ตอนที่ 83 นิสัยใจคอน่าเอือมระอา ตอนที่ 84 สู้คนอื่นเขาไม่ได้

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 83 นิสัยใจคอน่าเอือมระอา

เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่ง แน่นอนว่าไม่ดีนักหากจะเอาความแม่นางซ่งอิงผู้นี้ไม่เลิกรา ตอนนี้แตกต่างออกไป ภรรยาเขาเป็นฝ่ายออกโรง ต่อให้ตบตีกันขึ้นมากลางถนน นั่นก็เป็นเรื่องของสตรีสองคน ไม่ถือได้ว่าเขารังแกนาง

ภรรยาของเจียงจื่อชาง ครอบครัวมารดาแซ่หู แม้ทั้งสองคนเพิ่งแต่งงานกันไม่นาน แต่อยู่ในบ้าน เจียงจื่อชางถูกกำกับควบคุมอย่างจริงจัง

วันนั้นเงินที่เขานำออกจากบ้าน เดิมทีเตรียมไว้สำหรับจัดหาอาภรณ์รวมไปถึงเครื่องประดับให้ภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันหมาดๆ แต่แล้วก็พ่ายแพ้เสียได้ หลังกลับบ้านตนจึงถูกด่าทออยู่พักใหญ่ จนถึงวันนี้ ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาทั้งสองเพิ่งดีขึ้นหน่อย

ซ่งอิงไม่ตื่นตระหนกแต่อย่างใด

“ยืม? มีหนังสือแสดงการยืมเงินหรือ มีคนเป็นพยานหรือ” ซ่งอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “พูดจาเหลวไหลก็เพราะอยากได้เงิน ข้าเป็นพ่อหรือเป็นแม่ของเจ้าหรือไรกัน?”

หูซื่อได้ยินดังกล่าว โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

“จื่อชางของข้าเพิ่งพูดไปแล้วอย่างไรล่ะว่า ครอบครัวพวกเจ้ายากจน ดังนั้นพวกเราจึงเจียดเงินให้ความช่วยเหลือโดยให้เจ้ายืมสี่ตำลึงเงิน เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาปฏิเสธ! เจ้ายังพอมีจิตสำนึกอยู่หรือไม่!” หูซื่อกราดเกรี้ยวแทบคลั่ง

เหตุใดบนโลกนี้จึงมีคนไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้นะ?!

สี่ตำลึงเงินนั่นไม่ใช่น้อยๆ เลย วันนั้นหากไม่ใช่เพราะสามีต้องการซื้อเครื่องประดับ ทั้งยังต้องการซื้อผ้าและข้าวสารอาหารแห้งอีกจำนวนหนึ่งให้แก่ครอบครัว ก็คงไม่พกเงินออกจากบ้านไปจำนวนมากเพียงนั้น

หากทำหาย ไม่แน่ว่านางอาจยังพอทำใจยอมรับได้มากกว่าตอนนี้หน่อยก็เป็นได้!

เจียดเงินให้น้องสาวของคนอื่นที่เคยร่วมชั้นเรียนเดียวกันยืม บ้าบอสิ้นดี! ไม่แน่ว่านางสาวน้อยที่ไม่รู้ที่มาที่ไปผู้นี้หมายเกาะสามีนางก็เป็นได้!

“เหอะ เจียดเงินให้บ้านข้ายืม?” ซ่งอิงหัวเราะเบาๆ “เจียงจื่อชางกับพี่ชายข้าเป็นแค่สหายร่วมชั้นเรียนกันไม่กี่ปีเมื่อครั้งเยาว์วัย ต่อให้ครอบครัวข้ายากจนแร้นแค้น แต่ครอบครัวข้าไม่มีญาติพี่น้องหรือไรถึงได้ต้องให้คนนอกอย่างเจ้าคนหนึ่งควักเงินให้?”

