“แล้วนี่ตกลงว่าโมโกะเขาไม่ได้บอกอะไรคุณพ่อก่อนที่จะมาที่นี่เลยหรอครับ?”
 

นากาที่ได้พบกับคุณพ่อของโมโกะที่ด้านหน้าคลินิกของอารอนนั้นได้เอ่ยปากถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจที่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่ได้รู้เรื่องที่โมโกะได้เดินทางเข้าเมืองรีมินัสมาพร้อมกันกับพวกเขาก่อนที่นากาจะพาคุณพ่อของโมโกะเข้าไปนั่งพักผ่อนด้านในคลินิกให้หายเหนื่อยกันก่อน

 

ซึ่งคาร์เทียร์ที่ทำหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับนั้นก็ได้พาพวกเขาเข้าไปนั่งพักกันที่ด้านในห้องพักพนักงานก่อนจะเดินออกไปตามตัวอารอนมาให้พวกเขา ส่วนทางด้านคุณพ่อของโมโกะนั้นก็พอจะรู้สึกสงบใจลงได้บ้างเมื่อเขาเห็นว่านากาไม่ได้มีท่าทีตื่นตระหนกอะไรหลังจากได้ยินว่าโมโกะหายตัวไปซึ่งนั่นก็น่าจะหมายความว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าของเขาน่าจะรู้ว่าโมโกะที่หายตัวไปนั้นกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนกันแน่

 

“อื้ม ก็วันนั้นพ่อชวนโมโกะเขาออกไปหาของป่ากันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างใช่มั้ยล่ะ แล้วตอนผ่านที่คลินิกของคุณอารอนพวกเราก็เห็นว่าคุณอารอนเขานั่งรถกลับมาพอดี แล้วพ่อก็คิดว่าโอกาสที่จะได้เห็นรถยนต์ในหมู่บ้านของเราไม่ได้มีบ่อยๆ ก็เลยปล่อยให้โมโกะเขาสำรวจรถไปก่อน แล้วหลังจากนั้นก็มีเสียงอะไรสักอย่างระเบิดขึ้นมาพ่อก็เลยรีบกลับมาที่หมู่บ้านแต่ก็หาตัวโมโกะไม่เจอแถมผ่านไปเป็นวันโมโกะก็ยังไม่กลับมาที่บ้านสักทีทุกคนที่หมู่บ้านก็เลยวุ่นวายกันใหญ่เลยนั่นล่ะ”

 

คุณพ่อของโมโกะพูดอธิบายออกมายืดยาวด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงในขณะที่นากานั้นก็ได้แต่ยกมือขึ้นมาเกาหัวด้วยความลำบากใจเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอธิบายที่ตรงไหนก่อนดีเหมือนกัน

 

“คือแบบว่า… หลังจากที่มีดาวตกร่วงลงมาแล้วมันก็เกิดเรื่องอะไรขึ้นมานิดหน่อยน่ะครับโมโกะเขาก็เลยต้องติดรถมาที่รีมินัสนี่ด้วย แล้วตอนนี้ก็พักอยู่ในเมืองด้วยกันนี่ล่ะครับ…”

 

“เฮ้อ… งั้นเองหรอ ถ้ายังปลอดภัยอยู่ก็ดีแล้วล่ะ… แต่ว่าโมโกะนี่ก็จริงๆ เลยนะ ถ้าเกิดว่ายังปลอดภัยดีอยู่แล้วทำไมไม่รู้จักส่งข่าวอะไรกลับมาที่หมู่บ้านบ้างเนี่ย แล้วไหนจะยังมีเรื่องที่ว่าจะเอายังไงต่อหลังเรียนจบแล้วนี่อีกด้วย อาจารย์ที่หมู่บ้านเขาบอกพ่อว่าโมโกะยังไม่ได้แจ้งทางโรงเรียนไปเลยนี่”

 

“อ้อ ถ้าเรื่องนั้นคุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกครับตอนนี้โมโกะเขาได้เขาเรียนต่อที่โรงเรียนของที่นี่แล้วล่ะครับ”

 

“ห—หะ—!?”

