บทที่ 60 แผนสองหน้า

พลิกชะตาหมอยา

พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 60 แผนสองหน้า
เฟิ่งชิงหัวสั่งให้คนนำต่างหูมา ก่อนชูต่างหูชิ้นนั้นขึ้นพร้อมชี้ไปที่จุดดำสองสามจุด แล้วเอ่ยว่า: “ต่างหูชิ้นนี้ทำจากเงิน เรามักใช้เป็นเครื่องมือทดสอบพิษอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากบนผิวต่างหูชิ้นนี้เปื้อนสารหนู จึงเริ่มกัดกร่อนเป็นสีดำ ไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใคร?”
เสี่ยวเอ๋อร์รีบแก้ต่างทันที: “ต่อให้เครื่องประดับชิ้นนี้จะเปื้อนสารหนูจริงๆ แต่ไม่มีทางเปื้อนมาจากหม่อมฉันแน่เพคะ หรืออาจเป็นไปได้ว่ามันเปื้อนหลังจากที่ซุนผินเหนียงเหนียงถูกยาพิษแล้ว?”
เวลานี้ผู้ตรวจการหอต้าหลีอดพูดสอดไม่ได้ว่า: “พระชายา คำพูดของนางกำนัลผู้นี้ไร้เหตุผล การสืบสวนไม่ควรสักแต่คาดเดา แต่ต้องใช้หลักฐานมาพูดจา ไม่แน่ว่ามือสังหารอาจเป็นนางกำนัลคนสนิทผู้นั้นทำมาตั้งแต่ต้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“หืม? อิงตามความเห็นของใต้เท้าลู่ เช่นนั้นนางกำนัลผู้นี้วางยาหลงกระดูกไปแล้ว เหตุใดยังต้องวางสารหนู สุดท้ายยังแทงนางแผลหนึ่งอีกด้วย?” เฟิ่งหัวชิงมีทัศนคติที่ดีมากต่อการประชุมครั้งนี้ ใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม บ่งบอกถึงการรับฟังคำชี้แนะ
ผู้ตรวจการหอต้าหลียึดอกขึ้น พร้อมทำสีหน้าโอหังหลายส่วน ก่อนพูดอย่างมากความรู้และประสบการณ์ว่า: “พระชายาไม่รู้อะไร มือสังหารประเภทนี้กระหม่อมเห็นมาเยอะแล้ว พวกมันก็มีความแค้นในจิตใจมากล้นนั่นแหละ แค่ฆ่าอย่างเดียวยังไม่สาแก่ใจหรอก ก็เหมือนคดีสะเทือนขวัญฆ่ายกตระกูลสวี๋ที่สั่นสะเทือนไปทั่วเมืองในตอนนั้นอย่างไรเล่า คนในตระกูลสวี๋ร่วมสิบสามคน ถูกฆ่าตายทั้งหมดภายในคืนเดียว แม้แต่หมาสักตัวก็ยังไม่เว้น ตอนนั้นมือสังหารไม่เพียงใช้มีดทำให้พวกเขาเสียโฉม ยังใช้ง้าวตัดแขนตัดขาพวกเขาอีกด้วย สุดท้ายใช้ไฟเผาจนวอดวาย ตามหลักแล้ว หลังวางยาคนไม่น่าจะรีบร้อนหนีออกจากที่เกิดเหตุ ตอนแรกกระหม่อมยังสงสัยอยู่ว่าจะมีมือสังหารหลายคน แต่สุดท้ายความจริงคือ มือสังหารมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นนางกำนัลผู้นี้ก็เหมือนกัน การที่นางวางยาพิษชนิดอ่อนให้ซุนผินเหนียงเหนียงแล้ววางสารหนูใส่อีกคือตรรกะเดียวกัน ส่วนใหญ่จะรู้สึกไม่สาแก่ใจจึงลงมือแทงซ้ำอีก”
เฟิ่งชิงหัวยิ้มอ่อน ปลายนิ้วม้วนปอยผมเส้นหนึ่งพร้อมยิ้มหยอกล้อเอ่ยว่า: “หากเรื่องไม่เป็นอย่างที่ใต้เท้าลู่คิดไว้เล่า?”
“หากไม่ใช่ กระหม่อมก็คงไม่คู่ควรกับตำแหน่งผู้ตรวจการหอต้าหลี จะขอถอดหมวกอูซานี้ออกทันทีพ่ะย่ะค่ะ” ใต้เท้าลู่เอ่ยหนักแน่นเต็มเปี่ยม
เฟิ่งชิงหัวหันไปมองจ้านเป่ยเซียว: “ท่านอ๋องคิดว่าข้อเสนอนี้ของใต้เท้าลู่เป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”
แค่มองผู้ตรวจการหอต้าหลีผู้นี้ก็รู้เลยว่าเป็นคนขององค์รัชทายาท หากลากเขาลงจากหลังม้าได้ ก็นับเป็นเรื่องที่ไม่เลว
จ้านเป่ยเซียวช้อนสายตาขึ้นเล็กน้อย แต่กลับหันไปทางราชเลขากรมข้าราชการพลเรือน: “ใต้เท้าเจียงคิดว่าอย่างไร? คิดว่าคำพูดของใต้เท้าลู่สมเหตุสมผลหรือไหม?”