“สะใภ้บ้านเจียง เจ้าไปถามไถ่ในตลาดดูเสียหน่อยก็ได้ คิดว่าเรื่องราวในวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังมีเจ้าของร้านริมทางจำนวนไม่น้อยยังจดจำได้ เจ้าเอ่ยปากถามสักนิดก็รู้แล้วว่าเป็นเขาเต็มใจซื้อลวี่โต้วกั่วของบ้านข้าต่างหาก” ซ่งอิงเอ่ยพูดอย่างเหยียดหยาม

หูซื่อนิ่งอึ้งไปชั่วครู่

หันหน้ามองสามีของตนแวบหนึ่ง

แต่นึกถึงลวี่โต้วกั่ว หูซื่อก็แสดงท่าทีเชื่อมั่นในตัวสามีของตนเองอย่างยิ่ง “เจ้าจะโกหกเก่งเกินไปแล้ว! ลวี่โต้วกั่วอะไรต้องจ่ายเงินถึงสี่ตำลึงเงิน! ยิ่งไปกว่านั้นสามีข้าก็ไม่ได้เอาสิ่งของอะไรกลับบ้านเลยด้วย!”

“ผลไม้ป่าที่ข้าขายเป็นของล้ำค่าหายากบนภูเขา มีปริมาณจำกัด เป็นธรรมดาที่ราคาจะแพงหน่อย ตอนแรกก็เป็นการขายทั่วๆ ไป จ่ายเงินมาจากนั้นค่อยเอาของไป ตัวเจียงจื่อชางน่าไม่อายอยากเอาเปรียบแต่กลับไม่สำเร็จ ท้ายที่สุดอับอายขายหน้าจนกลายเป็นโกรธเกรี้ยวเลยนำสิ่งของทั้งหมดยกให้คนอื่น แล้วเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย?” ซ่งอิงยิ้มหยัน “เจ้าคิดว่าเจียงจื่อชางเป็นคนโง่หรือ หากไม่ใช่ความเต็มใจซื้อของเอง ข้าจะเดินออกจากตลาดได้หรือ หากเป็นข้าตั้งราคาสุ่มสี่สุ่มห้า เช่นนั้นเจ้าหน้าที่ตรวจตราในตลาดจะปล่อยข้าให้ลอยนวลได้หรือ”

เมื่อซ่งอิงพูดจบ ก็ไม่เอ่ยพูดให้มากความอีก เดินผ่านคู่สามีภรรยาสองคนนี้ แล้วเริ่มเลือกของให้ภูตโสม

เปียผมเล็กๆ บนใจกลางศีรษะภูตโสมส่ายไปมาด้วยความดีใจ

“เจ้ายังไม่รีบบอกข้าให้ชัดเจนอีกว่าสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น!” หูซื่อยามนี้รู้สึกเดือดดาล เอื้อมมือไปดึงใบหูของเจียงจื่อชาง

ภูตโสมตระหนกตกใจ รีบโอบกอดตัวเอง “นางจะลากข้าเอาไปตุ๋นน้ำแกงดื่มหรือไม่”

หูซื่อหันขวับไปถลึงตาใส่

เจียงจื่อชางรู้สึกขายหน้ายิ่งนัก “ก็ให้นางแล้วนั่นละ! ข้าจะโกหกเจ้าได้อย่างไร”

“ใช่ ให้ข้า แต่สามีของเจ้าเองนิสัยใจคอเช่นไรยังไม่รู้ชัดเจนอีกหรือ อยู่ดีๆ เขาจะเอาเงินมาแสดงความกตัญญูต่อคนนอกอย่างข้าผู้นี้หรือ ก็แค่พนันกับข้าแต่กลับพ่ายแพ้ก็เท่านั้น” ซ่งอิงทิ้งการโจมตีสุดท้ายโดยบอกล่าวความเป็นจริง จากนั้นเอ่ยพูดกับผู้ดูแลร้าน “ข้าเอาผ้าห้าพับนี้เจ้าค่ะ”

แน่นอนว่าจะซื้อแต่เสื้อผ้าของโสมน้อยไม่ได้

นางเลือกเพียงผ้าป่านที่ธรรมดาที่สุด เช่นนี้ราคาผ้าหนึ่งพบก็จะไม่ถือว่าแพงมากเกินไปเช่นกัน ประมาณห้าหกร้อยอีแปะเห็นจะได้

เจ้าของร่างพอมีทักษะงานฝีมืออยู่บ้าง ปักเย็บอาภรณ์ได้รูปหลายรูปแบบ ซึ่งนางก็ได้รับการถ่ายทอดความทรงจำมาด้วย จึงทำเสื้อผ้าด้วยตนเองได้เช่นกัน

ตอนที่ 84 สู้คนอื่นเขาไม่ได้

ซ่งอิงยื่นเงินจ่ายอย่างรวดเร็ว

เจียงจื่อชางกลับอิจฉาตาร้อน เงินนี้เป็นของเขา!

