บทที่ 51 หาบ้านที่ในเมือง

เว่ยฉิงเป็นบุรุษที่แข็งแกร่งมาก ดูเหมือนว่าการแบกก้อนหินใหญ่ขนาดหลายร้อยชั่งคือความสนุกสนานของเขา ที่สำคัญผู้ชายที่เว่ยฉิงพามาด้วยก็ไม่อาจจะสบประมาทได้เลย โดยเฉพาะเหลยเป้าซึ่งมีความแข็งแรงดั่งโคถึก เขาสามารถแบกของได้มากกว่าคนทั่วไปสี่ถึงห้าเท่า และด้วยความช่วยเหลือจากบุคคลเหล่านี้ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มมากขึ้น พวกเขาสามารถสร้างถนนได้หลายลี้ภายในระยะเวลาช่วงบ่ายของวัน

ตกเย็น เว่ยฉิงไม่ได้กลับจวนสกุลเซี่ยพร้อมลูกน้องของเขา ชายหนุ่มเลือกกลับบ้านไปพร้อมภรรยา พวกเขาเดินจูงมือกันกลับบ้าน เอ้อร์เป่าและซานเป่าดีใจมากที่ได้เจอบิดา เด็กน้อยทั้งสองรีบวิ่งออกจากสนามไปหาถังหลี่และเว่ยฉิง พวกเขาเงยหน้ามองบิดาด้วยแววตาเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข

“ท่านพ่อ!”

“ท่านพ่อ!

เว่ยฉิงอุ้มเจ้าหัวไชเท้าน้อยทั้งสองขึ้นด้วยแขนข้างเดียว

“เอ้อร์เป่า ซานเป่า พวกเจ้าเป็นเด็กดีเชื่อฟังมารดาหรือไม่ หือ? ”

“ข้าเป็นเด็กดี ข้าช่วยท่านแม่ทำงานด้วย”

“ซานเป่าก็เป็นเด็กดี!”

เจ้าหัวไชเท้าน้อยสองคนนี้ผลัดกันโอ้อวดเพื่อขอคำชมจากบิดา ชายหนุ่มรีบเอ่ยชมเด็กน้อยทั้งคู่อย่างไม่ประหยัดถ้อยคำ ก่อนจะหยิบของฝากหลายอย่างออกมาจากย่ามผ้า มีทั้งลูกกวาด ขนมหวาน คันธนูพร้อมลูกศรคันเล็ก ๆ จิ่วเหลียนฮวน (กลเก้าห่วง[1]) ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้เขาซื้อมาให้บุตรทั้งสอง

เด็กทั้งคู่มีความสุขมาก พวกเขาผลัดกันหอมแก้มบิดาเพื่อขอบคุณ เอ้อร์เป่าเลือกจิ่วเหลียนฮวนไปเล่น ส่วนซานเป่าเลือกลูกกวาดไปทานจนแก้มเล็ก ๆ ทั้งสองข้างของนางป่องออกมา ถังหลี่มองไปยังพ่อลูกทั้งสามที่กำลังเล่นกันอย่างใกล้ชิด นางคลี่ยิ้มก่อนจะหันมาง่วนกับเตาเพื่อต้มน้ำร้อน

ระหว่างหญิงสาวกำลังให้ความสนใจกับงานตรงหน้า ยามที่นางเผลอ จู่ ๆ ก็มีวงแขนแข็งแกร่งสวมกอดนางมาจากด้านหลัง วงแขนคู่นั้นรั้งนางเข้าไปชนกับแผ่นอกแข็งกระด้าง กลิ่นกายความเป็นบุรุษกำจายออกมา

“ภรรยา…เจ้าคิดถึงข้าหรือไม่? ” ลมหายใจอุ่น ๆ ของชายหนุ่มรินรดใบหูของถังหลี่

“ข้าไม่คิดถึงเจ้าหรอก” ถังหลี่แกล้งหยอกเย้าเขา

“แต่ข้าคิดถึงเจ้ามากนะ ภรรยา”

เว่ยฉิงพลิกร่างของหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของตนหันมาเผชิญหน้า สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความขบขัน แววตาของเว่ยฉิงฉายแววลุ่มลึก เขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของนาง ชายหนุ่มรู้สึกอยากขย้ำนางจริงๆ บางครั้งเขารู้สึกร้อนรุ่มในใจจนไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ในยามค่ำคืน และเมื่อผล็อยหลับไปภรรยาตัวน้อยก็เข้ามาวิ่งเล่นอยู่ในห้วงฝันก่อกวนเขาไม่หยุดหย่อน

