“สำหรับเด็กๆ อย่างเธออาจจะคิดว่าการได้มีอายุยืนยาวเหมือนกับไม่มีวันแก่เฒ่าแบบนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ดีสินะ… แต่เชื่อฉันเถอะว่าการมีชีวิตอยู่แบบนั้นน่ะมันก็ไม่ต่างจากคำสาปสักเท่าไหร่หรอก”
 

“งั้นหรอครับ… ว่าแต่คุณปู่แม็กซ์ใช้วิธีการไหนที่ทำให้มีชีวิตยืนยาวได้ขนาดนี้น่ะครับ?”

 

“เรื่องนั้น…”

 

คำถามของนากานั้นทำให้ปู่แม็กซ์ก้มหน้าลงด้วยแววตาเศร้าหมองและนิ่งเงียบไปนานราวกับว่าไม่อยากจะนึกถึงมันสักเท่าไหร่ ซึ่งสภาพของปู่แม็กซ์ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ลังเลและไม่แน่ใจอีกทั้งยังดูเหมือนกับว่าเขากำลังโหยหาอะไรบางอย่างที่ไม่มีวันหวนคืนกลับมาได้อีกแล้วนั้นแทบจะทำให้เขาหมดสิ้นสภาพชายวัยกลางคนที่สุขภาพแข็งแรงดีเมื่อสักครู่และกลายเป็นชายแก่ๆ คนหนึ่งที่สิ้นหวังในชีวิตไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น

 

“ถ…ถ้าเกิดว่าไม่อยากจะพูดถึงมันก็ไม่เป็นอะไรนะครับ… ผมก็แค่รู้สึกสงสัยขึ้นมาเฉยๆ แต่ที่จริงแล้วก็ไม่ได้อยากรู้อะไรมากขนาดนั้นหรอกครับ…”

 

“อื้ม… ฉันขอโทษด้วยนะ”

 

ปู่แม็กเอ่ยคำขอโทษออกมาที่เขาไม่สามารถตอบคำถามของนากาไปตามข้อตกลงได้ แต่ถึงอย่างนั้นนากาก็ไม่คิดอะไรมากนัก เพราะเขาคิดว่าแค่เรื่องสภาพภูมิประเทศสมัยก่อนกับเรื่องเก่าๆ ของเอริกะกับอารอนก็คุ้มค่ามากพออยู่แล้ว

 

“แต่ก็เพราะแบบนั้นนั่นแหล่ะ… ฉันถึงได้ไม่อยากให้ไดเอน่าต้องมารับรู้เรื่องอะไรแบบนี้ก็เลยไม่คิดที่จะเล่าอะไรให้เธอฟังจนกว่าจะถึงเวลาที่ฉันจำเป็นจะต้องต่ออายุจริงๆ น่ะนะ…”

 

“จนกว่าจะถึงเวลาที่จำเป็นหรอครับ? แบบนี้นี่มันก็หมายความว่าที่จริงแล้วปู่แม็กซ์ไม่ได้มีอายุยืนแบบนี้ตั้งแต่แรกอย่างงั้นหรอครับ?”

 

“อื้ม… ความจริงแล้วฉันเองก็เป็นคนธรรมดาที่มีเกิดแก่เจ็บตายเหมือนกับทุกคนนั่นล่ะ แต่ว่าด้วยสาเหตุอะไรบางอย่างฉันก็เลยจำเป็นที่จะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปน่ะ… แต่ถึงอย่างนั้นวิธีการที่ฉันใช้มันก็ไม่ใช่อะไรที่น่าพูดถึงสักเท่าไหร่หรอก”

 

หลังจากที่ปู่แม็กซ์พูดจบบรรยากาศในห้องก็ตกอยู่ท่ามกลางความเงียบไปสักพักใหญ่ ซึ่งนากานั้นก็ได้แต่มองชายวัยกลางคนตรงหน้าที่กำลังก้มหน้าลงและกำหมัดแน่นโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงในสถานการณ์แบบนี้เช่นกันเนื่องจากว่าตัวเขานั้นก็ไม่ใช่เครือญาติ ผู้สืบทอด หรือแม้แต่กระทั่งคนรู้จักของชายตรงหน้าซะด้วยซ้ำแต่ว่ากลับต้องมารับรู้ความลับของหนึ่งในตระกูลเก่าแก่ของเมืองแบบนี้

 

ซึ่งนั่นก็ทำให้นากาได้แต่นิ่งเงียบรอให้ชายวัยกลางคนเบื้องหน้าสงบสติลงไปอย่างเงียบๆ เพียงเท่านั้น และหลังจากที่เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ ปู่แม็กซ์ก็ได้เงยหน้ากลับขึ้นมาเพื่อมองออกไปทางหน้าต่างอีกครั้งและพูดขอโทษที่ทำให้เสียบรรยากาศการพูดคุยไป

 

“ขอโทษทีนะนากาคุง… เมื่อกี้นี้ฉันเผลอนึกถึงเรื่องเก่าๆ จนทำให้เสียบรรยากาศหมด… เอาเป็นว่าเรามาพูดคุยกันต่อเถอะ เธอยังมีเรื่องไหนที่สนใจอยู่บ้างไหมล่ะ?”

