บทที่ 5 ตอนที่ 2 3

 

ณ เขตชานเมืองของเมืองอาร์คาซัมท่ามกลางความมืดมิด มีทุ่งหญ้าที่มีดอกไม้เบ่งบานท่ามกลางแสงจันทร์

 

 

โนโซมุอยู่ห่างจากสถานที่แห่งนั้นซึ่งเขาฝึกกับไอริสอยู่เสมอ

 

 

เขากวัดแกว่งดาบอยู่บนทุ่งหญ้าอย่างสิ้นหวัง ราวกับว่าเขาพยายามอย่างยิ่งที่จะสลัดบางอย่างให้หลุดพ้นไป

 

 

「ฮ่าห์!!」

 

 

แม้ว่าจะทำเป็นกวัดแกว่งดาบต่อไป ดาบที่ส่องแสงท่ามกลางแสงราตรีที่ดุดัน มันยังโดนกลบไปด้วยแสงจันทร์และดอกไม้ที่เบ่งบาน

 

 

「แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก……โถ่วเว้ย!!」

 

 

เนื่องจากผลของการ “พันธนาการ” ความรู้สึกที่ว่าหมดแรงมันก็ถาโถมอย่างรวดเร็ว ความเหนื่อยล้ามหาศาลพุ่งเข้าใส่ร่างของโนโซมุ อย่างไรก็ตามเขากัดริมฝีปากแน่น ประครองความเจ็บปวดและใช้กำลังฟันดาบต่อไป

 

 

 

 

「บ้าเอ้ย! หนอยยย……!」

 

 

อย่างไรก็ตามเพราะหมดแรง จึงล้มลง เขาพยายามจะแกว่งดาบต่อไปในขณะที่พยายามยืนขึ้น แต่ความสมดุลที่พังทลายไปแล้วก็ไม่ฟื้นคืนกลับง่ายๆ ในทางกลับกันหากฟันดาบต่อไปทั้งๆยังงี้ตัวเองได้ตายก่อนแน่ๆ

 

 

「อุหวาาาาาา!!」

 

 

โนโซมุพยายามทรงตัวกับพื้น

 

 

เขายืนขึ้นอีกครั้งและพยายามแกว่งดาบต่อไป แต่ไม่ว่าเขาจะทุ่มแรงไปที่เท้ามากขนาดไหนมันก็ไม่ขยับ

 

 

「หนอยยยยยยยยยยยยแน่….บ้าเอ้ยยยย!」

 

 

เขาเอาดาบแทงลงไปบนพื้นเพื่อใช้เป็นไม้เท้า โนโซมุพยายามลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางสิ้นหวัง

 

 

อย่างไรก็ตามร่างกายของเขากระตุก และมันไม่เคลื่อนไหวตามความคิดเลย

 

 

หลังจากมาถึงเมืองอาร์คาซัมโนโซมุก็มุ่งมาที่นี่ทันที เขาแกว่งดาบอย่างต่อเนื่อง จิตใจที่ว้าวุ่นกับความเหนื่อยล้าทางกายภาพที่แยกออกจากกัน

 

 

「อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!」

 

 

โนโซมุสัมผัสได้ถึงโซ่ที่มองไม่เห็นที่ผูกมัดเขาไว้

 

 

เพราะมีสิ่งนี้…ผมพยายามทำลายมันด้วยแรงทั้งหมดที่มี

 

 

ในอดีตโซ่นี่ฉีกกระชากออกง่ายเหมือนกับกระดาษ ตอนนี้มันพันรอบร่างโนโซมุและผูกมัดเขาไว้

 

 

「……ไอ้บ้าเอ้ยให้ตายเหอะ……」

 

 

มันเป็นความรู้สึกผิดแปลกอันแสนเลวร้าย ความเสียใจอย่างสุดซึ้ง และความสมเพชเวทนาต่อตัวเองที่มีจิตใจไม่มั่นคง

 

 

ยิ่งกว่านั้น ที่ดาบยังเต็มไปด้วยคราบเหงื่อและน้ำลาย ถ้าอาจารย์มาเห็นโดนด่าโดยไม่ต้องถามเลย เธอจะบอกให้หยิบดาบมาและฝึกใหม่อีกครั้ง

 

 

ความโกรธพุ่งเข้าใส่ตัวเข้าเองซึ่งได้แต่แกว่งดาบไปด้วยท่าทีน่าสมเพช โนโซมุเอามือกระแทกพื้นสุดกำลัง

 

 

เลือดหยดออกจากริมฝีปากที่ถูกกัดและหยดลงบนหมัดของเขาที่กระแทกลงกับพื้น

 

 

แสงของหิ้งห้อยที่ลอยไปรอบๆกำลังเต้นรำเพื่อปลอบโยนชายผู้ไร้ความคิดผู้นี้

 

 

「……มาอยู่ในที่แบบนี้เองสินะ」

 

 

เสียงแสนหวานดังก้องไปรอบๆเมื่อโนโซมุเงยหน้าขึ้นก็ก็พบกับสาวผมสีฟ้าที่พลิ้วไหวไปตามสายลม ผิวสีขาวนวลเคลือบด้วยแสงสว่างของเหล่าหิ้งห้อยเข้ามาในสายตา

 

 

「นายน่ะ…มาทำอะไรที่นี่ยังงั้นเหรอ?……」

 

 

ซีน่า・ จูเรียลยืนอยู่ตรงนั้น บางทีเพราะเธอวิ่งตามหาผมจนทั่วเลยละมั้งผมเลยยุ่งไปหมดเลย

 

 

「เธอทำไมกัน….ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะครับ……」

 

 

โนโซมุถามว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ด้วยท่าทีตกตะลึง เขาไม่รู้ว่าเธอมาที่นี่ทำไม

 

 

ซีน่าตอบกลับด้วยใบหน้าตื่นตระหนก เหมือนกับว่าถามอะไรโง่ๆออกไป

 

 

「ก็มาตามหานายยังไงล่ะ นายไม่ได้กลับไปที่สถาบันและจู่ๆก็หายตัวไป ….ทุกคนออกตามหาให้วุ่นเลย」

 

 

「ทุกคน……」

 

 

โนโซมุพึมพำด้วยความไม่สบายใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น ซีน่านั่งลงข้างๆโนโซมุ

 

 

「ใช่แล้วล่ะ ไอริส ทิม่า โซเมีย อาจารย์อันริ มิมุรุ และทอม แม้กระทั่งฟีโอก็ตามหานายให้วุ่นเลยนะ?」

 

 

「งั้นเหรอครับ……」

 

 

ซีน่าพยายามพูดด้วยท่าทีร่าเริง แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใบหน้าที่แสนขุ่นมัวของโนโซมุได้ ริมฝีปากเขาปิดแน่นสนิทไม่ยอมพูดอะไร

