เมื่อหมอเฒ่าได้ยินว่าพวกเขาต้องการให้เจ้าเด็กโง่แต่งภรรยา นี่เท่ากับการทําลายชีวิตผู้หญิงคนหนึ่ง ท่าทางของเขาก็เคร่งเครียดขึ้น!

“พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าลูกตัวเองเป็นอย่างไร? ยังคิดที่จะให้เขาแต่งภรรยาอีก? เพียงแค่ต้องการ คนมาดูแลเขา พวกเจ้าถึงกับต้องทําร้ายผู้อื่นเลยหรือ?”

หลินหยาโต้กลับอย่างลังเลใจ “เด็กคนนี้ก็แค่โง่ไปหน่อย! แต่ถ้าเขาไม่แต่งภรรยาแล้วข้าจะหาหลานชายจากที่ไหน? มีข้อกฎหมายว่าคนโง่แต่งภรรยาไม่ได้หรือ?”

ก่อนที่หมอเฒ่าจะพูดอะไรอีก ฉื่อโถวก็พึมพําออกมาแล้วเริ่มเพ้อ

” ท่านแม่! ไม่แต่งงาน! ภรรยากินคน!”

หมอเฒ่ากล่าวเยาะเย้ย “ดูสิ นี่คือคําสาปของการหาลูกสะใภ้อย่างไรล่ะ ถ้าหญิงผู้นั้นเต็มใจที่จะแต่งงานก็ไม่เป็นไร! แต่นี่ลูกสะใภ้ก็ไม่ได้ แถมลูกยังโง่กว่าเดิมอีก! โรคโง่นี้ไม่มีทางรักษา พาเขาไปทําแผลแล้วดูแลให้ดี!”

หลินหยาอับจนหนทาง หากท่านหมอบอกว่าโรคนี้รักษาไม่ได้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะบังคับให้เขารักษา

หมอเฒ่าผลักไสคนทั้งคู่ พวกเขาจึงตัดสินใจไม่พักค้างคืนและเรียกเกวียนลากพาฉื่อโถวที่ยัง ไม่ได้สติกลับบ้านไป

“เป็นอย่างไรล่ะ ข้ามอบลูกชายคนเดียวให้น้องสาวท่านดูแล แต่กลับกลายเป็นแบบนี้ พรุ่งนี้ข้าจะไปหานางเพื่อชําระบัญชี! ”

หลินอี่ก็รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย แม้ว่าก่อนหน้านี้ลูกชายของเขาจะโง่แต่ก็ยังถือว่า ดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้

“เขาตกใจถึงเพียงนี้แต่หลินชวนฮวากลับไม่สนใจ ท่านดูเถิด หลานชายหายออกจากบ้านมานานแล้ว นางที่เป็นอาที่แท้ ๆ ยังไม่รู้ด้วยซ้ํา! เห็นได้ชัดว่าปกติแล้วนางก็ไม่เคยสนใจจะดูแลลูกชายของข้าเลย!”

หลินหยายังคงบ่น ยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ หลินอี่เดิมที่เป็นคนที่ไม่ค่อยมีปากมีเสียงอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงทําได้เพียงแค่เงียบฟังอย่างโง่เง่าอยู่ฝ่ายเดียว

“ตอนข้าเห็นนางกลับมาเยี่ยมบ้านท่านแม่ บางครั้งก็นึกว่าจะเอาอาหารมาฝากหลานชายบ้าง ตอนนี้ข้ารู้แล้ว นางแค่อยากมาอวดชีวิตแต่งงานที่ดีของนาง! ตอนนี้ท่านเห็นไหม ดึกป่านนี้แล้วนางยังไม่แม้แต่จะออกตามหาหลานให้เจอ!”

“…”

หลินหยายังคงพูดไม่หยุด ส่วนหลินอี่นั้นชินชาเสียแล้ว ที่ผ่านมาเขามักจะถูกนางดุด่ามาโดยตลอด จึงเงียบเฉยไม่กล่าวอันใดออกมา

จากนั้นทั้งสองก็กลับถึงบ้าน เมื่อพวกเขาประคองฉื่อโถวที่ยังคงมีอาการหวาดกลัวนอน ลงบนที่นอนก็พบว่าฉื่อโถวนั้นมีไข้สูงมาก

โชคดีที่ก่อนจะจากมา หมอเฒ่าได้เรียกเก็บเงินพร้อมกับจ่ายยาลดไข้ให้ พวกเขาจึงรีบนํามาต้มให้ฉื่อโถวกินในทันที!

จนถึงรุ่งเช้าวันใหม่ไข้ของฉื่อโถวก็ลดลง ส่วนทั้งคู่เหนื่อยล้ายิ่ง

หลินอี่อยากนอนพักแต่หลินหยากลับไม่ยินยอม นางต้องการให้เขาไปบ้านตระกูลเฉินเพื่อตามหาหลินชวนฮวาตัวปัญหา หลินอี่ไม่สามารถขัดใจภรรยาได้เช่นเคย ดังนั้นนางจึงพาฉ้อโกวเดินไป ยังหมู่บ้านเทพธิดาด้วยใบหน้าทิ้งตึง

ถึงแม้ว่าฉือโถวจะจําไม่ค่อยได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ยังหวาดระแวงต่อหมู่บ้านเทพธิดา

ดังนั้นเขาจึงเอาแต่ตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นมารดา “ข้าไม่ไป มีผีอยู่ที่นั่น ท่านอาไม่ สนใจข้า ข้าไม่ไป!”

