ตอนที่ 74 ได้เวลาเคลียร์เพื่อนในวีแชท

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

ตอนที่ 74 ได้เวลาเคลียร์เพื่อนในวีแชท

ไป๋เยี่ยฟังการอภิปรายของแต่ละคนอย่างใจจดใจจ่อ ทว่ายังมีหลายจุดที่เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ ไม่เข้าใจก็เป็นเรื่องปกติ

ตอนนี้ก็ได้เวลาทดสอบความจำกันแล้ว ไป๋เยี่ยจดจำสิ่งที่นักวิจัยทั้งสี่สิบคนพูดได้ทั้งหมด

ไป๋เยี่ยพยายามนึกถึงข้อสงสัยต่างๆ เหมือนกับตอนอ่านหนังสือ แต่เพราะความรู้ที่ได้รับนั้นเยอะเกินไป จำเป็นต้องทำความเข้าใจให้ดี ไป๋เยี่ยคิดพลางขมวดคิ้ว

อันที่จริงคนอื่นๆ ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรในตัวเขานัก การที่นักศึกษาปริญญาตรีคนหนึ่งจะเข้าใจเนื้อหาพวกนี้ได้หรือไม่ก็เป็นประเด็นหนึ่ง ดังนั้นให้ไป๋เยี่ยเป็นคนถามคำถามมาดีกว่า แต่จะว่าไป…บางทีคำถามพวกนั้นอาจจะฟังดูน่าขัน หรือ…บางทีเขาคงไม่รู้จะถามอะไรแล้วก็ได้!

แม้ว่าซาลอนแห่งนี้จะเป็นพื้นที่อิสระในการแลกเปลี่ยนความรู้ แต่คุณก็ต้องรู้จักถามคำถามที่ควรค่าแก่การตอบด้วย

ไป๋เยี่ยเงยหน้าขึ้นถามคาริส

“เอาละ! ผมมีคำถามหลายข้อเลยครับ ก่อนอื่นเลยคาริส ถ้าผมลองปรับเปลี่ยนการทดลองที่คุณเพิ่งพูดถึงเมื่อกี้นิดหน่อย…โดยเติมสารบางอย่างลงไป คุณคิดว่ามันจะเป็นไงบ้าง”

ทุกคนได้ฟังคำถามก็อึ้งไป

คำถามนี้…ถือเป็นคำถามยาก เพราะมันเป็นการผสมผสานแนวความคิดใหม่ๆ ของคนอื่นเข้าด้วยกัน อย่างน้อยการที่ไป๋เยี่ยกล้าถามคำถามนี้ออกมาก็แปลว่าเขาต้องวิเคราะห์มุมมองของคาริสและแนวคิดใหม่ๆ ของคนอื่นๆ เข้าด้วยกันมาแล้ว อีกทั้งคำถามนี้ยังทำเอาคาริสอึ้งไปชั่วขณะเพราะไม่คิดว่าคำถามแบบนี้จะหลุดมาจากปากของไป๋เยี่ยได้

ทุกคนหันไปจ้องคาริสด้วยแววตาเป็นประกาย คำถามของไป๋เยี่ยนั้นสร้างสรรค์เสียจนพวกเขาต้องตั้งตารอฟังคำตอบจากคาริส

คาริสชะงัก เขาไม่เคยนึกถึงกรณีนี้มาก่อน เขาขมวดคิ้วด้วยความลังเลก่อนจะวางเบียร์ในมือลงแล้วใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ เอ่ยขึ้น “ผมคิดว่าการปรับเปลี่ยนการทดลองถือเป็นวิธีการทดลองวิธีหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดเราก็ต้องแยกชนิดสารออกจากกันและกรองสารบริสุทธิ์ออกมา ถ้ามันทำได้จริง ผมคิดว่า…”

ทันทีที่ได้เอ่ยปาก คาริสก็พูดจาลื่นไหลเป็นก๊อกน้ำ เพราะว่าคำถามของไป๋เยี่ยสร้างสรรค์มากราวกับมันเป็นการทดลองแบบใหม่ที่ไม่เคยมีใครลองมาก่อน

คาริสคาดเดาผลลัพธ์ต่างๆ ที่น่าจะเกิดขึ้นพลางกลอกตาไปมา

เขากำลังตั้งสมมติฐานทั้งหมด มีปัจจัยมากมายที่ส่งผลต่อการแยกสารเชิงซ้อนของโพลีเมอร์ หากเป็นเช่นนั้น…จะทำให้คุณสบัติของสารเปลี่ยนไปหรือไม่!

