บทที่ 33 บาดเจ็บสาหัส  

นางตบหน้าเขาเบาๆ “หยู่เหวินเห้า หยู่เหวินเห้า”

“เจ้าอย่ากลัวเขาเลย เขาสลบไปแล้ว”อ๋องฉีเอ่ยอย่างโกรธๆ

หยวนชิงหลิงยังคงตบอยู่ “หยู่เหวินเห้า ตื่น ลองลืมตาดูสิ”

นางกุมมือเขาเอาไว้ เขย่าเขาเบาๆ จากนั้นก็ลงแรงดึงหนักๆ “ลืมตาขึ้นสิ”

“เจ้าผู้หญิงคนนี้ ไม่รู้จริงๆว่าเสด็จปู่เรียกให้เจ้ามาทำไมกัน”อ๋องฉีรีบสาวเท้าเข้ามา คิดจะยื่นมือออกไปดึงตัวหยวนชิงหลิงออกมา

แต่กลับเห็นหยู่เหวินเห้าค่อยๆลืมตาขึ้นมา

หยวนชิงหลิงผลักอ๋องฉีออกไป เอ่ยขึ้นอย่างขุ่นเคือง “ท่านถอยไปข้างๆเถอะ อย่ารบกวนข้า”

อ๋องฉีมองนางอย่างตะลึง ทำไมหญิงคนนี้ถึงได้ดุนัก

มือทั้งสองข้างของหยวนชิงหลิงอยู่ที่ศีรษะของหยู่เหวินเห้า ปากก็พูดว่า “หยู่เหวินเห้า มองข้า จำได้หรือไม่ว่าข้าคือใคร”

ภาพข้างหน้าของหยู่เหวินเห้าดูเลือนราง แต่พอได้ยินเสียง ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาหวิวแทบไม่ได้ยินว่า “หญิงอัปลักษณ์”

หยวนชิงหลิงแบะปากหนึ่งที “ท่านเป็นใคร เกิดเรื่องอะไรขึ้น รู้หรือไม่”

“ข้าถูกลอบโจมตี……”

สติสัมปชัญญะตื่นตัวดี

“ดี ข้าจะทำการตรวจให้ท่านเดี๋ยวนี้ หากรู้สึกเจ็บให้บอกข้า ต้องกำจัดเลือดที่คั่งในสมองและภายในร่างกาย”หยวนชิงหลิงใช้สองมือค่อยๆเริ่มกดลงไปที่หน้าผาก

ค่อยๆเคลื่อนที่ไป บริเวณหัวใจ บริเวณปอด ……

ช่วงหน้าอกของหยู่เหวินเห้าเกิดเสียงสะอึกขึ้น ร่างกายสั่นเทา แล้วก็เห็นสีหน้าเขาแดงขึ้น เริ่มหายใจลำบากขึ้น

หยวนชิงหลิงรีบวิเคราะห์ทันที มีการบาดเจ็บภายใน การไอทำให้เยื่อหุ้มปอดเกิดอากาศ

“พี่ห้า……”

“ท่านอ๋อง……”

ทุกคนที่เห็นอาการของหยู่เหวินเห้าเปลี่ยนเป็นอันตรายขึ้นมาอย่างกะทันหัน ต่างก็ก้าวเข้ามาตะโกนขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน

หยวนชิงหลิงได้รีบเดินไปด้านหลังของฉากกั้น เอากล่องยาขึ้นมาเปิดออก เอาเข็มแล้วเดินออกมา

“ทังหยาง ท่านช่วยข้ากดเขาเอาไว้ ปอดเขามีอากาศ อันตรายถึงชีวิต ต้องเอาอากาศออก ”หยวนชิงหลิงพูด

“อะไรนะ”ทังหยางไม่เข้าใจ มองเข็มที่นางถือไว้ในมืออย่างตกตะลึง

หยวนชิงหลิงคร้านจะอธิบาย ดึงมือของเขาไปกดมือทั้งซ้ายขวาของหยู่เหวินเห้าเอาไว้ “พยายามควบคุมเขาไว้อย่าให้ขยับ”

“อือ อือ” ทังหยางไม่ได้เป็นคนไร้ความคิด แต่เห็นความทุกข์ทรมานของหยู่เหวินเห้าแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีหมอหลวงอยู่ด้วย ก็ได้แต่ฟังคำของหยวนชิงหลิงเท่านั้น ที่สุดแล้ว นี่ก็เป็นพระบัญชาของไท่ซ่างหวง

ให้ทุกคนเชื่อฟังที่พระชายาฉู่พูด

หยวนชิงหลิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ การเจาะปอดเพื่อดูดอากาศนางไม่ได้ทำนายแล้ว

นางวางนิ้วลงไป ค่อยๆล็อกตำแหน่ง ตรงช่องระหว่างซี่โครงซี่ที่สองแทงทะลุลงไปดูดอากาศ