 

ทันทีที่คุณพ่อของโมโกะได้ยินคำว่าเรียนต่อที่โรงเรียนของที่นี่จากปากของนากานั้นเขาก็ถึงกับชะงักไปในทันทีและหันกลับมาถามนากาด้วยสีหน้าจริงจัง

 

“โรงเรียนของที่นี่ที่เธอว่านั่นอย่าบอกนะว่าหมายถึงโรงเรียนรีมินัสน่ะ!?”

 

“ใช่แล้วล่ะครับ ตอนสอบเข้าที่ทางโรงเรียนให้สู้กับนักเรียนของที่นี่โมโกะเขาตั้งใจสู้มากจนฝืนใช้วิซเกินตัวถึงขั้นสลบไปเลยล่ะครับแต่ก็โชคดีที่เหมือนว่าฝีมือของเธอเหมือนจะถูกใจอาจารย์คุมสอบเข้าก็เลยผ่านการทดสอบมาได้น่ะครับ”

 

“แล้วทำไมเธอถึงไม่ห้ามโมโกะเอาไว้ล่ะ!?”

 

“ก—ก็อยู่ดีๆ โมโกะเขาก็ฝืนใช้พลังไม่บอกไม่กล่าวก็เลยไม่มีใครห้ามเอาไว้ได้ทันน่ะครับ…”

 

“ไม่ใช่! ฉันหมายถึงว่าทำไมเธอไม่ห้ามโมโกะเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่โมโกะบอกว่าจะสอบเข้าน่ะ!! ตอนนี้โมโกะอยู่ที่ไหน พ่อขอไปคุยกับโมโกะเขาตอนนี้เลยได้หรือเปล่า!?”

 

“เอ่อ…”

 

นากาที่ได้ยินคำพูดของคุณพ่อของโมโกะนั้นได้แต่ยืนนิ่งด้วยความมึนงงที่อีกฝ่ายดูเหมือนว่าจะไม่ดีใจเลยแม้แต่น้อยที่ลูกสาวของตัวเองสอบเข้าเรียนในโรงเรียนอันดับหนึ่งของเมืองหลวงได้ และในขณะที่นากากำลังตั้งสติอยู่นั้นเองอารอนก็ได้เดินเข้ามาภายในห้องพักพร้อมกับพูดขึ้นมา

 

“ก็เอาสิครับ…”

 

“คุณหมออารอนรู้หรอครับว่าตอนนี้โมโกะเขาอยู่ที่ไหนน่ะ!?”

 

“ครับ… ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะฝากให้พยาบาลพาคุณพ่อไปหาโมโกะเขาตอนนี้เลยดีมั้ยล่ะครับ…”

 

“ถ–ถ้าไม่เป็นการรบกวนงั้นก็ขอฝากด้วยนะครับ…”

 

“ถ้างั้นเชิญคุณพ่อตามผมมาทางนี้ได้เลยครับ…”

 

คุณพ่อของโมโกะที่กำลังใจร้อนจนแทบลุกเป็นไฟอยู่นั้นรู้สึกเหมือนกับถูกสาดน้ำเย็นเข้าใส่เพื่อเรียกสติเมื่อเขาได้ยินว่าอารอนจะฝากให้พยาบาลสาวผมบลอนด์เป็นคนพาเขาไปหาลูกสาวของเขา เพราะว่าภาพใบหน้าเปื้อนยิ้มของคุณพยาบาลสาวในขณะที่กำลังทำการรักษาคนไข้ที่แวบขึ้นมาในหัวของเขานั้นถึงกับทำให้เขาไม่กล้าใจร้อนอีกต่อไป

 