เสนาบดีกรมมหาดไทยได้ยินดังนั้นก็มองผู้ตรวจการหอต้าหลีครู่หนึ่ง แน่นอนว่าต้องอยู่ข้างเขาอยู่แล้วจึงรีบพยักหน้าเอ่ยว่า: “กระหม่อมก็คิดว่าที่ใต้เท้าลู่กล่าวมานั้นมีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ บางทีทั้งหมดนี้อาจเป็นแค่การเล่นเล่ห์เพทุบายของนางกำนัลผู้นี้ก็เท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ”
จ้านเป่ยเซียวได้ยินเช่นนั้น ก็เอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า: “ในเมื่อใต้เท้าเจียงเองก็คิดเช่นนี้ เช่นนั้นใต้เท้าเจียงกับใต้เท้าลู่ก็กอดคอเดินไปด้วยกันเถิด”
เสนาบดีกรมมหาดไทยได้ฟังก็ผงะ สีหน้าตกตื่นถึงสิบส่วน
เฟิ่งชิงหัวแทบจะยกนิ้วโป้งให้จ้านเป่ยเซียวอย่างอดไม่อยู่ คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะตีสองหน้าได้ขนาดนี้ แค่คำไม่กี่คำก็ฉุดเสนาบดีกรมมหาดไทยลงน้ำมาด้วยได้
แต่ว่า เขามั่นใจขนาดนั้นเลยหรือว่านางจะชนะ?
แต่คิดๆ ดูแล้วก็ใช่ หากนางชนะ ก็จะกำจัดเขี้ยวเล็บของรัชทายาทไปได้สองคน หากนางแพ้ ก็แพ้ไปสิ ถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้บอกว่าหากแพ้แล้วจะทำอย่างไรนี่นา
เฟิ่งชิงหัวปรบมือแปะๆ ยิ้มเอ่ยว่า: “ดีอะไรเยี่ยงนี้ มิตรภาพระหว่างใต้เท้าลู่กับใต้เท้าเจียงทำข้าปลาบปลื้มอย่างสุดซึ้งเลย”
คราวนี้ เสนาบดีกรมมหาดไทยจะพูดอะไรได้อีก หากบอกว่าเขาไม่คิดจะเดิมพันด้วยหมวกอูซานี่ เช่นนั้นก็หมายความว่าเขากับใต้เท้าลู่ไม่ได้เป็นหนึ่งใจเดียวกัน หากใต้เท้าลู่คาดการณ์ถูกต้อง เขาก็จะทำให้ใต้เท้าลู่ไม่พอใจน่ะสิ แต่ถ้าต้องเดิมพันด้วยอูซานี่จริงๆ เขาก็ทำใจไม่ได้จริงๆ
ใต้เท้าเจียงทำหน้าอมทุกข์พูดกับใต้เท้าลู่ว่า: “ใต้เท้าลู่ ท่านแน่ใจนะว่าจะไม่มีปัญหาอะไรน่ะ?”
ใต้เท้าลู่ตบหน้าอกปึกปึกปึก: “ใต้เท้าเจียง คดีที่ข้าไขสำเร็จหากไม่ใช่หมื่นเรื่องก็แปดพันเรื่อง หรือเจ้ายังไม่มั่นใจแม้กระทั่งเรื่องนี้?”
พูดจบ ก็เขยิบเข้าไปพูดกับใต้เท้าเจียงเสียงเบาว่า: “ทำให้นังหนูนั่นดู ว่าการเป็นผู้ตัดสินไม่ใช่สักแต่อ้าปาก รอหลังจากนางแพ้แล้ว ดูสิว่านางยังจะมีหน้ามาตึงใส่ต่อหน้าพวกเราอย่างไรอีก”
ใต้เท้าเจียงได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าหงึกหงัก:”ใต้เท้าลู่พูดมีเหตุผล”
คำพูดกระซิบที่ตนนึกว่าพูดเสียงเบามากๆ ความจริงแล้วดังลอยเข้าหูของเฟิ่งหัวชิงกับจ้านเป่ยเซียวแทบทุกคำ
เฟิ่งหัวชิงกระตุกมุมปาก ใต้เท้าลู่ผู้นี้ เกรงว่าคงไม่ได้เข้าใจอะไรนางผิดไปหรอกนะ?
