ในยามพลบค่ำของวันถัดมาหลังจากการขโมยดาบวิเศษสำเร็จไปได้ด้วยดี ในขณะที่เขากำลังเตรียมตัวที่จะออกดำเนินแผนกันกันต่อหลังพระอาทิตย์ตกดินฮาโรลด์ก็ได้รับรายงานจากเอลล์ และรายงานนั้นทำให้เขากระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก
ถึงแม้การที่ใบหน้าของเวนโตสถูกเปิดเผยจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ทว่ากลับมีปัญหาใหม่ที่ไม่เหมือนกับเหตุการณ์ในเกมส์เกิดขึ้นนี่สิ
[[มีความเป็นไปได้สูงที่คลอเล็ตจะไม่ตามไลเนอร์ไปด้วย]] นั้นคือปัญหาที่ถูกส่งมาในรายงาน ตามที่เอลล์รายงานมา ดูเหมือนว่าไลเนอร์ต้องการที่จะไล่ตามพวกโจรออกไปในทันที แต่คลอเล็ตกับมีความคิดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากเธอเชื่อว่าการไล่ตามพวกโจรไปจะทำให้เกิดอันตราย และพยายามหยุดไลเนอร์เพื่อถอยมาตั้งหลักจะดีกว่า
“เอ๋? ไหงกลายเป็นงี้?” นั้นคือสิ่งแรกที่แว๊บขึ้นมาในหัวของฮาโรลด์ เขาพยายามคิดหาคำตอบของคำถามนี้ด้วยใจที่สับสน เนื่องจากความรู้ที่ได้รับมาจากภายในเกมส์ ทำให้ฮาโรลด์ไม่เคยคำนึงถึงเหตุการณ์ที่ไลเนอร์และคลอเล็ตจะมีความคิดที่แตกต่างกัน อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เหตุการณ์ดำเนินไปแตกต่างจากเนื้อเรื่องเดิมกันแน่ ? คลอเล็ตในโลกใบนี้กับภายในเกมส์แตกต่างกันตรงไหน ? มีเพียงปัจจัยเดียวที่เขาพอจะนึกออกนั้นคือ คลาล่า แม่ของคลอเล็ตรอดชีวิตมาได้ หรือเพราะสิ่งนี้? ในเนื้อเรื่องของเกมส์ คลอเล็ตมีความแค้นกับฮาโรลด์ผู้ที่เป็นคนสังหารแม่ของตนอย่างไม่มีเหตุผล หรือนั้นจะเป็นเหตุผลให้เธอฝึกฝนตัวเองเพื่อที่จะเข้มแข็งขึ้นพร้อมๆกับไลเนอร์
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ ทำให้เธอไม่มีความจำเป็นหรือรู้สึกอยากที่จะแก้แค้น เลยขาดแรงผลักดันที่จะฝึกฝนตัวเองรึยังไง? พอหันมามองอีกมุมหนึ่ง ตอนนี้คลอเล็ตเป็นเพียงเด็กสาวที่ห่างไกลจากกลิ่นสาบคาวเลือดบนเส้นทางแห่งการแก้แค้นและต่อสู้ การที่เธอตัดสินใจเช่นนี้ก็ไม่แปลกอะไร อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นทางเลือกที่คนปกติทำกันเสียด้วยซ้ำ ทำไมเด็กผู้หญิงธรรมดาเช่นเธอต้องตามเพื่อนสมัยเด็กของเธอไปเพื่อตามล่ากลุ่มโจรด้วย? สำหรับคนที่มีสามัญสำนึกปกติดี ทางเลือกที่ถูกต้องคือหันไปพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญ หรือก็คือการแจ้งหน่วยรักษาความปลอดภัยอย่างที่คลอเล็ตจะทำ แม้ว่านั้นจะใช้ไม่ได้กับไลเนอร์ ผู้ที่อารมณ์จะมาก่อนเหตุผลอยู่เสมอ เนื่องมาจากนิสัยติดประมาทของเขา
พักเรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ตอนนี้ฮาโรลด์มีปัญหาใหญ่ที่ต้องจัดการ เพราะถ้าหากคลอเล็ตไม่ตามไลเนอร์ไป นั้นก็หมายความว่าสมาชิกของปาร์ตี้ผู้กล้าจะมีน้อยลง 1 คน ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงต่อกำลังรบของทีม ภายในเกมส์นั้นแม้ว่าเธอจะมีรูปร่างและหน้าตาน่ารัก แต่ทว่าคลอเล็ตนั้นรับหน้าที่เป็นแนวหน้าที่แข็งแกร่ง พลังโจมตีของเธอสูงเป็นอันดับ 3 ในบรรดาสมาชิกทั้งหมดตี้ปาร์ตี้ และเธอก็มีค่าพลังชีวิตและพลังป้องกันสูงที่สุดด้วย
อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงด้านเวทมนตร์ เธอนั้นไม่เอาไหน เวทมนตร์โจมตีของเธอใช้ได้แต่กับพวกลูกกระจ้อกข้างทางเท่านั้น และเธอไม่สามารถเรียนรู้เวทมนตร์รักษาได้เลยแม้แต่ซักคาถาเดียว ขนาดไลเนอร์ยังสามารถใช้เวทมนตร์ฟื้นฟูขั้นพื้นฐานได้ ถึงแม้จะไม่ค่อยได้เรื่องก็เถอะ
หากให้พูดในมุมของตัวละคร คลอเล็ตดูไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงมากนัก ทั้งร่างกายและสมองที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ พร้อมกับอาวุธคู่กลายของเธอ ทอนฟา เธอจะใช้มันแกว่งไปรอบๆและทุบศัตรูจนกว่าจะตาย
นอกจากนี้ หากสมาชิกในปาร์ตี้ลดลงไปจริงๆ อาจทำให้ฮาโรลด์ไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกเพราะเส้นเรื่องอาจจะเปลี่ยนแปลงจนเกินไป และในที่สุด ธงแห่งการแก้แค้นของคลอเล็ตที่ถูกหักไป ถึงจะมาช้ากว่า 8 ปี แต่ในที่สุดมันก็ส่งผลต่อเหตุการณ์ ณ ปัจจุบันจนได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะยังไง เพื่อที่จะรักษาผลกระทบให้เหลือน้อยที่สุดเพื่อที่จะรักษาเส้นเรื่องที่เขารู้เรื่องราวในอนาคตเอาไว้ ฮาโรลด์จะต้องทำทุกวิถีทางที่จะทำให้คลอเล็ตกลับมาเข้าสู่ปาร์ตี้ให้ได้ แม้ว่าตอนนี้เนื้อเรื่องของเกมส์พึ่งจะเริ่มต้นขึ้น แต่ถ้าหากปล่อยให้ไลเนอร์ฉายเดี่ยว หนทางอาจนำเขาไปสู่ความตายได้
(แล้วผมควรทำอย่างไรดี ? ถึงแม้เอลล์จะพูดไว้ว่าแค่มันมีโอกาส แต่ถ้าเอลล์ถึงกับเอ่ยปากออกมา แสดงว่ามันน่าจะเกิดขึ้นแน่ๆ ) – ฮาโรลด์
แม้ว่าเรื่องนี้จะยังไม่แน่ชัด แต่ถ้าหากสถานการณ์เกิดขึ้นจริง มันก็สายเกินไปที่จะแก้ไขอะไรแล้ว ไม่ว่าความเป็นไปได้จะสูงหรือต่ำ ถ้าหากมันมีความเสี่ยง ฮาโรลด์ก็ไม่สามารถที่จะมองข้ามมันไปได้
เขาอยากจะถามกับเอลล์ว่าเหตุการณ์เป็นยังไงบ้าง และบอกให้เอลล์จัดการกับปัญหาซะ แต่นั้นกลับไม่เป็นผล แม้ฮาโรลด์จะต้องการให้เอลล์เป็นคนโน้มน้าวคลอเล็ตให้ได้ แต่โลกใบนี้ไม่มีโทรศัพท์หรืออีเมล ดังนั้นมันต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งกว่าเขาจะสามารถถ่ายทอดความตั้งใจของเขาไปให้ใครบางคนที่อยู่ไกลออกไปได้ ดังนั้น และมันอาจจะสายเกินไป ถ้าเขาไม่ได้เดินทางไปที่หมู่บ้านบร็อชด้วยตนเองในทันที