ส่วนทางด้านที่อารอนกำลังจะเดินนำคุณพ่อของโมโกะออกไปจากห้องพักนั้นก็สัมผัสได้ถึงแรงกระตุกที่ชายเสื้อของตนก่อนที่เขาจะพบว่าคาร์เทียร์ที่ยืนดูพวกเขาคุยกันอยู่อย่างเงียบๆ ในทีแรกนั้นได้เดินเข้ามาจับเสื้อของเขาเอาไว้เหมือนกับว่าไม่อยากจะให้เขาจากไปไหนจนทำให้อารอนต้องหยุดเดินลงก่อนเพื่อที่จะยกมือขึ้นไปลูบหัวของเธอเบาๆ

 

“ฉันออกไปบอกคุณพยาบาลเขาไม่นานหรอก… เธอเป็นเด็กดีแล้วก็รออยู่ในห้องนี้กับนากาเขาก่อนนะคาร์เทียร์…”

 

“ค่ะ…”

 

เด็กสาวผมสีเทาได้พยักหน้าตอบอารอนกลับไปด้วยท่าทางหงอยๆ ก่อนที่เธอจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะกับนากาและจัดการเทกาแฟจากเหยือกลงใส่ถ้วยสองใบสำหรับตัวเองและนากาพร้อมกับหยิบเอากระปุกน้ำตาลออกมาตั้งเอาไว้และพูดถามนากาขึ้นมา

 

“คุณลุงคนนั้นคือคุณพ่อของพี่โมโกะหรอคะพี่นากา?”

 

“ใช่แล้วล่ะ… ดูเหมือนว่ายัยโมโกะจะไม่ได้บอกอะไรคุณพ่อเอาไว้ก่อนจะมาที่นี่น่ะสิคุณพ่อเขาก็เลยใจร้อนจนรีบมาหาอารอนที่น่าจะรู้เรื่องน่ะ… แต่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะเพราะว่าคุณพ่อเขาก็เหลือแค่โมโกะคนเดียวแล้วนี่นา…”

 

นากาพูดตอบคาร์เทียร์กลับไปพร้อมกับหยิบเอาก้อนน้ำตาลออกมาจากกระปุกสองสามก้อนพร้อมกับหย่อนมันลงไปในถ้วยกาแฟของตนและคนมันให้เข้ากัน ซึ่งคาร์เทียร์นั้นก็เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจกับคำพูดของเขาและพูดถามขึ้นมา

 

“เอ๋ะ? แล้วคุณแม่ของพี่โมโกะเขาล่ะคะ?”

 

“เรื่องนั้น… เอาเถอะ… ถ้าเล่าให้เธอฟังโมโกะคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง…”

 

นากาก้มหน้าลงไปคิดดูสักพักหนึ่งก่อนที่เขาจะพูดพึมพำออกมาและยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบและสัมผัสได้ถึงรสชาติกาแฟฝีมือของอารอนที่ถึงแม้ว่ามันจะเป็นกาแฟค้างคืนแต่ว่ามันก็ยังอร่อยกว่าน้ำต้มผงกาแฟฝีมือเอริกะที่เพิ่งจะชงเสร็จใหม่ๆ อย่างลิบลับ

 

ซึ่งคาร์เทียร์ที่เห็นนากายกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบนั้นก็ได้ยกถ้วยกาแฟดำของเธอที่ไม่ได้ผสมน้ำตาลหรือว่านมขึ้นมาจิบบ้างก่อนที่เธอจะทำหน้ายี้และแลบลิ้นออกมาด้วยความขมของมันจนทำให้นากาแทบจะหลุดหัวเราะออกมา

 

“ไหวมั้ยนั่นคาร์เทียร์? เอาน้ำตาลหรือว่านมหน่อยมั้ย?”

