ตอนที่ 84 ชัยชนะอันแสนสั้น

My Death Flags Show No Sign of Ending

ขณะที่กำลังดูฉากการต่อสู้อันดุเดือด ฮาโรลด์ได้แต่พยายามรั้งขาตัวเองที่พร้อมจะกระโจนออกไปช่วยแทบจะทุกวินาทีเอาไว้ แม้ว่าตัวเขาจะรู้สึกกังวล แต่เขาก็ทำได้เพียงอธิฐานขอให้ไลเนอร์อดทนต่อไปได้อีกนิด

มันก็ผ่านมากว่า 5 ปี แล้วที่ฮาโรลด์ได้เห็นไลเนอร์ต่อสู้ แต่สภาพปัจจุบันของไลเนอร์นั้น เขายังคงตามหลังลิเลี่ยมและเวนโตสอยู่ 1 ก้าว แต่ก็ถือได้ว่าไลเนอร์นั้นทำได้ดีมากพอแล้วที่ยังสามารถยันทั้ง 2 คนนั้นไว้ได้อยู่ถึงตอนนี้

ถึงกระนั้นไลเนอร์ก็ไม่สามารถเอาชนะทั้ง 2 ได้ ความแตกต่างของความสามารถของพวกเขาค่อยๆเห็นเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ

เหตุผลที่ไลเนอร์ยังต้านไว้ได้อยู่นั้นอาจเป็นเพราะสไตล์การต่อสู้ของลิเลี่ยมเองทำให้ระยะโจมตีของเธอค่อนข้างสั้น และหอกเวนโตสเองก็หัก และไลเนอร์รู้ว่าตนนั้นไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ในระยะประชิด เขาจึงเน้นการโจมตีระยะไกลเสียเป็นส่วนใหญ่ นี่ถือว่าเป็นวิธีการต่อสู้ที่หาดูได้ยากสำหรับไลเนอร์ภายในเกมส์ที่ทั้งมุทะลุและบ้าบิ่น ซึ่งฮาโรลด์ก็รู้ได้ทันทีว่าไลเนอร์นั้นกำลังพยายามทำทุกอย่างเท่าที่เขาจะทำได้

อย่างไรก็ตาม มันก็แค่นั้น ไลเนอร์ทำได้เพียงเท่านี้ ถึงมันจะเป็นการต่อสู้ที่ดีสำหรับเขา แต่มันก็ไม่มีภาพแห่งชัยชนะปรากฎมาให้เห็น แม้เค้าจะเป็นพระเอกของเรื่องนี้ แต่ถ้าเขาอ่อนแอเกินไป หรือขาดอะไรไป มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะแพ้

ในทางกลับกัน ถ้าเขาแข็งแกร่งเพียงพอ หรือรู้ว่าขาดอะไรไป เขาก็จะสามารถเอาชนะได้ และฮาโรลด์คือผู้ที่รู้ว่าไลเนอร์กำลังขาดสิ่งใดอยู่ ณ ตอนนี้

นั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมฮาโรลด์ถึงชักนำให้เธอมาที่นี่ ชิ้นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ไลเนอร์ได้รับชัยชนะ

 

(ทันเวลาพอดี!) – ฮาโรลด์

 

ที่กำลังฝ่าหมอกหนาทึบนั้นมา —- เป็นเธอเอง คลอเล็ตปรากฎตัวขึ้นเข้าเผชิญหน้ากับลิเลี่ยมได้ทันเวลา เมื่อยืนยันได้ว่าเป็นคลอเล็ตจริงๆ ฮาโรลด์ที่ยังซ่อนตัวอยู่ได้แต่กำมือขวาแน่นด้วยความโล่งอก

 

 

——————————–

 

 

ตอนที่ไลเนอร์คิดว่าหลบไม่ทันโดนแน่ๆแล้ว เสียงของใครบางคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยิน ณ ที่นี่ก็ดังขึ้น

 

[ ย๊ากกกกกกก ! ] – คลอเล็ต

 

ไลเนอร์ได้ยินเสียงร้องตะโกน เสียงอากาศถูกตัดผ่าน และเสียงโลหะกระทบกัน เขาต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และทันทีที่เขาเข้าใจสถานการณ์ ความประหลาดใจก็ได้ผุดขึ้นมาในหัว