แต่ยามนี้ ใบหูยังคงอยู่ในมือภรรยาตนเอง จึงยิ่งรู้สึกย่ำแย่และอับอาย เขาขบเคี้ยวเขี้ยวฟันแล้วกล่าว “แม้จะซื้อผลไม้ป่าของบ้านนาง แต่นางขี้โกง! ตอนนั้นข้าคิดว่าจะเอาชนะนางได้ ใครจะรู้ว่าก็แค่การเป่ายิ้งฉุบเท่านั้นเอง ข้ากลับแพ้ตั้งหลายสิบยก ก็เลยเอาเงินนี้กลับคืนมาไม่ได้…”

หูซื่อได้ยินดังกล่าว ยิ่งคิดว่าสามีไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย

“ข้าว่าเจ้าถูกนางปีศาจจิ้งจอกตนนี้หลอกให้หน้ามืดตามัวเข้าแล้วมากกว่า! เจ้าบุรุษหนุ่มคนหนึ่ง มีหรือจะเป่ายิ้งฉุบแพ้นาง! แล้วยังแพ้หลายสิบยก? เจียงจื่อชาง เจ้าลองทบทวนจิตใจของเจ้าดูสิว่า คำพูดนี้ข้าจะเชื่อได้หรือ เจ้ารู้สึกผิดต่อข้าบ้างหรือไม่!” หูซื่อโกรธจัด

ภูตโสมตื่นตกใจอีกระลอก “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร ท่านแม่ข้าไม่ใช่ปีศาจจิ้งจอก นางเป็นคน ไม่มีหูและก็ไม่มีหางด้วย ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้!”

หากนางเป็นปีศาจจิ้งจอก มีหรือมันภูตโสมตนหนึ่งจะมองไม่ออก!?

ซ่งอิงคลี่ยิ้มกว้าง “เจ้าช่างซื่อบื้อจริงๆ คนเขาเพียงแค่เชยชมว่าข้ามีเสน่ห์ต่างหากล่ะ”

ภูตโสมมองนางด้วยแววตาประหลาดใจ

ดังนั้น…

“นางกำลังเชยชมเจ้า?” ภูตโสมตะลึงงันเล็กน้อย “แต่ว่า…ปีศาจจิ้งจอกมีอะไรดีหรือ ทั้งตัวเต็มไปด้วยขน แล้วยังมีกลิ่นชอบกลด้วย ไม่เหมือนข้า…ภูตโสมที่มีพลังและจิตวิญาณอันชาญฉลาด ไร้กลิ่นอายแห่งความชั่วร้าย ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยสิ่งล้ำค่า”

ภูตโสมอย่างพวกเขา สิ่งที่กินคือพลังบริสุทธ์ของแสงจันทร์ทรงกลด ที่ดื่มคือหิมะในฤดูใบไม้ผลิ หยาดฝนและน้ำค้าง ยอดเยี่ยมเสียยิ่งอะไรดี?

“ก็นั่นสิ!” ซ่งอิงอดยิ้มไม่ได้

โสมน้อยผู้นี้ช่างโง่เขลาเหลือเกิน

เห็นนางยิ้ม ภูตโสมยิ่งงุนงง ผมบนศีรษะส่ายไปมาอีกครั้ง

“เจ้า! เจ้าหยุดโวยวายได้แล้ว! นางเป็นนางอัปลักษณ์คนหนึ่ง เทียบกับปีศาจจิ้งจอกของบ้านใดได้ที่ไหนเล่า!?” เจียงจื่อชางรีบเอ่ยพูด พาใบหูออกมาให้ห่างจากภรรยาสองฝีก้าว แล้วกล่าวขึ้นอีกครา “สหายหลี่เอ่ยไว้ว่า ใบหน้านางเสียโฉมแล้ว ยามนี้อัปลักษณ์จนไม่มีหน้าเจอะเจอผู้คนด้วยซ้ำ แล้วข้าจะมีความนึกคิดอันใดกับนางได้อย่างไร เช่นนั้นจะไม่สะอิดสะเอียดแย่หรือ”