ที่นางดึงหน้าไม่ใช่เพราะนางเป็นผู้ตัดสินหรือพระชายาถึงได้ทำเช่นนั้น
การดึงหน้าของนางมันติดตัวมาตั้งแต่ในครรภ์มารดาแล้ว ช่วยไม่ได้ ก็เกิดมาเป็นแบบนี้
“เอาล่ะ เสี่ยวเอ๋อร์ ในเมื่อใต้เท้าทั้งสองเชื่อในตัวเจ้าขนาดนี้ เจ้าก็อย่าทำให้ใต้เท้าทั้งสองผิดหวังล่ะ”
เสี่ยวเอ๋อร์พูดอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยมยิ่งขึ้นว่า: “หม่อมฉันเป็นผู้บริสุทธิ์เพคะ”
“อืม ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มา เจ้าใช้มือหยิบต่างหูชิ้นนี้ขึ้นมาให้ทุกคนดูลวดลายบนผิวมัน แล้วอธิบายหน่อย จะได้ช่วยให้ทุกคนเข้าใจเกี่ยวกับต่างหูสักหน่อย” เฟิ่งชิงหัวพูดพลางยิ้มอ่อน
เสี่ยวเอ๋อไม่สงสัยเลยสักนิด นางลุกขึ้นพร้อมถือต่างหูอยู่ในมือ และยังเดินวนรอบแสดงให้ทุกคนดูอีกด้วย: “ต่างหูข้างนี้เป็นต่างหูที่ซุนผินเหนียงเหนียงใส่ก่อนตาย และหม่อมฉันเก็บมันมาได้”
“ต่างหูข้างนี้ไม่ทราบว่าเป็นข้างซ้ายหรือข้างขวา?” เฟิ่งชิงหัวเลิกคิ้วเอ่ย
“ข้างซ้ายเพคะ” เสี่ยวเอ๋อร์กล่าว
เฟิ่งชิงหัวพยักหน้า: “ทุกคนได้ยินหมดแล้วนะ? ต่างหูชิ้นนี้เป็นต่างหูข้างซ้ายของสนมซุน ด้านบนเปื้อนสารหนู จากนั้นเสี่ยวเอ๋อร์บอกว่าต่างหูข้างนี้ถูกนางเก็บมาได้ หากนางเป็นคนเก็บได้ เช่นนั้นบนมือนางก็ต้องเปื้อนสารหนูไม่มากก็น้อย ยิ่งไม่มีทางคิดจะไปล้างมือและไม่มีเวลาไปล้างด้วย”
เสี่ยวเอ๋อร์ตั้งท่าจะพูด กลับถูกเฟิ่งชิงหัวโบกมือปรามไว้: “ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างก็คือ ซุนผินเหนียงเหนียงนำต่างหูมอบให้เจ้าเองกับมือ และตอนนั้นเจ้าน่าจะรู้แล้วว่าบนมือนางมีสารหนูเปื้อนอยู่ เจ้าจึงใช้บางอย่างห่อของเอาไว้อย่างระมัดระวัง ไม่อย่างนั้น เจ้าจะอธิบายได้อย่างไรว่า บนต่างหูมีสารหนูแต่บนตัวเจ้ากลับไม่มี?”
“พระชายา สิ่งเหล่านี้ท่านไม่ได้เห็นกับตาตนเองเสียหน่อยนะเพคะ หากแต่ใช้การคาดเดาเอาล้วนๆ สารหนูบนต่างหูข้างนี้ ก็อาจเป็นไปได้ว่าเปื้อนมาโดยบังเอิญตอนที่ซุนผินเหนียงเหนียงโน้มเข้าไปใกล้ดอกไม้นั่น จากนั้นก็ร่วงตกลงพื้น” เสี่ยวเอ๋อร์กล่าว
เฟิ่งชิงหัวพยักหน้ายิ้มตาหยี: “แน่นอนว่าไม่อาจตัดความเป็นไปได้เช่นนี้ออกไปได้ เช่นนั้นเจ้าอธิบายได้หรือไม่ว่าทำไมบนตัวเจ้าถึงไม่เปื้อนสารพิษ?”
“หม่อมฉันแค่คิดว่าสิ่งนี้เป็นของพระสนมขั้นสูง หากพระสนมขั้นสูงมาตามหาแล้วพบว่าหม่อมฉันทำเลอะเทอะ หม่อมฉันคงไม่พ้นโทษเพคะ”
“ก็หมายความว่า เจ้าเห็นแค่ต่างหูข้างนี้ แต่ไม่เห็นซุนผินเหนียงเหนียงเลย?”
“หม่อมฉันไม่ทราบจริงๆ เพคะ” เสี่ยวเอ๋อร์ก้มหน้าเอ่ย
“เจ้าโกหก! ต่างหูข้างนี้ไม่ได้แยกซ้ายขวาแต่แแรก แค่เห็นข้างเดียวจะตัดสินว่าเป็นข้างไหนเช่นนี้ได้อย่างไร เรื่องนี้สามารถอธิบายได้เพียงประเด็นเดียวว่า เจ้าเห็นซุนผินเหนียงเหนียงหลังจากที่นางทำต่างหูตกแล้ว หรือไม่ก็ ต่างหูข้างนี้เป็นต่างหูที่นางถอดแล้วมอบให้เจ้าเองกับมือ”