 

[ คลอเล็ต?! ทำไมเธอถึง—– ] – ไลเนอร์

[ ไลเนอร์ ฉันมาช่วยแล้ว! ] – คลอเล็ต

 

คลอเล็ตถือทอนฟาไว้ที่มือทั้งสองข้างอย่างไม่เกรงกลัว เธอยืนหยัดเผชิญหน้ากับพวกโจรโดยไม่หวั่นเกรงใดๆ แม้ไลเนอร์จะอยู่ที่ด้านหลังของคลอเล็ต แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของเธอที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

เห็นได้ชัดว่าคลอเล็ตนั้นใช้ทอนฟารับการโจมตีของดาบคู่เหล่านั้นแทนเขา ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้บาดเจ็บอะไร และอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะระมัดระวังตัวมากขึ้นหลังจากที่คลอเล็ตปรากฎตัวอย่างกะทันหัน

เมื่อเห็นเช่นนั้นไลเนอร์จึงได้จังหวะพูดถามออกมา

[ เธอมาช่วยผม ?? ผมนึกว่าเธอกลัวพวกโจรเสียอีก ] – ไลเนอร์

[ ใช่ ชั้นฉันกลัว ตอนนี้ก็ยังกลัวอยู่ ] – คลอเล็ต

[ แล้วทำไมถึง— ] – ไลเนอร์

[ แต่ฉันกลัวที่จะเสียนายไปมากกว่าไลเนอร์ ดังนั้นฉันจะสู้ แม้ว่าฉันจะกลัวก็ตาม ] – คลอเล็ต

 

แม้น้ำเสียงของคลอเล็ตจะสั่นเล็กน้อย แต่ว่าเขาก็ไม่รู้สึกถึงความลังเลใดๆในคำพูดของเธอ

 

[ ไลเนอร์ นายเคยพูดไว้ว่าจะปกป้องฉันใช่มั้ย ? ] – คลอเล็ต

[ …. ใช่ ] – ไลเนอร์

 

สิ่งที่คลอเล็ตกำลังพูดนั้นหมายถึงคำสัญญาที่ไลเนอร์ให้ไว้กับเธอในตอนที่พวกเขาทั้ง 2 พบกัน ในตอนนั้น คลอเล็ตกลัวคนแปลกหน้าเอามากๆ ทำให้เธอไม่ค่อยมีเพื่อน และมักจะกลัวนู่นกลัวนี่อยู่เสมอ ไลเนอร์ที่เห็นแบบนั้นจึงให้คำสัญญากับเธอเพื่อให้กำลังใจกับเธอ

แต่ทว่า ณ ตอนนี้กลับเป็นเขาเองที่ถูกคลอเล็ตปกป้อง ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ทำให้เขารู้สึกอายหน่อยๆและละอายใจ จึงทำให้เขาตอบกลับเธอช้า

 

[ ฉันยึดติดกับคำสัญญานั้นมากเกินไป เกินจนฉันนิสัยเสีย เพราะฉันรู้ว่านายจะปกป้องฉัน ฉันจะไม่เป็นอะไรถ้านายอยู่ที่นั้นด้วย จนฉันไม่คิดที่จะทำอะไรด้วยตนเองอีกตัวไป … ฉันขอโทษนะ ไลเนอร์ ] – คลอเล็ต

 

น้ำเสียงของคลอเล็ตยังคงสั่นเครือ บางอาจเพราะศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเธอ หรืออาจเพราะเสียใจกับตัวตนของเธอในอดีต

ถึงกระนั้น เธอก็กล่าวคำสัญญากับตัวเองออกมาเสียงดังลั่น

 

[ เพราะงั้น ฉันเองก็จะปกป้องไลเนอร์ด้วยเหมือนกัน ! ลาก่อนฉันคนเก่าที่เอาแต่หวังพึ่งคนอื่น! ] – คลอเล็ต

 