โชคดี ทุกอย่างราบรื่น

ทุกคนต่างตกตะลึง มองเข้มในมือนางที่ค่อยๆเลื่อนลงไป และจากการที่เข็มค่อยๆแทงลงไป

อาการของหยู่เหวินเห้าก็ค่อยๆสงบๆมาก

ทุกคนต่างก็วางใจลงได้บ้าง แต่ในใจของหยวนชิงหลิงกลับหนักอึ้ง

นี่แสดงว่า เขาบาดเจ็บภายในไม่ใช่น้อย แต่ว่าบาดเจ็บตรงไหน บาดเจ็บมากหรือไม่ นางไม่มีทางรู้ได้เลย เป็นแพทย์ปัจจุบันก็จริงแต่ก็ไม่ได้มีประสบการณ์ไม่มากขนาดนั้น การวินิจฉัยส่วนมากจะอาศัยอุปกรณ์ทางการแพทย์เสียมากกว่า

ตอนนี้ นอกจากเครื่องฟังเสียงหัวใจแล้ว นางไม่มีอุปกรณ์อื่นที่ใช้ได้

และสิ่งสำคัญที่ต้องทำในตอนนี้คือการให้เลือด เขาเสียเลือดไปมาก อาจถึงแก่ชีวิตได้

นางหลับตานึกอยู่สักพัก ในกล่องยาต้องมีชุดทดสอบกรุ๊บเลือดและอุปกรณ์ถ่ายเลือด

เมื่อเปิดออกดู ปรากฏว่ามีจริงๆ นางช่างเป็นคนที่คิดสิ่งใดได้สิ่งนั้นจริงๆ แต่ก็ปลอบใจตัวเอง นี่คือการควบคุมความคิด ไม่เกี่ยวกับเรื่องอำนาจเหนือธรรมชาติ

นางวางกระดาษทดสอบไว้บนโต๊ะทีละชุด จากนั้นก็พูดกับกู้ซืออย่างขึงขังว่า “พวกเจ้าทุกคนหยดเลือดลงบนกระดาษทดสอบ เขาเสียเลือดไปมาก ต้องถ่ายเลือดให้เขา”

กู้ซือไม่เข้าใจ “อะไรคือการถ่ายเลือด”

“ก็คือเอาเลือดของพวกเจ้าให้เขาใช้”

องครักษ์สวี่อียกมือขึ้น แค่ตวัดเล็บมือลงไป ก็มีเลือดแดงสดไหลออกมา เขาเลื่อนมือไปอยู่ที่ปากของหยู่เหวินเห้าให้เลือดหยดลงไป พูดว่า “แม้จะใช้เลือดของข้าน้อยจนหมดตัวก็ไม่เป็นไร”

หยวนชิงหลิงมองเขาแวบหนึ่ง “ซื่อสัตย์จนน่ายกย่อง แต่ทำอย่างนี้ช่วยเขาไม่ได้ แม้จะกลืนเลือดเข้าไปก็จะไปถึงแค่กระเพาะไม่ได้ส่งไปถึงหลอดเลือด และไม่มีทางไหลไปถึงหัวใจ รีบห้ามเลือดเถอะ อย่าให้เสียเปล่าเลย”

สวีอีนิ่งอึ้ง มองหยู่เหวินเห้าที่ปากเต็มไปด้วยเลือดสดๆ เอ่ยอย่างละอายว่า “ไม่ใช่เช่นนี้หรือ”

หยวนชิงหลิงยื่นกระดาษทดสอบออกไปแปะเลือดของสวีอี คนอื่นต่างก็ทำตามที่หยวนชิงหลิงพูด ต่างก็หยดเลือดหนึ่งหยดลงไปบนกระดาษทดสอบ

จากนั้นหยวนชิงหลิงก็จิ้มที่นิ้วของหยู่เหวินเห้าเพื่อเอาเลือดมาทดสอบ

รออยู่สักครู่ นางมองไปที่กระดาษทดสอบ พูดว่า “กู้ซือ ทังหยาง เลือดของพวกท่านใช้ได้”

ทั้งสองคนนี้มีเลือดกรุปโอ แต่หยู่เหวินเห้านั้นเลือดกรุปเอ

กู้ซือกับทังหยางยืนตัวตรงทันที รอคำสั่งของหยวนชิงหลิง

“นั่งลง”หยวนชิงหลิงเอาถุงและเข็มเจาะเลือดมา เพราะต้องถ่ายเลือดเร่งด่วน ไม่มีเวลามาทำอะไรให้ละเอียดรอบคอบขนาดนั้นแล้ว ขอเพียงพวกเขาไม่มีโรคร้าย ไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่ไม่กินยา