 

“ม…ไม่เป็นไรค่ะ… น…หนูแค่อยากฝึกเอาไว้ก่อนเฉยๆ น่ะค่ะ… เพราะเห็นว่าพี่อารอนเขากินแบบไม่ใส่ทั้งน้ำตาลทั้งนมเลย…”

 

“เธอก็อย่าไปเลียนแบบอารอนเขาสิ รายนั้นน่ะไม่รู้ว่ากินเข้าไปได้ยังไงกาแฟดำขมๆ แบบนั้นน่ะ… ดีนะว่าหลังๆ มานี้เหมือนอารอนจะรู้แล้วว่าคนอื่นกินแบบนั้นกันไม่ไหวก็เลยเตรียมน้ำตาลเอาไว้ให้ด้วยน่ะ แล้วถ้าโชคดีบางทีก็มีนมแถมมาให้ด้วย”

 

“หนูว่าพี่อารอนต้องลิ้นพังไปแล้วแน่ๆ เลยอ่ะ…”

 

“ฮะฮะ… ส่วนเรื่องคุณแม่ของโมโกะนั่น… เห็นคุณพ่อเขาบอกว่าคุณแม่ของโมโกะเขาเสียไปตั้งแต่โมโกะยังตัวเล็กๆ อยู่เลยนั่นล่ะ ตอนนี้เธอก็เลยอาศัยอยู่กับคุณพ่อที่เป็นพรานป่ากันแค่สองคนน่ะ”

 

คำตอบของนากานั้นถึงกับทำให้คาร์เทียร์เบิ่งตากว้างด้วยความตกใจ เพราะเธอคาดไม่ถึงเลยว่าคนที่ดูร่าเริงๆ อย่างโมโกะนั้นจะมีความหลังอะไรแบบนั้นด้วย

 

“จริงหรอคะ? หนูเห็นพี่เขาดูร่าเริงขนาดนั้นแท้ๆ …แต่ว่าก็เคยผ่านอะไรแบบนั้นมาด้วยเหมือนกันหรอคะเนี่ย…”

 

“หือ… อารอนนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ แหะ…”

 

นากาที่ได้ยินคำพูดของคาร์เทียร์ได้แต่พูดพึมพำขึ้นมาเบาๆ ด้วยความนับถือในตัวอารอน เพราะว่าถ้าจะให้พูดถึงเรื่องความสูญเสียล่ะก็ เด็กสาวตรงหน้าของเขานั้นเพิ่งจะผ่านการสูญเสียครั้งใหญ่มา ไม่ว่าจะเป็นสาวใช้เจนที่รักเธอเหมือนกับลูกแท้ๆ และเวก้าที่เธอเคยนับว่าเป็นพ่อ หรือแม้แต่กระทั่งชื่อจริงๆ ของเธออย่างชื่อแมรี่ที่เธอไม่อาจจะใช้มันได้อีกต่อไปแล้ว

 

แต่ถึงแบบนั้นในเวลาเพียงแค่ไม่ถึงสองสัปดาห์คาร์เทียร์ก็กลับมามีท่าทางปกติดีแล้วแถมยังดูร่าเริงกว่าเด็กธรรมดาๆ ทั่วๆ ไปด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่เธอเคยเล่าให้พวกเขาฟังว่าในตอนที่เกิดเรื่องขึ้นเธอเกือบจะคิดสั้นเอากรรไกรของคุณแม่เธอมาจบชีวิตของตัวเองซะด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นก็คงจะต้องยกความดีความชอบให้กับอารอนที่เป็นคนคอยดูแลคาร์เทียร์มาตลอดหลังจากที่เกิดเรื่องนั้นขึ้นมา

 

“เอ๋ะ? พี่อารอนเขาทำไมหรอคะ?”