เมื่อเห็นคลอเล็ตเป็นเช่นนั้น ไลเนอร์ก็ได้แต่สับสน และสงสัยว่าใช่คลอเล็ตตัวจริงรึปล่าววะ ? นั้นเพราะแม้ว่าเธอจะแสดงด้านที่เข้มแข็งอย่างการคอยย้ำเตือนนิสัยติดประมาทของไลเนอร์อยู่เป็นประจำ แต่นั้นก็มาจากนิสัยขี้กลัวของเธอเป็นทุนเดิม เป็นความกลัวที่ต้องการหลีกเลี่ยงความประมาทที่อาจก่อให้เกิดอันตรายใดๆก็ตาม นั้นทำให้คลอเล็ตมีบุคลิกที่เกลียดความเปลี่ยนแปลงใดๆอยู่เสมอ

ไลเนอร์ก็ไม่รู้ว่าทำไมคลอเล็ตถึงมีนิสัยเช่นนั้น บางทีอาจเพราะเกี่ยวพันกับอดีตของเธอสมัยยังเป็นเด็ก ที่เธอเคยตกอยู่ในอันตรายจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนมาอยู่ที่หมู่บ้านที่เงียบสงบแบบนี้ คลอเล็ตนั้นหวังแค่เพียงว่าอยากใช้ชีวิตสงบสุขแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เธอหลีกเลี่ยงทุกๆสิ่งอย่างที่เธอเห็นว่าเป็นสัญญาณหรือความวุ่นวายใดๆที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่เธอ นั้นคือหญิงสาวที่ไลเนอร์รู้จัก

แต่บัดนี้เธอกลับยืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับอาวุธภายในมือ และทำอย่างที่เธอพูดเอาไว้ นั้นคือการปกป้องไลเนอร์

อย่างไรก็ตามหากสังเกตดีๆ จะเห็นได้ชัดว่าเธอเองก็สั่นอยู่เล็กน้อย “มันก็ปกติล่ะนะสำหรับคลอเล็ต” นั้นคือสิ่งที่ไลเนอร์คิด ถึงกระนั้น คลอเล็ตก็ได้รับการฝึกสอนการต่อสู้มาจากพ่อแม่ของไลเนอร์มาพร้อมๆกับเขาเพื่อเอาไว้ให้เธอใช้ป้องกันตัว พ่อแม่ของเขายังชื่นชมที่เธอนั้นมีความสามารถเป็นอย่างมาก และเธอก็ไม่ได้ขาดทั้งพรสวรรค์และพละกำลังแต่อย่างใด หากไม่นับไลเนอร์ที่เป็นที่ 1 คลอเล็ตคงกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้านไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม เธอจะสามารถแสดงความสามารถเหล่านั้นในการต่อสู้จริงได้หรือไม่มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง นั้นเพราะในการฝึกซ้อมการต่อสู้ระยะปะชิด คลอเล็ตจะแสดงทักษะออกมาได้อย่างดีเยี่ยม แต่ทว่าในการต่อสู้กับเหล่ามอนเตอร์ ความแข็งแกร่งของเธอกลับลดลงจนแทบจะแสดงความสามารถออกมาไม่ได้เลย ลีโอน่าเคยกล่าวเอาไว้ว่า การที่คลอเล็ตเป็นแบบนี้ เป็นเพราะเธอกลัวการต่อสู้ กลัวการบาดเจ็บ กลัวความตาย มันเป็นสิ่งที่คอยฉุดรั้งเธอเอาไว้

ความขี้กลัวของเธออาการค่อนข้างหนักมาก ถ้าแค่คิดว่าศัตรูที่อยู่ตรงหน้าของเธอนั้นแข็งแกร่งกว่า ยิ่งทำให้เธอหยุดคิดหรือหยุดสั่นไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอสามารถเอาชนะความกลัวเหล่านั้น และก้าวข้ามพวกมันมาได้ไกลขนาดนี้เพื่อมาปกป้องไลเนอร์ก็ถือว่าดีถมไปแล้ว

ไฟเริ่มลุกโชนในร่างของไลเนอร์อีกครั้ง เขาคิดเพียงว่า ถ้าเขาไม่ลุกขึ้นตอนนี้ เขาก็คงไม่ใช่ลูกผู้ชายอีกต่อไปแล้ว

 