 

 

「…………」

 

 

「…………」

 

 

โนโซมุและซีน่าต่างเงียบ เธอเหลือบมองไปด้านข้าง แต่ว่าเขาก็ไม่พูดอะไร

 

 

ซีน่าถอนหายใจและเรื่มพูดสิ่งที่ได้ยินจากไอริสก่อนหน้านี้

 

 

「ฉันได้ยินมาหมดแล้วล่ะจากไอริสน่ะ เกี่ยวกับพลังของนาย……」

 

 

「เอะ!!」

 

 

โนโซมุเครียดขึ้นมาทันที ความประหลาดใจและความกลัวเข้ามาในใจของซีน่า ไม่รู้หรอกว่าเธอกลัวอะไร แต่ตอนนี้เธอคิดว่าเป็นเวลาที่ต้องพูดออกไป

 

 

「ปลดปล่อย “พันธนาการ” ฉันไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน แม้แต่ในห้องสมุดสถาบันก็ไม่มีบันทึกไว้เลย」

 

 

「…………」

 

 

คำตอบของโนโซมุมีแต่ความเงียบ ไม่อยากตอบหรือว่าตอบไม่ได้? ซีน่าไม่สนใจ แต่คิดว่าน่าจะเป็นทั้งสองอย่าง

 

 

「นอกจากนี้ยังจัดการหนึ่งในเจ็ดของของจักรวรรดิดิซาร์ต ต่อสู้กับตระกูลแวมไพร์แห่งวาเซียรต์และเอาชนะได้ เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากเลยล่ะ……」

 

 

ซีน่าเล่าเรื่องที่ได้ยินมาเกี่ยวกับพลังของโนโซมุ และในขณะเดียวกันความผิดที่คอยปกปิดทุกอย่างไว้ในใจโนโซมุมันก็มากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

「……อืม เป็นเหมือนเรื่องลวงโลกเลยใช่ไหมล่ะหากมองจากภายนอกแล้ว……」

 

 

คำพูดที่ออกมาจากปากของโนโซมุคือการปฏิเสธ สำหรับซีน่าแล้วเธอรู้ดี

 

 

「นั่นสินะ ถ้าไม่ได้รู้จักนายเข้าละก็ “โนโซมุ เบลาตี้ผู้ห่วยแตกสุดในสถาบัน” นั่นละก็นะ……」

 

 

「…………」

 

 

ซีน่าเน้นคำว่า “สถาบัน” เป็นข้อพิสูจน์ถึงความเชื่อของเธอที่ฟังเรื่องราวจากไอริสมาและเป็นแนวทางป้องกันไม่ให้โนโซมุหลีกเลี่ยงการตอบคำถาม

 

 

「แต่ว่าฉันเองก็รู้นะว่านายน่ะแตกต่างจากในข่าวลือที่สถาบันไปไกลเลย ความสามารถและบุคลิกนั่น ไม่เช่นนั้นฉันก็คงไม่มาช่วยตัวนายที่ถูกสาปส่งยังงี้หรอก」

 

 

ซีน่าพูดเช่นนั้นและยิ้มให้โนโซมุ

 

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุไม่ได้มองมัน เขาก้มหน้าลงและไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา

 

 

「……แต่สุดท้ายผมก็ทำไม่ได้จริงๆ ถ้าตอนนั้นผมได้เอาจริง ทอมคงไม่ได้รับบาดเจ็บและซีน่าก็ไม่ต้องคลั่งจนถึงขนาดนั้น ผมทำอะไรไม่ได้ทั้งๆที่มีพลังนั่นแท้ๆ……」

 

 

คำพูดที่แสดงให้เห็นถึงความเสียใจและรู้สึกสมเพชตัวเองออกมาจากปากของเขา

 

 

ก่อนหน้านี้ โนโซมุเองก็รู้สึกผิดที่ไม่สามารถจัดการอสูรสีดำตรงๆ มันเป็นแผลใจทำให้เขากลัวไม่กล้าเดินต่อไป ถึงแม้ว่าจะจำเป็นต้องก้าวไปข้างหน้าก็ตาม

 

 

「แต่ว่านะฉันรู้สึกขอบคุณโนโซมุนะที่ทำให้ฉันกล้าเผชิญหน้ากับมัน รวมทั้งให้ฉันกับพวกทอมได้คืนดีกันรวมถึงเหล่าวิญญาณด้วย」

 

 

อย่างไรก็ตามซีน่าไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของเขา เธอแค่พูดความรู้สึกของเธอออกไป

 

 

มันไม่ใช่คำตำหนิที่ออกมาจากปากของเธอ แต่เป็นการขอบคุณเขา โนโซมุจ้องไปที่ซีน่าด้วยท่าทางไม่เข้าใจ

 

 

「แน่นอนนายอาจจะไม่ได้ใช้พลังนั่นก็จริง แต่มันช่วยทำให้ฉันเรียนรู้ถึงความโกรธแค้นและความเกลียดชังจากในครั้งก่อน ฉันเองก็คิดว่าตัวเองต้องก้าวไปข้างหน้า ยามที่ฉันพบกับกำแพงที่ช่วยไม่ได้ แต่ก็มีนายและผองเพื่อนคอยช่วยเหลือ ถ้านายไม่มาในตอนนั้นพวกเราคงถูกฆ่าตายกันหมด」

 

 

ก่อนหน้านี้ซีน่ามีความแค้นต่อสัตว์อสูรสีดำที่แย่งชิงบ้านเกิดของเธอไป

 

 

เมื่อเธอพบมัน เธอก็เข้าเผชิญหน้ากับมันทันทีตัวเธอที่ยึดติดกับความแค้น แต่ด้วยเหตุนั้นเองก็ทำให้เธอต้องเจ็บหนัก

 

 

นอกจากนี้ทอมยังได้รับบาดเจ็บที่มือเพราะช่วยเธอไว้

 

 

หลังจากนั้นซีน่าก็ทรมานใจอย่างมากที่สร้างภาระให้พวกพ้อง เธอตัดสินใจทิ้งทอมที่บาดเจ็บให้อยู่กับโนโซมุและไปเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรเพียงลำพัง

 

 

อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถสู้มันได้ด้วยตัวคนเดียว เธอพยายามร้องขอเหล่าวิญญาณอย่างสิ้นหวัง แต่หัวใจของเธอในตอนนั้นไม่มั่นคงเพราะมีจิตมุ่งมั่นในการแก้แค้นและความสำนึกผิด เพราะแบบนั้นเหล่าวิญญาณเลยไม่ได้ช่วยเหลือเธอ

 

 

