ตอนที่ 130 อย่าคิดอะไรเกินเลย

“ได้โปรดอย่าฆ่าฉันเลย ฉันก็แค่สงสัยว่าทําไมคุณถึงได้ปล่อยคนที่มีความสามารถพิเศษแบบ เธอไป … จริงๆ แล้วฉันไม่ได้อยากทําร้ายเธอเลยนะ” เซอร์รารีบอธิบายขึ้นมาอย่างร้อนรน และขอร้องให้ซู่เจินปล่อยตัวของเขาไป

“ใช่หรอ ? แล้วทําไมผมเพิ่งได้ยินคุณพูดว่าคุณจะตัดหัวของเธอออกมาเพื่อดูว่าความสามารถของเธอมันทํางานอย่างไร?” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

เซอร์ร่ารีบส่ายหัวขึ้นมาและพูดว่า “ฟังฉันอธิบายก่อน การที่พวกเรามีความสามารถพิเศษแบบนี้ มันก็เปรียบเสมือนกับว่าพวกเรามีความพิเศษมากกว่าคนอื่นๆที่มีความสามารถพิเศษ แล้วทําไมคุณและฉันไม่เอาความสามารถอันนี้ไปทําเรื่องที่มันสําคัญมากกว่านี้ล่ะ? เพราะถึงยังไง พระเจ้าก็ประทานความสามารถพิเศษมาให้กับพวกเราแล้ว ดังนั้นพวกเราก็ไม่สามารถปล่อยให้ ความสามารถพวกนี้มันสูญเปล่าและตกไปอยู่ในมือของคนธรรมดาได้ยังไงจริงไหม ?”

“ที่คุณพูดมาก็มีเหตุผล” ซู่เจินพยักหน้าขึ้นมาเบาๆ

ทันใดนั้นเซอร์ร่าก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าซู่เจินเห็นด้วยกับคําพูดของเขา และเตรียมพร้อมที่จะจู่โจมต่อในขณะที่เหล็กมันยังร้อนอยู่ แต่ก่อนที่เซอร์ร่าจะได้พูดอะไรขึ้นมา เซอร์ร่าก็ได้ยินซู่เจินพูดขึ้นมาเบาๆประโยคหนึ่งว่า “แต่คนๆนั้นมันก็ควรจะเป็นผมเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ก็เพราะว่าคุณมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย”

เซอร์ร่าถึงกับพูดไม่ออก เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดอะไรดี

“ในเมื่อพูดไม่ออกหรือไม่รู้ว่าจะพูดอะไร งั้นก็ไม่ต้องพูดออกมา!”

เมื่อซู่เจินพูดจบทันใดนั้นร่างของเซอร์ร่าก็พุ่งเข้าไปกระแทกเข้ากับกําแพงอย่างรุนแรง

ตูม! ตูม! ตูม!

กําแพงค่อยๆถูกเจาะเป็นรูขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ส่วนทางด้านของเซอร์ร่าในตอนนี้เขาก็เริ่มมึนหัวพร้อมกับค่อย ๆ มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากเขา หลังจากนั้น ร่างของเขาก็ค่อยๆถูกลากเข้าไปหาซู่เจิน

หนังตาของเขาเกือบที่จะปิดสนิทและกําลังจะตาย

“ความสามารถของคุณ … ผมขอละนะ!”

หลังจากซู่เจินพูดจบ เขาก็วางมือของเขาลงบนร่างกายของเซอร์ราพร้อมกับเปิดใช้งานความสามารถในการกลืนกินของเขาทันที แต่มันก็ค่อนข้างยากลําบาก เพราะถึงอย่างไรตอนนี้ร่างกายของเขามันยังปรับสภาพไม่เสร็จและความสามารถเดิมของเขาก็ยังไม่สามารถใช้ได้ ทําให้ตอนนี้มันค่อนข้างยากที่จะกลืนกินความสามารถของเซอร์รา

แต่ถึงอย่างนั้นซู่เจินก็ไม่ได้สนใจอะไรมันมากนัก เพราะถ้ามันเกิดอาการบาดเจ็บเหมือนครั้งนั้น เขาก็แค่หยุดพักเพิ่มอีกสักสองสามวัน

หลังจากนั้นไม่นานซ่เงินก็ค่อยๆปล่อยมือของเขาออกจากร่างกายของเซอร์ร่า พร้อมกับหันหลังเดินไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างช้าๆ ซึ่งเซอร์ร่าก็ถูกลากออกไปเช่นกัน

“คุณรีบไปเก็บของของคุณให้เร็วที่สุด” ซู่เจินหันไปพูดกับอีเดนเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะบังคับร่างของเซอร์ร่าให้บินออกไปทางหน้าต่าง หลังจากนั้นพลังงานของแหวนที่บังคับร่างของเซอร์ร่าอยู่มันก็หายไปในทันที พร้อมกับร่างของเซอร์ร่าที่ตกลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว

“แผละ!”

