WS บทที่ 132 บริวาร PART 1

“ พ่อมดลีโอ ผมมาแล้วขอรับ” เมอร์ลินกล่าวตรงหน้าประตู

“เข้ามา”

หลังจากได้ยินเสียงของพ่อมดลีโอ เขาก็ได้ผลักประตูเข้าไป

“ พ่อมดลีโอมีอะไรให้ผมช่วยหรือขอรับ” เมอร์ลินขณะโค้งคํานับทักทายเขา

ดวงตาที่กลวงโบได้หันมามองเมอร์ลินนั่นทําให้รู้สึกขนลุก โชคดีที่เขาพบกับพ่อมดลีโออยู่บ่อยครั้งทําให้เขาพอจะมีภูมิต้านทานขึ้นมาบ้าง

*หวุ่ม*

พ่อมดลีโอไม่ตอบอะไร เขาทําเพียงโบกมือขึ้นไปในอากาศ อักษรรูนจํานวนมากมายรวมตัวกัน

เมอร์ลินมองไปที่ใจกลางของอักษรรูน เขามองเห็นฉากที่เมอร์ลินสังหารชายชราผมเงิน

“นี่มัน”

เมอร์ลินตัวสั่นเล็กน้อย เขาจ้องมองใบหน้าของพ่อมดลีโอด้วยความหวาดกลัว

“เจ้าอย่าได้กังวลไปเลยเมอร์ลิน ภาพพวกนี้พ่อมดชุดเทาส่งมาให้ข้า โดยปกติพวกพ่อมดชุดเทาจะต้องแจ้งให้ข้าทราบหากอยู่ ๆ มีลูกศิษย์ของตัวเองเป็นนักเวทย์หกธาตุ”

พ่อมดลีโอจ้องมองมาที่เมอร์ลิน สายตาของเขามันทําให้เมอร์ลินรู้สึกว่าเขาสามารถมองทะลุไปในจิตใจของเขาได้ จากนั้นรอยยิ้มได้ปรากฏบนมาบนใบหน้าอันน่ากลัวของพ่อมดลีโอ มันให้ความรู้สึกสะพรึงกลัวมากกว่าจะรู้สึกสบายใจ

“ระเรื่องนี้ผมแค่โชคดีเท่านั้น…” เมอร์ลินก้มศีรษะและพูดเบา ๆ

“มันคงไม่ใช้โชคที่มาได้อย่างง่ายดาย พ่อมดชุดเทาบอกข้าว่าพลังของเจ้าที่เอาไปใช้สร้างคาถาระดับศูนย์ทั้งหก มันสามารถเอาไปสร้างคาถาระดับหนึ่งได้ ข้าไม่คิดจะยุ่งวุ่นวายกับการตัดสินใจของเจ้าหรอกนะแต่ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะไม่ยอมแพ้ในการเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งใช่หรือไม่ เพราะถ้าใช่มันก็คงเป็นเรื่องน่าเสียเนื่องจากทางดินแดนมนต์ดําไม่มีนักเวทย์หกธาตุมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว” พ่อมดลีโอกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาโลหิตบนหน้าผากของเขาจ้องตรงมาที่เมอร์ลิน มันทําให้เขารู้สึกกดดันมาก ๆ

เมอร์ลินจ้องกลับไปที่พ่อมดลีโอและพูดว่า “ผมไม่มีทางยอมแพ้ อาจารย์ลีโอผมจะเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งแน่นอน ขอให้ท่านอาจารย์ลีโอวางใจได้เลย!”

“เยี่ยมมาก เมื่อได้เห็นเจ้า ข้าก็นึกถึงวันที่มาดินแดนมนต์ดําเป็นครั้งแรก ตัวข้าเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ข้าเองก็ต้องการเป็นนักเวทย์ห้าหรือหกธาตุแต่ทว่าข้าไม่สามารถทําได้เลยหยุดแค่สี่ธาตุเท่านั้น”

พ่อมดลีโอถอนหายใจอย่างเศร้า ๆ ส่วนเมอร์ลินยังคงเงียบไปพูดอะไร เขาคิดว่าคนอย่างพ่อมดลีโอไม่มีทางเรียกเขามาเพื่อตัดพ้อเรื่องอดีตหรอก

จากนั้นพ่อมดลีโอได้เปลี่ยนน้ำเสียงอย่างรวดเร็วและพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นว่า

“ตอนนี้เจ้ามีหกธาตุดังนั้นจึงจําเป็นต้องใช้พลังจิตมหาศาลในการเลื่อนขึ้นไปแต่เจ้ามีเวลาเหลือเพียงสองปีครึ่งเท่านั้น” เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเมอร์ลินไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เขาจึงพูดต่อไปว่า “ส่วนพวกคาถาระหนึ่งหนึ่งมีราคาสูงมาก มีตั้งแต่หลักสิบจนไปถึงหลักร้อย อย่างไรก็ตามหากเจ้าเข้าร่วมการงานชุมของนักเวทย์ที่ทางดินแดนมนต์ดําได้จัดขึ้นในฐานะตัวแทนของหอคอยของข้า หากเจ้าได้อันดับที่น่าพอใจ ข้าอาจจะมอบคาถาระดับหนึ่งที่เจ้าต้องการโดยไม่ต้องเสียแต้มสนับสนุนแม้แต่แต้มเดียว”

“ไม่ต้องเสียเลยสักแต้ม!”