โนโซมุที่ไล่ตามเธอมาก็ปรากฏตัวต่อหน้าซีน่าที่คิดจะทิ้งชีวิตตัวเองไปอีกครั้ง

 

 

โนโซมุเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรสีดำพร้อมกับบอกเธอว่า “อย่ากลัวสิ”

 

 

หลังจากนั้นเธอก็เอาชนะสัตว์อสูรสีดำได้ด้วยความช่วยเหลือจากผองเพื่อน เพราะแบบนั้นก็ต้องขอบคุณโนโซมุที่มาช่วยได้ทันเวลาด้วย

 

 

(ใช่แล้ว แม้ว่านายจะดูน่าหมดหวังแค่ไหน แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเราก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้ มีแค่นายที่คอยช่วยเหลือพวกเราอย่างโดดเดี่ยว……)

 

 

ตอนนั้นเขาเข้ามาช่วยซีน่าและเพื่อนๆหลายครั้ง ทำหน้าที่เป็นตัวล่อให้ทอมได้ไปรักษาแผล อีกทั้งยังเตรียมอาหารให้พวกเขาหลังจากกลับมารวมตัวกันอีก

 

 

ซีน่าไม่คิดเลยว่าโนโซมุจะเป็นคนน่าสมเพชแม้แต่น้อย แม้ว่าเขาจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากก็ตามที

 

 

「แล้วก็…ถ้าฉันได้เห็นพลังของนายในตอนนั้น ฉันแน่ใจว่าตัวฉันเองจะยิ่งร้อนรนมากกว่าใคร ต่อให้ถึงแม้คนๆเดียวจะมีพลังมากขนาดไหนก็เถอะ」

 

 

ซีน่าพิจารณาจากคำพูดของไอริสว่าพลังของโนโซมุหากปลดปล่อยออกมา สามารถสู้กับอสูรสีดำได้อย่างสบายๆ

 

 

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ถ้าเห็นพลังนั่นในตอนนั้น มันจะยิ่งทำให้ฉันโหยหามากกว่าเก่า

 

 

ตอนนั้นตัวฉันที่ตามืดบอดมองไม่เห็นอะไรและแสวงหาแต่พลัง

 

 

「อย่างน้อยฉันก็คิดว่าเรื่องที่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นมันก็ดีแล้ว ฉันคิดยังงั้นนะ」

 

 

เมื่อมองตรงไปที่โนโซมุ เธอก็บอกว่าไม่ต้องโทษตัวเองหรอก

 

 

โนโซมุจ้องมองไปที่ซีน่าซึ่งพูดด้วยท่าทีอันสูงส่ง

 

 

「กังวลจังเลยนะหากต้องเผชิญหน้ากับความน่าสงสารแบบนั้นอีก ดังนั้น……」

 

 

โนโซมุจ้องมองตัวเอง ทันใดนั้นซีน่าก็รู้สึกได้ถึงความร้อนบนใบหน้าเธอตอบสนองต่อการจ้องมองนั่น และทันใดนั้นก็เขินอายทันทีที่เห็นหน้าโนโซมุ เขาหันหลังไปมองทิศทางที่เธอจ้อง

 

 

โนโซมุส่ายหัวไปหาซีน่าที่จู่ๆก็ท่าทีเปลี่ยนไป แต่ในขณะนั้นก็ได้ยินเสียงจากระยะไกลดังก้อง

 

 

「เจอแล้ววววววววววว~~~!」

 

 

「「เอ๋?」」

 

 

เมื่อซีน่าหันไปมองก็พบเจอกับคนที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง เงานั่นรูปร่างเรียวยาวเป็นผู้หญิง เธอวิ่งมาพร้อมกับฝุ่นที่เต็มไปทั่วเลยล่ะ

 

 

「โนโซมุ~~คุงงงงงงงงงงงงงงงงง!!」

 

 

เงาที่พุ่งเข้ามาคืออันริที่กำลังตามหาโนโซมุ เธอรีบพุ่งเข้าหาโนโซมุอย่างรวดเร็วและเข้ากอดทันที

 

 

「อุฟ!!」

 

 

โนโซมุถูกผลักลงกับพื้น โนโซมุที่ไม่เหลือแรงแล้วไร้ซึ่งการขัดขืนตัวเขาแนบกับพื้นพร้อมกับโดนหน้าอกอันใหญ่โตนั้นกดทับร่างกาย

 

 

「อะไรกันง่าจู่ๆก็เล่นหายตัวไป~ตามหาให้ทั่วเลยรู้มั้ย~! เป็นห่วงมากเลยล่ะน้า~~! ไปไหนมางั้นเหรอจ้ะ~~!!」

 

 

เมื่อใบหน้าของโนโซมุโดนกดทั้งๆแบบนั้น อันริก็เขย่าร่างของโนโซมุอย่างรุนแรงพร้อมกับหน้าอกที่แนบหน้าเขา

 

 

โนโซมุรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก สัมผัสนุ่มนิ่มตรงใบหน้าแต่เขาก็ไม่กล้าแตะมัน

 

 

「……อาจารย์อันริ ใจเย็นๆก่อน」

 

 

ซีน่าทำท่าทางผิดหวังและรีบดึงอันริออกมา อันริทำท่าทางไม่พอใจ แต่ซีน่าก็เมิน

 

 

โนโซมุที่ถูกปล่อยตัวออกมาก็เรียกชื่อเธอ

 

 

「อาจารย์อันริ แค่ก แค่ก……」

 

 

「โนโซมุคุง ไม่เป็นไรใช่ไหมจ้ะ~?」

 

 

บริเวณท้ายทอยยังเจ็บเพราะแรงกระแทก แต่โนโซมุก็จ้องอันริ

 

 

「ไม่เจ็บตรงไหนน้า~? ไอริสและคนอื่นๆห่วงมากเลยรู้เปล่า~」

 

 

เมื่อมองไปทางดวงตาของอันริ ก็เห็นว่าเธอจ้องมองเขาด้วยความกังวล

 

 

ในขณะเดียวกันผมก็รู้ตัวแล้วว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

 

 

สิ่งที่เข้ามาในใจของโนโซมุคือหน้าของชิโนะที่ยิ้มร่าให้ผมหลังจากสู้กับเทียแมต ด้วยเหตุผลบางอย่าง ใบหน้านั้นมันคล้ายกับอันริที่ซ้อนทับกับชิโนะเลย

 

 

「อาจารย์อันริ คือว่าผม……」

 

 

「หืมมม? มีอะไรงั้นเหรอจ้ะ~?」

 

 

ท่าทางยิ้มแย้มเหมือนเดิม เป็นท่าทางอันแสนอบอุ่นเหมือนกับชิโนะที่คอยต้อนรับผมหลังจากสู้กับเทียแมตเสร็จ

 

 