ตอนนี้หญิงสาวตรงหน้าของเขาไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป เว่ยฉิงถอนหายใจเบา ๆ เขามองไปที่ริมฝีปากของหญิงสาวก่อนจะโน้มตัวกดจุมพิตช้า ๆ ชายหญิงทั้งสองผลัดกันแลกความหวานด้วยจุมพิตที่เร่าร้อนจนเหนื่อยหอบภายในห้องครัว ก่อนจะผละออกจากกัน ทั้งคู่เดินออกมาที่ห้องด้านนอก

เมื่อถังหลี่สบตากับเด็กทั้งสองคน นางก็เกิดอาการเขินอายออกมา เว่ยฉิงรับหน้าที่อาบน้ำแต่งตัวให้ลูกทั้งสองคน พาพวกเขาห่มผ้าเข้านอน จากนั้นชายหนุ่มก็รีบวิ่งเข้าห้องนอนของเขาและภรรยา

ในขณะที่ถังหลี่กำลังจัดเตียงอยู่ในห้อง ชายหนุ่มรั้งนางขึ้นมานั่งบนตักของตัวเอง เว่ยฉิงวางถุงเงินใบย่อมไว้บนฝ่ามือของนาง

“นี่เงินเดือนของข้าเจ้ารับไปสิ”

ถังหลี่ชั่งน้ำหนักถุงเงินในมือ มันมีน้ำหนักมากพอสมควร

“เท่าไหร่หรือ? ”

“เก้าสิบห้าตำลึง”

“เจ้าไม่แบ่งไว้ใช้อีกหน่อยหรือ? ”

“ข้าไม่ต้องการใช้ทำอะไรมากนัก”

เว่ยฉิงพอใจที่จะเอาเงินเดือนทั้งหมดให้ภรรยาของตนเอง ทำแบบนี้แล้วเขาจะสบายใจขึ้นราวกับว่านางเป็นคนควบคุมเขา

“ภรรยา ข้ามีของจะให้ เจ้าหลับตาสิ”

ถังหลี่หลับตาให้ความร่วมมือกับเขา หญิงสาวรู้สึกถึงความเย็นบนข้อมือของตนเอง

“เอาล่ะ..ลืมตาได้แล้ว”

เมื่อถังหลี่ลืมตาขึ้น นางพบสร้อยข้อมือเส้นหนึ่ง มันสวยงามกว่าเส้นเดิมที่นางเคยซื้อครั้งที่แล้วมาก ครั้งนั้นนางเลือกซื้อไว้เผื่อจะสามารถเก็งกำไรขายต่อได้ในอนาคต แต่คราวนี้กลับเป็นเครื่องประดับที่ถูกแกะสลักอย่างสวยงามหญิงสาวชอบมันมาก

“ชอบหรือไม่? ”

“ข้าชอบมาก” ยิ่งถังหลี่มองดูมันก็ยิ่งรู้สึกชื่นชอบ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสร้อยเส้นนี้หรือเป็นเพราะเขาเป็นผู้มอบให้กันแน่?

“เจ้าเลือกได้ดีมาก”

“แน่นอน!” หูและหางของเว่ยฉิงแทบจะตั้งยกขึ้นชี้ฟ้า

“สามี นี่ราคาเท่าใดหรือ? ”

“สามหรือสองตำลึง”

เงินห้าตำลึงที่หักไว้เขาก็ยังใช้มันไปกับถังหลี่และลูก ๆ อย่างนั้นหรือ?

ผู้ชายคนนี้นี่จริง ๆ เลย….

หญิงสาวรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ

นางนำเงินเก้าสิบห้าตำลึงเก็บ ก่อนจะหันกลับมา และถูกเว่ยฉิงรั้งไปกอดอีกครั้ง

“พวกเราเข้านอนกันเลยดีหรือไม่? ”

ถังหลี่พยักหน้ารับ จากนั้นชายหนุ่มช้อนตัวนางขึ้นบนเตียงและใช้ผ้าห่มคลุมตัวพวกเขาไว้ เว่ยฉิงประคองกอดภรรยาตัวน้อยที่อ่อนระทวยเหมือนขี้ผึ้งอยู่ภายในวงแขนตน เขากระชับวงแขนกอดเอวของนางไว้แน่น แม้แต่หลับตาลงชายหนุ่มก็ยังไม่หยุดกินเต้าหู้[2]ภรรยา หญิงสาวมีรูปร่างอวบอิ่มขึ้นมาก นางตัวสั่นราวลูกกระต่าย ชายหนุ่มยังบีบเคล้นนางไม่หยุดหย่อน

และทั้งสองก็นอนแนบชิดติดกันราวกับฝาแฝดทั้งคืน

เช้าวันรุ่งขึ้น ชายหนุ่มตื่นไปทำงาน สองพี่น้องตระกูลเหลยเดินทางมาจากในเมืองเพื่อช่วยหัวหน้าของตน และเพียงสองวัน เว่ยฉิงและสองพี่น้องตระกูลเหลยก็ช่วยกันซ่อมแซมถนนที่พังก่อนจะเดินทางกลับไปยังจวนสกุลเซี่ย

ในไม่ช้าการก่อสร้างถนนเส้นนี้ก็ดำเนินการมาถึงขั้นตอนต่อไป นั่นคือขยายถนนให้กว้างขึ้น และทำให้เรียบเสมอกัน

ทันทีที่เว่ยฉิงกลับไป หัวใจของถังหลี่ก็รู้สึกห่อเหี่ยว หญิงสาวเดินทางเข้าไปในตัวเมืองเพื่อดูและซื้อบ้าน นางตัดสินใจแล้วว่าจะเข้ามาอาศัยอยู่ในเมือง!

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

การก่อสร้างถนนผ่านไปอย่างราบรื่น ท้องฟ้าสวยงามและปลอดโปร่ง อากาศแจ่มใส นอกจากนี้กำลังใจของชาวบ้านก็ดีมาก พวกเขาใช้เวลาเพียงแปดวันเท่านั้นการซ่อมแซมถนนจึงสิ้นสุดลง ตอนนี้ถนนเส้นนี้สามารถใช้เกวียนเทียมวัวขับผ่านไปได้แล้ว!

หลังจากการซ่อมถนนเสร็จสิ้นลง โรงงานผลิตถุงหอมจึงกลับมาเปิดอีกครั้ง หมอซูและฮูหยินซูเป็นแกนนำหลักในการผลิต ทั้งสองคุมการทำงานให้เป็นไปอย่างราบรื่น ทำให้ถังหลี่ไม่มีอะไรทำในวันธรรมดาเช่นนี้

เมื่อถังหลี่ว่างงาน นางตัดสินใจพาลูกทั้งสองเข้าไปในตัวเมือง หญิงสาวอยากสำรวจดูว่าในเมืองจะมีบ้านสำหรับครอบครัวของนางหรือไม่? พวกเขาเดินทางโดยใช้เกวียนเทียมวัวทำให้ได้ใช้ถนนที่พวกเขาเพิ่งร่วมมือกันสร้างอีกด้วย มันดีกว่าถนนเส้นเดิมมาก ไม่เป็นหลุมเป็นบ่อ อีกทั้งยังย่นระยะทางจากเดิมลงมาก เมื่อเกวียนหยุดลง ถังหลี่ก็อุ้มเด็กทั้งสองลงมายืนบนพื้น

“ลุงหนิว นี่สิบห้าอีแปะสำหรับพวกเราสามคน” ถังหลี่หยิบเงินในถุงแล้วยื่นให้เจ้าของเกวียนวัว แต่ชายชราปฏิเสธ

“ฮูหยินเว่ย ข้าขับเกวียนมานานและทุกครั้งที่ผ่านหมู่บ้านเฉาเจีย ข้าต้องจ่ายค่าผ่านทางตลอด ปกติแล้วข้าก็ไม่ได้มีรายได้เยอะมากแต่พวกมันก็ยึดไปครึ่งหนึ่ง ถึงจะโกรธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เป็นเพราะเจ้า พวกเราจึงได้มีถนนใหม่ ดังนั้นเจ้าไม่ต้องจ่ายเงินข้าหรอก”