 

นากาที่ได้ยินปู่แม็กซ์พูดขึ้นมาแบบนั้นได้ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนคำถามของเขาจากเรื่องอายุของอีกฝ่ายไปเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เขารู้สึกสงสัยมาตั้งแต่เริ่มต้นคุยกับชายตรงหน้าแล้วแทน

 

“ถ้างั้น… ผมขอถามหน่อยได้มั้ยครับว่าทำไมคุณปู่แม็กซ์ถึงยอมตอบคำถามของผมน่ะ…? เพราะว่าก่อนหน้านี้ไดเอน่าเคยเล่าให้ผมฟังว่าคุณปู่แม็กซ์ไม่เคยเล่าเรื่องเก่าๆ ให้ใครฟังเลยนี่ครับ…”

 

“อืม… นั่นสินะ…”

 

คำถามของนากานั้นทำให้ปู่แม็กซ์หันกลับมามองเขาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งนั่นทำให้นากาได้พบว่าถึงแม้ในแววตาของชายวัยกลางคนตรงหน้าจะยังคงเปี่ยมไปด้วยความเศร้าอยู่แต่ถึงอย่างนั้นมันก็แฝงไว้ด้วยความอบอุ่นและสนิทสนมเอาไว้ราวกับว่าเขาได้พบกับเพื่อนสนิทที่พลัดพรากจากกันไปนาน

 

“คงจะเป็นเพราะว่าเธอทำให้ฉันนึกถึงเพื่อนเก่าคนนึง… ล่ะมั้ง…”

 

“เพื่อนเก่าหรอครับ…”

 

นากาที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้นึกถึงคำพูดแรกที่ปู่แม็กซ์พูดขึ้นมาหลังจากเห็นหน้าของเขา หรือก็คือชื่อของชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีชื่อว่า นากามูระ เช่นเดียวกันเขานั่นเอง แต่ว่าก่อนที่นากาจะได้พูดถามขึ้นมาเกี่ยวกับบุคคลที่เป็นเจ้าของชื่อนั้นปู่แม็กซ์ก็ได้พูดบอกปัดขึ้นมาซะก่อน

 

“เธอไม่ต้องไปสนใจเรื่องนั้นหรอก… จริงๆ มันก็แค่ว่าเจ้าหมอนั่นมันหน้าโหลซะจนฉันเผลอฝันเฟื่องคิดว่าเธอเป็นเจ้าหมอนั่นแค่นั้นแหล่ะ…”

 

“ง—งั้นเองหรอครับ แฮะๆ …”

 

นากาที่ถูกปู่แม็กซ์พูดปัดออกมาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้พูดถามขึ้นมานั้นได้แต่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปตามที่อีกฝ่ายต้องการ ก่อนที่ปู่แม็กซ์จะนึกถึงเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และพูดถามนากาขึ้นมา

 

“จะว่าไปนากาคุง เดี๋ยวนี่เธอจะมีโอกาสได้ไปเจอกับคุณอารอนเขาอีกบ้างหรือเปล่าน่ะ…?”

 

“เอาจริงๆ ตอนนี้อารอนเขาทำงานเป็นอาจารย์ประจำห้องพยาบาลที่โรงเรียนรีมินัสอยู่น่ะครับเพราะงั้นก็เลยน่าจะหาตัวไม่ยากสักเท่าไหร่ แต่ว่าตอนนี้ยังปิดเทอมอยู่ถ้าอยากจะหาตัวเขาก็คงจะต้องไปที่คลินิกที่อยู่ในเขตตัวเมืองชั้นนอกล่ะมั้งครับ”

 

“งั้นหรอ… ถ้างั้นฉันขอฝากข้อความอะไรเธอไปบอกเขาหน่อยได้หรือเปล่า…?”

 

“อ่า… ได้อยู่แล้วล่ะครับ”

 

นากาพยักหน้าตอบรับคำขอของคุณปู่แม็กซ์กลับไป ซึ่งปู่แม็กซ์ก็ได้ทอดสายตาออกไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้งและพูดเรื่องที่เขาอยากจะฝากนากาไปบอกอารอนออกมา

 

“ฉันขอฝากเธอไปบอกอารอนเขาว่า ให้เขาลองไปหาข้อมูลเกี่ยวกับหมู่บ้านแห่งหนึ่งในป่าลึกทางทิศเหนือดูสักหน่อยนะ… มันเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ประชากรส่วนมากจะเป็นคนที่มีเขาบนศีรษะและนับถือเทพเจ้ามังกรเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจน่ะ…”

 

“หมู่บ้านที่นับถือเทพเจ้ามังกรงั้นหรอครับ?”