เพราะถูกกระตุ้นจากการที่สารภาพกับซีน่าว่าตัวเขาสามารถจัดการกับมังกรแห่งความตายได้ แต่เขาไม่ทำ เมื่อโนโซมุตระหนักได้เช่นนั้น เขาก็พยายามจะพูดคำที่ไม่เคยพูดออกไป

 

 

「……ผม ควรจะทำยังไงดีครับ?」

 

 

「หืมมม~?」

 

 

อันริเอียงศีรษะตามคำพูดของโนโซมุ

 

 

「……ผมปิดบังทุกอย่างมาตลอด ถ้าผมพูดออกไปอาจารย์จะเชื่อไหมครับ ตัวผมในตอนนี้น่ะสามารถจัดการมังกรแห่งความตายได้? แต่ว่าตอนนั้นผมก็ไม่ได้ทำมัน」

 

 

「…………」

 

 

โนโซมุเริ่มที่จะเล่าทุกสิ่งทุกอย่าง เธอไม่พูดอะไร และได้แต่ฟังคำพูดของเขา

 

 

「ผมทำมันไม่ได้ วันนี้ตอนที่ผมโดนมังกรแห่งความตายนั่นเข้าโจมตี ผมมีพลังที่สามารถจัดการมันได้…ถ้าหากผมทำในตอนนั้นทุกคนก็ไม่ต้องเจ็บตัวแท้ๆ แต่ว่าผมก็ไม่ได้ทำ……」

 

 

คำพูดของโนโซมุหยุดลงตรงนั้นเพราะความเสียใจและผิดหวังกับตัวเอง

 

 

อันริค่อยๆเปิดปากอย่างช้าๆ ขณะที่เธอมองไปทางโนโซมุที่นิ่งเงียบ แต่โนโซมุประหลาดใจกับคำพูดของเธอ

 

 

「นี่ โนโซมุคุง~。เค้าน่ะรู้จักอาจารย์ของโนโซมุนะ~~」

 

 

「เอ๋!?」

 

 

「ปรมาจารย์?」

 

 

ซีน่าซึ่งไม่เข้าใจเรื่องราวได้เลย กำลังเอียงคอด้วยความสงสัย แต่โนโซมุไม่ได้สนใจ เขาลืมตาจ้องมองอันริ

 

 

มันผิดปกติเกินไป โนโซมุไม่เคยบอกเรื่องของชิโนะเลย

 

 

「ทำไมถึงรู้จักอาจารยได้ละครับ!? ผมไม่เคยบอกใครเลยนี่น่า……」

 

 

「ก็เพราะว่า~。โนโซมุคุงตอนแรกเธอใช้ดาบปกติแต่จู่ๆก็เปลี่ยนมาใช้คาตานะเฉยเลยใช่ไหมล่ะตอนปี 1 น่ะ~~? ถ้าโนโซมุสามารถฝึกใช้ดาบคาตานะได้เพียงในเวลาไม่ถึงสองสามปี~、ก็เลยสงสัยขึ้นมาน่ะว่าน่าจะมีคนสอนโนโซมุคุงอยู่」

 

 

โนโซมุตกใจอย่างมาก

 

 

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเก่งกาจขนาดไหน การเรียนรู้วิชาดาบด้วยตัวเองตั้งแต่เริ่มต้นยันขั้นสูงไม่ใช่ง่ายๆหรอก ก็เป็นเรื่องปกติที่คิดว่าจะมีคนคอยสอนวิชาดาบให้

 

 

ไม่แปลกที่อันริเป็นอาจารย์ประจำชั้นตั้งแต่ปี 1 จะสังเกตเห็น

 

 

「……อืม ถูกแล้วล่ะครับ ผมมีอาจารย์ที่คอยสอนดาบผมอยู่」

 

 

「แล้วคนๆนั้นล่ะ~~?」

 

 

「……เพิ่งเสียชีวิตไปได้ไม่นานนี้ครับ」

 

 

ใบหน้าของโนโซมุมีสีหน้าเศร้าสร้อยทันที อันริที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขอโทษเขา

 

 

「……ขอโทษน้า~」

 

 

「ไม่เป็นไรหรอกครับ บั้นปลายชีวิตของอาจารย์เธอยังคงยิ้มให้ผมจนวาระสุดท้ายเลย……」

 

 

น่าจะเป็นช่วงแรกๆที่เขาเริ่มพูดถึงชิโนะ โนโซมุเริ่มพูดตั้งแต่วันที่ได้พบเจอกับชิโนะ

 

 

「หลังจากวันที่ผมถูกลิซ่าบอกเลิกและเข้าไปฝึกฝนในป่า อาจารย์เป็นคนช่วยผมไว้จากการถูกสัตว์อสูรทำร้าย นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมได้เรียนวิชาดาบกับเธอและหลังเลิกเรียนที่ไม่มีเรียน ผมก็ฝึกกับอาจารย์ในป่าตลอดมา」

 

 

ผมที่พบกับชิโนะจากที่ใช้ดาบปกติก็เปลี่ยนมาใช้คาตานะ

 

 

วันแห่งนรกได้เริ่มต้นขึ้น เขาวิ่งไปรอบๆป่าที่มีสัตว์อสูรมากมายและต้องฝึกใช้ก้าวพริบตาซ้ำๆหากพลาดก็เจ็บหนัก

 

 

หลังจากนั้นที่ขอให้เธอสอน ผมก็เริ่มหมดหวังในการใช้ชีวิตเข้าทุกวันๆ

 

 

อย่างไรก็ตาม น้ำเสียงที่โนโซมุเล่าให้ฟังเป็นน้ำเสียงที่แสนนุ่มนวลมาก ตรงกันข้ามกับเนื้อหาที่เล่า แม้แต่ตอนนี้ยังคงมีรอยยิ้มผุดอยู่ในปากของเขาเลย

 

 

โนโซมุพูดถึงชีวิตที่ได้ใช้เวลาร่วมกับชิโนะเป็นเหมือนอัญมณีอันแสนล้ำค่า

 

 

ตอนนี้เขาแสดงด้านทีไม่เคยให้ใครเห็นมาก่อน

 

 

「โนโซมุคุงงงงง ฮือออ~、รักอาจารย์มากเลยสิน้า~~」

 

 

「……ครับ เธอเป็นเหมือนกับคนบ้า และชอบแกล้งระหว่างเวลาฝึก…แต่ถึงยังไง…เธอก็เป็นคนที่แสนสำคัญสำหรับผม」

 

 

แน่นอนว่าเธอเป็นคนไร้เหตุผล แม้ว่าจะมีทักษะและประสบการณ์เหนือล้ำ แต่พื้นผิวก็ทำตัวเหมือนเด็กๆ บางครั้งก็ทำให้โกรธ บางครั้งก็อยากจะกระทืบให้จมดินบ้าง บางครั้งก็ดีใจที่ได้ทานของหวานอร่อยๆ