“มันเป็นสิ่งที่ท่านควรจะได้ รับไปเถิด” ถังหลี่ยืนยัน

ลุงหนิวจนปัญญาเมื่อหญิงสาวยืนกรานเช่นนั้น เขาจึงทำได้แต่รับเงินจำนวนนี้มา

“ที่บ้านของข้าปลูกผักไว้ แต่กินกันไม่ทันเลย พรุ่งนี้ข้าจะให้ภรรยาเอาไปส่งให้เจ้านะ”

“ตกลง ขอบคุณท่านมาก..ลุงหนิว”

ถังหลี่เดินไปที่ตลาดพร้อมกับเด็กทั้งสอง และเมื่อถึงทางเข้าตลาดพวกเขาก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งยืนรออยู่ ใช่แล้ว! เว่ยฉิงนั่นเอง ชายหนุ่มตาเป็นประกายเมื่อเห็นสามคนแม่ลูก เขารีบสาวเท้าเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

“ท่านพ่อ!”

“ท่านพ่อ!”

เด็กทั้งสองกระโจนใส่บิดา พวกเขากอดต้นขาของเว่ยฉิงไว้ข้างหนึ่งก่อนที่เว่ยฉิงจะใช้แขนข้างเดียวอุ้มพวกเขาขึ้นมา เว่ยฉิงมองไปที่ร่างบอบบางของภรรยา

“ภรรยา พี่น้องที่ทำงานข้าช่วยหาบ้านมาให้แล้ว ข้าคัดเลือกบ้านดี ๆ ไว้สองถึงสามหลัง พวกเราไปดูด้วยกันเถิด ” เว่ยฉิงกล่าว

เดิมทีเว่ยฉิงตั้งใจว่าเมื่อเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งแล้วจะซื้อบ้านในเมือง เมื่อชายหนุ่มเสนอความคิดนี้กับภรรยา คาดไม่ถึงว่านางเองก็คิดเช่นเดียวกับเขา ถ้าภรรยาอาศัยอยู่ในเมืองเขาจะได้เจอหน้านางและลูก ๆ บ่อยขึ้น! เมื่อทราบว่าวันนี้ถังหลี่จะเข้ามาดูบ้านในเมือง เขาตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืน จนต้องลุกขึ้นมาออกกำลังกลางดึกเพื่อสงบจิตใจ ไป ๆ มา ๆ เว่ยฉิงก็ฝึกกับพี่น้องสองถึงสามคนต่อจนถึงรุ่งสาง

———————————-

[1] เกมลับสมองที่อยู่คู่คนจีนมาเนิ่นนาน ผู้เล่นต้องนำห่วงทั้งเก้าที่เกี่ยวกันอยู่นั้นคล้องและปลดออกจากแกนได้หมด วิธีการแก้ห่วงทั้งเก้านั้นต้องใช้ขั้นตอนทั้งสิ้น 341 ขั้นตอนด้วยกัน (คล้องหรือปลดเข้าออกจากแกนต่างนับเป็นหนึ่งขั้น) โดยหากต้องการปลดห่วงที่ N (ยกเว้นห่วงที่ 1) ออกจากแกน มีหลักสำคัญอยู่ด้วยกันสองประการ คือ (1) ห่วงที่ N-1 จะต้องอยู่บนแกน (2) ห่วงอื่น ๆ หน้าห่วงที่ N-1 จะต้องไม่อยู่บนแกน ยกตัวอย่างเช่นต้องการปลดห่วงที่ 5 ออกจากแกนก็ต้องให้ห่วงที่ 4 อยู่บนแกน โดยที่หน้าห่วงที่ 4 คือ ห่วงที่ 1, 2 และ 3 ไม่อยู่บนแกน จึงจะสามารถปลดห่วงที่ 5 ออกจากแกนได้ ดังนั้นกว่าจะปลดห่วงทั้งเก้าออกหมดจะต้องมีการปลดเข้าออกวนเวียนสลับไปมา ชวนให้มึนและท้อได้สำหรับผู้เล่นมือใหม่

[2] กินเต้าหู้ เป็นสำนวนหมายถึง แต๊ะอั๋ง ลวนลามขำ ๆ หาเศษหาเลยแบบเบา ๆ สำนวนนี้มีน้ำเสียงออกไปทางทีเล่นทีจริงมากกว่าหมายจะทำอนาจารจริงจัง และคนจีนเองก็ไม่ได้ถือว่าเป็นคำพูดหยาบคายนัก