ตอนนี้พระอาทิตย์ได้ตกดินไปแล้ว ฮาโรลด์ซึ่งควรจะออกเดินทางจากเมืองไปตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว ยิ่งกว่านั้น เขาได้กำหนดแผนและการกระทำต่างๆของเวนโตสและลีเลี่ยมไว้ล่วงหน้า โดยบอกให้ทั้ง 2 เดินทางผ่านไปที่หุบเขาแห่งหมอกทันทีหลังจากที่พระอาทิตย์ตกดิน เพื่อใช้ความมืดอำพลางร่างกาย และหลบเลี่ยงสายตาใครก็ตามที่จะตามพวกเขาทั้งคู่
แม้ว่าทั้งสองจะได้รับคำสั่งใหม่ในวินาทีสุดท้าย แต่พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้เอ่ยปากบ่นอะไร แต่ว่าการกระทำนี้อาจถูกเปิดเผยต่อยูสทัสได้ บางทีฮาโรลด์อาจถูกถามถึงเหตุผลที่เปลี่ยนแปลงคำสั่งดังกล่าว ด้วยสมองอันชาญฉลาดของเขา บางทีนักวิทยาศาตร์สติเฟื่องอาจเริ่มสงสัยในตัวของฮาโรลด์
ในที่สุด ความลับของฮาโรลด์ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกยูสทัสล่วงรู้เข้าให้แล้ว
“ถ้าแบบนั้น ผมต้องหาข้ออ้างที่ฟังขึ้นมากพอในเรื่องที่จะต้องแยกทางจาก 2 คนนี้เอาไว้” นั้นคือสิ่งที่ฮาโรลด์คิด
เมื่อพิจารณาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รู้ได้ว่า ไลเนอร์และคนอื่นๆทราบว่ากลุ่มคนร้ายมีกัน 2 คน และ 1 ในนั้นเวนโตสถูกพบเห็นใบหน้าอีกด้วย จึงเป็นเรื่องที่ง่ายมากที่จะมีคนไล่ตามทั้งคู่ทันด้วยข้อมูลเพียงเท่านี้ แต่ถ้าหากมีคนที่ไล่ตามพวกเขามาจริงๆ ฮาโรลด์จะใช้ประโยชน์ในฐานะของบุคคลที่ 3 ซึ่งไม่มีใครรู้ว่า เขาเองก็เป็น 1 ในกลุ่มโจร และลอบโจมตีคนเหล่านั้น
ในทางกลับกัน หากไม่มีใครไล่ตาม ทั้ง 3 คนก็จะสามารถหลบหนีกันต่อไปได้ตามแผนที่วางเอาไว้ก่อนหน้านี้ ยิ่งไปกว่านั้น การที่ไปซ่อนตัวอยู่หุบของแห่งหมอก ฮาโรลด์สามารถข้อนี้ทำให้โอกาสสำเร็จในการลอบโจมตีสูงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ด้วยเหตุผลมากมายเหล่านี้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าหากเขาจะแยกตัวออกมา และถ้าถูกถามว่าทำไมเขาถึงแยกตัวออกไปไกลขนาดนั้น เขาก็แค่อ้างว่ามันเป็นมาตรการป้องกันของเขา และถ้าหากมีคนที่ไล่ตามพวกเขามาจริงๆ นั้นยิ่งทำให้เหตุผลของฮาโรลด์ฟังขึ้นยิ่งขึ้น ยูสทัสคงไม่สอบถามอะไรมากมาย และเรื่องราวทั้งหมดคงยุติ
ขณะคิดอยู่เช่นนั้น เขาก็สั่งให้ลิเลี่ยมและเวนโตสแยกตัวออกไปโดยอ้างว่า เมื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะถูกคนไล่ตามมาหลังจากที่ใบหน้าของเวนโตสถูกเปิดเผย ฮาโรลด์เลยต้องไปยืนยันด้วยตัวเองว่ามีใครพยายามที่จะไล่ตามพวกเขาไปยังหุบเขาแห่งหมองหรือไม่ และถ้าหากมีใครก็ตามไล่ตามพวกเขาเข้าไปในหุบเขาแห่งหมอกจริงๆ เขาจะเป็นคนเก็บคนเหล่านั้นเอง
