิงชราคนหนึ่งที่ยืนอยู่อีกด้านถอนหายใจ “แม่นางหยุนตอนนั้นงดงามยิ่ง เมื่อนางแต่งงานกับเฉินผิงอัน ใครจะรู้ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่ดีนัก ตอนนี้เขาหมดความเอ็นดูในตัวลูกสาวคนนี้แล้ว นางไม่จึงเคยมีวันที่มีความสุขเลย ชีวิตตอนนี้ถือได้ว่าพังพินาศ!”

เมื่อพูดถึงแม่นางหยุนในตอนนั้น แม่นางหลี่ก็กลอกตาอีกครั้ง แน่นอน! นางรู้ดีว่าไม่มีใครเทียบได้กับผู้หญิงที่ดูสูงส่งเทียมเมฆ แม้แต่สามีของนางก็เกือบจะพ่ายแพ้ให้แก่หญิงผู้นั้น แล้วอย่างนี้จะให้จิตใจของนางปล่อยวางได้อย่างไร?

ขณะที่หยุนเคอกำลังฟังอยู่ เขาก็รู้สึกสงสารเด็กสาวจับใจ อย่างไรก็ตามในตอนนี้คงต้องรักษาระยะห่างที่ดีกับนาง เดิมทีชื่อเสียงของเขาก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ถ้าลากอีกฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เกรงว่านางจะไม่มีจุดจบที่ดีจริง ๆ!

โชคดีที่หัวข้อสนทนานี้ยุติลงอย่างรวดเร็ว เพราะท้ายที่สุดหัวหน้าหมู่บ้านเข้ามาห้ามปราม!

แต่ป้าหวงก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี แม้ว่าหญิงผู้นี้จะบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่ชื่อเสียงไม่ค่อยดีนัก ชาวนาที่ซื่อสัตย์คนไหนจะเต็มใจยอมรับนาง?