[ …. ถ้างั้น ช่วยระวังหลังให้ด้วยนะ คลอเล็ต ] – ไลเนอร์

[ ไว้ใจได้เลย ] – คลอเล็ต

[ และกลับกัน ผมก็จะระวังหลังให้คลอเล็ตเช่นกัน ] – ไลเนอร์

 

แม้ว่าสถานการณ์ของพวกเขาจะยังคงย้ำแย่ แต่กลับน่าแปลก เพราะเมื่อมีคลอเล็ตอยู่ข้างๆ ไลเนอร์กลับไม่รู้สึกว่าเขากำลังจะแพ้เลยซักนิด นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกตื่นเต้น มันคล้ายกับตอนที่เขาได้สู้กับฮาโรลด์ในงานประลองอย่างไงอย่างงั้น

พวกเขาทั้ง 2 สบตากันและผงักหน้าอย่างเงียบๆ ราวกับเป็นการให้สัญญาณ และทันใดนั้น ไลเนอร์เปิดฉากโจมตี

 

[ <มังกรเพลิง> Hiryu! ] – ไลเนอร์

 

ท่ามังกรเพลิงถูกปลดปล่อยอีกครั้ง แต่สิ่งที่แตกต่างจากการโจมตีก่อนหน้านี้นั้นคือเป้าหมายของมันไม่ได้มุ่งตรงไปที่คู่ต่อสู้

ไลเนอร์เล็งมันไปที่พื้นที่ตรงกลางระหว่างทั้ง 2 และนั้นทำให้ผู้ใช่ดาบคู่กระโดดหลบไปทางซ้าย ส่วนผู้ใช้หอกกระโดดหลบไปทางขวา ซึ่งจุดประสงค์ของเขานั้นก็เพื่อให้ทั้งคู่แยกออกจากกัน

ซึ่งทั้งไรเนอร์และคลอเล็ตก็ไม่คิดที่จะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป พวกเขาทั้งคู่พุ่งตรงไปยังผู้ใช้ดาบคู่ทันที

อาวุธของผู้ใช้หอกนั้นหักครึ่งไปแล้ว แถมเขายังต้องแบกกล่องที่ใช้เก็บดาบของไลเนอร์ไว้เป็นภาระอีก แต่คนที่ใช้ดาบคู่ยังสามารถต่อสู้ได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งหากคิดตามความจริงแล้ว พวกเขาควรพุ่งเป้าไปยังผู้ใช้หอกเสียมากกว่า แต่ไลเนอร์กลับมองมุมกลับและคิดว่า ถ้าเขาและคลอเล็ตจัดการผู้ใช้ดาบคู่ลงได้ ณ ตอนนี้ นั้นก็เป็นชัยชนะของพวกเขา

หากนับตามจำนวน พวกเขามีจำนวน 2 ต่อ 2 เท่ากัน อย่างไรก็ตาม ศัตรูทั้ง 2 นั้นแข็งแกร่งกว่าไลเนอร์และคลอเล็ต ดังนั้นหากสู้กันตรงๆก็มีแต่แพ้กับแพ้เท่านั้น แต่ด้วยการเดินหมากของไลเนอร์ ทำให้การต่อสู้ ณ ตอนนี้เป็น 2 ต่อ 1 ถ้าเขาจัดการผู้ใช้ดาบคู่ลงได้ก่อน มันก็จะเหลือผู้ใช้หอกเพียงคนเดียว แม้ว่าหมอนั้นจะแข็งแกร่ง แต่อาวุธของหมอนั้นก็พังไปแล้วและความเร็วก็ยังด้อยกว่าไลเนอร์อยู่ 1 ขั้น ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่เขาขะสามารถแย่งดาบกลับคืนมาได้

 

[ ย๊ากกกกกก! ] – ไลเนอร์

 

ดาบของไลเนอร์ตัดเฉียงขวาลงมาหมายจะฟันใส่ศัตรูที่อยู่ตรงหน้า แต่ทว่าผู้ใช้ดาบคู่นั้นกลับหลบมันโดยการก้าวถอยหลังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่คลอเล็ตก็ใช้จังหวะนั้นพุ่งนำไลเนอร์ขึ้นมาพร้อมกับหมุนตัวเพื่อเพิ่มแรงเหวี่ยง และฟาดทอนฟาใส่ผู้ใช้ดาบคู่อย่างจัง