 

 

ผมฝึกกับเธออยู่ประมาณ 2 ปี ช่วงนั้นผมไม่ได้ยุ่งกับลิซ่าเลย ใช้ชีวิตอยู่กับอาจารย์เพียงสองคน

 

 

「……คนๆนั้นเธอบอกผมไว้ว่า “จะหนีก็ไม่เป็นไร แต่จงตระหนักไว้ว่าตัวเองกำลังหนีความจริงอยู่ หนีไปเท่าไรก็อย่าได้ลืม ว่าสักวันเจ้าจักต้องก้าวไปข้างหน้าให้ได้”……」

 

 

คำพูดสุดท้ายของชิโนะ เป็นสัญญาที่โนโซมุได้สาบานกับเธอเอาไว้ยามสิ้นใจและมันคอยค้ำจุนจิตใจเขามาจนถึงตอนนี้

 

 

「พอบอกไปก็ว่าจะทำให้ดีที่สุด…แต่สุดท้ายแล้วผมก็หนีความจริงเรื่อยมา……」

 

 

แม้ว่าจะรักษาคำสาบานนั้นไว้สุดหัวใจ แต่ผมก็ยังไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้สักที มีรอยยิ้มเยาะเย้ยราวกับกำลังดูถูกตัวเองอยู่

 

 

「……นั่นสิน้า~。โนโซมุคุงอาจจะกำลังหนีอยู่จริงๆก็ได้~。แต่ว่าก็ยังเริ่มต้นใหม่ได้ใช่ไหมล่ะ~。เพราะไอริส และคนอื่นๆกำลังเรียกร้องหาเธออยู่นะ~」

 

 

「ใช่แล้ว ไอริสและคนอื่นๆกำลังตามหานายให้วุ่นหรอก ถ้าพวกเราไม่ห่วง ไม่แคร์นายขนาดนี้ คงไม่ตามหานายให้วุ่นหรอกนะ」

 

 

「…………」

 

 

อันริและซีน่าพูดพยายามให้กำลังใจ แต่เขาก็ยังไม่สามารถก้าวออกมาได้

 

 

อย่างไรก็ตาม ต่อให้ความจริงที่ได้ยินแม้จะเพียงเล็กน้อย แต่มันก็ทำให้ตัวเขาที่จะก้าวไปทีละน้อย

 

 

สำหรับโนโซมุที่ต้องทนกับความวิตกกังวลที่มากขึ้นเพียงลำพัง มันเหมือนกับแสงจันทร์ที่ส่องผ่านกิ่งก้านใบไม้ในป่ายามค่ำคืน

 

 

「……โนโซมุคุงจะทำอะไรยังงั้นเหรอ~」

 

 

「……อยากจะ…อยู่กับทุกคนครับ」

 

 

ผมอยากจะอยู่กับทุกคน ไม่อยากกลับไปตัวคนเดียวอีกแล้ว นั่นคือความตั้งใจจริงของโนโซมุ

 

 

ถูกเพื่อนรักหักหลัง คนรักก็เกลียดขี้หน้า คำพูดไร้หัวใจและแววตาที่จับจ้องมาเหมือนมองขยะ มันยังคอยทำลายจิตใจของผมไปเรื่อยๆ ผมพยายามจะไม่คิดอะไร

 

 

ผมมักจะเอาแต่มองต่ำ ทำเป็นไม่รับรู้ ทำหูทวนลมมาตลอดเวลา

 

 

「ผมอยู่คนเดียวที่สถาบันมาตลอดเลย ตัวผมที่ยังคงหนีและพยายามใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียว ผมกล้าพูดความรู้สึกที่แท้จริงก็เพียงแต่ตอนได้คุยกับอาจารย์เท่านั้น……」

 

 

ดังที่อันริพูดไม่ใช่ทุกคนที่จะดูถูกโนโซมุ

 

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุที่ปิดกั้นหัวใจตัวเอง ไม่ได้สังเกตเห็นมัน ไม่เคยสังเกตเห็น

 

 

「อาจารย์ที่คอยดูแลบาดแผลให้ผมยามที่ผมเจ็บหนักตลอดทั้งคืน แต่ว่าอาจารย์คนนั้นตอนนี้จากไปแล้ว บางครั้งผมก็ร้องไห้ออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่เหลือใครอีกแล้ว」

 

 

ชิโนะก็ได้จากไป

 

 

ผมเหงามากๆ ถ้าเป็นตัวเขาคนก่อนคงไม่ใช่แบบนี้

 

 

ถึงอย่างงั้นก็ไม่ใช่

 

 

เขามีคำสาบานที่ให้ไว้กับอาจารย์ ผมได้พบกับมาร์ ไอริสและทิม่า

 

 

「แต่มันสนุกมากเลยล่ะยามที่ได้อยู่กับไอริสและมาร์……。มันมีความสุขมากๆเลยละครับเวลาที่มีใครอยู่ข้างๆ พอได้คุยก็เหมือนลืมทุกอย่างที่ไม่ดีออกไปหมดเลย」

 

 

「ถ้างั้น……」

 

 

โนโซมุพูดก่อนที่อันริจะบอกว่า “มาคุยกันเยอะๆเลย”

 

 

「แต่ว่า!……แต่ผมก็ยังคงกลัว พลังที่ผมได้รับมามันมีอีกตัวตนที่ไม่ใช่ตัวผมอยู่ ตัวตนที่อยู่ในตัวผมมันเห็นพวกไอริสและคนในเมืองเป็นอาหารเท่านั้น ถ้าผมปลดปล่อยพลังนั่นออกมา……มันจะฆ่าทุกคนหมดแน่ๆ。」

 

 

「……เข้าใจแล้ว~เพราะแบบนั้นเองสินะ~」

 

 

มีเจตจำนงอื่นที่ไม่ใช่ตัวโนโซมุอยู่ในร่างกายเขาพร้อมกับพลังนั่น เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด อันริก็เข้าในว่าเจตจำนงนั่นมีอิทธิพลต่อโนโซมุขนาดไหน

 

 

โนโซมุที่สูญเสียคนรักของเขา ลิซ่า และอาจารย์ที่เป็นเหมือนครอบครัวคนเดียวของเขา

 

 

เขาสูญเสียความอบอุ่นที่คอยโอบกอดเขาไว้ถึงสองครั้ง

 

 

โนโซมุที่สูญเสียคนสำคัญไป คำสาบานของเขาที่มีกับอาจารย์เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจไม่ให้จิตใจของเขาแตกสลาย แต่สิ่งนั้นมันจะเกิดขึ้นหากเขาลืมคำสาบานนั่นไป

 

 

เขาจะถูกเจตจำนงอื่นที่อยู่ในร่างของเขากลืนกินเพราะพลังอันมากมายที่เขามี

 

 

 ไม่ว่าในกรณีใดตัวตนโนโซมุในปัจจุบันอาจจะหายไป?