มีเสียงกระแทกอันหนักแน่นดังขึ้นมา ทําให้ไม่ต้องมองดูก็รู้ว่าจุดจบของเซอร์ร่าเป็นเช่นไร

และเมื่ออีเดนได้ยินเสียงนี้เธอก็รีบกลับไปที่ห้องนอนของเธออย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ออกมาพร้อมกับกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่บนหลังของเธอและกระเป๋าเดินทางอีกใบหนึ่งที่เธอลากออกมา

เซอร์ร่าตายไปแล้วดังนั้นตํารวจจะต้องมาที่นี่อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเธอจะแก้ไขปัญหาได้ แต่มันจะต้องมีเรื่องเดือดร้อนอะไรบางอย่างมาหาเธออย่างแน่นอน

ทําให้อีเดนใช้เวลาไม่นานนักในการเก็บของที่จําเป็นใส่กระเป๋า

“มีแค่นี้อย่างงั้นหรอ ?” ขู่เจินหันไปถามกับอีเดน ซึ่งอีเดนก็พยักหน้าขึ้นมาเบาๆ ทันใดนั้น กระเป๋าเป้และกระเป๋าเดินทางของเธอมันก็หายไปในพริบตาต่อหน้าต่อตาของเธออ

อีเดนมองไปที่ซ่เงินด้วยความสงสัย แต่ทันใดนั้นซู่เจินก็พุ่งเข้ามากอดเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับกระโดดออกไปทางหน้าต่างทันที

“คุณจะทําอะไร รอเดี๋ยวก่อน … “ อีเดนตกใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าตอนนี้เธอและเขากําลังอยู่สูงจากตัวพื้นพอๆกับตึกสูงสิบชั้น และในเมื่อเซอร์ร่าก็ตายไปแล้ว ทําไมเขาจะต้องกระโดดออกมาข้างนอกอีกล่ะ?

“รออะไร ?”

ซู่เจินถามขึ้นมา โดยที่เขากําลังกอดอีเดนเอา พร้อมกับร่างกายของพวกเขาที่ลอยอยู่กลางอากาศ ซึ่งร่างกายของพวกเขาในตอนนี้มันมีชั้นพลังงานสีเขียวเข้มห่อหุ้มร่างกายของพวกเขาเอาไว้อยู่ อีเดนมองไปยังพื้นที่อยู่ด้านล่างและพบว่าเธอในตอนนี้กําลังลอย ทําให้เธอส่ายหัวขึ้นมาเบาๆ และพูดว่า “ไม่… ไม่มีอะไร”

“ก็แล้วไป”

หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็บินกลับมาถึงโรงแรมที่ซู่เจินกําลังพักอยู่

หลังจากเข้ามาในของเรียบร้อยแล้ว ซู่เจินก็หยิบกระเป๋าของอีเดนออกมา ซึ่งอีเดนก็ยืนอยู่เฉยๆ แบบนั้นจนกระทั่งซู่เจินยื่นไวน์แก้วหนึ่งให้กับเธอ และเธอก็ดื่มมันเข้าไปโดยไม่รู้ตัวก่อนที่เธอจะได้สติ

“คุณจะให้ฉันพักอยู่ที่ไหน ?” อีเดนหันไปถามกับซู่เจิน

ดูเหมือนว่าเธอจะตั้งสติได้เร็วมาก หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมา

“ที่นี่ก็ออกจะกว้าง มันไม่พอสําหรับคุณหรือไง ?” ซู่เจินถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“บอกฉันมาเถอะ เพราะถึงยังไงฉันก็เป็นแค่เลขาของคุณ ไม่ใช่คนรัก ดังนั้น … คุณไม่ควรคิดอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น” อีเดนพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง

“คิดอะไรที่เกินเลยไปมากกว่านั้น เช่น…ใช่ไหม ?”