เสียงแหลมของการปะทะดังขึ้น ทอนฟาของคลอเล็ตถูกป้องกันเอาไว้โดยดาบทั้ง 2 เล่มนั้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะป้องกันเอาไว้ได้ แต่ร่างของผู้ใช้ดาบคู่ก็ถูกซัดจนปลิว แต่ใช่ว่าเป็นเพราะพลังโจมตีของคลอเล็ต แต่เพราะผู้ใช้ดาบคู่เองก็กระโดดถอยออกมาเพื่อลดแรงกระแทกด้วยเช่นกัน ซึ่งผู้ใช้ดาบคู่คงประเมินไว้แล้วว่าหากปะทะตรงๆ ดาบทั้ง 2 เล่มอาจถูกทำลายได้

และในขณะที่ร่างของผู้ใช้ดาบคู่ยังลอยอยู่ในอากาศ มันก็เท่ากลับว่าศัตรูเป็นดั่งเป้านิ่งที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวใดๆได้ เมื่อเห็นเช่นนั้น ไลเนอร์จึงใช้ท่าโจมตีที่เขาภาคภูมิใจ

 

[ <สวรรค์คำราม!> Ten Shou Hoko! ] – ไลเนอร์

 

ดาบของไลเนอร์ถูกเหวี่ยงด้วยความเร็วจนเห็นเพียงภาพติดตา เป็นผลให้ดาบทั้ง 2 เล่มของศัตรูถูกทำลายลงในทันที แต่ทว่า ความสามารถจริงๆของการโจมตีจะเผยหลังจากนี้

การเหวี่ยงดาบด้วยความเร็วสูงทำให้เกิดคลื่นกระแทกที่คล้ายกับเสียงคำรามพุ่งเข้าไปบดขยี้ศัตรู เนื่องจากอาวุธของศัตรถูกทำลายแล้วจึงไม่สามารถป้องกันใดๆได้ ร่างของศัตรูถูกซัดปลิวออกไป จนไปกระแทกเข้ากับก้อนหินที่อยู่ด้านหลังและทรุดตัวลงกองที่ตรงนั้น

ดูเหมือนว่าผู้ใช้ดาบคู่จะหมดสติไปแล้ว และคงไม่สามารถกลับเข้าร่วมการต่อสสู้ในครั้งนี้ได้ในเร็วๆนี้

 

[ อันตราย! ไลเนอร์ ! ] – คลอเล็ต

 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีเวลาให้ไลเนอร์ได้ดีใจกับความสำเร็จ มีหอกแทงเข้ามาที่ด้านหลังของเขาพร้อมๆกับเสียงร้องเตือนของคลอเล็ต 

ด้วยความเร็วของมัน ไลเนอร์รู้ด้วยสัญชาตญาณทันทีว่าเขาหลบไม่ทันแน่ และในระหว่างหน้าสิ่วหน้าขวาน ก็เป็นคลอเล็ตที่เข้ามาขวาง

เธอใช้ทอนฟาฟาดไปยังหอกทางด้านข้างเพื่อเบนวิธีมันเล็กน้อย หอกเล็มนั้นแทงเฉี่ยวหูของไลเนอร์ไปพร้อมกับเสียงที่ดังลั่นราวกับฟ้าผ่า อย่างไรก็ตาม ไลเนอร์ไม่ได้ตื่นตนกใดๆกับการโจมตีนั้น เขาพุ่งตัวออกไปเพื่อปิดระยะห่างระหว่างเขากับผู้ใช้หอกในทันที

 

[ เอาคืนมาาาาาาา! ] – ไลเนอร์

 

ผู้ใช้หอกสูญเสียการทรงตัวไปเพราะการโจมตีของเขาถูกหลบเลี่ยงไปได้ นั้นทำให้เขาถส้ำมาด้านหน้า เมื่อเห็นดังนั้นไลเนอร์จึงแทรกตัวผ่านพร้อมกับดึงกล่องที่ผูกอยู่ด้านหลังของผู้ใช้หอกคืนมาได้

