“ดังนั้น ผมอยากรู้ว่านี่มันเป็นเรื่องบังเอิญหรืออะไรกันแน่ ” สือมูเฉินกล่าวอย่างจริงจัง “ อีกอย่าง เสี่ยวถางแทบไม่มีประสบการณ์ในการทำงานเลย ถ้าผมเป็นบุคลากรของบริษัทซอฟต์แวร์ ประสบการณ์การทำงานแบบนี้ ผมจะปฏิเสธตั้งแต่แรกเลย ”
“โอเค ไม่ต้องกังวลไปพี่เฉิน ผมจะตรวจสอบบุคลากรในนั้นอย่างละเอียดอีกครั้ง !” หยานชิงเจ๋อพูด “แต่พี่จะให้พี่สะใภ้ไปทำงานที่บริษัทซอฟต์แวร์จริง ๆ เหรอ?”
สือมูเฉินตอบกลับ “ถ้าไม่มีปัญหาอะไร นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเธอในการฝึกฝนตัวเองให้ดีขึ้นและยังช่วยให้เธอมีประสบการณ์การทำงานอีกด้วย”
“พี่เฉิน พี่ตามใจเธอเกินไปหรือเปล่า ? ” หยานชิงเจ๋อคิด สือมูเฉินไม่ใช่คนที่ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล
“เธอมีหน้าที่รับผิดชอบงานเบื้องต้นเท่านั้น ดังนั้นถือว่าเธอไม่ต่อต้านบริษัทของผม ” สือมูเฉินยกล่าว เมื่อนึกถึงนิสัยที่เขินอายของหลานเสี่ยวถางในตอนนี้ รอยยิ้มก็ล้นออกมาจากมุมปากของเขา “ ตรงกันข้าม มันยังให้ความรู้สึกว่าคุ้มที่จะเสี่ยง
“คุ้มที่จะเสี่ยง ?” หยานชิงเจ๋อเน้นคำพูดอีกครั้ง “พี่เฉิน พี่หมายความว่าพี่ตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว เฮ้ ทำไมถึงเงียบไปละ… ”
สือมูเฉินวางสายไปแล้ว และเมื่อเขาเดินไปที่ห้องน้ำ รอยยิ้มบนปากของเขาก็ไม่หายไป
แม้ว่าหลานเสี่ยวทางจะทำงานจากระยะไกล เนื่องจากสวัสดิการที่ทางบริษัทให้กับพนักงาน ดังนั้นเธอต้องไปที่บริษัท Latitude Technology สาขาหนิงเฉิง
ในช่วงบ่ายของวันถัดมา หลานเสี่ยวถางไปที่บริษัทเพื่อรายงานตัว และยื่นเอกสารข้อมูลส่วนตัวให้กับทางบริษัท
ศูนย์ R&D ของบริษัท Latitude Technology ตั้งอยู่ทางเหนือของหนิงเฉิงในประเทศจีน เมื่อหลานเสี่ยวถางออกจากรถไฟใต้ดิน เธอก็เห็นโลโก้ของบริษัท Latitude Technology จากระยะไกล
อันที่จริงแล้ว ตอนที่เธอเรียนอยู่ในวิทยาลัย เธอต้องการมาสมัครงานที่บริษัท Latitude Technology แต่แล้วเธอก็ต้องมาแต่งงานกับสือเพ่ยหลิน แผนการทั้งหมดที่วางไว้ก็พังลง
เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแล้ว หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าผู้หญิงต้องการเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ในความเป็นจริงแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ชาย เธอรู้สึกว่าผู้หญิงควรแสดงศักยภาพในการทำงานของตัวเองออกมา