ทันใดนั้นซู่เจินก็เดินไปข้างหน้าของอีเดนอย่างรวดเร็วพร้อมกับโอบไปที่เอวของเธอและดึงตัวของเธอเข้ามา ทันทีที่เขาสัมผัสไปที่ตัวของเธอ เขาก็รู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลและความยืดหยุ่น ส่วนทางด้านของอีเดนก็พ่นลมหายใจออกมาเบาๆและค่อยๆเอามือของเธอไปจับไว้ที่เอวของซู่เจินโดยไม่รู้ตัว

ท่าทางแบบนี้มันดูเหมือนกับว่าเธอกําลังจะทําอะไรบางอย่างกับเขา

ซู่เจินค่อย ๆ ก้มหัวของเขาเข้าไปใกล้ๆ กับอีเดนอย่างช้าๆ ซึ่งในตอนแรกอีเดนก็จ้องมองไปที่เขาด้วยความไม่ยินยอม และเมื่อเธอเห็นสายตาของซู่เจิน เธอก็ถามขึ้นมาเบาๆ ด้วยความไม่มั่นใจอะไรบางอย่างว่า “คุณ … คุณจะไม่ทําอะไรกับฉันโดยที่ฉันไม่ยินยอมใช่ไหม?”

“คุณไม่อยากให้คนอื่นทําอะไรคุณ แต่คุณจะเป็นคนลงมือทํากับพวกเขาเองอย่างงั้นหรอ ?” ซู่เจินไม่ได้ตอบคําถามของเธอ แต่จงใจพูดอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างเฉียบขาด

“เอ่อ … นี่เป็นวิธีเดียวที่ฉันจะตอบคุณที่คุณได้ช่วยชีวิตของฉันเอาไว้”

อีเดนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะค่อยๆเขย่งเท้าของเธอขึ้นมาพร้อมกับจูบไปที่ปากของซู่เจิน ทําให้ซู่เจินถึงกับตอบสนองไม่ทันกับการกระทําของเธอที่ทําขึ้นมาอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นไม่นานเธอก็รีบแยกตัวออกมาจากมือของซู่เจินพร้อมกับถอยห่างออกไปเล็กน้อย

“เป็นผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์อะไรอย่างนี้ …”

ซู่เจินแตะไปที่มุมปากของเขา พร้อมกับส่ายหัวและยิ้มขึ้นมา

“คุณไม่ต้องการเสื้อผ้าที่ผมซื้อมาตอนกลางวันแล้วอย่างงั้นหรอ ? นี่เป็นชุดของคุณ ใส่ให้ผมดูด้วยล่ะ” ซู่เจินพูดขึ้นมากับเอเดน ทันใดนั้นก็มีเสื้อผ้าปรากฏขึ้นมาบนมือของซู่เจิน โดยที่มันกําลังลอยอยู่

อีเดนมองไปที่มันและพูดว่า “นี่มันชุดนอน!”

“ใช่ เพราะว่าตอนนี้มันดึกแล้วไม่ใช่หรอ แน่นอนว่าคุณจะต้องสวมชุดนอนนอน หรือว่าคุณจะสวมใส่ชุดราตรีแบบนั้นนอนอย่างงั้นหรอ ?” ซู่เจินพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง

“ชุดนอนตัวนี้มันบางมาก แถมยังโปร่งใสอีกด้วย แล้ว … พวกถุงน่องพวกนี้มันคืออะไร ? อย่าบอกนะว่าคุณจะให้ฉันใส่ของพวกนี้นอนจริงๆ … “อีเดนถามขึ้นมาพร้อมกับมองไปที่ถุงน่องสีดํา และเสื้อผ้าที่วางอยู่ข้างๆ

“คุณก็ลองสวมใส่มันดู เพราะผมอยากลองดูว่า … มันจะดูดีอย่างที่ผมคิดเอาไว้หรือเปล่า? ซู่เจินพูดขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม

อีเดนพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย หลังจากนั้นเธอก็หยิบเสื้อผ้าขึ้นมา

ส่วนถุงน่อง …. เธอไม่ได้สนใจมันเลยแม้แต่น้อย

“น่าเสียดาย” ซู่เจินส่ายหัวขึ้นมาอย่างผิดหวัง และตะโกนบอกกับอีเดนที่เดินเข้าไปในห้องน้ํา ว่า “คุณจะไม่ลองใส่มันจริงๆงั้นหรอ? ถ้าคุณใส่คู่กับมันมันจะต้องออกมาดูดีอย่างแน่นอน”

“ทําไมคุณไม่ใส่มันเองล่ะ ?” เสียงของอีเดนดังขึ้นมาจากในห้องน้ํา ทําให้ซู่เจินยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุข เพราะเขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูน่าสนใจนิดหน่อย และดูเหมือนว่าช่วงนี้เขาจะมีอะไรให้ทําแก้เบื่อในขณะที่รอร่างกายมันฟื้นฟู