บทที่ 34 การตกเป็นเป้าล่อจากทุกคน

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 34 การตกเป็นเป้าล่อจากทุกคน

วันนี้ ตระกูลเจียงเปิดประชุมตระกูลเจียงขึ้นมาอย่างรีบเร่ง ขนาดท่านสามเองก็มาประชุมด้วย เพราะเรื่องนี้หนักหนาเอาการมาก โปรเจคเขตซีไห่ของมู่ซื่อ กรุ๊ปกับตระกูลเจียง ทั้งตระกูลเจียงให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งตระกูลเจียง กระทั่งจ้าวหลินก็ถูกเรียกให้เข้าร่วมประชุมด้วย

“เจียงหว่าน ความร่วมมือของบริษัทมู่หรานในระยะนี้เป็นยังไงบ้าง?” ท่านสามสีหน้าไม่สู้ดี ซึ่งแสดงความหมายออกมาอย่างชัดเจนว่าได้ข่าวอะไรมาบ้างแล้ว “โปรเจคนี้สำคัญและยิ่งใหญ่มาก แถมในภายภาคหน้ายังเป็นความร่วมมือขั้นพื้นฐานกับมู่ซื่อ กรุ๊ป ถ้าเรื่องนี้ทำได้ไม่ดี

แล้วต่อไปยังจะดำเนินการต่อไปได้ยังไงกัน?”

เจียงหว่านทำหน้าสับสน พลันพูดตอบ “คุณปู่คะ ความร่วมมือของพวกเราไม่ได้มีปัญหานี่คะ?”

“ยังไม่เกิดปัญหาเหรอ? เจียงหว่าน แค่โปรเจคนี้ ตกลงแล้วกอบโกยเงินไปได้เท่าไหร่แล้วล่ะ?” เจียงไห่เชากล่าวตำหนิเสียงแข็งอยู่ทางด้านข้าง

เฉินเสว่ไม่ถูกชะตากับเจียงหว่านมาตั้งแต่แรก แถมเมื่อสองสามวันก่อนก็ยังทำให้ครอบครัวของเธออับอายขายหน้าในงานเลี้ยงวันเกิด ตอนนี้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา จึงใส่ไฟซ้ำเติมเป็นเรื่องปกติ “เจียงหว่าน ฉันก็ไม่อยากจะต่อว่าต่อขานเธอหรอกนะ เรื่องการตักตวงเงินจากโปรเจคมันก็ไม่ได้เป็นเป็นปัญหามากนักหรอก แต่เธอไม่ควรทำเรื่องไร้จิตสำนึกแบบนั้น!”

เจียงหว่านฟังแล้วยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม พลันพูดทันที “โกยเงินเหรอ? ฉันตั้งหน้าตั้งตาทำงานมาตลอด ไม่เคยทำเรื่องพรรค์นี้มาก่อน!”

พูดอย่างหมดเปลือก หลังจากเจียงหว่านเข้ามารับโปรเจคนี้ด้วยตนเอง ซึ่งคอยจับตามองกระบวนการตกแต่งอยู่เสมอ บ่อยครั้งมากที่ยังคงอยู่บริษัทหลังเที่ยงคืนไปแล้ว บางทีถึงขั้นที่ว่า เข้าไปตรวจดูความคืบหน้าในไซต์งาน ตั้งแต่เช้าตรู่ก็มี โดยที่ใช้เวลาหลายวันติดต่อกัน จนผิวถูกแดดเลียจนหมองคล้ำ

“หึๆ ทำงานอย่างตรากตรำเหรอ? ใช้วัสดุไร้คุณภาพในการตกแต่ง นี่ก็ถือว่าความเป็นความตรากตรำในการทำงานของเธอเหรอ?” เจียงมู่หลงหัวเราะร่วม

“วัสดุไร้คุณภาพเหรอ? ไม่มีทางเป็นไปได้แน่!”

เจียงหว่านย่นคิ้วหากัน เรื่องนี้ เธอไม่มีทางปล่อยให้เจียงมู่หลงมาใส่ร้ายป้ายสีตามอำเภอใจ “คุณปู่ ถ้าไม่เชื่อ คุณปู่ไปดูที่ไซต์งานได้เลยค่ะ วัสดุที่หนูนำมาตกแต่งมันไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด แต่ราคาก็สูงลิบลิ่วที่สุดเช่นกัน แล้วจะเกิดเรื่องพรรค์นี้ได้ยังไงคะ!”

“แกดูเอาเองแล้วกัน!” ท่านสามหน้าตาขึงขัง และโยนรูปภาพจำนวนหนึ่งลงบนโต๊ะ

เจียงหว่านหยิบรูปภาพขึ้นมาด้วยหน้าตาโกรธเคือง แต่เมื่อมองดู สีหน้าก็ซีดลงเรื่อย!

