[ เหมือนที่ดิฉันพูดเอาไว้ !! คุณกำลังเข้าใจผิดนะคะ !!! มันไม่ใช่ว่าดิฉันจะกระทำการไร้ยางอายเฉกเช่นการถ้ำมองอย่างที่คุณคิดนะคะ !! ]
[ จ้า จ้า~ ผมก็บอกเธอแล้วว่าไม่เป็นไรหรอก เอาน่า เบอร์นาเดส เธอก็อายุเท่าๆกับผมไม่ใช่หรอ ? มันก็ต้องสนใจเรือนร่างของเพศตรงข้ามเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เพราะฉนั้นเธอไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ ]
[ อุ ว๊าาาา~~! มันไม่ใช่อย่างง๊านนนนน ! ]
หลังจากที่ผมฝึกร่างกายของตนในช่วงเช้าสักพัก ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาอาหารเช้าแล้ว เบอร์นาเดสก็ยังคงแก้ตัวเรื่องการถ้ำมองนั้นอยู่
อุฮิ ภาพของเธอที่กำลังหงุดหงิดและแดงไปทั้งหน้านี่มันน่ารักดีแฮะ ผมก็อยากจะแหย่เธออีกสักนิด แต่ว่า . . .
[ ฮ่าฮ่าฮ่า ยู นายน่าจะให้อภัยเบอร์นาเดสได้แล้วนะ ? ]
ผมคิดว่าฝั่งเราต่างหากที่เป็นคนผิดที่ไปแหย่เบอร์นาเดสเล่นแบบนี้มากกว่านะ
[ อืม นั้นก็จริง ถึงเวลาที่เราควรจะพูดคุยเรื่องหลักกันได้แล้ว …. จีน นายมีความสำพันธ์อะไรสักอย่างกับโวแดนซินะ ? ]
ในขณะที่ผมสังเกตเห็นจุดเดือดของเบอร์นาเดสพุ่งขึ้นถึงขีดสุดแล้ว ผมก็เลยเปลี่ยนหัวข้อคุย
เมื่อผมถามขึ้นมา จีนก็ยิ้มกว้างขึ้นมาเฉยๆเหมือนดั่งไอ้พวกหน้าหล่อทั่วไป แค่ไม่ตอบอะไรนี่ก็ถือว่ามากพอแล้วสำหรับเขา
[ ทำไมนายไม่ให้พวกเราพบกับโวแดนเลยหละ ? ถ้าหากนายเป็นคนรู้จักของโวแดน เรื่องนี้มันก็คงจบไปแล้วโดยไม่ต้องไปลงแข่งการประลองบ้าๆนั้น ]
[ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ….. สำหรับนายแล้ว คงไม่มีเหตุผลอื่นใดสำคัญไปกว่าปัญหาการลักพาตัวสินะ ยู ]
[ แต่สำหรับนาย ไอ้เรื่องนี้มันคงสำคัญกว่าเรื่อง “การลักพาตัว” ใช่มั้ย ? ]
[ แน่นอน ]
ไอ้หมอนี่ จีน จาเคียส ยูสตาส ผมรู้จักไอ้หมอนี่ดี ถึงเนื้อแท้มันจะไม่เลวร้ายอะไร แต่หมอนี่เป็นพวกที่เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางเอาไว้ก่อน
[ นายไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ จีน ]
[ แต่สำหรับนาย นายเปลี่ยนไปหน่อยนะ ยู ถ้าหากเหมือนแต่ก่อน ป่านนี้นายคงงับคอข้าไปแล้ว …. นายโตขึ้นมาก ข้าควรจะต้องพูดแบบนี้สินะ ? ]
[ อย่ามากวนประสาท ]
อันที่จริง ผมก็ไม่โตขึ้นอีกแล้วหลังจากที่ผมได้รับดาบศักดิ์สิทธ์ไร้สาระนี้
[ เอะ เอ๋ , พวกคุณหมายความว่าอะไรกันคะ ? ]
เบอร์นาเดสที่นั่งฟังบทสนทนาของพวกเราอยู่ เธอคงไม่ค่อยใจเลยที่พวกเราคุยกัน เธอจึงถามผมออกมา แต่
[ แล้ว , ลูกของโวแดน นี่ …. คุออนสินะ ? ถ้าหากพวกเราไปพบกับเขา พวกเราจะเข้าใจทุกอย่างใช่มั้ย ? ]
[ ถูกต้องแล้ว ]
ผมเองก็ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เหมือนกัน
———————————–
[[[ ยินดีต้อนรับ พวกเรากำลังรอท่านอยู่ !! ]]]
[ ทะ , ทำไมพวกเขาถึงต้อนรับนายดีจัง ! ]
สิ่งที่รอพวกเราที่หน้าคฤหาสน์ของโวแดนคือสมาชิกกลุ่มเฮรีอ็อตหลายโหลกำลังยืนรอต้อนรับพวกเราอยู่!!