มันหนัก ไลเนอร์รู้สึกได้ทันทีว่าดาบภายในกล่องใบนี้นั้นหนักแค่ไหน นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพ่อแม่ของเขาถึงเข้มงวดกับเขาเป็นอย่างมากเรื่องการฝึกดาบ และดาบนี้ที่ถูกมอบให้เป็นหลักฐานที่ยืนยันว่าพ่อแม่ยอมรับในการเติมโตของเขาแล้ว สำหรับไลเนอร์เองดาบเล่มนี้มีคุณค่ากับเขามากกว่าที่มันเป็นเพราะดาบล้ำค่า ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะตัดใจทิ้งมันไปได้

นั้นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องชิงดาบกลับคืนมาให้ได้ แต่ทว่า ทันทีที่เขาได้ดาบกลับคืนมา เขากลับประมาทจนเผยช่องว่าง

ความรู้สึกของน้ำหนักดาบในมืองของเขาหายไปทันที มันกระทันหันมาก มากเกินกว่าไลเนอร์จะตอบสนองและเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอนแรกเขาคิดว่าเขาทำมันหล่น แต่ทว่ากลับไม่มีอะไรตกลงที่พื้น และไม่ได้ยินเสียงมันหล่นด้วย

และในที่สุด เขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันจากใครบางคนที่อยู่ด้านหลังของเขา ซึ่งไม่ควรจะมีใครยืนอยู่แท้ๆ และเมื่อเขาหันกลับไป เขาก็พบกับคนๆหนึ่งที่อยู่ในชุดคลุมสีดำเช่นเดียวกับผู้ใช้หอกและผู้ใช้ดาบ ไม่ว่าจะมองมุมไหน คนๆนี้ก็น่าจะเป็นพรรคพวกของ 2 คนนี้แน่ๆ และในมือของเขา ก็มีกล่องดาบของไลเนอร์ถือเอาไว้อยู่

 

[ แกเป็นใคร ? เอาคืนมานะ !!!! ] – ไลเนอร์

[ ……… ]

 

แม้ไรเนอร์จะตั้งท่าและข่มขู่หมอนั้นด้วยดาบ แต่เขากลับไม่สนใจใดๆ พร้อมกับส่งกล่องใส่ดาบให้ผู้ใช้หอกที่ตอนนี้โยนหอกทิ้งไปแล้วพร้อมกับแบกร่างของผู้ใช้ดาบคู่ไว้บนบ่า เมื่อได้รับกล่องดาบ ผู้ใช้หอกก็หนีหายเข้าไปในหุบเขาแห่งหมอก

 

[ เฮ้ย ! รอเดียว ] – ไลเนอร์

 

แม้ไลเนอร์ต้องการจะไล่ตามดาบของเขาไปในทันที แต่ว่าศัตรูคนที่ 3 ยังคงยืนขวางทางไลเนอร์และคลอเล็ตเอาไว้อยู่

ศัตรูคนนั้นค่อยๆดึงดาบของตนออกมาจากเอวอย่างช้าๆ ราวกับค่อยๆอวดมัน แต่ทว่ามันก็เป็นเพียงดาบยาวธรรมดาๆที่หาซื้อได้ตามร้านขายอาวุธทั่วๆไป

อย่างไรก็ตาม สำหรับไลเนอร์และคลอเล็ต พวกเขากลับรู้สึกว่าดาบเล่มนั้นเป็นอาวุธที่ชั่วร้ายและอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งไลเนอร์ก็รู้ได้ทันทีว่ามันไม่ใช่เพราะดาบ แต่เป็นเพราะตัวของผู้ใช้มันต่างหาก

แม้ไม่ต้องได้ประมือกัน ไลเนอร์กับคลอเล็ตก็รู้ได้ทันทีว่าศัตรูที่อยู่ตรงหน้ามันคนระดับ แม้ศัตรู 2 คนก่อนหน้านี้ยังเทียบไม่ติดกับผู้ใช้ดาบยาวคนนี้ซักนิด

 

( พวกเราจะเอาชนะชายคนนี้ได้จริงๆหรอ ? ) – ไลเนอร์

 

แม้ประสาทสัมผัสของไลเนอร์จะยังตื่นตัวถึงขีดสุดอยู่ แต่ทว่าเขาก็จินตนาการไม่ออกว่าจะสามารถหาหนทางเอาชนะศัตรู้ที่ใช้ดาบยาวนี้ได้อย่างไร