ศูนย์วิจัยและพัฒนาบริษัท Latitude Technology R&D เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่และสร้างขึ้นเหมือนกับมหาวิทยาลัย โดยมีทะเลสาบที่มนุษย์สร้างขึ้น มีสะพานขนาดเล็กบนทะเลสาบและมีน้ำไหลผ่าน มีสนามหญ้าและศูนย์ออกกำลังกาย หลังจากหลานเสี่ยวถางลงทะเบียนที่หน้าประตูเรียบร้อย เธอเดินอีก 10 นาทีถึงจะมาถึงอาคารแปดซึ่งเป็นอาคารหลักที่มีบุคลากรมากมาย
ขณะที่เธอเดินเข้ามาในอาคาร มีรถสีดำสี่คันยี่ห้อ Mercedes-Benz กำลังขับเข้ามาและค่อยๆ ขับไปที่อาคารที่หลานเสี่ยวถางอยู่
เนื่องจากเธอเป็นเพียงนักออกแบบซอฟต์แวร์ในสำนักงานแบบระยะไกลที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมทีมในโครงการและแน่นอนเธอไม่ได้จัดอยู่ในหมวดของพนักงานประจำของบริษัท Latitude Technology สิ่งที่เธอต้องทำคือกรอกแบบฟอร์มง่ายๆ และลงนามยอมรับข้อตกลงการรักษาความลับของโครงการ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หลางเสี่ยวถางทำตามขั้นตอนของบริษัทและได้เข้ามาเป็นพนักงานของบริษัทอย่างสมบูรณ์แบบ บริษัทได้สมัครเมลพิเศษและมอบหมายระบบการทำงานของบริษัทให้เธอ หลานเสี่ยวถางเดินออกจากแผนกทรัพยากรบุคคลโดยถือสมุดบันทึกที่เธอเพิ่งได้รับ
เมื่อเธอมา เธอถือมาแค่กระเป๋าใบเล็กอันหนึ่ง แต่ตอนนี้ เธอได้รับเอกสารและคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ออกมาด้วย มันจึงหนักสำหรับเธอหน่อยๆ
หลานเสี่ยวถางหอบสิ่งต่าง ๆ และเดินไปที่ลิฟต์ เธอเห็นลิฟต์ข้างๆ เปิดออก และชายสองสามคนในชุดสูทใส่รองเท้าหนังก็เดินออกมาจากลิฟต์
เธอเพียงชำเลืองมองอย่างเร่งรีบ ไม่เห็นหน้าตาของพวกเขาเลย และเห็นว่าลิฟต์ที่เธอกำลังจะลง มาถึงแล้ว เธอจึงรีบเดินเข้าไป
เมื่อหลานเสี่ยวถางเดินผ่านไป หันจืออี้ก็เห็นเธอ
ฝีเท้าของเขาหยุดชะงักเล็กน้อย มันทำให้ใจของเขาเต้นเร็วอย่างที่เขาไม่ได้รู้สึกมาหลายปีแล้ว
เพียงแต่ เธอไม่ได้เห็นเขา หรือเพียงชำเลืองมอง แล้วเดินเข้าไปในลิฟต์ที่อยู่ด้านข้าง
เขาปกปิดความสูญเสียที่พลุ่งพล่านในใจ และเมื่อเขาเดินไปถึงหน้าลิฟต์ของเธอ เขาจงใจชำเลืองมองเข้าไป
เธอถืออะไรบางอย่างยกมือขึ้นเพื่อกดพื้นลิฟต์และเป็นอีกครั้งที่เธอไม่ได้มองเขาเลย
เมื่อเห็นประตูลิฟต์ปิดลงต่อหน้าต่อตา เขาก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย และถอดสีหน้าในทันที
อีกด้านหนึ่ง ผู้ช่วยของเขา ยวี้หมิงถามขึ้น ” ประธานหัน มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าครับ ? ”
“ไม่มีอะไร” หันจืออี้เหลือบมองลิฟต์ที่ปิดอีกครั้งแล้วเดินไปในออฟฟิศ
ทันทีที่หลานเสี่ยวถางออกมาจากบริษัท เธอได้รับโทรศัพท์จาก เฉียวโยวโยว ” เสี่ยวถางฉันหางานได้แล้ว คืนนี้ฉันขอเลี้ยง เราไปดื่มกันสักหน่อย !”
หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ” โยวโยว วันนี้เราโชคดีเหมือนกัน ฉันก็ได้รับข้อเสนอจากบริษัท Latitude Technology และฉันเพิ่งทำบัตรพนักงานเสร็จ ”
“ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ!” เฉียวโยวโยวตอบกลับ “ยิ่งเป็นเรื่องที่ต้องเฉลิมฉลอง เย็นนี้ เวลา 6 โมงเย็น เราไปกินบาร์บีคิวกันก่อน แล้วค่อยไปบาร์ใกล้ๆ แถวนั้นหาอะไรดื่ม!”
“ไปกินบาร์บีคิวกันได้ แต่ถ้าไปบาร์คงจะไปไม่ได้ ” หลานเสี่ยวถางตอบกลับ
“สามีของเธอ เข้มงวดกับเธอขนาดนี้เลยเหรอ ?” เฉียวโยวโยวตอบกลับ “บาร์เดี๋ยวนี้ ไม่ใช่ที่ที่อันตราย เราแค่สั่งค็อกเทลสองสามแก้วและฉลองกัน หลังจาก3 ทุ่มครึ่ง เราก็กลับบ้านกัน ”
หลานเสี่ยวถางคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบกลับไปว่า ” ตกลง งั้นเราไปร้านบาร์บีคิวสีส้มร้านเดิม ตั้งแต่เล็กจนโตก็ถูกปากร้านนี้สุดละ ”
“โอเค แล้วเจอกัน!”
หลานเสี่ยวถางกลับบ้านเพื่อเอาของมาเก็บ และส่งข้อความถึงสือมูเฉิน และนำรถไปที่บาร์บีคิวสีส้ม
นี่เป็นรสชาติที่เธอโปรดปรานเมื่อตอนที่เธออยู่มัธยมต้น และต่อมาได้รู้จักกับเฉียวโยวโยวและทั้งสองก็มักจะมาทานที่นี่กันบ่อยๆ
ดูเหมือนว่า หันจืออี้ก็มักจะมากินที่นี่ตอนที่เขาอยู่ในโรงเรียนมัธยม ? หลานเสี่ยวถางยิ้มกับตัวเอง ผ่านมาตั้งนานไม่เคยถึงเขา แต่พอเขาให้ของขัวญชิ้นนั้นกับเธอ จู่ๆ ก็นึกถึงเขาขึ้นมาทันที
หลานเสี่ยวถางมาถึงก่อนเวลา เธอสั่งอาหารมาสองสามอย่าง หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวโยวโยวก็มา ทั้งสองกินและพูดคุยกัน เพราะพวกเขาทั้งคู่ได้งานที่น่าพอใจ พวกเขาทั้งสองจึงตื่นเต้นและไม่ได้สังเกตว่ามีคนที่โต๊ะข้างๆ มองพวกเขาอยู่บ่อยครั้ง
ตั้งแต่เฉินจื่อโร่ว ทะเลาะกับสือเพ่ยหลินในครั้งนั้น ก็ไม่ได้รับการติดต่อจากเขาอีกเลย เธอเป็นฝ่ายง้อเขาตลอด จนเธอท้อ แต่เขาก็ยังเย็นชาใส่เธอเช่นเดิม
และวันนี้เธอก็มาที่บาร์เพื่อดื่มคนเดียวเช่นเดิม แต่ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญมาเจอกับคนรู้จัก
ตอนที่เธอเห็นหลานเสี่ยวถางเดินเข้ามา ความแค้นก็พุ่งเข้ามาในดวงตาของเฉินจื่อโร่ว
ในคืนนั้นที่นอนอยู่บนเตียง สือเพ่ยหลินนอนละเมอเรียกชื่อของหลานเสี่ยวถาง แถมเรียกชื่อเธออย่างอ่อนโยน เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ร่างกายของเฉินจื่อโร่วก็เริ่มสั่นขึ้นมาทันที
ในขณะนี้เอง ก็มีคนนั่งลงข้างๆ เธอ เมื่อเห็นว่าเป็นชุยซื่อฮว๋า เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิด ” คุณช่วยหยุดตามรังควานฉันได้ไหม ถ้าหากพี่พ่ยหลินเห็นเข้าละก็… ”
“คุณคิดว่าเขายังสนใจคุณอยู่เหรอ? ” ชุยซื่อฮว๋าเยาะเย้ย
ในใจเฉินจื่อโร่วหล่นไปถึงตาตุ่ม แต่แล้วเธอเปลี่ยนสีหน้ากลับมาทันที “คุณทำของแบบนั้นได้ไหม ?”