 

 

และเธอก็เข้าใจได้ว่าเขาไม่สามารถพูดกับไอริสได้เพราะเขาสูญเสียคนที่เขารักไปถึงสองครั้ง

 

 

บุคคลสำคัญต่างหายไป สิ่งรอบข้างที่เคยมีกลับไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป บางทีเพราะเหตุนั้นเองพวกไอริสเองก็กังวลเพราะเขาทุกข์ใจเรื่องอะไร ที่ไม่อาจทราบได้

 

 

ปัญหาคือพลังโดยธรรมชาติที่โนโซมุมี ถ้าเราไม่รู้อะไร เราก็ไม่สามารถขจัดความวิตกของโนโซมุได้

 

 

เมื่อคิดอย่างนั้นอันริก็จ้องมองไปที่โนโซมุและถามถึงลักษณะความจริงของความวิตกกังวลนั่น

 

 

「……เน่ โนโซมุคุง~。ลักษณะที่แท้จริงที่โนโซมุกลัวมันคืออะไรงั้นเหรอ~」

 

 

「นั่นคือ……」

 

 

โนโซมุเงียบขณะกัดฟันแน่น อันริตัดสินใจแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะถามถึงตัวตนที่แท้จริงจากสถานการณ์นี้เลยเลี่ยงถามคำถามตรงๆ

 

 

「……ถ้างั้นจะเปลี่ยนคำถามแล้วกันนะ~。อาจารย์ของโนโซมุรู้สินะว่ามันคืออะไร~」

 

 

「……ครับ」

 

 

 บางทีอาจจะ……。

 

 

โนโซมุกำลังจะบอกว่าอาจารย์ของเขามีพลังอะไรบางอย่าง เมื่อได้ยินข้อเท็จจริงนั่น เธอก็ถามโนโซมุอีกครั้ง ว่าความหวังเพียงครึ่งเดียวนั่นจะเป็นจริงหรือไม่

 

 

「แล้ว โนโซมุคุง? อาจารย์ไม่ได้พูดอะไรที่สำคัญๆอีกเลยเหรอ~」

 

 

「สิ่งสำคัญ?」

 

 

「ใช่นอกจากข้อเท็จจริงที่โนโซมุพูดก่อนหน้านี้~」

 

 

「นอกจากนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรแล้วครับ……」

 

 

โนโซมุพยายามครุ่นคิดถึงคำถามของอันริด้วยใบหน้าลำบากใจ แต่เขาไม่เข้าใจว่าอันริพูดอะไร

 

 

「ก็อย่างที่บอกว่าจงจำเอาไว้~。อาจารย์ของโนโซมุคงพูดอะไรทำนองนี้ใช่ไหมล่ะ~。บางทีอาจจะไม่ได้พูดออกมาเป็นคำพูด แต่ทำท่าทางอะไรบางอย่างน่ะ~。แต่ว่าสิ่งที่โนโซมุต้องการเอาชนะความวิตกกังวลนั่นมันถูกซ่อนเอาไว้เลยไม่รู้น่ะสิ~」

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของอันริโนโซมุก็นึกถึงการพูดคุยครั้งสุดท้ายกับอาจารย์

 

 

สิ่งแรกที่พูดไว้คือสัญญานั่น

 

 

「ที่อาจารย์บอกมาเหรอครับ……」

 

 

「อืม เธอคนนั้นได้ถ่ายทอดอะไรกับโนโซมุรึเปล่า?」

 

 

เมื่อได้รับคำสั่งจากอันริ โนโซมุก็ค่อยๆหวนนึกถึงคำพูดของอาจารย์

 

 

「……อาจารย์ทุกข์ทรมานจากโรคหลับไม่เลือกที่ ตอนนั้นผมไม่รู้ แต่จู่ๆอาจารย์ก็บอกว่าให้มาดวลกัน โดยบอกไว้ว่าเป็นการฝึกครั้งสุดท้าย」

 

 

「แล้ว~~」

 

 

ชิโนะที่ทุกข์ทรมานจากโรคหลับไม่เลือกที่ พยายามเข้าโจมตีใส่โนโซมุและปิดบังมันเอาไว้

 

 

「อาจารย์จงใจจะฆ่าผมอย่างจริงจัง ผมเองก็พยายามขัดขืนแต่อาจารย์ไม่สนใจ……。สุดท้ายผมก็โดนฟันเข้าที่ท้อง」

 

 

「เอออออ๋!?」

 

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุไม่มีโอกาสเอาชนะชิโนะที่เอาจริงได้ โนโซมุที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโดนแฟนท่อม ก็ใช้แฟนท่อมแลกกันไปกันมา

 

 

จู่ๆซีน่าก็ตะโกนขัดคำพูดออกมา แต่โนโซมุยังคงพูดต่อไป

 

 

「ผมกำลังจะตาย แต่อาจารย์ไม่ปล่อยให้หลุดรอด ตอนนั้นผมคิดว่าตัวเองจะต้องถูกฆ่า……」

 

 

ในขณะนั้นแม้จะถูกฆ่าตายโนโซมุก็ไม่คิดจะต่อต้าน เจตจำนงในการมีชีวิตอยู่มลายหายไป และเธอก็มองดูตัวผมที่คล้ายกับเธอ และบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องของคนอื่นเลย

 

 

「……ในขณะนั้นอาจารย์เองก็พูดถึงสาเหตุที่เธอมาที่ทวีปแห่งนี้」

 

 

「อาจารย์เป็นคนต่างแดนงั้นเหรอ?」

 

 

「……ครับ อย่างที่อันริพูด เธอถูกพี่สาวตัวเองหักหลังและต้องหนีมาทวีปนี้……」

 

 

น้ำเสียงของโนโซมุลดต่ำลง อาจเป็นเพราะอดีตอันแสนเจ็บปวด มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพูดออกมา

 

 

อันริเข้าใจเรื่องนี้ก็ลดน้ำเสียงลงตาม และให้กำลังใจโนโซมุ ซีน่าไม่ได้พูดอะไรแล้วนั่งฟังเงียบๆ

 

 

「……อาจารย์ของโนโซมุคุงมีลักษณะยังไงเหรอ~~?」

 

 

「……หน้าตาเธอยังงั้นเหรอครับ」

 

 

สิ่งที่จำได้คือชิโนะที่ถือดาบและผมมัดเกล้า

 

 

「……อย่างไงนะเหรอ…เธอเป็นคนที่มีใบหน้าเศร้าสร้อยตลอดเวลา」

 