และฮาโรลด์ยังสั่งพวกเขาอีกว่าให้ไปรอเขาในหุบเขาแห่งหมอกจนกว่าเขาจะเดินทางมาสมทบ แน่นอนว่าทั้งสองปฎิบัติตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง
หากเป็นทั้ง 2 คนนี้ มันไม่จำเป็นสำหรับฮาโรลด์ที่จะต้องมาคอยกังวลว่าพวกเขาทั้งคู่จะถูกมอนเตอร์ฆ่าตาย นอกจากนี้ หากไลเนอร์ไล่ตามเวนโตสและลิเลี่ยมได้ทันก่อนที่เขาจะกลับมาสมทบ ฮาโรลด์สั่งให้พวกเขาตรวจสอบความสามารถของศัตรูโดยห้ามสังหารคนๆนั้นทิ้ง คำสั่งนี้ก็เพื่อไม่ให้ไลเนอร์ถูกฆ่าตายนั้นเอง
ดังนั้น หลังจากมองดูพวกเขาทั้งคู่เดินหายไปพร้อมกับดวงอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้า ฮาโรลด์จึงมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านบร๊อชด้วยการเดินเท้า
อย่างไรก็ตาม ไม่มีเวลาให้เอ้อระเหยลอยชายอีกต่อไป ในเนื้อเรื่องของเกมส์นั้น ไลเนอร์และคลอเล็ตจะออกเดินทางกันหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น 1 วัน กล่าวอีกนัยก็คือ มันเป็นช่วงเช้าหรือไม่ก็เที่ยงของวันนี้ ไม่ว่าจะตอนไหนก็ตาม ตอนนี้ไลเนอร์น่าจะออกเดินทางแล้ว
หากมาลองคิดดู ไลเนอร์ค่อนข้างทรหดเสียทีเดียว หลังจากผ่านค่ำคืนของเหตุการณ์ที่พ่อแม่ของตนถูกทำร้ายและดาบล้ำค่าของเขาถูกขโมยไป เช้าวันต่อมาเขาก็ออกไล่ตามโจรไปทันที จึงกล่าวได้ว่าหมอนี่ทรหดจริงๆ
แต่ตัวของฮาโรลด์เอง ก็คือคนที่ไปขโมยดาบมาเมื่อคืน แถมต้องเดินทางกลับมาให้ถึงโรงแรมก่อนรุ่งสาง ได้นอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง และต้องออกเดินทาง 5 ชั่วโมงติดเหมือนดั่งเมื่อคืนอีกรอบ จึงกล่าวได้ว่าเขาเองก็ไม่น่าจะมีหน้าไปว่าคนอื่นว่าทรหดได้หรอก
มีเวลาน้อยเกินไปหลังจากที่เขาปรับเปลี่ยนแผนการณ์หลังจากที่ได้รับรายงานจากเอลล์ มันก็คงดีกว่าหากไปถึงที่นั้นแล้วเขาสามารถยืมม้าได้และไปถึงก่อนกำหนดการสักเล็กน้อย แต่ถ้าไม่ได้ เขาก็เดินทางไล่ตามไลเนอร์ต่อด้วย 2 ขาของเขานี่แหละ
ตลอดสิบนาทีที่ฮาโรลด์เดินไปที่หมู่บ้านด้วยความเร็วเกือบจะเท่ากับวิ่งนั้น หูของเขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง มันเป็นเสียงของโลหะกระทบกันและเสียงของสัตว์ร้าย มันก็เป็นเรื่องปกติทั่วๆไป คงเป็นใครสักคนกำลังต่อสู้อยู่กับสัตว์ประหลาด
ฮาโรลด์ที่กำลังรีบ แต่เพราะมีมอนเตอร์ปรากฎขึ้นแถวๆนี้ แถมพวกมันไม่ได้กระจอกถึงขนาดฮาโรลด์จะสามารถสังหารพวกมันได้ในทันที ดังนั้น ขณะคิดว่าจะเข้าไปช่วยคนๆนั้นสักหน่อยหากคนๆนั้นตกอยู่ในอันตราย ยังไงซะก็อยู่ในเส้นทางที่เขากำลังไปพอดี และจะได้ยืนยันตัวบุคคลคนนั้นอีกด้วย
