ตอนที่ 126 จ่ายพลังงานแลกเวลา
ซูเจินในตอนนี้กําลังนอนหมดสติโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว หลังจากที่เขาได้กลืนกินความสามารถเข้าไปสี่อัน ซึ่งสิ่งแรกที่เขาสัมผัสได้ก่อนที่จะหมดสติไปนั่นก็คือพลังงานจํานวนมหาศาลที่กําลังปั่นป่วนอยู่ภายในร่างกายของเขา
ซูเจินไม่รู้ว่าตอนนี้เวลามันผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ทันใดนั้นซูเจินก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ และเขาก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างมหาศาลที่อยู่ภายในร่างกายของเขา ราวกับว่าร่างกายของเขาในตอนนี้มันถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ถ้าเกิดว่าเขาขยับตัวสักนิดละก็ร่างกายของเขา มันอาจจะพังทลายลงก็ได้
หลังจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ หันไปมองรอบ ๆ อย่างช้า ๆ
เขาสังเกตเห็นว่าคนทั้งเจ็ดคนที่ถูกเขานําตัวมาเพื่อกลืนกินความสามารถของพวกเขา ในตอนนี้กําลังนอนหมดสติอยู่บนพื้น และดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้รับอันตรายอะไร ทําให้ซูเจินรู้สึกโล่งใจขึ้นมาในทันที
เพราะเขายังจําได้ดีว่าครั้งสุดท้ายที่เขาสูญเสียการควบคุมของตัวเอง มันทําให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงกับหลี่เสี่ยวลู่ และถ้าเกิดว่ามันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกล่ะก็คราวนี้มันจะเป็นคนแก่ และป้าอ้วน ๆ แทน แค่ซู่เจินคิด … เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันทีโชคดีที่มันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
“ฉันมีแผนการอันบ้าระห่ำ แต่ดันลืมคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไป โชคดีแล้วที่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น …. ไม่อย่างงั้นชีวิตที่เหลือคงเต็มไปด้วยความอับอายอย่างแน่นอน” ซูเจินรู้สึกเสียเซลฟ์เล็กน้อย และเขาก็สาบานขึ้นมาในใจอย่างเงียบ ๆ ว่ามันจะต้องไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด เขาจะต้องวางแผนล่วงหน้าพร้อมกับเตรียมตัวให้พร้อมโดยเขาจะต้องหาสาวงามสักสองสามคนเอาไว้ข้างกาย ยามที่มันเกิดเหตุฉุกเฉินจริง ๆ
“ฮึบ!”
ซูเจินพยายามที่จะลุกขึ้น แต่ทันใดนั้นเขาก็พบว่าร่างกายของเขาในตอนนี้มันไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แถมเขายังได้กลิ่นเลือด กลิ่นนี้มันมาจาก … ร่างกายของเขา
และเมื่อเขามองลงไปที่ร่างกายของเขา เขาก็พบว่าเสื้อผ้าของเขาในตอนนี้มันเปื้อนเลือดเต็มไปหมด
“ฉันได้รับบาดเจ็บอย่างงั้นหรอ ?” ซูเจินขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย และเมื่อเขาลองสังเกตดูเขาก็พบว่าร่างกายของเขามันไม่มีบาดแผลอะไรเลย แต่ถึงอย่างนั้นสภาพร่างกายของเขาในปัจจุบันมันก็ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่
ซูเจินลุกขึ้นมานั่งอย่างยากลําบาก เขาพยายามที่จะใช้พลังจิตบังคับแก้วไวน์ที่อยู่บนโต๊ะให้ลอยมาให้เขา เพราะว่าตอนนี้เขารู้สึกกระหายน้ำเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นเขาก็พบว่า … แก้วไวน์มันยังอยู่นิ่ง ๆ อยู่บนโต๊ะไม่ยอมขยับไปไหน
”เวรเอ้ย! อย่าบอกนะว่าฉันกลายเป็นคนพิการ หลังจากที่เสียเลือดมากเกินไป”
ซูเจินรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากและพยายามที่จะใช้ความสามารถอื่นของเขา แต่เขาก็พบว่ามันไม่ตอบสนองเลยสักนิด ทําให้ซูเจินค่อย ๆ หายใจเข้าไปลึก ๆ เพื่อตั้งสติ หลังจากนั้นเขาก็ใช้พลังของแหวนในการหยิบแก้วไวน์แก้วนั้นมา และดื่มมันเข้าไปสักสองสามจิบ พร้อมกับพูดถามระบบ
“มันเกิดอะไรขึ้น … ทําไมฉันถึงใช้ความสามารถของฉันไม่ได้ ? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่หลังจากที่ฉันหมดสติไป ?”