““อะไรเหรอ?” มือของชุยซื่อฮว๋าแตะไปที่ขา ของเฉินจื่อโร่ว
เธอปัดมือของเขาออก ” ผู้หญิงที่ดื่มเหล้าแบบนี้ หลังจากดื่มแล้วจะทำอะไรกับพวกเขาก็ได้ไม่ใช่เหรอ ?”
“ทำไม คุณต้องการจัดการใคร ? ” ชุยซื่อฮว๋าถามอย่างสงสัย
เธอขยับที่นั่งเพื่อให้มองเห็นชัดขึ้น ” เฉินจื่อโร่วมองไปที่หลังของหลานเสี่ยวถางจากมุมไกล ” ผู้หญิงคนนั้นหุ่นดีใช้ได้ ฉันให้คุณ คุณอยากจะทำอะไรกับเธอก็ได้ แต่อย่าลืมถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกและส่งให้ฉันด้วยล่ะ”
“จื่อโร่วทำไมตอนที่ผมเรียนอยู่ชั้นมัธยมตอนปลาย คุณเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?” ดวงตาของ ชุยซื่อฮว๋าเป็นประกายอย่างตื่นเต้น “แต่ผมชอบ ตกลง!”
หลานเสี่ยวถางไม่ชอบเสียงดัง ดังนั้นเขาจึงนั่งอยู่ในมุมที่เงียบสงบกับเฉียวโยวโยว
ทั้งคู่สั่งค็อกเทล จากนั้นพวกเขาก็ดื่มไปพูดคุยไป
เฉียว โยวโยว บอกว่าเธอเพิ่งกลับมาได้ไม่ถึงสัปดาห์ และเธอก็คิดถึงฟู้เจียนปอมากแล้ว เธอวางแผนที่จะกลับไปหาเขาในวันหยุดชาติและทำให้เขาประหลาดใจ
หลานเสี่ยวถางบอกว่าเธอผ่านการสัมภาษณ์กับบริษัทที่ดีและทั้งหมดนี้เป็นเพราะสือมูเฉินหาครูที่เก่งให้กับเธอ และทำให้เธอฟื้นคืนความมั่นใจอีกครั้ง
ร้านบาร์บีคิวที่ทั้งสองคนนั้นกินนั้นค่อนข้างมีรสจัด ดังนั้นหลังจากดื่มค็อกเทลที่มีแอลกอฮอล์ต่ำหมดแล้ว พวกเขาก็สั่งอีกคนล่ะแก้
ขณะที่ดื่ม เฉียวโยวโยวพูดด้วยความรู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังมองพวกเขาอยู่ หลานเสี่ยวถางยิ้มให้เธออย่างไม่ใส่ใจ แต่เมื่อเธอหันศีรษะออกไป เธอเห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของร้าน ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นหน้าคนๆนั้นมาก
“โยวโยว ดูคนนั้นสิ ทำไมฉันรู้สึกว่า…” หลานเสี่ยวถางยังไม่ทันพูดจบ ก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาทันที
เธอส่ายหัวอย่างแรง แต่อาการวิงเวียนศีรษะแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว สติของเธอก็ค่อยๆ หายไป และเธอก็วูบลงบนโต๊ะอย่างหมดแรง
ข้างๆเธอ เฉียว โยวโยวที่พยายามผลักหลานเสี่ยวถาง เธอยังรู้สึกอ่อนแรงขึ้นมา และแล้วเธอก็เห็นตัวเองล้มลงในทันที
จากระยะไกล เฉินจื่อโร่วพูดอย่างตื่นเต้นกับชุยซื่อฮว๋า “สำเร็จแล้ว หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วนะ ”