เหงื่อเย็นเริ่มไหลซึมออกมาจากร่างของไลเนอร์ ขณะที่ไลเนอร์และคลอเล็ตถูกจิตสังหารกดดันจนไม่สามารถขยับตัวได้ กว่าจะรู้ตัวอีกที ชายคนนั้นก็มาโผ่ลที่ด้านหลังทั้งคู่แล้ว

 

[ อะไ–! ] – ไลเนอร์

 

แม้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะไม่เข้าใจว่าทำไมชายคนนั้นถึงทำแบบนี้ แต่ทั้งคู่ก็ดีดตัวทิ้งระยะห่างออกมาทันที อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการป้องกันของทั้ง 2 เมื่อสักครู่จะเต็มไปด้วยช่องว่าง แต่ผู้ใช้ดาบยาวก็ไม่ได้โจมตีเข้ามาแต่อย่างใด ราวกับชายคนนั้นต้องการแสดงให้เห็นว่าเขานั้นจะฆ่าพวกแกทั้ง 2 ตอนไหนก็ได้

ความแตกต่างด้านความสามารถที่เกินไปนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะหาทางเอาชนะได้โดยง่าย แม้เขาจะยังคงรักษาสภาพจิตใจที่พร้อมจะต่อสู้เอาไว้ได้ แต่ถึงกระนั้นร่างกายของเขาก็ไม่สามารถขยับได้ดั่งใจนึก นั้นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ร่างกายของไลเนอร์นั้นได้สัมผัสถึงสิ่งที่เป็นอันตรายถึงชีวิตเป็นครั้งแรกอย่างแท้จริง

หากต้องการจะมีชีวิตอยู่ต่อ ทางเลือกเดียวก็คือหนีเท่านั้น แต่นั้นก็หมายความว่าเขาได้ยอมแพ้ต่อสัญญาที่ให้ไว้ต่อดาบ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าเขาจะสามารถหนีรอดไปได้ด้วย ดังนั้น เขาจึงต้องตัดสินใจเลือกอย่างขมขื่น

 

[ คลอเล็ต เธอหนีไปซะ ] – ไลเนอร์

[ อะ- อะไรนะ! แล้วนายล่ะ ?! ] – คลอเล็ต

[ ผมจะถ่วงเวลาให้ ] – ไลเนอร์

 

ไลเนอร์มองว่าทางเลือกที่ดีที่สุดนั้นคือเขาจะเป็นคนถ่วงเวลาเพื่อให้คลอเล็ตหนีไปได้ ปัญหาคือ เขาจะถ่วงเวลาคนๆนี้ได้นานแค่ไหน ? ไม่สิ เขาจะสามารถถ่วงเวลาได้จริงๆรึปล่าว ?

 

[ ฉันจะไม่ทิ้งนาย! ] – คลอเล็ต

[ ผมไม่เป็นไรหรอก เพราะงั้น หนีไปซะ ! ] – ไลเนอร์

[ ไม่ ! ] – คลอเล็ต

 

ขณะที่ทั้งคู่ยังคงเถียงกันอยู่ ในที่สุดผู้ใช้ดาบยาวที่กำลังยืนดูอยู่ก็เริ่มเคลื่อนไหว

ร่างของคนๆนั้นทะยานขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็วราวกับถูกดึงด้วยเชือก และไปหยุดลงที่ก้อนหินด้านหลัง จากนั้นร่างของเขาก็หายวั๊บไปอีกครั้ง

ทั้งไลเนอร์และคลอเล็ตตอบสนองโดยหันหลังกลับทันทีเพราะคิดว่าเขาคงจะไปโผล่ที่นั้น แต่กลับไม่พบร่างของผู้ใช้ดาบยาว ในขณะที่กำลังสับสน พวกเขาทั้งคู่ก็เริ่มได้ยินเสียงของก้อนหินถูกเหยียบลงมารอบๆตัวของพวกเขา เสียงของมันไม่มีทีท่าจะหยุดและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