เป็นหมอนั้นเอง ชายผมแดงราวกับไฟที่มีเสียงร้องที่ฮาโรลด์คุ้นเคยดี หรือก็คือไลเนอร์ พระเอกของโลกใบนี้ที่กำลังต่อสู้อยู่กับมอนเตอร์
ฮาโรลด์เกือบจะหลุดตะโกนตบมุขไปว่า “มึงอีกล่ะ” แต่ดูเหมือนว่าไลเนอร์จะมุ่งสมาธิไปกับการต่อสู้ ทำให้ไม่สังเกตเห็นฮาโรลด์ที่หลบอยู่ในเงามืด
ดังนั้น ฮาโรลด์จึงใช้โอกาสนี้ในการสังเกตการต่อสู้ของไลเนอร์ มอนเตอร์ที่เขากำลังสู้นั้นไม่ได้แข็งแกร่งอะไรขนาดนั้น และฮาโรลด์รู้สึกถึงความเฉียบคมในการเคลื่อนไหวของไลเนอร์ ดังนั้นไลเนอร์ไม่น่าจะแพ้ได้
แม้ว่าเขาจะดูบาดเจ็บเล็กน้อย แต่บาดแแผลนั้นไม่ถึงชีวิตแต่อย่างใด ไลเนอร์น่าจะได้รับบาดแผลเหล่านั้นจากการต่อสู้กับมอนเตอร์ตัวอื่นก่อนเดินทางมาถึงจุดๆนี้
แม้จะกังวลอยู่บ้าง แต่ฮาโรลด์ตัดสินใจที่จะไม่เข้าไปยุ่งอะไรและปล่อยให้ไลเนอร์จัดการเอาเอง เขาไม่คิดว่าไลเนอร์จะพ่ายแพ้ให้กับมอนเตอร์ตัวนี้แม้ว่าเขาจะต้องต่อสู้เพียงลำพังก็ตาม นอกจากนี้ เมืองถัดไปก็อยู่ใกล้ๆนี้เอง และไม่มีมอนเตอร์ที่เก่งอะไรอยู่ระหว่างทางไปถึงเมืองนั้น
และเหนือสิ่งอื่นใด ฮาโรลด์นั้นรู้จักกับไลเนอร์ ไลเนอร์เป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ถ้าคุณบังเอิญพบกับเขาในสถานที่เช่นนี้ แน่นอนว่าความสัมพันธ์ของเขากับไลเนอร์จะต้องพัฒนาขึ้นเยอะแน่ๆ แต่น่าเสียดายที่ฮาโรลด์ไม่มีเวลาที่จะทำเช่นนั้น ดังนั้นเขาจึงหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปแสดงตัวกับไลเนอร์
ดังนั้น ฮาโรลด์จึงออกจากสถานที่นั้นมา แต่เขาก็ยังไม่วายแอบทิ้งไอเทมฟื้นฟูต่างๆไว้ระหว่างทางที่ไลเนอร์จะต้องเดินทางไปต่อหลังจากที่เขาสามารถปราบมอนเตอร์ลงได้ นั้นคือสิ่งเดียวที่ฮาโรลด์จะทำให้กับเขาได้ ณ เวลานี้
และไม่กี่ชม.หลังจากนั้น มันเป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืน ในที่สุด ฮาโรลด์ก็มาถึงที่หมู่บ้านบร็อช และที่ด้านข้างของประตูทางเข้าหมู่บ้าน ฮาโรลด์สังเกตว่ามีใครบางคนกำลังยืนอยู่ในความมืด ซึ่งไม่ใช่ใครอื่น เอลล์นั้นเอง ดูเหมือนว่าเธอจะตั้งใจออกมายืนรอเขา
[ นายมาถึงเร็วดีแหะ ] – เอลล์
[ เล่าสถานการณ์มา ] – ฮาโรลด์
[ ไลเนอร์ไล่ตามไปคนเดียว ดูเหมือนสิ่งที่นายคาดการณ์ไว้จะผิดนะ ] – เอลล์
[ …. แล้วคลอเล็ตล่ะ? ] – ฮาโรลด์
[ เธอดูกังวลอยู่บ้าง แต่ว่าไม่มีสัญญาณทีท่าว่าเธอจะตามไลเนอร์ไปซักนิด ] – เอลล์
โดยไม่มีลังเลใดๆ เอลล์ให้ข้อมูลทุกอย่างที่เขาต้องการอย่างไม่มีปิดบัง