กู้ซือกับทังหยางมองเลือดของตัวเองที่ค่อยๆไหลออกไปตามท่อเล็กๆ กลายเป็นถุงสีดำสองใบ พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองหยวนชิงหลิงแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าหนักอึ้งของหยวนชิงหลิง

พวกเขาก็ไม่กล้าถาม

เจาะเลือดได้สองถุง หยวนชิงหลิงเอาไปแขวนที่หน้าเตียง เพื่อจะได้ถ่ายเลือดให้กับหยู่เหวินเห้า

จากนั้นก็เอาเครื่องฟังเสียงหัวใจออกมา ฟังว่าอวัยวะภายในของเขาแตกหรือมีอาการเลือดออกภายในหรือไม่ มีภาวะเลือดคั่งในปอด เมื่อครู่น่าจะเป็นเพราะมีภาวะเลือดคั่งในปอดจึงทำให้เมื่อมีอาการไอจึงทำให้เกิดอากาศในปอด

นางแทงเข็มเพื่อเจาะเลือดออกอีกครั้ง ตอนนี้หยู่เหวินเห้านั้นมีสติอยู่เต็มที่ สายตาของเขาตามติดร่างของหยวนชิงหลิง ตอนที่หยวนชิงหลิงก้มหน้าเจาะเลือดที่ปอดของเขา เขาไม่รู้สึกเจ็บเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่มองเลือดที่ซิบๆอยู่บนหน้าผากของนาง

จากนั้น เขาค่อยๆยกมือขึ้นคิดอยากจะเช็ดเลือดที่หน้าผากของนาง

มืออันสั่นเทา หยวนชิงหลิงกลับเอ่ยเสียงดุว่า “อย่าเคลื่อนไหว ”

เขาพยายามถลึงตาให้นาง เสียงดังขนาดนี้ จะทำให้เขาตกใจหรืออย่างไร

หยวนชิงหลิงรับรู้ถึงความไม่พอใจของเขา พูดว่า “ท่านกำลังถ่ายเลือดนะ”

อ๋องฉีที่เห็นอาการของหยู่เหวินค่อยๆดีขึ้น คิดว่าเป็นผลจากยาจื่อจิน พูดว่า

“พี่ห้า ข้าจะไปหาพี่รองขอยาจื่อจินสักเม็ดหนึ่ง”

กู้ซือพูดว่า “ท่านอ๋อง หมอหลวงบอกว่ายาจื่อจินจะใช้เยอะไม่ได้”

หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขากินยาจื่อจินเข้าไป สรรพคุณของยาจื่อจินนางเองก็ทดลองแล้วด้วยตนเอง

เหตุนี้จึงรู้ดี

ฉะนั้น นางมองไปที่อ๋องฉี “ยาจื่อจินของท่านนับว่าช่วยเขาเอาไว้ได้ชั่วคราว”

ถ้าไม่เช่นนั้น เขาคงอยู่ไม่ได้จนถึงตอนนี้

แววตาอ๋องฉีตวัดมาอย่างรวดเร็ว “เขาจะไม่เป็นไร ใช่หรือไม่ ”

“ไม่รู้ ”หยวนชิงหลิงดึงเข็มออก โยนไปอีกฝั่ง “ยาเม็ดจื่อจินไม่ใช่ยาเทวดา เพียงแค่ทำให้อาการของเขาหยุดนิ่งไม่ชั่วครู่ เขาเสียเลือดไปมาก อาการสาหัส อาการบาดเจ็บภายในก็ไม่ชัดเจน……”

ระหว่างที่นางพูด ก็มองไปที่หยู่เหวินเห้า เขาได้ค่อยๆหลับตาลงแล้ว

พูดเรื่องอาการของผู้ป่วยต่อหน้าผู้ป่วย มันก็โหดร้ายเกินไปหน่อยจริงๆ

แต่ว่า นางคิดว่าเขาคงยอมรับได้

ระหว่างการถ่ายเลือด ต้องจับตาดูเป็นอย่างดี และต่อมาจะเป็นการทำความสะอาดบาดแผล

บาดแผลมากขนาดนี้ ลึกขนาดนี้ การฆ่าเชื้อเข็มเย็บแผลนั้นเลี่ยงไม่ได้เลย

เข็มเย็บแผล ขั้นตอนที่แสนจะยุ่งยากและยาวนาน

หยู่เหวินเห้าเหมือนตุ๊กตาผ้าที่พุพัง ภายใต้สายตาที่จดจ้องของทุกคน มือที่แสนคล่องแคล่วค่อยๆเจ็บทีละจุด

อ๋องฉีมองแล้วแทบจะร้องไห้ออกมา ช่างน่าอนาถเหลือเกิน

ฟ้าสว่างแล้ว เพิ่งจะเย็บแผลบนศีรษะเสร็จ

กะโหลกไม่มีเลือดออก จุดนี้ ทำให้หยวนชิงหลิงพอใจมาก