แม้หมอกจะหนาทึบและทัศนวิสัยที่ไม่ดี แต่ถึงกระนั้น ความเร็วของศัตรูกับเร็วเกินกว่าที่สายตาของไลเนอร์และคลอเล็ตจะสามารถตามได้ทัน

อันที่จริง ไลเนอร์รู้สึกเหมือนกับตอนที่สู้กับฮาโรลด์

ความคิดนั้นแว๊บเข้ามาในหัวของไลเนอร์ แต่เขาก็ปฎิเสธมันในทันที จริงๆมันก็ไม่มีหลักฐานใดๆมามาสนับสนุนเหตุผลที่เขาปฎิเสธมัน เขาแค่ตัดสินจากความรู้สึกส่วนตัวที่บอกกับตัวเองว่าฮาโรลด์ไม่มีวันที่จะทำสิ่งนั้นแน่

ขณะที่เกิดความคิดขัดแย้งขึ้นภายในใจของไลเนอร์ เขาก็ยังไม่สามารถมองตามความเร็วของคนๆนั้นได้ทัน จากนั้นไม่นาน เสียงที่ดังต่อเนื่องมาสักพักก็หยุดลง และสิ่งที่เข้ามาแทนทีคือความเงียบ มันเงียบเสียจนไลเนอร์รู้สึกว่าเสียงของหัวใจของตนยังดังจนเขารำคาญ เมื่อเห็นเช่นนั้น ทั้งเขาและคลอเล็ตจึงเร่งประสาทสัมผัสเพื่อตรวจจับสิ่งต่างๆที่อยู่รอบๆตัว

ผ่านไปไม่กี่สิบวิ หลังจากบรรยากาศถูกปกคลุมด้วยความเงียบ แต่ความเงียบนั้นก็ถูกทำลายโดยการกระทบเบาๆที่มาจากด้านหลังของเขา แน่นอว่าทั้งไลเนอร์และคลอเล็ตตอบสนองไปในทันที พวกเขาทั้งคู่หันกลับไปแต่กลับพบว่า ต้นกำเนิดของเสียงนั้นเป็นเพียงก้อนกรวดที่เด้งไปชนกับก้อนหินและสะท้อนกับมาชนที่เท้าของไลเนอร์เบาๆ ในตอนนั้นเองที่พวกเขาทั้งคู่รู้สึกตัวว่าทำผิดพลาดเข้าให้แล้ว

ในที่สุดเขาก็รู้สึกตัว มีบางสิ่งอยู่ที่ด้านหลังของเขา เขารู้สึกได้ มันคือความตาย แม้จะรู้สึกเสียใจ แต่เขาก็พร้อมที่จะยอมรับมัน แต่ทว่าดาบที่โจมตีมาที่เขาเพื่อจบหมายจะดับชีวิต กลับเป็นเสียงของโลหะกระทบกัน และน้ำเสียงเหยียดหยามโทนต่ำเข้ามาในโสตประสาทของไลเนอร์และ—–

 

[ รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียมั้ง ไอ้แมลง ]

 

เสียงที่ดังขึ้นนั้น มันกระตุ้นความทรงจำของเขา แม้มันจะโทนต่ำกว่าที่เขาจำได้ แต่เขาก็คิดถึงน้ำเสียงเหล่านี้

แม้ไลเนอร์จะยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเขาทำได้เพียงมองดูร่างของคนๆหนึ่งที่เข้ามาปกป้องเขาและคลอเล็ตจากคมดาบ ร่างของคนๆนั้นดูสูงราว 180 ซม. เขามีผมสีดำที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนแม้จะอยู่ท่ามกลางหมอกหนา และเขาถือดาบ 2เล่มในมือทั้ง 2 ข้าง

 

[ กล้าดียังไงมาขวางทางข้า ! ]

 

เหนือสิ่งอื่นใดคือลักษณะเด่นที่มักจะใช้คำพูดดูถูกเหยียดหยามและยกตนเหนือผู้อื่นอยู่เสมอ

ตั้งแต่ในวันนั้น ที่เขาได้ไล่ตามแผ่นหลังของชายคนนี้มาอย่างยาวนาน นี่คือแผ่นหลังของชายที่เขานับว่าเป็นเพื่อน เป็นสหาย เป็นคู่แข่ง และเป็นเป้าหมายของไลเนอร์