บางที มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยถ้าจะบอกว่าฮาโรลด์กำลังคิดว่า “งั้นเธอก็ไปทำงานโน้มน้าวแม่นั้นต่อได้แล้ว” แต่เพราะปัญหานั้นเกิดจากฮาโรลด์ตั้งแต่ต้น เพราะเขาไม่ได้คิดให้ดีอย่างถี่ถ้วน ดังนั้น มันอาจจะฟังดูเป็นข้อเรียกร้องที่ดูเกินไปหน่อยสำหรับเอลล์ที่ไม่ได้รับรู้ข้อมูลใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย นอกจากนี้ เอลล์ยังปฎิบัติงานที่ได้รับมอบหมายจากฮาโรลด์ได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งก็คือทำความคุ้นเคยกับไลเนอร์และคลอเล็ต
“นี่คือสิ่งที่ผมต้องแก้ไขมันด้วยตัวเอง” นั้นคือสิ่งที่ฮาโรลด์กำลังคิด
[ เตรียมม้าไว้ 2 ตัว ชั้นไม่สนว่า 1 ใน 2ตัวนั้นจะเป็นม้าที่เธอจะต้องใช้ขี่อยู่หรือไม่ก็ตาม ] – ฮาโรลด์
[ นายต้องการให้ฉันเตรียมพวกมันไว้ให้ตอนไหน ? ] – เอลล์
[ เธอมีเวลา 1 ชม. ] – ฮาโรลด์
[ เข้าใจแล้ว ] – เอลล์
เอลล์ตอบรับคำขออย่างกะทันหันโดยทันที นั้นแสดงให้เห็นว่าเอลล์นั้นไว้วางใจได้ขนาดไหนสำหรับฮาโรลด์ เขาได้แต่ขอบคุณเอลล์อยู่ภายในใจที่เธอไม่ได้สอบถามเอาข้อมูลใดๆเกินจำเป็นนอกเหนือจากคำสั่ง นอกจากนี้ ฮาโรลด์ยังถามกับเอลล์เกี่ยวกับสมาชิกกลุ่มฟรีรี่คนอื่นๆที่อยู่ในเมืองแห่งนี้เพื่อสั่งการอะไรบางอย่าง
ด้วยเหตุนี้ ฮาโรลด์จึงมีความคิดที่จะตอบแทนเอลล์ในความมีน้ำใจของเธอด้วยการมอบรางวัลแก่เธอให้ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ด้วยผลลัพธ์ที่กำลังจะตามมา
และทันทีที่เขาแยกทางจากเอลล์ ฮาโรลด์ก็มุ่งตรงไปยังบ้านของไลเนอร์ จากเรื่องที่เขาได้ฟังมา ดูเหมือนว่าบ้านใหม่ของคลาล่าและคลอเล็ตจะอยู่ติดกับบ้านของไลเนอร์ ซึ่งข้อมูลนี้ฮาโรลด์ได้รับมาจาเซ็น เพราะเขาเป็นกังวลเกี่ยวกับคลาล่าและคลอเล็ตเขาจึงสั่งให้เซ็นมาแอบมาดูสองแม่ลูกเป็นระยะๆ และเซ็นรายงายว่า “ดูเหมือน 2 แม่ลูกนั้นจะสามารถเข้ากับคนอื่นๆในหมู่บ้านได้อย่างดี” ดังนั้นฮาโรลด์จึงสั่งให้เซ็นตรวจสอบเกี่ยวกับเพื่อนบ้านคนอื่นๆอีกครั้ง และเมื่อได้ยินคำว่า “เด็กผมแดง” ขึ้นในรายงาน ฮาโรลด์ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งอยู่เงียบๆภายในใจ
ขณะนึกถึงเรื่องเหล่านั้น ฮาโรลด์ก็มุ่งไปยังบ้านของไลเนอร์โดยใช้เพียงแสงจันทร์นำทางเส้นทางที่เขาพอจะจำได้เพราะภายในหมู่บ้านนั้นไม่ได้ขนาดเล็กเหมือนดั่งภายในเกมส์ และถ้าหากคลอเล็ตที่ไม่ได้อยู่กับไลเนอ์ตอนนี้ ดังนั้นเธอจะต้องอยู่ที่บ้านแน่ๆ
หลังจากเดินอยู่สักพักภายในหมู่บ้านที่เงียบสงัด ฮาโรลด์ก็มองเห็นบ้านที่เขากำลังมองหา มันเป็นบ้าน 2 ชั้นที่เขาเคยเห็นมาด้วยตาของตัวเองเกินกว่าจะนับได้ นอกจากนี้ยังมีโกดังเก็บของที่สร้างจากไม้ตั้งอยู่ข้างๆตัวบ้าน และมีบ้านอีกหลังชั้นเดียวตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านหลังนี้ บางที บ้านหลังนั้นอาจจะเป็นบ้านของคลาล่าและคลอเล็ต