 

「โนโซมุเคยสงสัยไหมว่าทำไมอาจารย์ถึงทำหน้าแบบนั้น?」

 

 

「……สำหรับผม…เพราะผมไม่เข้าใจในสิ่งที่อาจารย์พยายามจะบอกผม」

 

 

ใช่โนโซมุคิดแบบนั้นจริงๆ

 

 

ในเวลานั้นชิโนะคร่ำครวญว่าเจตนาของเธอไม่ใช่การพูดคุยกับโนโซมุ สำหรับเธอ มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา

 

 

「……แค่นั้นเหรอ~~?」

 

 

「……เอ๋?」

 

 

「ก็แบบว่าทำไมอาจารย์ถึงทำหน้าเหมือนร้องไห้~。นั่นแหละเหตุผลอ~?」

 

 

อย่างไรก็ตามอันริกล่าวไว้ว่าน่าจะมีเหตุผลอื่นอยู่

 

 

เหตุผลที่ทำให้เธอเหมือนจะร้องไห้ นอกจากนี้เธอเองก็เป็นคนที่ถ่ายทอดความรู้สึกไม่เก่ง

 

 

เมื่อคิดได้เช่นนั้นโนโซมุก็นึกถึงคำที่ชิโนะพูดออกมาได้อย่างเจ็บแสบจนหลั่งน้ำตาออกมา

 

 

“ขอร้องล่ะ นี่คือคำขอสุดท้ายของข้า เจ้าจะช่วยยอมรับตัวข้าได้ไหม”

 

 

ความรู้สึกอันยาวนานที่เอ่อล้น การแสดงออกทางใบหน้านั้นหายไปยามเมื่อถูกผมยอมรับ

 

 

「……เพราะว่าเธอเป็นคนกังวล…เธอกังวลว่าตัวเองจะถูกยอมรับหรือเปล่าครับ」

 

 

「อืม เหมือนกันเลยสินะเนี่ย~ทุกคนเองก็มีความกล้าที่จะพูดถึงอดีตอันแสนเจ็บปวดของตัวเองในแบบที่ต่างกันไป~」

 

 

「……ถูกต้อง จนถึงตอนนี้มันเป็นเรื่องยากสำหรับฉันที่จะนึกถึงครอบครัวและบ้านเกิด」

 

 

「…………」

 

 

ซีน่าหลับตาขณะที่เริ่มเล่า

 

 

สำหรับเธอ หายนะเมื่อ 10 ปีก่อนเป็นแผลเป็นอันใหญ่หลวง

 

 

มนุษย์เป็นสัตว์ขี้อายตามธรรมชาติ มักจะซ่อนสิ่งที่เจ็บปวดและเรื่องไม่พอใจเอาไว้ และการสารภาพอะไรบางอย่างออกมาจำเป็นต้องใช้ความแข็งแกร่งทางจิตใจอย่างมาก

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ชิโนะยังสารภาพเรื่องนั้นกับลูกศิษย์เพียงคนเดียวอย่างผมเหมือนสมาชิกในครอบครัว ความบาดหมางต่างๆที่เกิดขึ้นในครอบครัว

 

 

ไม่ยากเลยที่จะจินตนาการว่าจะต้องใช้ความกล้าขนาดไหน

 

 

「แต่โนโซมุก็ยอมรับตัวตนของอาจารย์สินะ?」

 

 

「……แน่นอนครับ แม้ว่าเธอจะคิดว่าตัวเองจะโดนปฏิเสธก็ตาม แต่อาจารย์ยังเล่าเรื่องราวต่างๆให้ผมฟังจนผมกล้าที่จะปลดปล่อยพันธนาการและเผชิญหน้ากับเธอ」

 

 

เพื่อตอบสนองตัวตนของชิโนะ โนโซมุได้ปลดปล่อยพลังของเทียแมตเป็นครั้งแรกและเผชิญหน้ากับหมอนั่น ณ ชายฝั่งทะเลสาบนั่น

 

 

เทียแมทเข้าโจมตีโนโซมุด้วยความโกรธ มันไม่ใช่การต่อสู้แต่เป็นการฆ่าฝ่ายเดียว

 

 

ไม่เหมือนกับตอนที่สู้กับมันครั้งแรก เทียแมทมันมาเพื่อฆ่าโนโซมุ โนโซมุที่ไร้ซึ่งแขนและขาแม้ว่าจะถูกทำเป็นของเล่นก็ไม่สามารถเอาชนะมันที่จริงจังได้

 

 

โนโซมุถูกมันกินไปครึ่งตัว

 

 

เขาเกือบจะโดนเทียแมทกลืนกินโดยสมบูรณ์ แต่ว่าเขาไม่เคยละทิ้งคำสัญญานั่น

 

 

เขาไม่ยอมแพ้จนถึงที่สุด และมือที่ขาดก็ยื่นไปรับพลังส่วนหนึ่งของเทียแมตมา

 

 

ทันทีที่เขาใช้พลังนั่น โนโซมุก็กลับสู่ความเป็นจริงและเผชิญหน้ากับชิโนะด้วยการต่อสู้สุดกำลัง

 

 

「นั่นอาจจะเป็นเพราะโนโซมุยอมรับอาจารย์~? ซีน่า ไอริส และ มาร์ ต้องยอมรับโนโซมุเช่นเดียวกับที่โนโซมุต้องการการยอมรับจากอาจารย์เช่นกันสินะ~」

 

 

「นั่นสินะ! ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะมาห่วงนายถึงขนาดนี้」

 

 

「…………」

 

 

โนโซมุกำหมัดแน่น

 

 

เมื่อเขาลังเล มือ จะคว่ำลงและริมฝีปากจะขบแน่นนั่นคือความลังเล

 

 

โนโซมุอยู่ตรงหน้า มีซีน่าและอันริเดินไปรอบๆหน้าที่สั่นเทาของโนโซมุและเอามือสองข้างที่สั่นเทาเอามาพันไว้

 

 

「……อาา」

 

 

「ไม่เป็นไรหรอกนะ~。โนโซมุคุง」

 

 

「อืม นายจะต้องรับมือกับมันได้อย่างแน่นอน」

 

 

ความอบอุ่นที่ส่งมาจากฝ่ามือช่วยนำทางหัวใจของโนโซมุ

 

 

「ทั้งสองคน……」

 

 

「ตอนนี้ฉันเองก็ค่อนข้างขี้อาย แต่ยามที่นายเผชิญหน้ากับใครบางคน ให้คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ แล้วก็ควรจะเผชิญหน้าคนๆนั้นที่มีความสำคัญต่อตัวนายซะ」

 

 

ซีน่ายังคงจับจ้องโนโซมุ ผิวหนังและผมสะท้อนแสงจันทร์จนเกิดภาพอันน่าอัศจรรย์ขึ้นมา

 

