ตอนที่ 37 เริ่มเลย มาถ่ายทอดสดกินปลาหมึกกันเถอะ (37)

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 37 เริ่มเลย มาถ่ายทอดสดกินปลาหมึกกันเถอะ (37)

คลองน้ำมันดิบนี้ช่วยลดแนวโน้มการบุกรุกของเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์และในที่สุดเหล่าทหารก็สามารถถ่วงเวลาและฟื้นฟูพลังดวงดาวได้เล็กน้อย

สวี่หลิงอวิ๋นนอนหลับสนิท

เธอรู้สึกว่าจิตสำนึกของตัวเองดูเหมือนจะเคลื่อนไปไกลและแผ่ขยายลงสู่ใต้พื้นดินอีกครั้ง

มันมืดมิดและดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรให้มองเห็นได้

ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง!

นั่นเสียงอะไรนะ? เสียงนั้นทรงพลังมาก เสียงมันหนักราวกับว่ามีกลองกำลังถูกตีอยู่ในหูของเธอ

จิตสำนึกของสวี่หลิงอวิ๋นกำลังมองหาที่มาของเสียงดังก้องนี้ ทันใดนั้นเธอก็เห็นดวงตาคู่โต!

“มนุษย์!”

สวี่หลิงอวิ๋นรู้ตัวว่าไม่ดีแน่! เธอตัดจิตสำนึกทันทีและพยายามวิ่งหนีแต่คู่ต่อสู้กลับโบกหนวดขนาดยักษ์!

จิตสำนึกของสวี่หลิงอวิ๋นไวต่อการหลบหลีก ในช่วงเวลาวิกฤตนี้เธอจึงบังคับตัดการเชื่อมต่อของจิตสำนึก เมื่อหญิงสาวตื่นขึ้นมาในเครื่องจักรกล เหงื่อของเธอก็ออกทั่วตัว!

มีเสียง ‘วิ้ง ๆๆ’ ในสมองและมีอาการปวดอย่างรุนแรง

เธอทนต่อความรู้สึกเจ็บปวดและเชื่อมต่อกับเครื่องโทรจิตของโอคาซีอย่างรวดเร็ว “โอคาซี ท่านอยู่ที่นั่นไหม?”

สวี่หลิงอวิ๋นถาม

แน่นอนว่าพลเอกโอคาซีก็อยู่ที่นั่นด้วย เขาเชื่อมต่อวิดีโอและเห็นท่าทางตื่นตระหนกของสวี่หลิงอวิ๋น พลเอกหนุ่มหนุ่มถึงกับขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นกับท่านหรือครับ? ฝันร้ายหรือเปล่า?”

“ไม่ใช่! ฉันมีเรื่องจะบอกท่าน! ฉันสงสัยว่าอาจมีปลาหมึกยักษ์อยู่แถวนี้!”

สวี่หลิงอวิ๋นไม่รู้ชัดเจนว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่เธอรู้อยู่อย่างหนึ่งว่าเจ้าตัวนั้นมากกว่าแปดดาวอย่างแน่นอน!

เมื่อโอคาซีได้ยิน เขาก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ “ท่านรู้ได้ยังไงครับ?”

“ฉันสัมผัสได้!” สวี่หลิงอวิ๋นบอกการคาดเดาของเธอ“ถ้าไม่ใช่เอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์แล้วมันคืออะไร? ฉันไม่คิดว่าเราควรจะลดความระมัดระวังของเราลงได้”

แน่นอนว่าโอคาซีรู้ดีว่ามันไม่สำคัญหรอกถ้าเป็นแค่ระดับแปดเท่านั้น แต่ถ้ามันเป็นระดับเก้าล่ะ?

นั่นเป็นเรื่องตลกร้าย!

พลเอกโอคาซีขึ้นเครื่องจักรกลทันที เขาตัดสินใจที่จะตามหาสิ่งมีชีวิตที่มีระดับแปดดาวขึ้นไปตัวนี้

แต่ไม่จำเป็นต้องตามหาอีกต่อไป!

เอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์เจาะออกมาจากพื้นในค่าย

เมื่อปลาหมึกยักษ์ตัวนี้ปรากฏตัวต่อหน้าเหล่าทหาร หลายคนถึงกับช็อกเมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังจะถูกโจมตีโดยปลาหมึกยักษ์ตัวนี้ สวี่หลิงอวิ๋นก็รีบวิ่งไปหาเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์โดยไม่คำนึงถึงชีวิตของเธอ แล้วคว้าหนวดของมันด้วยแขนเครื่องจักรกลอย่างแม่นยำ!