 

“เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก… เอาเป็นว่ากลับมาเรื่องโมโกะเขาต่อกันดีกว่า…”

 

นาการีบพูดปฏิเสธคาร์เทียร์ที่ดูเหมือนว่าจะหูดีกว่าเด็กทั่วไปอยู่หลายเท่ากลับไป ก่อนที่เขาจะหันกลับไปเตือนคาร์เทียร์เกี่ยวกับเรื่องคุณแม่ของโมโกะ

 

“ปกติแล้วโมโกะเขาจะไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่น่ะ เพราะงั้นถ้าเป็นไปได้เธอก็อย่าเอาไปถามโมโกะเขาละกันนะ…”

 

“นั่นสินะคะ แต่เอาจริงๆ ถ้าเกิดว่าพี่นากาไม่ได้พูดขึ้นมาหนูก็คงจะไม่อยากรู้จนพูดถามขึ้นมาหรอกค่ะ”

 

“อ้าว กลายเป็นว่าฉันผิดซะงั้น…”

 

“คิกคิก~”

 

เสียงหัวเราะคิกคักของคาร์เทียร์นั้นทำให้นากาต้องหันไปหรี่ตามองเธออย่างดุๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้คิดอะไรจริงจังสักเท่าไหร่นักก่อนจะเล่าออกมาให้เธอฟังต่อ

 

“แต่ก็นั่นแหล่ะ โมโกะเขาก็ไม่ได้อยากจะคิดถึงเรื่องอะไรแบบนั้นสักเท่าไหร่น่ะเพราะงั้นฉันก็เลยไม่ค่อยจะรู้อะไรมากเหมือนกัน เท่าที่โมโกะเคยเล่าให้ฉันฟังดูเหมือนว่าคุณแม่ของเธอจะเป็นแม่ค้าที่นำสินค้าจากหมู่บ้านมาขายในเมืองรีมินัสน่ะ แต่มีอยู่วันนึงคุณแม่ของโมโกะเขานำสินค้ามาขายตามปกติแต่ว่าดันเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจนถูกส่งเข้าโรงบาลในเมืองไป แล้วกว่าคุณพ่อของโมโกะจะได้ข่าวแล้วก็เดินทางมาถึงมันก็สายไปแล้วน่ะ”

 

“เอ๋ะ? แต่ว่าต่อให้จะเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงขนาดไหนก็เถอะ ถ้าได้พี่อารอนลงมือรักษาให้ซะอย่างก็น่าจะรอดอยู่แล้วนี่คะ?”

 

“เห็นว่าตอนนั้นอารอนก็พยายามจะติดต่อเพื่อเข้าไปช่วยรักษาแล้วเหมือนกัน แต่ว่าเขาถูกทางโรงพยาบาลปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วมการรักษาเพราะว่าเขาไม่ได้เป็นแพทย์ของทางโรงพยาบาลหรืออะไรสักอย่างเนี่ยล่ะ”

 

“ทั้งๆ ที่พี่อารอนเขาก็มีใบรับรองที่ทางโรงพยาบาลออกให้นั่นน่ะหรอคะ?”

 

คาร์เทียร์พูดถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจพลางหันไปมองใบวุฒิบัตรที่ถูกติดเอาไว้บนกำแพงห้องด้วยความฉงนใจจนทำให้นากาต้องพูดอธิบายออกมาเพิ่มเติม

 

“อ่า…ดูเหมือนว่าต่อให้จะมีใบประกาศนั่นแต่ว่าพวกเขาก็ไม่ยอมให้เข้าไปร่วมรักษาเพราะว่าไม่ใช่คนที่พวกเขาไว้วางใจหรืออะไรทำนองนั้นน่ะ”

 

“เอ๋… อะไรกันล่ะคะนั่น? ไม่ใช่ว่าถ้ามีคนที่มีความสามารถมากกว่าตนเองมาช่วยก็ควรจะยอมให้เขารักษาคนไข้แต่โดยดีไม่ใช่หรอคะ? ยิ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนอย่างคนเจ็บจากอุบัติเหตุแบบนั้นแล้วด้วย…”

 