 

“อื้ม… บอกเขาไปว่าที่หมู่บ้านนั้นน่าจะมีเบาะแสของสิ่งที่เขากำลังตามหาอยู่… แต่ว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นมากหรือน้อยฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน… มันเป็นเรื่องที่ฉันได้ยินมานานแล้วแต่ว่าไม่มีโอกาสได้ลองออกไปสืบดูด้วยตัวเองเพราะว่าสภาพร่างกายมันเป็นแบบนี้น่ะ…”

 

“เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะเอาไปบอกอารอนให้ทันทีหลังจากนี้เลยละกันครับ”

 

นากาที่ได้ยินว่ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งที่อารอนกำลังตามหานั้นถึงกับหูกระดิกในทันที เพราะว่าตั้งแต่ที่เขารู้จักกับอารอนมานั้นเขาไม่เคยเห็นว่าอีกฝ่ายจะมีความต้องอะไรเป็นพิเศษเลยแม้แต่น้อยอีกทั้งยังพูดจาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับเหนื่อยหน่ายโลกอยู่แทบจะตลอดเวลาเลยซะด้วยซ้ำ

 

“อื้ม ถ้างั้นฉันฝากเรื่องนี้ไว้กับเธอด้วยนะ… เอาจริงๆ ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะไปบอกเขาด้วยตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่ดูท่าทางว่าพวกหลานๆ จะไม่ยอมกันหรอกล่ะมั้ง…”

 

“ฮะฮะ พวกเขาก็คงจะแค่เป็นห่วงปู่แม็กซ์กันเท่านั้นแหล่ะครับ จะว่าไปแล้วนี่ปีนี้คุณปู่แม็กซ์อายุเท่าไหร่แล้วครับเนี่ย?”

 

“ฮึ่ม…”

 

“อ่ะ— ผ–ผมขอโทษครับ พอดีว่ามันเผลอตัวไปหน่อย”

 

นากาที่เริ่มจะคุ้นเคยอีกฝ่ายจนเผลอเอ่ยปากถามเรื่องอายุของปู่แม็กซ์ขึ้นมานั้นถึงกับสะดุ้งเฮือกและรีบพูดขอโทษขึ้นมาในทันทีที่เขาถูกอีกฝ่ายพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ทีหนึ่งเหมือนกับว่าไม่พอใจในคำถามนั้น แต่ว่าปู่แม็กซ์ก็กลับเผยร้อยยิ้มเศร้าๆ ออกมาและพูดอธิบายออกมาให้เขาฟัง

 

“เปล่าหรอกๆ ฉันไม่ได้โกรธหรือว่าอะไรแบบนั้นหรอก… แค่ว่าฉันไม่ได้ยินคำถามนั้นมานานมากแล้วเฉยๆ น่ะ… เพราะว่าหลังจากที่เพื่อนๆ ของฉันแยกย้ายกระจัดกระจายกันไปแล้วก็ไม่เหลือใครที่จะสนใจอายุหรือว่าวันเกิดของฉันอีกเลย…”

 

“แล้วพวกคนในตระกูลล่ะครับ…?”

 

“หึหึ… เด็กๆ พวกนั้นน่ะพอเห็นว่าฉันเป็นผู้อาวุโสก็เลยไม่ค่อยกล้าจะคุยเรื่องส่วนตัวกับฉันกันสักเท่าไหร่นี่สิ… แล้วยิ่งหลังจากที่พวกเขารู้เรื่องวิธีการยืนอายุของฉันแล้วพวกเขาก็แทบจะมองฉันเป็นระเบิดเวลาเดินได้กันแทน… จะมีก็แค่ไดเอน่านี่ล่ะมั้งที่ไม่ได้มองฉันเป็นวัตถุโบราณหรือว่าบุคคลอันตรายที่ห้ามเข้าใกล้น่ะ…”

 

“ย…อย่างงั้นเองหรอครับ…”

 

ท่าทางเลิ่กๆ ลั่กๆ ของนากานั้นก็ทำให้ปู่แม็กซ์ชะงักไปเล็กน้อยและพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่ติดจะขบขันอยู่นิดๆ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองทำให้เสียบรรยากาศการพูดคุยไปอีกครั้งหนึ่งแล้ว

 

“ฮะฮะ… ดูเหมือนว่าฉันจะเผลอทำให้เสียบรรยากาศอีกแล้วสินะเนี่ย… ว่าแต่นากาคุงยังมีอะไรที่อยากรู้อยู่อีกหรือเปล่าล่ะ?”