พวกเธอทั้งคู่คงจะเข้านอนกันไปหมดแล้วเพราะไม่เห็นแสงสว่างใดๆจากทางหน้าต่าง ขณะที่กล่าวคำขอโทษออกมาภายในใจ ฮาโรลด์ก็เคาะประตูเสียงดังลั่น เสียงของมันดังก้องไปทั่วบ้าน
เกิดความเงียบอยู่ชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นฮาโรลด์ก็รู้สึกได้ว่ามีความเคลื่อนไหวที่อีกฝากของประตู แต่ว่าประตูนั้นกลับไม่มีทีท่าว่าจะถูกเปิดออก
(อืมก็นะ มันก็ไม่แปลกอะไรที่จะต้องระวังตัวที่จู่ๆมีคนมาเคาะประตูบ้านตอนดึกๆดื่นๆแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายในบ้านที่มีผู้หญิงอาศัยกันอยู่ลำพังเพียงแค่ 2 คน) – ฮาโรลด์
เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของคลอเล็ตภายในเกมส์ ฮาโรลด์คิดว่าคงไม่มีผู้ชายทั่วๆไปคนไหนจะต่อกรกับเธอได้ แต่นั้นเป็นคนละเรื่องกัน ปฎิกิริยาของพวกเธอนั้นก็ดูสมเหตุสมผลดี เพราะคืนก่อนหน้านี้พึ่งจะมีโจรบุกปล้นเพื่อนบ้านของเธอ แต่ถึงกระนั้น ฮาโรลด์ก็ไม่สามารถหันหลังกลับได้ ถึงแม้เขาเองจะไม่ต้องการให้คลอเล็ตและคลาล่ารู้สึกกลัวก็ตาม
[ มีใครอยู่มั้ย ? ชั้นแค่จะมาถามเกี่ยวกับเหตุการณ์บุกปล้นเมื่อคืนก่อน ] – ฮาโรลด์
ในขณะที่เขาพยายามบอกกับอีกฝ่ายว่าเขานั้นไม่ใช่โจร อย่างไรก็ตาม แค่คำพูดของเขานั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้เชื่อใจได้ และประตูยังคงถูกปิดแน่นไม่เคลื่อนไหวแต่อย่างใด
เมื่อเห็นเช่นนั้นฮาโรลด์จึงถอนหายใจ พร้อมกับงัดไพ่เด็ดออกมา
แม้ชื่อเสียงแย่ๆของเขาอาจจะมาถึงหูของเธอ แต่ในฐานะของคนที่เคยช่วยชีวิตเอาไว้ ไม่มีทางที่เขาจะถูกปฎิเสธได้แน่ๆ เมื่อคิดเช่นนั้น ฮาโรลด์จึงประกาศชื่อของตัวเองอย่างหยิ่งผยองให้อีกฝ่ายที่หลังประตูได้ยิน
[ ชั้นรู้ว่าเธออยู่ในนั้น หากคิดว่านี่จะขวางชั้น ฮาโรลด์ สโตร์ก ผู้นี้ได้แล้วล่ะก็ ก็เตรียมตัวรับผลที่ตามมาให้ดีซะเพราะว่า—– ] – ฮาโรลด์
ยังไม่ทันที่ฮาโรลด์จะพูดจบประโยค ประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแรงจากคนด้านในจนเขาเกือบจะชนเข้ากับประตู
และคนๆนั้นไม่ใช่ใครอื่น คลาล่า แม่ของคลอเล็ตนั้นเอง ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ และหยาดน้ำตาที่ไหลอาบที่หางตาของเธอ เขาสามารถบอกได้ทันทีจากหน้าตาและท่าทางของอีกฝ่ายนั้นรู้สึกตื่นตนกและสับสนขนาดไหน
[ มะ- ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ ท่านฮาโรลด์ … ! ] – คลาล่า