“ก็ถ้าตามปกติแล้วมันก็ควรจะเป็นแบบนั้นแหล่ะ ในเมื่อตัวเองไม่มีความสามารถมากพอที่จะยื้อชีวิตคนไข้เอาไว้แล้วก็ควรจะหลบให้คนอื่นที่เขามีความสามารถมากกว่ามารักษาคนไข้ให้แทนใช่มั้ยล่ะ… จะว่าไปแล้วทำไมหมอพวกนั้นไม่ยอมให้อารอนเข้าไปรักษาล่ะเนี่ย เรื่องนั้นมันเกี่ยวข้องกับชีวิตคนเลยนะ…”

 

“เฮ้อ…กลับมาแล้ว…”

 

ในขณะที่นากากำลังขมวดคิ้วพูดขึ้นมาอยู่นั้นก็ได้มีเสียงถอนหายใจของอารอนดังขึ้นมาจากทางประตูทางเข้าก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาด้านในจนทำให้คาร์เทียร์ละความสนใจไปจากนากาในทันทีและลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะเดินเข้าไปยืนข้างๆ อารอนในพริบตา

 

“เป็นยังไงบ้างคะพี่อารอน คุณพ่อของพี่โมโกะเขามีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ?”

 

“ไม่มีปัญหาอะไรหรอก… ฉันแค่ลำบากใจนิดหน่อยเพราะว่าที่คุณพ่อของโมโกะเขาต้องเดินทางมาถึงรีมินัสนี่มันเป็นเพราะว่าฉันรีบร้อนพาพวกนากาเขาออกมาจากหมู่บ้านน่ะ… ส่วนคุณพ่อของโมโกะตอนนี้ได้คุณพยาบาลพาเขาไปที่คฤหาสน์แล้วล่ะ…”

 

“ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า ที่ตอนนั้นนายรีบพาพวกฉันหนีออกมามันก็เพื่อความปลอดภัยของพวกฉันกับคนในหมู่บ้านไม่ใช่หรอ เพราะงั้นนายไม่ต้องโทษตัวเองหรอก”

 

“ถึงนายจะพูดแบบนั้นก็เถอะนะ…”

 

อารอนยกมือขึ้นมาเกาะหัวตัวเองด้วยท่าทีลำบากใจอย่างที่นากาไม่ค่อยจะมีโอกาสได้เห็นสักเท่าไหร่ก่อนที่เขาจะเหลือบไปเห็นแก้วสีชมพูของคาร์เทียร์ที่มีกาแฟสีดำสนิทเหลืออยู่เกือบจะเต็มแก้วจนทำให้อารอนมั่นใจได้ว่าในตอนที่เขาออกไปข้างนอกห้องมาเมื่อสักครู่นั้นคาร์เทียร์คงจะแอบลองกินกาแฟแบบที่ไม่ผสมทั้งนมและน้ำตาลอีกครั้งหนึ่งแล้วแน่ๆ

 

“คาร์เทียร์… ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าถ้ากินแบบเปล่าๆ ไม่ไหวก็ให้ใส่น้ำตาลหรือว่านมเพิ่มก็ได้น่ะ…”

 

“แต่หนูอยากลองกินแบบพี่อารอนดูนี่นา…”

 

“ให้ตายสิ เธอเนี่ยน๊า…”

 

อารอนพูดบ่นออกมาเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรคาร์เทียร์ออกมาก่อนที่เขาจะยิ้มบางๆ และยื่นมือไปลูบหัวของเธอด้วยความเอ็นดูแล้วจึงค่อยหันกลับไปพูดถามนากาขึ้นมา

 

“ว่าแต่… นายมาที่นี่มีธุระอะไรหรือเปล่าน่ะนากา…? หรือว่าแค่มาเยี่ยมกันเฉยๆ ล่ะ…?”

 

“เออจริงด้วย! มีคนฝากข้อความมาถึงนายน่ะ”

 

“ข้อความ…? จากเอริกะหรอ…?”

 

“ไม่ใช่หรอก เห็นเขาบอกว่าเป็นคนรู้จักเก่าของนายน่ะ เหมือนจะชื่อว่าแม็กซ์ เซมฟิร่าล่ะมั้ง นายพอจะจำปู่แม็กซ์เขาได้หรือเปล่าล่ะ?”