 

“อ่ะ— ไม่เป็นไรครับ! ผมถามเรื่องที่อยากรู้ไปหมดแล้วล่ะครับ ถ้ายังไงวันนี้ผมขอตัวก่อนดีกว่าครับ จะได้รีบไปบอกอารอนเกี่ยวกับเรื่องที่ปู่แม็กซ์วานเอาไว้ด้วยเลย”

 

“อื้ม ฝากด้วยนะ”

 

ปู่แม็กซ์พยักหน้าตอบนากาที่เอ่ยปากขอตัวขึ้นมาเพราะกลัวว่าเขาจะอาจจะเผลอถามอะไรที่ทำให้ชายวัยกลางคนรู้สึกลำบากใจขึ้นมาอีก ก่อนที่นากานั้นจะรีบลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องด้วยความรีบร้อนราวกับกำลังกลัวว่าจะห้ามปากตัวเองเอาไว้ไม่ไหวอีกครั้ง

 

และเมื่อนากาปิดประตูห้องนอนของปู่แม็กซ์กลับไปตามเดิมแล้วเขาก็ลอบถอนหายใจออกมาพลางนึกทบทวนถึงสิ่งที่ปู่แม็กซ์ฝากเขาไปบอกกับอารอนก่อนที่ทันใดนั้นเองไดเอน่าจะโผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงในระยะประชิดและพูดทักทายขึ้นมา

 

“เป็นไงมั่ง! คุยกันซะนานเลยนะ~”

 

“เหวอ—!?”

 

นากาที่สะดุ้งสุดตัวและรีบกระโดดถอยห่างออกไปในทันทีด้วยความตกใจนั้นได้หันกลับมาพบกับประธานนักเรียนสาวสวยที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ด้วยความอารมณ์ดีที่แกล้งเขาได้สำเร็จจนทำให้นากาได้แต่พูดบ่นออกมา

 

“ให้ตายสิ! เธอทำเอาฉันตกใจหมด!”

 

“แฮะๆ โทษทีๆ แล้วนี่นายจะกลับเลยหรือเปล่าน่ะ? เดี๋ยวฉันเดินไปส่งที่ประตูหน้าให้แล้วระหว่างนั้นนายก็เล่าเรื่องที่รู้มาจากท่านปู่ทวดให้ฉันฟังหน่อยละกัน”

 

“มันก็ได้น่ะแหล่ะ…”

 

เมื่อไดเอน่าได้ยินแบบนั้นเธอก็พยักหน้ากลับมาให้นากาก่อนจะเดินนำเขาไปยังประตูหน้าของคฤหาสน์ในทันที ซึ่งนากานั้นก็อธิบายให้เธอฟังแค่ว่าเขาได้เล่าเรื่องที่เกี่ยวกับคฤหาสน์ของเวก้าให้ท่านปู่ทวดของเธอฟังกับเรื่องที่ว่าปู่แม็กซ์ได้ฝากข้อความให้เขาไปบอกกับอารอนโดยจงใจปิดเรื่องสมัยก่อนกับเรื่องที่น่าจะเป็นความลับของปู่แม็กซ์เอาไว้เพราะคิดว่าชายคนนั้นคงอยากจะเป็นคนเล่าให้ไดเอน่าผู้เป็นหลานสาวฟังเองซะมากกว่า

 

“ได้เรื่องมาแค่นั้นเองหรอน่ะ โธ่เอ๊ย~ ฉันก็เห็นท่านปู่ทวดเขาจำนายสลับกับคนอื่นก็เลยนึกว่าจะเผลอหลุดเรื่องนู้นนี่มาให้นายฟังมากกว่านี้ซะหน่อย… แต่จะว่าไปเรื่องของหมู่บ้านที่มีแต่คนมีเขากับนับถือเทพเจ้ามังกรนั่นก็น่าสนใจเหมือนกันนะ ฉันก็นึกว่าสมัยนี้จะไม่เหลือหมู่บ้านที่ไม่ต้อนรับคนอื่นนอกจากคนประเภทเดียวกันแบบนั้นแล้วซะอีก…”

 

“แต่เห็นปู่ทวดของเธอบอกว่าได้ยินเรื่องของหมู่บ้านที่ว่านั่นมานานแล้วเหมือนกันนะ แล้วฉันก็ไม่แน่ใจด้วยว่าคำว่านานของเขากับของพวกเรามันจะนานเท่ากันหรือเปล่าน่ะ… เธอพอจะรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับหมู่บ้านนั่นหรือเปล่าล่ะไดเอน่า?”