พวกเขาเป็นเผ่าหมาป่ากำลังรอต้อนรับพวกเรา ซึ่งใบหน้าของพวกเขาแต่ละคนน่ากลัวขนาดเพียงแค่มองเห็นก็ทำให้พวกนักเลงวิ่งหนีกลับได้บ้านเลย
….. อุว๊า พวกเขาทั้งหมดต่างจ้องมาที่พวกเรา, น่ากลัว , น่ากลัวโครตๆ
[แต่ข้าว่ากิลเล่ยังจะหน้าโหดกว่าพวกนี้อีกนะ ? ]
[ นั้นก็จริง ]
อย่างที่จีนกล่าวออกมาอย่างเบาๆ ตาลุงกิลเล่นั้นมีใบหน้าโหดกว่ามากนัก รวมถึงความฝันของเขาด้วย
[ ถึงแม้ว่าเขาจะหน้าโหด แต่ทำไมเขาถึงได้แต่งงานกับผู้หญิงที่สวยเช่นนั้นกันหละ …. ]
[ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ]
ผมรู้ว่าตาลุงกิลเล่นั้นไม่ใช่คนไม่ดีอะไร
แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้แต่งงานทั้งๆที่เขามีใบหน้าแบบนั้น
ผมคิดว่ามารีด้าซังคงเป็นคนประเภทที่ดียิ่งกว่านางฟ้าหละมั้ง
[ พวกคุณทั้ง 2 ช่างหยาบคายจริงๆค่ะ … ]
เบอร์นาเดส ที่พอจะรู้จักกับตาลุงกิลเล่อยู่บ้าง เธอถอนหายใจออกมาหลังจากดุพวกเรา
[ ฮ่าฮ่าฮ่า ไว้เราค่อยคุยกันเรื่องของกิลเล่ทีหลัง เอาหละ … คุออนคุงอยู่ที่ไหน ? ]
[ ในหอฝึกขอรับ ]
[ เข้าใจแล้ว ขอบใจมาก ]
หลังจากเสร็จสิ้นบทสนทนา เหล่าสมาชิกทางกลุ่มเฮรีอ็อตก็ต่างก้มโค้งให้กับจีน
จีน …. นาย , ทำไมโลกนี้มันช่างปฎิบัติกับนายเฉกเช่นแขก VIP แบบนี้
เมื่อพวกเราเดินเข้ามาได้สักหน่อย ที่ข้างๆของเรือนรับรองหลัก มันมีสิ่งปลูกสร้างอยู่ มันเหมือนกับสิ่งปลูกสร้างสไตล์ญี่ปุ่นแบบมากๆ …. เห้ย เห้ย ทำไมไอ้โรงฝึกหลังคาปูกระเบื้องที่หาดูไม่ได้แล้วในญี่นปุ่นสมัยใหม่จึงมาโผล่ที่ต่างโลกรูนเบิร์กแห่งนี้ได้ฟ่ระ ?
[ ….. ฟุมุ สมแล้วจริงๆ , พวกเราถูกสังเกตเห็นแล้ว ]
ขณะที่ผมกำลังมองโรงฝึกและกำลังตกใจอยู่หน่อยๆ จีน ผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆผม ก็พึมพัมอะไรบางอย่างออกมาราวกับกำลังดีใจ
[ หือ? ไอ้”พวกเราถูกสังเกตเห็นแล้ว” … นี่มันอะไร? ]
[ คุออนรู้ว่าพวกเรามาถึงแล้ว ทั้งๆที่เขายังอยู่ภายในโรงฝึก ยอดเยี่ยมจริงๆ ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้ลบตัวตนก็จริงอยู่ แต่แค่นี้มันก็น่าทึ่งมากแล้ว ]
[ เห้ย เห้ย พวกเรายังอยู่อีกตั้งห่างนะ ? จะมารู้ถึงตัวตนของพวกเราโดยที่—…. ]
[ ความสามารถในการได้ยินของนายยังคงผิดมนุษย์มนาอยู่เหมือนเดิมอยู่สินะ ? ]
[ ไอ้นี่— นี่มันใช้เวลาจะมา “หลอกด่า” กันมั้ย ]
ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของผมนั้นเหลือกว่าคนธรรมดาทั่วๆไป
ความสามารถในการรับรู้ของผมนั้นมันถึงระดับกับพวกสัตว์ต่างๆเลย ไม่สิ เหนือกว่านั้นอีก