 

“แม็กซ์ เซมฟิร่างั้นหรอ…?”

 

อารอนที่ได้ยินชื่อของปู่แม็กซ์นั้นได้ขมวดคิ้วและก้มหน้าลงไปนึกอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่เขาจะหยักไหล่กลับมาให้นากา

 

“ฟังดูคุ้นๆ แต่ก็นึกไม่ออกแฮะ… คงจะเป็นคนไข้สักคนล่ะมั้ง… แล้วปู่แม็กซ์ที่นายพูดถึงนั่นฝากอะไรมาบอกฉันล่ะ…?”

 

“อ่า ก็ปู่แม็กซ์เขาฝากมาบอกว่าให้นายลองหาข้อมูลเกี่ยวกับหมู่บ้านในป่าทางทิศเหนือดูน่ะ เห็นบอกว่ามันเป็นหมู่บ้านที่มีแต่คนที่มีเขามังกรแล้วก็นับถือเทพเจ้ามังกรอะไรสักอย่างเนี่ยแหล่ะ ปู่แม็กซ์เขาบอกว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่นายสนใจน่ะ”

 

“หมู่บ้านที่มีแต่คนมีเขามังกรแถมยังนับถือเทพเจ้าเฉพาะถิ่นด้วยงั้นหรอ… เดี๋ยวนี้แล้วยังจะมีหมู่บ้านแบบนั้นเหลืออยู่อีกหรอน่ะ…?”

 

“ก็ไม่รู้สิ เห็นปู่แม็กซ์เขาบอกว่าได้ยินเรื่องนี้มานานแล้วน่ะ”

 

ในขณะที่นากาและอารอนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น คาร์เทียร์ที่นั่งจ้องกาแฟสีดำสนิทในถ้วยสีชมพูของเธออยู่โดยไม่กล้าดื่มมันเข้าไปก็ได้พูดถามขึ้นมาด้วยความสงสัย เพราะว่าก่อนหน้าที่เธอจะมาอยู่กับอารอนนั้นเธอไม่ค่อยจะมีโอกาสได้ออกไปข้างนอกคฤหาสน์สักเท่าไหร่นักและถึงแม้ว่าเธอจะเคยถูกพาไปยังโบสถ์ของเทวทูตอยู่บ้างแต่ว่าทางโบสถ์ของเทวทูตก็ไม่สนใจที่จะพูดถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ นอกจากตัวเทวทูตชายและหญิงเลยแม้แต่น้อย

 

“หนูเองก็เพิ่งจะรู้ว่ามีเทพอื่นๆ นอกจากท่านเทวทูตกับหกเทพพิทักษ์ด้วยเนี่ยแหล่ะค่ะ”

 

“มันก็พอจะมีอยู่บ้างนั่นล่ะ… ยิ่งสมัยก่อนก็ยิ่งมีเยอะแยะเต็มไปหมดเลย… ถ้าเธอสนใจเดี๋ยวเอาไว้ฉันจะเล่าให้ฟังละกัน… ถ้างั้นเดี๋ยวเอาเป็นว่าฉันจะลองไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูละกันขอบใจที่อุตส่าห์เอามาบอกกันนะนากา…”

 

“อื้ม! ถ้ายังไงเดี๋ยวพอเปิดเรียนแล้วฉันจะลองถามพวกนักเรียนที่มีเขาให้ด้วยอีกคนละกันเผื่อว่าจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมน่ะ”

 

“ก็ดีนะ… เพราะถ้าเกิดเปิดภาคเรียนแล้วฉันก็คงต้องนั่งประจำอยู่ในห้องพยาบาลทั้งวันล่ะมั้ง… คงจะไม่มีเวลาไปหาข้อมูลดูเองสักเท่าไหร่หรอก…”

 

“หนูก็จะช่วยพี่อารอนด้วยคนค่ะ!”