 

“ไม่นะ ถึงฉันจะศึกษาเรื่องศาสนากับความเชื่อมาเพื่อรับมือกับพวกนักเรียนอยู่บ้างก็เถอะแต่ว่าที่ฉันรู้มันก็แค่พวกศาสนากับลัทธิดังๆ ที่พอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้างน่ะ ส่วนเรื่องเทพเจ้ามังกรนี่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย… เพราะงั้นอาจจะเป็นไปได้ว่ามันเป็นลัทธิที่เชื่อกันในหมู่ชาวบ้านของหมู่บ้านนั้นแค่ที่เดียวน่ะ”

 

ไดเอน่ารีบส่ายหน้าตอบนากากลับไปพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบคางและเอียงหัวไปมาพลางพยายามนึกว่าตัวเองจำอะไรตกหล่นไปบ้างหรือเปล่าก่อนที่เธอจะพูดเสนอวิธีหาข้อมูลออกมาให้นากาฟัง

 

“เหมือนจะไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ นั่นแหล่ะ… แต่ในเมื่อแทบจะไม่มีข้อมูลอะไรเลยแบบนี้งั้นฉันว่านายคงจะต้องลองตามหาพวกคนมีเขาที่มาจากหมู่บ้านไกลๆ มาสอบถามข้อมูลเอาดูแล้วล่ะมั้งเพราะว่าท่านปู่ทวดบอกว่าในหมู่บ้านนั้นมีแต่คนที่มีเขามังกรนี่นะ…”

 

“คนมีเขาที่มาจากหมู่บ้านไกลๆ งั้นหรอ… แล้วฉันจะไปหาคนแบบนั้นมาจากที่ไหนกันเนี่ย…”

 

นากาพูดทวนคำของไดเอน่าขึ้นมาเบาๆ พลางไล่นึกถึงพวกคนมีเขาที่เขาเคยเจอมา ซึ่งนั่นก็มีอยู่เพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น อย่างเช่นเดรคที่เป็นคนของเอริกะเหมือนกันกับรีซาน่าที่เขาเพิ่งจะเคยเจอเธอเพียงแค่ครั้งเดียวในช่วงสอบเข้า และในขณะที่นากากำลังไล่นึกถึงคนมีเขาที่เขาไม่ค่อยจะได้พบเจอมากสักเท่าไหร่นักไดเอน่าก็เดินนำเขามาถึงประตูหน้าของตัวคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว

 

“ยังไงวันนี้ก็ขอบใจที่ยอมมาด้วยกันมากนะนากาคุง ถ้ายังไงจะให้ฉันเดินไปส่งที่โรงเรียนก่อนมั้ยเพราะนายน่าจะไม่คุ้นกับทางแถวนี้นี่นา”

 

“ไม่เป็นไรๆ ฉันว่าฉันน่าจะพอกลับถูกอยู่แหล่ะ”

 

” ถ้านายว่างั้นละก็ งั้นก็เดินทางปลอดภัยนะ~”

 

“อ่ะ—”

 

นากาที่หันไปทางประตูรั้วของคฤหาสน์นั้นได้ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเขาพบกับร่างเล็กๆ ที่ดูจากส่วนสูงแล้วน่าจะมีอายุแค่ราวๆ สิบถึงสิบสองขวบในชุดผ้าคลุมสีดำที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าประตูรั้วของคฤหาสน์และกำลังเงยหน้ามองไปทางหน้าต่างบานหนึ่งบนชั้นสอง ซึ่งนั่นก็ทำให้นากาต้องรีบหันกลับไปสอบถามไดเอน่าดูในทันที

 

“นี่ๆ ไดเอน่า วันนี้เธอมีแขกคนอื่นด้วยหรือเปล่านะ?”

 

“หืม? แขกของฉันหรอ? ไม่มีนะ ส่วนคุณพ่อคุณแม่เองก็ออกไปทำธุระข้างนอกด้วยเพราะงั้นท่านไม่น่าจะได้เชิญใครมาหรอก ทำไมหรอ?”

 

ไดเอน่าที่ยืนอยู่ด้านหลังเขานั้นได้เอ่ยปากถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจและชะโงกหน้าผ่านนากาไปดูที่ด้านหน้าประตูรั้วก่อนที่เธอจะพบกับร่างเล็กๆ ในชุดผ้าคลุมที่ยังคงยืนนิ่งอยู่แบบไม่ไหวติง

 

“แปลกแหะ… เด็กหลงจากที่ไหนหรือเปล่าน่ะ…”

 

“ฉันจะไปรู้เรอะ จะเอายังไงล่ะ? จะให้ฉันออกไปไล่ให้มั้ย?”