โอคาซีได้เปิดใช้งานความสามารถด้วยการเล็งโจมตีเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์ด้วยดาบ!

โอคาซีและสวี่หลิงอวิ๋นโจมตีพร้อมกันเพื่อช่วยทหารจากการถูกหนวดที่มีพิษ และพวกเขาก็รีบอพยพหนีโดยเครื่องจักรกลอย่างรวดเร็ว

แต่สวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้เก่งขนาดนั้น! ท้ายที่สุดแล้วระดับของเธอก็ต่ำกว่าเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์ตัวนี้และพลังดวงดาวของเธอก็ยังไม่ฟื้นคืนสู่สภาพเดิม

อีกทั้งเธอได้เข้าไปช่วยชีวิตพวกเขาอย่างเร่งรีบโดยยังไม่ได้เตรียมการให้พร้อม ทำให้เครื่องจักรกลของเธอถูกหนวดนี้ขยี้ไปครึ่งหนึ่งเต็ม ๆ!

โชคดีที่ดาบของโอคาซีช่วยไว้ทันเวลาทำให้เธอโล่งใจ และเครื่องจักรกลก็สามารถซ่อมแซมตัวเองได้

ทหารรีบขว้างเครื่องจักรกลของตัวเองไปให้สวี่หลิงอวิ๋นอย่างรวดเร็ว “องค์หญิงสาม ใช้ของผม!”

สวี่หลิงอวิ๋นยินดีรับไว้และกระโดดออกจากเครื่องจักรกลสีชมพูของเธอ แล้วนั่งบนเครื่องจักรกลของทหาร

โอคาซีกำลังต่อสู้กับเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์อยู่ตรงนั้น และเจ้าตัวนี้ไม่ใช่ระดับแปดจริง ๆ แน่! มันเป็นระดับเก้า!

โชคดีที่โอคาซีได้รับการอัปเกรดเป็นระดับเก้าทันเวลา ไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิดเลย…

ชาวเน็ตมองว่าสวี่หลิงอวิ๋นเกือบตายเพราะพยายามช่วยชีวิตทหาร แต่โชคดีที่ท่านพลเอกโอคาซีมาช่วยชีวิตเธอไว้ได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาจะเกินจินตนาการ!

“เอเลี่ยนระดับ 9 ดาวที่โผล่ออกมาอยู่ไหนแล้ว? มันน่ากลัวเกินไปแล้ว! และระวังเอเลี่ยนที่อยู่นอกคลองน้ำมันดิบตรงนั้นด้วย!”

“องค์หญิงสามช่างดีจริง ๆ เพื่อความปลอดภัยของทหาร เธอถึงกับเพิกเฉยต่อร่างกายอันล้ำค่าของเธอ เป็นคนดีจริง ๆ เลย! สำหรับคนที่บอกว่าองค์หญิงสามไม่เก่งก็แหกตาดูเอาเอง! คุณสามารถทำแบบนี้ได้ไหม!”

“โอ้โอ้! นี่มันแค่แกล้งทำไม่ใช่เหรอ! มีอะไรน่ายกย่อง!”

“ไอ้คนข้างบนนี่โง่หรือเปล่า? หรือว่าตาบอด? องค์หญิงสามเกือบตายแล้วไม่ใช่เหรอ? ถ้าท่านพลเอกมาช่วยไว้ไม่ทัน องค์หญิงสามจะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?”

“ทุกคนข้างบนบอกว่าโชคดีที่ท่านพลเอกมาช่วย แล้วคนฉลาดอย่างองค์หญิงสามจะไม่รู้ได้ยังไงว่าท่านพลเอกจะไม่มาช่วย ฮึ่ม! เอาไปหลอกเด็กเถอะ!”

“ฉันคิดว่าสมองของแอนตี้แฟนพวกนี้เต็มไปด้วยเรื่องปัญญาอ่อนแน่นอน! คนมีอคติเหล่านี้มองทุกอย่างด้วยอคติ! ธาตุแท้ขององค์หญิงสามเป็นผู้หญิงที่ตรงไปตรงมา ฉันไม่รู้ว่าคุณชอบคนสร้างภาพกันหรือไง!?”