แล้วจะเกิดสารประเภทใหม่ตามที่ในวารสาร ‘ธรรมชาติ’ กล่าวถึงหรือไม่

จู่ๆ คาริสก็ลุกขึ้นและเดินออกไปทบทวนความคิดของตนเองข้างนอก ระหว่างนั้นก็ได้ยินไป๋เยี่ยถามคำถามต่อไปกับคนอื่นๆ

“คุณเดซี่ ผมมีคำถามอยากถามคุณอีกหนึ่งข้อ ตอนที่คุณกำลังสร้างแบบจำลองพลาสโมเดียมที่ก่อให้เกิดโรคมาลาเรีย…”

คาริสจึงกลับมานั่งที่เดิม เขาอยากรู้มากว่าเดซี่จะตอบคำถามนี้อย่างไร เพราะว่าคำถามนี้ก็เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คาริสเพิ่งพูดถึงไปด้วย…

หนึ่งนาที…ห้านาที…สามสิบนาที…สองชั่วโมง…

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งสองชั่วโมงต่อมา ในที่สุดไป๋เยี่ยก็หยุดตั้งคำถามเสียที เขารู้สึกโล่งใจเมื่อได้เห็นค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

อืม!

ไม่เลว วิชาชีวเคมีเลเวลสี่: 8000/30000 แค่นี้เขาก็พอใจกับความรู้ที่ได้รับจากการถามคำถามในครั้งนี้ เพราะว่านี่คือประสบการณ์ตรงของคนเหล่านี้

ไป๋เยี่ยมองแต้มประสบการณ์แปดพันคะแนนที่เพิ่งได้รับมาด้วยความพึงพอใจสลับกับมองกลุ่มคนเหล่านี้ด้วยความชื่นชม

จู่ๆ ไป๋เยี่ยก็สัมผัสได้ถึงความสนิทสนมที่มีต่อพวกเขา แม้ว่าแต่ละคนจะมาจากต่างที่ แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าคนเหล่านั้นสนิทกันราวกับเป็นคนจากหมู่บ้านเดียวกัน

ไม่ได้การละ!

ต่อไปคงต้องมาที่นี่บ่อยๆ ต้องหัดพูดเยอะๆ หัดตั้งคำถามให้มากขึ้น จริงตามที่ครูประถมเคยสอนว่าจงอย่าอายที่จะถาม เพราะการถามจะช่วยทำให้ได้ความรู้มากขึ้น ถ้าอยากเป็นคนเรียนดีก็ต้องรู้จักตั้งคำถามให้มากๆ!

ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองไป๋เยี่ยด้วยความตกตะลึง!

ไป๋เยี่ยคือยอดมนุษย์ชัดๆ ทำไมเขาถึงฉลาดเป็นกรดขนาดนี้! ชักจะเก่งเกินไปแล้ว! พวกคนจีนนี่มันเยี่ยมจริงๆ!

คาริสหันไปมองไป๋เยี่ยอย่างเหลือเชื่อ “ค…คุณเพิ่งคิดคำถามเมื่อกี้เองเหรอ”

หัวใจของไป๋เยี่ยเต้นโครมคราม หรือว่าคำถามนั้นจะเป็นคำถามที่ห่วยแตกกันนะ ไป๋เยี่ยพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับถอนหายใจ “ใช่ครับ…พวกคุณ…แค่กๆ คำถามพวกนั้นคงเป็นคำถามที่แย่ใช่ไหมครับ เฮ้อ…ผมจะพยายามให้มากกว่านี้นะครับ!”

ทว่าทุกคนกลับค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา “อื้ม! ไม่เลว ตั้งใจเรียนเข้าไว้ ถึงคุณจะยังตามหลังพวกเราอยู่มาก แต่…แค่นี้คุณก็เก่งมากแล้ว!”

ไป๋เยี่ยมองเหล่าผู้มีประสบการณ์กลุ่มนี้แล้วเอ่ยด้วยแววตาอันเปล่งประกาย “ครับ ผมจะพยายามให้หนักกว่านี้ครับ!”