 

“ให้แขกอย่างนายมาจัดการเรื่องอะไรแบบนี้ก็เสียมารยาทแย่สิ… เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันเรียกคนใช้มาจัดการให้เองละกัน”

 

ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง

 

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังปรึกษากันอยู่ว่าจะเอายังไงกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญนั้นก็ได้มีเสียงโครมครามดังลั่นออกมาจากโถงทางเดินลึกเข้าไปในตัวคฤหาสน์ ซึ่งเสียงนั้นก็กำลังใกล้เข้ามาทางประตูทางเข้าขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้พวกเขาต้องหันไปมองดู ก่อนที่พวกเขาจะพบกับปู่แม็กซ์ที่ใช้ไม้เท้าช่วยพยุงตัวเอาไว้กำลังวิ่งลงบันไดมาด้วยสีหน้าแตกตื่น

 

“เดี๋ยวก่อนสิคะนายท่าน!”

 

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงของไซร่าผู้เป็นสาวใช้ดังไล่หลังปู่แม็กซ์มาเพื่อร้องห้ามเขาเอาไว้แต่ว่าชายวัยกลางคนก็ดูเหมือนกับว่าจะไม่สนใจอะไรทั้งนั้นและรีบเร่งลงบันไดมาด้วยความรีบร้อนกว่าเดิมจนแทบจะพลัดตกลงมา

 

“—!?”

 

“คุณปู่แม๊กซ์คะ!?”

 

“ป–ปู่ไม่เป็นอะไร… แต่ตอนนี้ขอทางให้ปู่ไปที่หน้าประตูก่อน เร็วเข้า!!”

 

ปู่แม็กซ์ที่เกือบจะสะดุดล้มร่วงลงมาจากบันไดนั้นรีบบอกปัดไดเอน่าที่เข้ามาช่วยพยุงเอาไว้อย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะพยายามสะบัดให้หลุดจากมือของไดเอน่าและนากาเพื่อตรงไปยังประตูหน้าในทันที จนทำให้ทั้งสองที่ยังคงมึนงงกับท่าทีรีบร้อนของชายตรงหน้าได้แต่ยอมทำตามที่อีกฝ่ายบอกแต่โดยดี

 

“ก็ได้ค่ะๆ คุณปู่หยุดดิ้นก่อนสินะ ถ้าเกิดล้มลงไปขึ้นมาเดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่เอานะคะ”

 

เมื่อปู่แม็กซ์ได้ยินน้ำเสียงของไดเอน่าที่พูดขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงนั้นก็ทำให้เขาพอจะใจเย็นขึ้นมาได้บ้าง ก่อนที่นากากับไดเอน่าจะช่วยกันประคองปู่แม็กซ์ไปยังหน้าประตูบ้านกัน

 

“….!”

 

นากาที่พยุงปู่แม็กซ์จนพ้นประตูของตัวคฤหาสน์มานั้นได้รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาและรีบสะบัดหน้ามองไปยังร่างเล็กๆ ในชุดผ้าคลุมที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูรั้วในทันทีและพบว่าร่างภายใต้ชุดผ้าคลุมที่เคยยืนนิ่งราวกับรูปปั้นนั้นกำลังหันมามองทางนี้อยู่โดยที่เขาไม่อาจมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้ความมืดมิดแปลกประหลาดภายใต้ผ้าคลุมผืนนั้นได้เลยแม้แต่น้อย

 

ซึ่งนากานั้นก็ได้แต่ยืนนิ่งเหงื่อไหลพรากอยู่ภายใต้บรรยากาศผิดแผกที่เหมือนว่าจะถูกแผ่ออกมาจากร่างเล็กๆ ภายใต้ชุดผ้าคลุมสีดำนั้นจนทำให้เขาต้องแอบเหลือบมองไปยังอีกสามคนที่เหลือเพื่อดูว่าทุกคนเองก็สัมผัสได้ถึงอะไรแปลกๆ แบบนี้ด้วยเหมือนกันหรือเปล่า

 

“ไปเปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

 

“—!?”

 

“เร็วเข้าสิ!!”

 

“ท—ทราบแล้วคะนายท่าน!”

 

ทันใดนั้นเองปู่แม็กซ์ก็ได้ตะโกนขึ้นมาเสียงดังจนทำให้ทั้งนากาและไดเอน่าที่กำลังช่วยกันพยุงเขาอยู่ถึงกับสะดุ้งไป และในขณะที่ไซร่ากำลังรีบร้อนวิ่งไปประตูรั้วของคฤหาสน์อยู่นั้นนากาก็ได้พบว่าบรรยากาศแปลกๆ ที่แผ่ออกมาจากร่างในชุดผ้าคลุมได้จางหายไปโดยสิ้นเชิงแล้ว

 

แกร๊ง…

 