แน่นอนว่าความสามารถในการได้ยินของผมก็ไม่ด้อยไปกว่าด้านอื่นๆเช่นกัน
[ พวกคุณกำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่คะ ? ]
[ หือ ไม่มีอะไรหรอก ]
เบอร์นาเดสที่เอียงหัวสงสัยจากการที่เห็นพวกเราเถียงกันเบาๆตะกี้ ที่จริงๆ ผมไม่สามารถบอกความจริงกับเธอได้ ผมจึงตอบคำถามเธอออกไปเช่นนั้น และมันทำให้เบอร์นาเดสชี้นิ้วมาทางผม
[ นั้นมันโกหกสินะคะ ! ยาชิโระซัง เพราะทุกครั้งที่คุณโกหก ปลายจมูกของคุณมันจะกลายเป็นสีแดงตลอด !! ]
เธอเป็นผู้ใช้สแตนด์หรือไงกันห๊ะ
ถ้าหากผมทำท่าทีตกใจแล้วจับที่จมูกหละก็ เบอร์นาเดสคงทำให้ผมปวดหัวด้วยการพูดว่า * คุณตกหลุมพลางแล้วค่ะ!* ไรเทือกนั้นแน่ อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าเวลาผมโกหกผมจะไม่มีอาการแบบนั้น( ที่จริงตามที่ซิลเวียบอกว่า เวลาผมโกหกตาของผมจะลอกแลก )
ยัยบ้านี้ มาวางกับดักดักผมทั้งๆที่เธอเป็นแค่เบอร์นาเดสเนี้ยนะ ….. อภัยให้ไม่ได้!
[ เธอเหมือนกัน เวลาที่เธอโกหก หูของเธอมันจะกระดิก ]
[ เอ๊ะ !? จะ , จริงหรือคะ !? ]
[ แน่นอน ว่าโกหกอยู่แล้ว แต่ก็ทำให้ผมรู้ว่ามียัยซิสเตอร์บ๊องตื้นที่หลงเชื่อเรื่องโง่ๆแบบนี้แถมยังพยายามจะหลอกคนอื่นแบบนี้อีกด้วย ]
[ อะไร– นี่มันไม่แฟร์เลยค่ะ! ยาชิโระซัง ! หะ , ให้โอกาสดิฉันแก้มืออีกรอบทีคะ ! ]
[ ไอ้คำว่า “โอกาส”นี่หมายถึงอะไร ยัยบ๊อง ]
เมื่อผมเลิกสนใจเบอร์นาเดสที่เริ่มเอะอะ และออกเดินต่อ ผมก็เห็นร่างของเจ้าของหูจิ้งจอก ลูกของโวแดนชิ คุออน เฮรีอ็อตกำลังรออยู่ภายในโรงฝึกในท่านั่งทับส้น
[….? คนๆนั้น ท่านั้งของเขา? มันแปลกๆว่ามั้ยคะ ? ]
เธอไม่รู้จักท่า seiza//นั่งทับส้น งั้นรึ ? เมื่อเบอร์นาเดสพึมพัมออกมา จีนก็เผยรอบยิ้มออกมาเล็กๆ
[ ถ้าหากข้าเข้าใจไม่ผิด มันเรียกว่า seiza ใช่รึปล่าวนะ ? ]
[…. อืม แต่ว่าทำไมนายถึงมองมาที่ผมหละ ? ]
[ ก็เพราะเวลาที่นายโดนเทศน์ทีไร นายมักจะนั่งอยู่ในท่านี่เสมอ— ว๊าา ]
*คลุกๆ* หลังจากที่เตะไปยังด้านหลังของหัวเข่าของจีนจนล้มคว่ำ ผู้ที่กำลังหัวเราะเยาะผมในเรื่องในอดีต ผมก็ออกมายืนที่หน้าระเบียงของโรงฝึก
[ ผมต้องถอดรองเท้าออกก่อนสินะ ? ]
[ ฮี่ๆ ….. นายรู้กฎของโรงฝึกนี้ด้วยสินะ ]
เมื่อผมถามออกไป คุออนก็ตอบกลับออกมาราวกับว่าเขารู้สึกสนใจ
[ ถูกต้องแล้ว รองเท้านั้นไม่ได้รับอนุญาติ ]
ขณะที่เบอร์นาเดสพยายามถอดรองเท้าของเธอออกโดยการใช้มือขวาของเธอจับมาที่ผมเพื่อเป็นการทรงตัว และก็ถอดรองเท้าออกเช่นกันและเดินเข้าไป
[ ผมมาที่นี่เพราะจีนเป็นคนบอกให้มาแต่…. ]
[ การที่นายมาที่นี่ นั้นก็หมายความว่า นายจะมาสู้กับข้าสินะ ? ]