ข้อเสนอดึงดูดความสนใจของเมอร์ลินอย่างมาก อย่างที่พ่อมด]นFVพูดการจะสร้างคาถาระดับหนึ่ง มันต้องใช้แต้มสนับสนุนจํานวนมากและอีกอย่างแค่ยังเหลือเวลอีกไม่มากดังนั้นมันคงจะดีที่เขาได้รับคาถาระดับหนึ่งมาฟรี ๆ

หลังจากที่เมอร์ลินตรองอยู่พักหนึ่ง เขาก็ยอมรับข้อเสนอ “ขอบคุณมากขอรับที่อาจารย์ให้โอกาสผม”

“ฮ่าฮ่า ข้าเองก็รู้ดีว่าเหล่านักเวทย์ที่ส่งมาที่หอคอยของข้าเป็นพวกไม่ได้เรื่อง เจ้าพวกตาเฒ่าพวกนั้นมันล้อข้ามาหลายปีแล้วดังนั้นเจ้าต้องได้อันดับดี ๆ นอกจากมันจะทําให้ข้าสะใจ มันยังมีผลดีกับเจ้าด้วย

งานชุมนุมนี้จัดขึ้นทุก ๆ สามปี ส่วนใหญ่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะเป็นพวกที่ยังไม่เป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ หากพวกเขาทําได้ดี พวกเขาก็จะได้รับเลือกไปยังหอคอยนั้น ๆ

ตัวข้าเองก็ไม่ใช่พวกเขาชอบสั่งสอนใครซะด้วย ถ้าหากเจ้าอยากไปอยู่กับใครก็เชิญเลย ข้ายินดีที่จะให้พวกเขาพาตัวเจ้าไป”

เมอร์ลินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดหวังว่างานชุมนุมนี้จะทําให้เขาได้รับโอกาสเปลี่ยนหอคอย ถ้าหากคุณแสดงความสามารถที่โดดเด่นออกมา คุณก็สามารถเป็นลูกศิษย์ของนักเวทย์เก่ง ๆ ได้

“เอาล่ะ ไปเตรียมตัวได้แล้ว” เมื่อพ่อมดลีโอพูดธุระเสร็จแล้ว เขาก็ไล่เมอร์ลินออกไปทันที

เมอร์ลินโค้งคํานับเล็กน้อย ก่อนจะออกไปจากห้องของเขา

เขาจะต้องเตรียมสําหรับงานชุมนุนมที่กําลังจะมาถึงโดยจะจัดขึ้นในอีก 1เดือนข้างหน้า ด้วยเวลาเพียงเท่านี้ก็เพียงพอสําหรับเมอร์ลินแล้วแต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้ประมาทนักเวทย์คนอื่น ๆ ในดินแดนมนต์ดํา พวกเขาบางคนก็แข็งแกร่งพอ ๆ กับนักเวทย์ระดับหนึ่งด้วย

ดังนั้นเขาจึงยกเลิกการศึกษาคาถาเพลิงพิโรธก่อน เขาต้องให้ความสนใจในงานชุมนุมและอีกอย่างพลังจิตของเขาไม่พอที่จะสร้างมันด้วย

“ถ้าฉันสามารถผสมน้ำยามนตราอสูรได้สําเร็จ พลังจิตของฉันจะเพิ่มขึ้นมา บางทีฉันอาจจะสร้างคาถาระดับหนึ่งได้”

แต่อย่างไรก็ตาม มันไม่ง่ายเลยที่จะปรุงยา เมอร์ลินไม่เคยคิดจะเรียนศาสตร์ปรุงยามาก่อนเลย เห็นได้ชัดว่าเมื่อถึงเวลาจําเป็นศาสตร์ต่าง ๆ มันก็มีความสําคัญ

“ฉันควรจะไปปรึกษาพ่อมดฮาวล์”

เมื่อนึกถึงเรื่องปรุงยา เขานึกถึงพ่อมดฮาวล์เป็นคนแรก เมื่อตัดสินใจได้แล้ส เขาจึงตรงไปชั้นหนึ่งของหอคอย

“สวัสดี พ่อมดฮาวล์”

เมื่อมาถึงชั้นหนึ่ง เมอร์ลินกับพบกับพ่อมดฮาวล์ตามที่เขาคาดไว้ ตอนนี้ฮาวล์กําลังหมกหมุ่นอยู่กับการศึกษายาสีเขียวเข้มที่เหนียวหนืดและส่งกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ออกมา

“ถ้ามีธุระอะไรก็รีบพูดมา” ฮาวล์กล่าวโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง

เมอร์ลินส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขารู้สึกว่าพ่อมดตรงหน้าคลั่งไคล้การทําน้ำยาอย่างมาก เขาจึงรีบเข้าประเด็นทันที