ในทันทีที่ไซร่าเลื่อนประตูรั้วของคฤหาสน์ให้เปิดออกเธอก็ต้องรีบก้าวถอยหลังหลบทางให้ร่างในชุดผ้าคลุมที่เดินเข้ามาในทันที ก่อนที่ปู่แม็กซ์จะหันไปกระซิบกับนากาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

“ถ้ายังไงฉันขอรบกวนให้เธอรีบกลับบ้านไปก่อนนะ… พอดีว่าเธอคนนี้… เป็นแขกคนสำคัญน่ะ”

 

“อ—อ่า ครับ ได้ครับ…”

 

“ถ้างั้นก็เดินทางปลอดภัยนะนากาคุง เดี๋ยวเอาไว้โอกาสหน้าเจอกันใหม่ก็ละกันเนอะ”

 

“อื้ม เธอเองก็โชคดีเหมือนกันนะไดเอน่า”

 

นากาพูดตอบไดเอน่ากลับสั้นๆ และรีบเร่งฝีเท้าเดินตรงไปทางประตูรั้วในทันทีโดยพยายามเว้นระยะห่างจากร่างในชุดผ้าคลุมที่กำลังเดินสวนมาเอาไว้ให้มากที่สุดที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่ทำให้ดูเสียมารยาทจนเกินไป

 

“—!”

 

แต่แล้วในชั่วขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเดินสวนผ่านกันนั้น นากาก็ได้รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาอีกครั้งราวกับว่าเขากำลังถูกสายตาจับจ้องเอาไว้จนทำให้เขาชะงักไปและเหลือบหันกลับไปมองร่างในชุดผ้าคลุมที่เพิ่งจะเดินผ่านไปเมื่อสักครู่นี้ในทันที

 

“…”

 

แต่ว่าร่างในชุดผ้าคลุมนั้นก็ยังคงเดินตรงไปทางตัวคฤหาสน์โดยไม่ได้แม้แต่จะหันกลับมามองนากาเลยแม้แต่น้อย จนทำให้นากาได้แต่ต้องตัดสินใจที่รีบเร่งฝีเท้าออกไปจากคฤหาสน์ในทันที

 

“แล้วพวกเราจะเอายังไงกันดีล่ะคะท่านปู่ทวด?”

 

ไดเอน่าที่โบกมือลาไล่หลังนากาที่เธอคิดว่าเขาหันกลับมามองเธอนั้นได้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แต่ว่าปู่แม็กซ์นั้นก็หลับตาลงไปโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาจนกระทั่งร่างเล็กๆ ในชุดผ้าคลุมได้เดินมาหยุดตรงหน้าเขาแล้ว

 

“…..”

 

“เดี๋ยวปู่จัดการต้อนรับแขกให้เอง หนูไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกไดเอน่า…”

 

“เข้าใจแล้วค่ะ…”

 

ไดเอน่าพยักหน้าตอบท่านปู่ทวดของเธอไปอย่างไม่เต็มใจนักก่อนที่เธอจะหันไปมองดูไซร่าที่กำลังปิดประตูรั้วของคฤหาสน์อยู่และฉวยโอกาสนี้พูดขึ้นมาในทันที

 

“ในเมื่อคุณไซร่าท่าทางว่าจะกำลังยุ่งอยู่ถ้างั้นเดี๋ยวหนูจะช่วยพยุงท่านปู่กลับไปที่ห้องให้เองละกันนะคะ”

 

“อื้ม… ขอบใจนะ…”

 

ปู่แม็กซ์ได้แต่โคลงหัวไปมาเหมือนกับว่ารู้ทันในแผนการของหลานสาวแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยอมให้ไดเอน่าเป็นคนช่วยพยุงเขากลับไปที่ห้องแต่โดยดี ในขณะที่ร่างเล็กๆ ในชุดผ้าคลุมนั้นก็เดินตามทั้งสองคนไปอย่างเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

 

ในขณะเดียวกันทางด้านนากาที่วิ่งออกมาจากบ้านหลังน้อยของไดเอน่าแล้วนั้นก็กำลังพยายามมองซ้ายมองขวาเพื่อหาจุดสังเกตประจำเมืองที่เขาจำได้อย่างโรงเรียนรีมินัสอยู่ด้วยท่าทางมึนๆ

 

“ตรงนี้เป็นทิศเหนือ… ส่วนโรงเรียนรีมินัสอยู่ทางด้านนั้น… แต่ว่ายังไม่เปิดภาคเรียนแบบนี้อารอนน่าจะอยู่ที่คลินิกซะมากกว่าล่ะมั้ง… ถ้าโรงเรียนรีมินัสอยู่นั่นงั้นคลินิกของอารอนก็น่าจะอยู่อีกฝั่งหนึ่งสินะ…”

 