ที่มุมปากของ คุออน เฮลีอ็อตยิ้มออกมาไม่หยุดราวกับว่า “ข้าก็รอคอยสิ่งนี้เหมือนกัน”
[…. อืม ผมก็ตั้งใจเช่นนั้นเหมือนกัน ]
[ งั้นมาจบบทสนทนานี้ให้ไวเถอะ ! ]
เมื่อคุออน เฮลีอ็อตลุกขึ้น สมาชิกในแก้งค์ที่สวมชุดฝึกก็ออกมา จำนวนของพวกเขามีมากกว่า 10คน
และในมือของพวกเรายังมีอาวุธอยู่หลายหลายชนิด ทั้ง ดาบ หอก ขวา…. แม้แต่อาวุธบ้าๆอย่าง พัดที่ทำจากโครงกระดูก ก็มี
[ เลือกอันที่นายชอบซะ พวกมันทุกชิ้นคือของชั้นเยี่ยม ]
ไม่สิ ผมอยากได้อะไรที่มันไม่สร้างความบาดเจ็บเท่าไรเช่น ดาบไม้ไรงี้ ( ถึงแม้ถูกตีด้วยดาบไม้มันจะเจ็บอยู่เหมือนกันก็เถอะ ) แต่ว่า… ช่วยไม่ได้แหะ
[ ถ้างั้น ผมเลือกนี่หละกัน ]
จากคนทั้งหมดที่ยืนเรียงหน้ากระดานถืออาวุธอยู่ ผมเลือกมา 2 สิ่ง
「!……」
และในขณะที่ผมถือ อาวุธ 2 ชนิดนี้อยู่ สายตาของเขาก็ได้เปลี่ยนไป …. มันเหมือนกับเด็กที่ได้รับของขวัญวันคริสมาสต์เป็นสิ่งที่เขาต้องการอย่างไรอย่างนั้น . . .
และแน่นอน ที่ผมเริ่มจะมั่นใจอะไรบางอย่าง ถึงเหตุผลที่ คุออน เฮลีอ็อตรู้จักชื่อของผมและทำไมถึงพยายามยึดติดกับการได้สู้กับผมขนาดนี้
[ อืม ใช่แล้ว นี่คือท่าที่ผมคิดขึ้นเอง ]
ผมโชว์ท่ายืนราวกับว่าแสดงให้คุออน เฮรีอ็อตเห็น
มันคือดาบ และ หอก 2 อาวุธที่ผมเลือก
มันคือท่าเฉพาะของผมที่ผมปรับแต่งขึ้นในการต่อสู้ระหว่างการผนึกจอมมารเมื่อ 3 ปีก่อน มันคือสิ่งที่ถูกฝั่งแน่นอยู่ในร่างกายของผม
มันคือท่ายืนที่บ้าบิ่นที่ผมนำมาจากทฤษฎีลึกลับที่ชื่อ “การโจมตีระยะสั้น และระยะกลาง ถ้าหากใช้ 2 อย่างนี้ได้พร้อมกันได้ ก็จะไร้เทียมทาน! ” ที่ผมได้ยินมาจากในสมัยก่อนนู่น
จุกประสงค์ทั่วๆไปของท่านี้คือ เวลาที่ใช้ ก้าวพริบตา พร้อมกับถือดาบและหอก มันจะดูเท่มาก ซึ่งตอนที่ผมคิดขึ้นนั้นเป็นตอนที่ผมยังเป็นจูนิเบียวเต็มแม็ก นั้นเอง
[ มันคือท่า [ คามุย ] …….. ถึงชื่อมันจะฟังดูไร้สาระไปหน่อย คิดซะว่าผมพูดกับตัวเองแล้วกัน ]
หอกแนบติดที่หลังของผม และ ปลายดาบที่ชี้ไปยังศัตรูของผม
ขณะที่กำลังรู้สึกไม่ค่อยดีที่ คุออน เฮลีอ็อต ผู้ที่กำลังจ้องมาที่ผมด้วยดวงตาที่เปร่งประกาย ผมจึงเหลือบมองไปที่จีน
มันเป็นแบบนี้ไปได้ไง แกนี่มันเป็นไอ้วณิพกจริงๆ…. แกเรียกมันว่าอะไรนะ ตำนานผู้กล้า ? แต่งเพลงให้มันด้วยสินะ? และสอนไอ้หมอนี้ด้วยสินะ ?
ผมจะไปจัดการกับแกทีหลังจากจบเรื่องนี้
หลังจากที่เห็นจีนผู้ที่กำลังถือปากกาขนนกและหนังสือที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่ และกำลังหัวเราะอย่างรื่นรมย์ ผมได้แต่สาบานเรื่องนั้นอยู่ภายในใจ