“พ่อมดฮาวล์ ฉันมาที่นี่เพื่อของคําปรึกษาคุณเกี่ยวกับการปรุงยาและพวกวัตถุดิบต่าง ๆ”

“ถ้าคุณอยากรู้เรื่องการปรุงยากเข้าชั้นเรียนการปรุงยาซะสิ ทําไมต้องมาหาฉัน” ฮาวล์กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

เขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าพ่อมฮาวล์จะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ เขาจึงหยิบดอกไม้สีฟ้าจากแหวนออกมา

“หื้ม? นั่นมันดอกไม้ครามเสน่ห์ที่เป็นส่วนผสมหลักของน้ำยาดวงใจสีคราม คุณไปเอามันมาจากไหน” เขาจ้องมองดอกไม้ในมือของเมอร์ลินด้วยสายตาที่เป็นประกาย

เมอร์ลินยิ้มเล็กน้อย “พอดี ฉันเจอมันโดยบังเอิญระหว่างที่ทําภารกิจ ในเมื่อฉันไม่รู้ว่ามันทําอะไรได้ ฉันจึงขอมอบดอกไม้ให้คุณพ่อมดฮาวล์”

เขามีส่วนผสมมากมายหลายชนิดในแหวนของของเขาและเขาก็รู้ถึงคุณค่าของดอกไม้ครามเสน่ห์ หากอีกฝ่ายได้รับจะต้องพึงพอใจอย่างแน่นอน

ทางด้านพ่อมดฮาวล์รับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นน้ำเสียงของเขาก็ดูเป็นมิตรมากขึ้น

“คุณคือพ่อมดเมอร์ลินสินะ หากคุณอยากรู้เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับการปรุงยา ฉันสามารถสอนทุกได้ทุกวัน วันละหนึ่งชั่วโมง ฉันพอจะมีความรู้เรื่องอยู่บ้างเล็กน้อย”

เมอร์ลินพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นเขาก็เริ่มถามคําถามเกี่ยวกับการปรุงยาทันที

ผ่านไปหลายวัน เมอร์ลินก็มาหาฮาวล์อยู่บ่อยครั้งไม่ว่า เขาจะถามอะไรฮาวล์ก็ยินดีตอบเขาทุกข้อ

ด้วยเหตุนี้ทําให้เมอร์ลินเข้าใจการปรุงยาแบบคร่าว ๆ ตัวเขานั้นไม่ได้คิดว่าศึกษาการปรุงยาแบบจริงจัง เขาแค่ต้องการทําความเข้าใจขั้นตอนการทํายา ส่วนพวกส่วนผสมต่าง ๆ เขาจะให้เดอะเมทริกซ์คํานวนและสร้างสูตรขึ้นมา

10วันต่อมา เมอร์ลินอยู่เงียบ ๆ ในห้องกว้างเพียงลําพัง

ในห้องมีโต๊ะไม้ยาว บนโต๊ะมีเครื่องแก้วสําหรับการปรุงยามากมาย

เขาใช้แต้มสนับสนุนเกือบ 20แต้มในการแลกพวกมันมากจากหอสมุด พวกนี้เป็นเครื่องมือสําหรับมือสมัครเล่นเท่านั้น หากต้องการทางที่ดีกว่านี้ต้องใช้หลายร้อยแต้มสนับสนุน

เมอร์ลินหยิบส่วนผสมออกมาจากแหวน ตอนนี้เขาไม่ได้กําลังทําน้ำยามนตราอสูรแต่เขากําลังทดลองปรุงน้ำยาห้ามเลือด

ยาตัวนี้ง่ายต่อการปรุง มันสามารถหยุดเลือดได้อย่างรวดเร็ว มันเป็นสูตรยาเริ่มต้นที่พ่อมดฮาวล์และนําสําหรับคนที่เพิ่งจะเรียนรู้การปรุงยา

นอกจากนี้ เมอร์ลินได้ใช้เดอะเมทริกซ์วิเคราะห์อัตราส่วนอย่างแม่นยํา ทําให้น้ำยาห้ามเลือดอันนี้มีผลลัพธ์ที่ดีกว่าของนักเวทย์ทั่วไปปรุงขึ้นมา

“เดอะเมทริกซ์เปิดใช้งานสูตรน้ำยาห้ามเลือด ควบคุมอัตราส่วนอย่างแม่นยําและทําตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด

เมอริ้ลนได้บันทึกสูตรลงไปในเดอะเมทริกซ์ก่อนหน้านี้ เมื่อถึงเวลาจะใช้เข้าก็แค่เปิดสูตรออกมาและทําตาม

*ก๊อก ก๊อก ก๊อก*

ในขณะที่เขาจะลงมือทํา จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาและเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นมา

“พ่อมดเมอร์ลิน นี่เลอแรนก้าเอง”

“แม่มดเลอแรนก้าหรือ? ไม่ใช่ว่าเธอกําลังสร้างคาถาระดับหนึ่งเพลิงพิโรธอยู่นี่” เมอร์ลินขมวดคิ้วและหยุดทําทุกอย่างชั่วคราว เขารู้สึกแปลกมากที่เลอแรนก้าโผล่มาหาเขาในเวลาแบบนี้