นากาพูดพึมพำขึ้นมาเบาๆ พร้อมกับพยายามจดจำถนนเส้นที่เขาอยู่เอาไว้เผื่อว่าในคราวหน้ามันจะไปปรากฏอยู่ในความฝันของเขาตามที่พาเทียซ์เคยพูดเอาไว้ ก่อนที่เขาจะรีบออกวิ่งไปทางตัวเมืองฝั่งตะวันตกที่เป็นที่ตั้งของคลินิกของอารอนในทันที

 

และด้วยความเร็วในการเดินทางของนากานั้นเขาก็ใช้เวลาเพียงแค่ไม่นานสักเท่าไหร่นักในการเดินทางมาถึงด้านหน้าคลินิกของอารอนที่แขวนป้ายเอาไว้ว่าเปิดให้บริการ แต่ว่าทันใดนั้นเองเขาก็ได้ชะงักไปเมื่อเห็นชายวัยกลางคนที่มีหูแมวและผมสีน้ำตาลเข้มที่สวมใส่แว่นที่ออกแบบเอาไว้ให้สำหรับคนที่มีหูสัตว์โดยเฉพาะที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าคลินิกด้วยท่าทางเป็นกังวลเข้าซะก่อน

 

ซึ่งถ้าเกิดว่าเป็นในกรณีปกตินากาก็คงจะเข้าไปสอบถามดูว่าอีกฝ่ายต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือเปล่าแล้ว แต่ว่าชายหูแมวสวมแว่นเบื้องหน้าของเขานั้นกลับเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาที่เขาไม่คิดว่าจะมาอยู่ที่นี่ได้ซะอย่างนั้น

 

“เอ่อ…”

 

“หือ? น–นากาคุงใช่หรือเปล่าน่ะ!?”

 

“คุณพ่อของโมโกะ? นี่คุณพ่อมาทำอะไรที่นี่ครับเนี่ย?”

 

นากาได้แต่เอ่ยปากถามชายวัยกลางคนที่มีหูแมวและเส้นผมสีน้ำตาลเข้มหรือก็คือคุณพ่อของโมโกะกลับไปในทันทีด้วยความประหลาดใจ เพราะว่าระยะทางจากหมู่บ้านโมริโกะมายังเมืองรีมินัสนั้นไม่ใช่น้อยๆ เลยอีกทั้งคุณพ่อของโมโกะเองก็มีท่าทีร้อนรนแบบนี้อีกด้วยจนทำให้นากาได้แต่คิดว่าอาจจะมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นที่หมู่บ้านของพวกเขาอย่างแน่นอน

 

“ใช่นากาคุงจริงๆ ด้วย! ฉันก็กำลังลำบากใจอยู่เลยว่าจะเข้าไปหาคุณอารอนเขาด้านในเลยดีมั้ย แต่ถ้าในเมื่อเธออยู่ที่นี่ด้วยงั้นก็น่าจะพอรู้เรื่องเหมือนกันใช่หรือเปล่าล่ะ!?”

 

“หมายถึงเรื่องอะไรหรอครับ? คุณพ่อใจเย็นๆ แล้วอธิบายให้ผมฟังก่อนสิครับ”

 

คำพูดของคุณพ่อของโมโกะนั้นแทบจะทำให้นาการู้สึกร้อนรนตามไปด้วยอีกคนหนึ่ง เพราะว่าในเมื่ออีกฝ่ายดูเหมือนจะมีเป้าหมายอยู่ที่การมาพบอารอนแบบนี้ก็อาจจะหมายความว่าที่หมู่บ้านของพวกเขาอาจจะเกิดโรคระบาดหรือว่ามีใครเกิดเจ็บป่วยร้ายแรงขึ้นมาก็เป็นได้ แต่ว่าคำพูดต่อให้ที่ออกมาจากปากคุณพ่อของโมโกะนั้นก็ถึงกับทำให้นากาชะงักไปในทันที

 

“ก็โมโกะน่ะสิ! โมโกะเขาหายตัวไปจากหมู่บ้านเกือบจะสองอาทิตย์แล้วนะ!! แล้วตอนที่ทุกคนในหมู่บ้านพยายามหาตัวโมโกะกันอยู่ฉันก็ไปเจอร่องรอยที่เหมือนกับมีอะไรระเบิดขึ้นมาด้วยน่ะ เธอก็รู้นี่ว่าโมโกะเขาชอบแอบไปเก็บของแปลกๆ กลับมาไว้ที่บ้านเป็นประจำน่ะฉันก็เลยคิดว่าโมโกะเขาอาจจะไปยุ่งกับเจ้าของนั่นแล้วเผลอทำมันระเบิดเข้าจนบาดเจ็บกลับมาที่หมู่บ้านไม่ไหวหรือเปล่าจนต้องมาขอความช่วยเหลือจากคุณอารอนเขาเนี่ย!”

 

“เอ๋ะ…?”