ขนาดถูกผีหลอกแต่อาของเขาก็ยังไม่สนใจ ไม่น่าแปลกใจที่ฉื่อโถวจะหวาดกลัวขนาดนี้ โชคยังดีที่แม้ว่าจะกลัวแค่ไหนก็ยังจําทางกลับบ้านได้ หากเขาหายไประหว่างทางชีวิตของหลินหยาคงจบสิ้น

เมื่อทั่งคู้พร้อมด้วยฉื่อโถวที่ตัวสั่นกลัวมาถึงบ้านตระกูลเฉิน ดวงอาทิตย์ก็เพิ่งจะพ้นขอบฟ้า หลินชวนฮวาลุกขึ้นยืดเอวเพื่อเตรียมพร้อมจะทําอาหารและเมื่อทําอาหารเสร็จเรียบร้อย นางก็จะได้ไปที่โรงเก็บฟื้นเลย

จากนั้นก็เตรียมที่จะส่งเสียงร้อง คราวนี้นังเด็กขี้ครอกนั่นคงไม่มีทางหลบหลีกได้อีกเป็นแน่

ความฝันนั้นสวยงาม แต่ความจริงโหดร้ายอย่างยิ่ง

ทันทีที่หลินชวนฮวาเดินออกจากประตูห้อง ประตูหน้าลานบ้านก็ถูกคนเขย่าอย่างรุนแรง!

มีเสียงตระโกนด่าทอดังขึ้นมา “หลินชวนฮวา ผู้หญิงสารเลว ออกมาเดี๋ยวนี้!”

ทุกคนในหมู่บ้านที่กําลังจะออกจากบ้านก็มารวมตัวกันอยู่รอบๆ

แม้ว่าหลินชวนฮวาจะไม่ค่อยเป็นที่ชื่นชอบนัก แต่นางก็เป็นคนของหมู่บ้านเทพธิดา เมื่อชาวบ้านเห็นคนมากล่าวหานางก็รวมตัวกันเข้าล้อมรอบ พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้คนในหมู่บ้านของตนถูกผู้อื่นรังแกได้

หลินชวนฮวาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นพี่สะใภ้ของนางเอง เมื่อได้ยินเสียงนั้น นางจึงเปิดประตูออกมา

หลินหยาพุ่งเข้าไปตบหน้าหลินชวนฮวาทันที! นางจึงทําได้เพียงแค่ยกมือขึ้นป้องหัวและปิดหน้า

เมื่อเฉินเดียนเถียนได้ยินก็ปรบมือดังลั่น แทบจะกระโดดขึ้นปรบมือด้วยซ้ํา

“พี่สะใภ้ ท่านทําอะไร?”

หลินชวนฮวานั้นมักจะเสแสร้งเป็นผู้หญิงอ่อนแอ ในตอนนี้มีชาวบ้านมากมายรุมล้อมอยู่ที่นี่ แม้ว่านางจะอยากกระโดดไปกระชากหัวหลินหยาแต่ก็ไม่กล้าทํา

“ข้าทําอะไรงั้นหรือ? เมื่อสองสามวันก่อน เจ้าไปที่บ้านของข้าและบอกข้าว่าจะให้ลูกเลี้ยงมาแต่งงานกับลูกชายข้า รับปากจะดูแลเขาอย่างดี!”

หลินชวนฮวาเงยหน้าขึ้นทั้งน้ําตา “ท่านต้องการให้ข้าดูแลลูกชายของท่านดีขนาดไหน! ห้องที่ ดีที่สุดในบ้านก็ให้เขาอยู่ เนื้อบนโต๊ะอาหารก็ไม่เคยขาด ท่านยังต้องการให้ข้าดูแลเขาดีขนาด ไหนอีกหรือ?”

หลินหยาถึงกับกระโจนใส่นางด้วยความโกรธ แต่ถูกป้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รั้งไว้!

“แม่นางหลิน มีอะไรก็พูดกันดี ๆ เถิด อย่างไรก็คนตระกูลหลินเหมือนกัน!”

หลินหยาเห็นว่าไม่สามารถทุบตีนางได้อีก แต่สามีของนางกลับยืนก้มหน้าอยู่ข้าง ๆ โดยไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คําเดียว!

“พูดมาสิว่าเจ้าดูแลลูกชายข้าอย่างไร? เมื่อคืนเจ้าปล่อยให้เขากลับบ้านคนเดียว เขาหมดสติไปจนข้าต้องพาเขาไปหาหมอในเมือง หมอบอกว่าเขาหวาดกลัวมาก! หลินชวนฮวา เจ้าลองบอกเหตุผลมาสิ ลูกชายข้ากลับไปถึงบ้านตั้งนาน หายไปทั้งคืน แต่เจ้าที่เป็นอายังนอนหลับอย่างสบายใจอยู่ที่บ้านได้อย่างไร?”

ชาวบ้านบางคนที่ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนต่างพูดไม่ออก ในเมื่อมีการตกลงแต่งงาน นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีของสองตระกูล เหตุใดถึงต้องไล่ตีหลินชวนฮวา?

เฉินเถียนเถียนที่รอจังหวะนี้ ก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงสะอื้น “ท่านแม่ ท่านอย่าทําร้ายข้าเช่นนี้ จะให้ข้าแต่งงานกับคนโง่ได้อย่างไร? ถึงแม้ว่าพี่ฉื่อโถวจะโตแล้ว แต่ก็ยังรดที่นอนอยู่เลย ให้ข้าแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นหัวใจของท่านทําด้วยอะไร?”

คราวนี้หมู่บ้านเทพธิดาแตกตื่นอย่างแรง!

หลินชวนฮวาผู้แสนดี แค่ลูกติดที่ชื่อเสียงเสียหาย นางถึงกับให้แต่งงานกับหลานชายที่ดูแลตัวเองไม่ได้!