หูซื่อนิ่งอึ้ง

ซ่งอิงหัวเราะอย่างหน้าเลิศหน้าลอย “ใช่แล้ว รูปลักษณ์ข้านี้ไม่คู่ควรพี่เจียงหรอก ไม่สู้แม่นางที่อยู่ข้างกายพี่เจียงวันนั้น…”

กล่าวไปถึงครึ่งหนึ่ง ซ่งอิงทำทีปิดปาก ชักสีหน้าอย่างรู้สึกผิดมองไปยังเจียงจื่อชางแวบสายตาหนึ่ง “ข้าพูดเหลวไหลไปเรื่อยเปื่อย พี่สะใภ้อย่าได้เก็บไปคิดจริงจังเลย…”

เมื่อกล่าวจบ ซ่งอิงก็วิ่งเผ่นแน่บไปทันที

เจียงจื่อชางนิ่งอึ้งไปชั่ววูบ ในนาทีถัดมา นึกขึ้นได้ว่าต้องวิ่งตามไป

แต่กลับถูกหูซื่อดึงกลับไป “ที่นางพูดหมายความว่าอันใด วันนั้นเจ้าไปอยู่กับหญิงอื่นมาหรือ!”

“นางพูดจาเหลวไหลเจ้าก็เชื่อด้วยหรือ!” เจียงจื่อชางอยากจะบ้าคลั่ง

เหตุใดเขาจึงแต่งภรรยาที่โง่เขลาเยี่ยงนี้?

แต่นาทีนี้ ภรรยาผู้โง่เขลาเกรี้ยวกราดยิ่ง หวาดระแวงเกินเยียวยา ต้องการบีบบังคับให้เจียงจื่อชางยอมรับให้จงได้

แน่นอนว่าเจียงจื่อชางไม่ยินดีที่จะยอมรับความไม่เป็นธรรมนี้ ปฏิเสธหัวชนฝา หูซื่อเสียใจและเดือดดาลจึงลงไม้ลงมือ ทั้งตะปบทั้งข่วน เละตุ้มเป๊ะยิ่งกว่าอะไร

ยามที่ซ่งอิงออกจากบ้านมา ได้ทิ้งกุญแจให้มารดานางเอาไว้เป็นการเฉพาะ ดังนั้นเวลานี้สินค้าก็ถูกวางเอาไว้ในลานบ้านของนางเป็นระเบียบเรียบร้อยครบถ้วนแล้ว

หลังลงมือจัดการอยู่พักใหญ่ เวลานี้จึงได้นำผ้าที่ซื้อมาไปทางด้านบ้านตระกูลซ่ง

ผ้าห้าพับ แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่ไว้ให้โสมน้อยคนเดียวเท่านั้น

สองพับในนั้นสีสันค่อนข้างเหมาะแก่คนสูงวัยหน่อย ซ่งอิงจึงนำไปให้ชายชราและหญิงชราเป็นอันดับแรก

หม่าซื่อไม่ใช่คนพูดมากมาแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่ตนยังสาว ก็ยกสามีเป็นสวรรค์ของนางมาโดยตลอด เวลานี้มองเห็นผ้า นัยน์ตาพลันลุกวาวสดใส มองซ่งอิงด้วยแววตาที่เมตตาเอ็นดูขึ้นมาก

ทั้งตระกูลนี้ ใครบ้างจดจำนางว่าเป็นมารดาเป็นแม่สามี โดยปกติแสดงความเคารพอย่างมากสุดก็มอบของเล็กๆ น้อยๆ ให้เท่านั้น นางจึงรู้สึกลำบากใจแทนเด็กสาวผู้นี้เช่นกัน เพิ่งหาเงินได้ ก็ซื้อผ้าให้นางแล้ว

ซ่งเหล่าเกินมีสีหน้าไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเล็กน้อย “เพิ่งหาเงินได้นิดหน่อยก็ควรใช้จ่ายให้น้อยๆ เข้าไว้! กิจการค้าขายบ๊ะจ่างนี้เป็นเพียงช่วงเดียวเท่านั้น เลี้ยงปากท้องเจ้าไม่ได้ทั้งชีวิต! ผ้านี้เจ้าเอากลับไปเถอะ ข้าไม่ต้องการหรอก”