ต่อไปต้องห้ามพลาดโอกาสมาที่นี่ซะแล้วสิ!

ดีจริงๆ!

ต่อไปต้องเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ให้บ่อยขึ้นด้วย ไป๋เยี่ยอดรู้สึกตื้นตันใจไม่ได้เมื่อได้นึกถึงกลุ่มคนเหล่านั้น

เฮ้อ!

คนเก่งก็ต้องมีคนรู้จักในแวดวงเดียวกันเยอะๆ สิ

ถูกต้อง!

บุคลากรชั้นนำเหล่านี้ต่างก็มีประสบการณ์กันทั้งนั้น ถ้าได้แอดคนพวกนี้เป็นเพื่อนในวีแชทล่ะก็…พอนึกถึงตอนที่ได้เลื่อนดูโมเมนต์วีแชทของคนพวกนี้แล้วไป๋เยี่ยก็ยิ่งตื่นเต้น!

คิดได้ดังนั้น ไป๋เยี่ยก็คิดว่าคงจะได้เวลาเคลียร์เพื่อนในวีแชทออกบ้างแล้ว

วันต่อมา เขากลับไปทำงานให้อาหารหนูตามปกติ ทว่าตอนนี้พวกคนจากกลุ่มสร้างแบบจำลองก็เริ่มเปิดโอกาสให้ไป๋เยี่ยได้เข้าไปลองทำงานกับพวกเขาดู

แม้ว่าการสร้างแบบจำลองจะไม่ใช่งานที่ต้องใช้เทคนิคขั้นสูง แต่การศึกษาวิธีการสร้างแบบจำลองใหม่ๆ และการจำลองอาการต่างๆ ของโรคก็ยังคงเป็นเรื่องยาก!

ระหว่างที่ไป๋เยี่ยกำลังบันทึกข้อมูลของกลุ่มที่หนึ่ง คาริสก็จะเข้ามาอธิบายความรู้เชิงลึกให้ไป๋เยี่ยฟัง ทั้งยังสอนไป๋เยี่ยถึงวิธีการแยกแยะสารและสกัดสารให้บริสุทธิ์

ไป๋เยี่ยเองก็ตั้งคำถามบ้างเป็นครั้งคราว แล้วคาริสก็จะเป็นผู้คอยตอบคำถามของเขา บางทีก็สอนเขาสกัดสารด้วย

ส่วนงานทำความสะอาดอุปกรณ์กับกลุ่มที่สองก็ยังคงเหมือนเดิม ตอนนี้ไป๋เยี่ยใช้อุปกรณ์พวกนั้นได้แล้ว เพียงแต่ว่าห้ามทำให้อุปกรณ์เหล่านั้นเกิดความเสียหายเท่านั้นเอง

ไป๋เยี่ยยังคงบันทึกข้อมูลจากปีก่อนๆ ตามปกติ ทว่าเมื่อถึงวันพฤหัสบดี ไป๋เยี่ยก็ได้ค้นพบบางอย่าง

ไป๋เยี่ยวิเคราะห์ข้อมูลสถิติส่วนใหญ่เสร็จแล้ว

ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นเป็นผลการรักษาโรคมาลาเรียในภูมิภาคต่างๆ โดยใช้สารอาร์เทแอนนิวอินชนิดต่างๆ ตั้งแต่ปี 2001 ถึง 2015

ข้อมูลนี้มีขนาดใหญ่มาก และแหล่งที่มาของข้อมูลก็คือองค์การอนามัยโลกนั่นเอง

ระหว่างที่กำลังวิเคราะห์อยู่นั้น ไป๋เยี่ยก็พบกับปัญหาบางอย่าง

ไป๋เยี่ยยังไม่ได้วิเคราะห์ปัญหานั้นดีๆ แต่เขามั่นใจว่าปัญหานั้นจะต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับข้อมูลแน่นอน!

คิดได้ดังนั้น ไป๋เยี่ยก็ลงมือคำนวณสถิติทันที!

ไป๋เยี่ยคัดลอกข้อมูลทั้งหมดของปีที่แล้วลงในแฟลชไดรฟ์ จากนั้นก็บันทึกลงในคอมพิวเตอร์แล้วเริ่มจัดเรียงข้อมูล

เขาใช้เวลาสองคืนเต็มๆ ไปกับการเรียงลำดับข้อมูลทั้งหมด