“โฮสต์กลืนกินความสามารถมากเกินไป ทําให้ร่างกายของโฮสต์ไม่สามารถปรับสภาพได้ทันและเกิดการพังทลายลง” ระบบตอบกลับมา
ซูเจินขดริมฝีปากของเขาและพูดขึ้นมาว่า ” ดังนั้นฉันก็ควรที่จะดีใจสินะที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ?”
“มันเป็นเพราะความสามารถในการฟื้นฟูของโฮสต์ที่สามารถทํางานได้อย่างยอดเยี่ยม ถึงแม้ว่าร่างกายของโฮสต์จะพังทลายลง แต่มันก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ทันท่วงที และนี่ก็คือเหตุผลที่โฮสต์ยังมีชีวิต ส่วนเรื่องของความสามารถที่ใช้ไม่ได้นั้น มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะหลังจากที่ร่างกายของโฮสต์สามารถปรับสภาพเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันก็จะกลับมาใช้ได้ตามปกติ ดังนั้นนี่ก็จึงเป็นเหตุผลอีกข้อที่ทําให้โฮสต์ไม่สามารถใช้ความสามารถได้นั่นเอง”
“ถ้าพูดให้เขาใจง่าย ๆ ก็คือ ตอนนี้ฉันไม่มีความสามารถอะไรที่ใช้ได้เลย ฉันจะต้องรอจนกว่าร่างกายจะปรับสภาพเสร็จถึงจะใช้ความสามารถได้ตามเดิม เอ่อ … ถึงแม้ว่าจะมีเลือดออกนิดหน่อย แต่มันก็อยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้ เพราะถึงยังไงสิ่งที่สําคัญที่สุดก็คือความสามารถในกลืนกิน เป็นไงมันแข็งแกร่งขึ้นไหม ?”
“หลังจากลองตรวจสอบดูแล้วก็พบว่ามันแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิม 2 เท่า!”
“แข็งแกร่งขึ้น 2 เท่า ? เอาล่ะ! ยังดีที่มันแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมตั้ง 2 เท่า บวกกับตอนนี้ที่ฉันยังไม่สามารถใช้ความสามารถได้ ฉันก็ควรที่จะพักสักสองสามวัน อย่างไรก็ตามในตอนนี้ฉันยังเหลือเวลาอยู่ในดันเจี้ยนได้อีกประมาณ 4 – 5 วัน ดังนั้นฉันจะกลับมากลืนกินความสามารถของฮิโรชิ นากามูระ ในครั้งหน้าก็แล้วกัน”
ซูเจินค่อนข้างที่จะผิดหวังเล็กน้อย เพราะถึงยังไงการที่เขาเลือกเข้ามาที่ดันเจี้ยนแห่งนี้ก็เพราะความสามารถของ ฮิโรชิ นากามูระ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าเขาจะต้องเสียเวลาไปฟรี ๆ สองสามวัน
“น่าเสียดาย เพราะดูเหมือนว่าโฮสต์จะต้องอยู่ที่นี่อีกสักพัก” ทันใดนั้นระบบก็พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ซูเจินถึงกับตกตะลึงและรีบถามขึ้นมาว่า “หมายความว่าไง ?”
“เนื่องจากตอนนี้สภาพร่างกายของโฮสต์มันยังไม่ได้เข้าสู่สภาวะปกติดี ทําให้โฮสต์ไม่สามารถออกจากดันเจี้ยน ซึ่งระบบก็ไม่สามารถทําอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ เพราะเรื่องที่ระบบทําได้ก็แค่การให้ภารกิจและคําแนะนําเล็ก ๆ น้อย ๆ” ระบบอธิบายขึ้นมาอย่างช้า ๆ
“ฉันสามารถอยู่ในดันเจี้ยนได้แค่ 7 วันไม่ใช่หรอ ? ถ้าหมดเวลาฉันก็จะต้องออกไปจากที่โดยทันทีไม่ใช่หรอ ?” ซูเจินถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
“โฮสต์สามารถอยู่ที่นี่ต่อได้โดยใช้พลังงานของระบบและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่สูงมาก และเนื่องจากการที่โฮสต์กลืนกินความสามารถของคนทั้งเจ็ดคนนี้ไปหมด จากคํานวณเบื้องต้น โฮสต์สามารถอยู่ในดันเจี้ยนแห่งนี้ต่อได้อีก 7 วัน และถ้าเกิดว่าร่างกายของโฮสต์มันไม่สามารถฟื้นตัวจนกลับไปเป็นปกติได้ โฮสต์ก็จะต้องใช้พลังงานที่มากขึ้นเพื่อแลกกับเวลา”
” อย่างนั้นฉันก็ขาดทุนย่อยยับเลยน่ะสิ!”