“อย่าไปสนใจไอ้พวกงี่เง่าพวกนั้นเลย พวกเขาเป็นนักเลงคีย์บอร์ดที่ไร้ความสามารถที่สุด พวกเขาต้องการพูดบางคำเพื่อเสนอหน้าและไม่แม้แต่จะมองดูตัวเอง ฉันคิดว่าถ้าพวกเขาไปที่สนามรบแล้วเจอแบบนี้ ฉันเดาว่าคงจะกลัวและซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำ และเขาจะกล้าวิ่งไปช่วยเพื่อนของเขาไหม? เอ้อ!”

“อย่าพูดแบบนี้นะไอ้โง่ที่งี่เง่า แกก็แค่อยากกินของที่องค์หญิงสามทำและต้องการเป็นหมาเลียแข้งเลียขาของเธอใช่ไหมล่ะ? ฮึ่ม!”

“อุ๊ย! ‘ชุดสีม่วง’ นั่น ถ้าฉันจำไม่ผิดตอนที่องค์หญิงสามแชร์รสชาติก็ดูเหมือนว่าเธอจะได้ชิมมาก่อนด้วยใช่ไหม? อย่าคิดว่าฉันไม่เห็นนะ! ฉันจำชื่อเล่นและหมายเลขของเธอได้ ถ้าเธอเป็นนังสารเลวก็แสดงว่าเธอทำแอคเคาท์ปลอม!”

“ฮ่า ๆๆ! ช่างเป็นฉากข่มขืนที่ยิ่งใหญ่อะไรขนาดนี้! ฮ่าฮ่าฮ่า~”

“เฮ้ พวกคุณทุกคนไม่สนใจสนามรบเหรอ? พวกคุณยังอยู่ในอารมณ์ที่จะพูดคุยและหัวเราะที่นี่ได้อีกเหรอ?”

ชาวเน็ตที่ถูกดึงความสนใจกลับไปที่สนามรบโดยชาวเน็ตคนนี้สังเกตเห็นว่าตอนนี้ทั้งค่ายอยู่ในความโกลาหล!

ครัวพังทลาย พ่อครัวทุบตีหน้าอกของเขาด้วยความเสียดาย อาหารเย็นที่เขาปรุงอย่างอุตสาหะยังไม่ได้ให้ทหารกินเลย! มันถูกทำลายโดยเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์ตัวนี้!

แม้ว่าเขาจะแค้นมันมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาไม่สามารถเอาชนะเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์ตัวนี้ได้!

สวี่หลิงอวิ๋นต้องการพาทหารไร้ความสามารถเหล่านี้ล่าถอยไปก่อน

ต้าไป๋และลูก ๆ กระโดดขึ้นไปบนเครื่องจักรกลของสวี่หลิงอวิ๋นด้วยความฉลาดแสนรู้และนอนนิ่งอยู่บนเครื่องจักรกล ในขณะที่ทหารคนอื่น ๆ เริ่มล่าถอยอย่างเป็นระเบียบ

ข้อมูลจำนวนมากยังคงถูกเก็บไว้ในค่ายทั้งหมด ทหารลังเลและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำได้เพียงจ้องมองอย่างว่างเปล่า และเฝ้ามองข้อมูลเหล่านี้ถูกฝังอยู่ในดินด้วยการกระทำของเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์

พระราชาเฝ้าดูอย่างกังวลใจเพราะกลัวว่าอาจมีอะไรเกิดขึ้นกับธิดาของพระองค์ ขณะเดียวกันพระองค์ก็ยังส่งวิดีโอผ่านเครื่องโทรจิตไปหาก็อดวิน แอนดรูว์ พ่อของโอคาซีซึ่งอยู่แนวหน้าเพื่อขอความช่วยเหลือจากเขา

“เฮ้ นี่เราพูดนะก็อดวิน เจ้าไปอยู่ที่ไหน? จะใช้เวลาอีกนานไหม? เราจะบอกเจ้าว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวของเรา เราไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”

“ตกลง ฝ่าบาท กระหม่อมทราบแล้ว”

………

ในเวลาไม่ถึงห้านาที ลิงก์วิดีโอของพระราชาก็เชื่อมต่อกับเขาอีกครั้ง

“เราบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอก็อดวิน? ทำไมเจ้ายังมาไม่ถึงอีกล่ะ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวของเราล่ะ!”