“ไม่ต้องกังวล รอรูปถ่ายได้เลย ” ชุยซื่อฮว๋ายืนขึ้น ” พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของผม ผมจองสระไหว้น้ำแห่งหนึ่งไว้ อย่าลืมมางานวันเกิดของผมล่ะ ”
“เข้าใจแล้ว” เฉินจื่อโร่วพยักหน้า
ในขณะนี้ หันจื่ออี้ที่นั่งอยู่อีกมุม เห็นหลานเสี่ยวถางและเฉียวโยวโยวล้มหมดสติไป
เขาตกใจและไม่สนใจสิ่งอื่นใด ดังนั้นเขาจึงรีบเดินไปหาทั้งสองคนนั้น
วันนี้ เขาไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเธอที่บริษัท และยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่คิดว่าจะเจอเธอที่ร้านบาร์บีคิวอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างถูกกำหนดไว้เป็นเช่นนี้และเขาไม่อยากทิ้งโอกาสนี้ไปอีก
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังพบว่าหลานเสี่ยวถางหย่ากับสอเพ่ยหลินมาเดือนกว่าแล้ว !
ก่อนที่ชุยซื่อฮว๋าจะเดินไปถึงโต๊ะหลานเสี่ยวถาง หันจื่ออี้ก็ไปถึงก่อนเขา
หันจื่ออี้มองไปที่หลานเสี่ยวถาง ซึ่งอยู่ใกล้มือเขาและดูเหมือนเขาจะลังเลอยู่สองสามวินาที จากนั้นก็ตบไหล่ของเธอเบา ๆ เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยเนื่องจากความเมา “เสี่ยวถาง ? ถางถาง ?
แต่หลางเสี่ยวถางกลับยกเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย และไม่ได้มองที่เขาเลย
ในทันใดนั้น หันจื่ออี้รู้สึกว่าหลานเสี่ยวถางถูกวางยา เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีและโทรหาคนขับ ” ยวี้หมิง เข้ามานี้หน่อย ”
คนขับรถ ยวี้หมิงเข้ามาและเห็นว่ามีผู้หญิงสองคนอยู่ข้างๆ หันจื่ออี้ เขาอดไม่ได้ที่จะถามอย่างตกใจ “ประธานหัน นี่คือ?”
“ยวี้หมิง ช่วยพาเธอไปที่รถ ” หันสจื่ออี้ชี้ไปที่เฉียวโยวโยว
ขณะที่เขาพูด เขาก้มลงวางมือข้างหนึ่งไว้ใต้เข่าของหลานเสี่ยวถางแล้วดึงเธอขึ้นจากมือข้างหนึ่ง และอุ้มเธอขึ้นอย่างง่ายดาย
อีกด้านหนึ่ง เฉินจื่อโร่วที่เห็นดังนี้ เธอกัดฟันด้วยความโมโห
น่าโมโหชะมัด ดวงตาของเธอลุกเป็นไฟ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปของหันจื่อโร่วและสองคนนั้นอย่างต่อเนื่องที่
หลังจากที่หันจื่ออี้อุ้มหลานเสี่ยวถางขึ้นมาก เขามองลงมาที่เธอครู่หนึ่ง เขาโน้มตัวเข้าใกล้แก้มของเธอ ราวกับว่าเขาต้องการจะจูบเธอ แต่ค่อยๆ ขยับออก
“เสี่ยวถาง ฉันกลับมาแล้ว” เขากระซิบบอกเธอในขณะที่อุ้มเธอและรีบเดินออกไป