ซูเจินส่ายหัวขึ้นมาอย่างหดหู พลังงานที่เขากลืนกินมาจากคนทั้งเจ็ดคนนี้แน่นอนว่ามันจํานวนมหาศาลมาก แต่มันกลับถูกใช้ไปเพื่อแลกกับเวลาในการอยู่ภายในดันเจี้ยนเพิ่ม ซึ่งเขาก็เข้าใจความหมายของระบบเป็นอย่างดี เพราะว่าเขามีเวลาอยู่ในดันเจี้ยนได้อย่างจํากัดบวกกับ
การที่ร่างกายของเขาในตอนนี้มันยังไม่สามารถเดินได้เลยด้วยซ้ำ ทําให้เขาได้แต่จะต้องพักอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว และการที่เขาพักอยู่ที่นี่เขาก็จะต้องจ่ายเงินให้กับทางโรงแรมเพิ่มเติม … ถ้าคุณอยากจะอยู่ที่นี่ต่อคุณก็จะต้องใช้เงิน
“โชคดีที่ฉันไม่ได้เป็นคนที่พึ่งแต่ความสามารถพิเศษอย่างเดียว ไม่อย่างงั้น ลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปเลยอย่างงั้นหรอ ?”
ซูเจินห่อหุ้มร่างกายของเขาด้วยพลังของแหวนพร้อมกับค่อย ๆ ลอยไปที่ห้องน้ำ
หลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ใช้พลังของแหวนสร้างชุดขึ้นมาบนร่างกายของเขา
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!” มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นทําให้ซูเจินค่อย ๆ ลอยตัวของเขาไปที่ประตูพร้อมกับเปิดประตูเข้ามา และเขาก็พบว่าเป็นชาวเฮติที่กําลังยืนรอเขาอยู่ด้านนอก
“นายกลับมาที่นี่ทําไม ?” ซูเจินถามขึ้นมา
“คุณบอกให้ฉันกลับมาที่นี่ในตอนเช้าไม่ใช่หรอ ?”
” กลับมาตอนเช้า ? ไม่ใช่ว่าฉัน … ฟัง … เอ่อ … ฉันหมดสติไปหนึ่งวัน ?” ซูเจินเพิ่งคิดได้ว่าเขาเพิ่งหมดสติไปทั้งหมด และในตอนนี้มันก็เป็นตอนเช้าของวันรุ่งขึ้นเรียบร้อยแล้ว
“งั้นนายช่วยเข้าไปลบความทรงจําของพวกเขาให้หน่อย หลังจากนั้นก็พาพวกเขากลับไปส่งที่เดิม”
ชาวเฮติเป็นลูกน้องของเขาที่ทําหน้าที่ได้ดีมาก ทํางานหนักแทนเขาและมีประโยชน์เป็นอย่างมาก หลังจากที่ชาวเฮติพาพวกเขาออกไปหมดแล้ว ซู่เจินก็โทรไปสั่งซื้ออาหารเช้าและชุดกับทางโรงแรม
หลังจากที่เขากินอาหารเช้าจนอิ่มเรียบร้อยแล้ว เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขามันดูดีขึ้น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็สามารถลุกขึ้นมาเดินได้แล้ว
“ดูเหมือนว่าความเร็วในการฟื้นตัวของฉันมันจะค่อนข้างเร็วมาก”
ซูเจินรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย ดังนั้นในช่วงที่ร่างกายของเขากําลังฟื้นอยู่นั้น เขาก็ควรที่จะออกไปหาซื้อเสื้อผ้าสวยให้กับสกายและคนอื่น ๆ สักสองสามชุด และมันก็ยังเป็นของขวัญจาก … อีกมิติหนึ่งอีกด้วย!