 

คาร์เทียร์ที่ยืนฟังพวกเขาคุยกันอยู่ได้ยกมือขึ้นมาและอาสาที่จะช่วยพวกเขาหาข้อมูลด้วยอีกคนหนึ่งด้วยท่าทีแข็งขันจนทำให้อารอนที่เห็นแบบนั้นอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาลูบหัวของเธอด้วยความเอ็นดู

 

“ขอบใจนะคาร์เทียร์…”

 

“อ่ะ— ค—ค่ะ… แหะๆ”

 

ก๊อก ก๊อก

 

“อาจารย์คะ~ ขออนุญาตนะค—”

 

“—-!!?”

 

เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นมาพร้อมๆ กับเสียงของเด็กสาวคนหนึ่งที่เดินเข้ามาภายในห้องโดยไม่รอให้คนข้างในพูดอนุญาตก่อนนั้นทำให้นากาต้องชะโงกข้ามไหล่ของอารอนไปมองดูผู้มาเยือนคนใหม่ด้วยความสงสัยก่อนที่เขาจะสะดุ้งเฮือกไปในทันที

 

เพราะว่าเด็กสาวหูแมวผมสีดำในชุดนักเรียนของโรงเรียนรีมินัสที่มีกระโปรงสีม่วงเข้มที่เพิ่งจะเดินเข้ามาด้านในห้องนั้นกำลังเบิ่งตาจ้องมองคาร์เทียร์ที่ถูกอารอนลูบหัวอยู่ด้วยแววตาหึงหวงปานจะกินเลือดกินเนื้อและกำลังแผ่จิตสังหารออกมาอย่างรุนแรงแถมมือของเธอก็กำลังค่อยๆ ขยับไปทางด้ามดาบเล่มใหญ่ที่ถูกโซ่พันเอาไว้ที่เธอพกมาอีกด้วย

 

“อ้าว… ซึบากิเองหรอ…? ว่าไง มีอะไรหรือเปล่า…?”

 

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ… พอดีว่าหนูบังเอิญผ่านมาแถวนี้ก็เลยแวะมาเยี่ยมอาจารย์เฉยๆ น่ะค่ะ”

 

ซึบากิพูดตอบอารอนกลับไปด้วยสีหน้านิ่งๆ จนทำให้นากาที่มองดูเธออยู่ตั้งแต่ทีแรกนั้นได้แต่ตกตะลึงกับความเร็วในการเปลี่ยนสีหน้าและท่าทางของอีกฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ค่อนข้างจะมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดไปเองอย่างแน่นอนจนทำให้เขาได้รีบตัดสินใจที่จะรีบลี้ภัยออกจากที่แห่งนี้โดยปล่อยให้อารอนเป็นคนจัดการต้อนรับแขกคนใหม่ที่เหมือนว่าจะมองคาร์เทียร์เป็นคู่แข่งในเรื่องบางอย่างเองในทันที

 

“ถ—ถ้างั้นเดี๋ยวฉันขอตัวกลับไปที่คฤหาสน์ก่อนละกันนะ พอดีว่าเกิดเป็นห่วงโมโกะกับคุณพ่อของโมโกะขึ้นมาน่ะ”

 

“อ่าว… จะกลับแล้วงั้นหรอ… แต่ไหนๆ ก็ได้เจอกันแล้วทั้งทีพวกเธอก็มาแนะนำตัวกันก่อนสิ… เด็กคนนี้ชื่อว่าซึบากิ… เป็นนักเรียนของโรงเรียนรีมินัสเหมือนกับนายนั่นล่ะ…”

 

“อ—เอ่อ… ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมนากามูระ แต่จะเรียกว่านากาเฉยๆ ก็ได้ แล้วก็ขอตัวก่อนนะครับ! ถ้ายังไงก็ขอให้ปลอดภัยนะอารอน!”

 

“โชคดีนะคะพี่นากา~”