 

ขณะที่ซีน่าจ้องมองโนโซมุ รู้สึกเหมือนมีประกายไฟเล็กๆจุดอยู่ในใจผม

 

 

ไฟเล็กๆนั่นค่อยๆลุกโชนบนหน้าอกของผม มันเป็นแสงจางๆชั่วคราว แต่พยายามอย่างหนักที่จะปัดเป่าความมืดที่จมลงในหัวใจของโนโซมุ

 

 

「นายได้ให้โอกาสอันแสนสำคัญสำหรับฉันในการได้มาเผชิญหน้ากับนาย…ขอบคุณจริงๆนะ เพราะฉะนั้นครั้งนี้ฉันอยากจะช่วยนายให้ได้」

 

 

「ซีน่า……」

 

 

“ฉันต้องการจะช่วยนาย”

 

 

คำพูดนั้นผุดขึ้นในใจของโนโซมุ

 

 

ไฟเล็กๆที่จุดขึ้นในใจของโนโซมุค่อยๆลุกไหม่ตอบสนองต่อคำสารภาพของซีน่า ความร้อนไหลผ่านร่างกายเขาและเลือดไหลเวียนไปทั่วร่าง

 

 

ข้างๆเธอยังมีอันริที่ยังคงส่งรอยยิ้มให้ไม่ไปไหน

 

 

ซีน่าบอกว่าอยากจะช่วยผม อันริเองก็ยังคงเหมือนเดิม

 

 

หัวใจของโนโซมุที่หวาดกลัว จนเล็กลงได้ความอบอุ่นและความเมตตาของทั้งสองกลับฟื้นคืนมาอีกครั้งหนึ่ง

 

 

「ผม……」

 

 

ก่อนหน้านี้ ชิโฯะบอกว่าโนโซมุเป็นดราก้อนสเลเยอร์ และเขากำลังหนีความจริงนั่น

 

 

เธอคิดว่าโนโซมุที่หนีไปนั้นดีแล้ว ภาพของเธอตอนนั้นคือรอยยิ้มที่โล่งใจ

 

 

“…………ยินดีต้อนรับกลับนะ ทำได้ดีมากเลยล่ะ”

 

 

ชิโนะพูดเช่นนี้ แม้จะรู้ว่าผมเป็นดราก้อนสเลเยอร์แล้วก็ตามที มันไม่แปรเปลี่ยน

 

 

เนื่องจากเธอเป็นคนสนิท โนโซมุจึงกล้าเปิดเผยทุกสิ่งและยอมรัยอดีตของชิโนะ พูดตรงๆเธอคนนี้ก็เหมือนกับชิโนะเลยล่ะ

 

 

จากนั้น โนโซมุ ก็เริ่มถามตัวเองอีกครั้งว่าตัวเขาในตอนนี้เป็นเช่นไร

 

 

ตรงกันข้ามกับบรรยากาศอันแสนสง่างามของสถาบัน ไอริส เองก็มีด้านขี้เล่น เช่น การทำโทษตาแก่ซอนเน่และตามน้องสาวเพราะกังวลเรื่องเดทของเธอ

 

 

โซเมียที่สดใสร่าเริงและมักจริงใจอยู่เสมอ อย่างไรก็ตามไม่เพียงแค่นั้น เธอเองก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบาก เธอจึงมีความแข็งแกร่งทั้งกายและจิตใจแ ปรับตัวเข้าได้กับทุกสถานการณ์

 

 

มาร์เกลียดพวกคนที่มีนิสัยหยาบคาย ร่างกายที่ใหญ่โตและความแข็งแกร่ง แต่ว่าก็เป็นพวกแพ้น้องสาว

 

 

ทิม่าค่อนข้างอ่อนแอและขี้โรค แต่สำหรับเพื่อนของเธอแล้ว เธอพยายามปกป้องเพื่อนแม้ว่าศัตรูจะแกร่งกว่าตัวเองก็ตาม

 

 

ใบหน้าของสาวๆที่อยู่เคียงข้างผมและความทรงจำเหล่านั้นที่ไหลเวียนเข้ามาในจิตใจ

 

 

เพียงไม่กี่เดือนก็ได้พบคนสำคัญมากมายและไม่อยากสูญเสียมันไปอีก

 

 

ถ้าผมสามารถกลับไปหัวเราะกับพวกเขาได้อีกครั้งละก็……。

 

 

「ผม…อยากจะถามทุกคน……」

 

 

เมื่อผมพูดเช่นนั้น ความปรารถนาของผมก็เริ่มก่อตัวอย่างชัดเจน

 

 

ต้องการจะทำอะไรต่อจากนี้ จะทำยังไงต่อไป

 

 

สิ่งที่ต้องทำก็คือบอกว่าตัวเองเป็นใคร ถ้าไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง อีกฝ่ายก็จะไม่เข้าใจและไม่เข้าถึงตัวตนของผมเลยแม้แต่น้อย

 

 

รูปลักษณ์ภายนอกอาจจะดูน่าเกลียดสำหรับมนุษย์ อาจจะน่าขยะแขยงและทำให้อาจจะโดนปฏิเสธได้

 

 

แต่ว่ามีคนต้องการความช่วยเหลือ แม้ว่าจิตใจจะถูกรบกวน แต่ก็ยังมีคนที่ยังเป็นคัวตนของตัวเองแม้จะโดนรบกวนยังไงอย่างอาจารย์

 

 

ผมคิดว่าทุกอย่างมันโอเค ต่อให้มีความกลัว มีความวิตกกังวล อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เหมือนจะก้าวไปข้างหน้าได้แล้ว

 

 

「……ซีน่า อาจารย์อันริ ขอฝากตัวด้วยนะครับ?」

 

 

อยากจะเผชิญหน้าเหมือนกับซีน่า อยากหัวเราะได้อีกครั้งกับไอริส เพื่อจุดประสงค์นั้นแล้ว ให้บอกออกไปว่าเริ่มต้นจากตัวเองเหมือนดั่งอาจารย์

 

 

ด้วยความคิดเช่นนั้น โนโซมุตัดสินใจก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง

 

เป็น 2 ตอนยาว ที่ยาวเท่า 4 ตอนปกติ บอกตรงๆเพลียเลยครับ ฮ่าๆ แต่ว่าก็สนุกจริงๆที่ได้แปลครับ สำหรับใครที่ต่อว่าโนโซมุ โนโซมุมันมีเหตุผลของมันครับอาจจะหน้ามั่นไส้ไปบ้างก็ตาม แต่มันเป็นคนที่โดนเหยียบย่ำมาโดยตลอดมันจะมองโลกแง่ลบตลอดก็ไม่แปลกครับ