คนที่อยู่ในรูปเธอรู้จักดี เป็นหนึ่งในลูกน้องของเธอที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการเรื่องการขนย้ายวัสดุ ซึ่งภายในนั้นเป็นเรื่องที่แอบลักลอบสับเปลี่ยนวัสดุ เพื่อทำการเปลี่ยนวัสดุที่ดีจำนวนหนึ่งจนกลายเป็นวัสดุไร้คุณภาพเพื่อนำเข้ามาตกแต่ง

“พวกนี้ถ่ายมาจากไซต์งานของมู่หลง ตอนนี้เธอยังอยากจะไปดูที่ไซต์งานก่อสร้างอยู่มั้ยล่ะ?” เสียงท่านสามเย็นเฉียบดั่งน้ำแข็ง

เจียงหว่านกระวนกระวายใจทันที พร้อมทั้งส่ายหน้าอยู่ตลอดเวลาในขณะที่พูดออกมา “หนูไม่รู้เรื่องด้วย เรื่องนี้เขาทำเอง”

“ไม่รู้เรื่อง? หึๆ ทั้งที่คนคนนี้เป็นลูกน้องของแก พูดว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับแก คิดว่าพวกเราโง่งั้นสิ?”

เจียงมู่หลงตบโต๊ะ พลันแว้งกัดเจียงหว่านทันที

“คนที่มองคนขาดต่างรู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แกทุ่มทุนสุดตัวเพื่อตักตวงเงินจากโปรเจคนี้ ก็เพื่อสร้างสัมพันธ์กับตระกูลกู่ใช่มั้ย? ช่างเป็นการวางแผนที่ดีจริงๆ!”

“ถูกต้อง ปกติมองดูก็เป็นคนซื่อสัตย์สุจริตดี คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีกลยุทธ์เด็ดลับๆ ให้คนอื่นออกหน้าส่วนตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ถึงขนาดนี้! เวลาถ้าเกิดบริษัทมู่หรานเกิดปัญหา จนถูกเปิดโปงออกมา ความร่วมมือระหว่างตระกูลมู่ของพวกเรากับมู่ซื่อ กรุ๊ปควรจะทำยังไงดี? ตอนนี้ขนาดสัญญาความร่วมมือกับมู่ซื่อ กรุ๊ปก็ยังไม่ได้เซ็นเลยด้วยซ้ำ แกคิดว่าแผนสูงจนไร้ความวิตกกังวลเลยเหรอไง?”

เสียงกล่าวโทษของทุกคนดังขึ้นระงม

สีหน้าท่านสามเคร่งขรึมหม่นหมองดุจสายน้ำ ถึงแม้ว่าเขาไม่ชอบเจียงหว่าน แต่รู้สึกว่าด้วยนิสัยถือว่าพอได้ ปรากฏว่าคิดไม่ถึงเลยว่าจะทำเรื่องผิดพลาดกับเรื่องพรรค์นี้

อีกทั้ง ถ้าปัจจัยนี้ทำให้ความร่วมมือกับมู่ซื่อ กรุ๊ปต้องล้มเหลวแล้วล่ะก็ ความคาดหวังทั้งหมดของตระกูล ก็จะเหมือนการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำในลักษณะแบบนั้น!

ในเวลานี้เอง เจียงมู่หลงลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งพูดอย่างสะใจเต็มที่ “คุณปู่ครับ ผมรู้ตั้งแต่แรกว่าเจียงหว่านทำภารกิจสำคัญได้ยาก ดังนั้น ผมจึงเตรียมการจัดการเรื่องนี้เอาไว้เนิ่นๆ”

“หลังจากผมได้ถ่ายรูปเอาไว้ ก็ได้ห้ามใช้วัสดุของพวกเขาแล้วครับ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงมู่หลง บรรดาญาติพี่น้องในตระกูลเจียงทุกคน ต่างจ้องมองมาทางเขาด้วยหน้าตาชื่นชมทุกคน

“ดีนะที่มู่หลงมีความสามารถ จนสามารถเตรียมการแก้ไขเรื่องนี้เอาไว้ล่วงหน้า”

“ฉันว่า เรื่องที่คุณปู่ให้เขาเข้าไปเป็นผู้ช่วยในการรับผิดชอบไม่ได้เสียเปล่าไป”

“ถูกต้อง ถ้าให้เจียงหว่านเข้ามารับผิดชอบคนเดียว เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นก็จบเห่กันหมด”

คุณปู่พยักหน้า สีหน้าเผยรอยยิ้มเสียยิ้มยากออกมา พลันกล่าวพูด “มู่หลง เรื่องนี้ นายทำได้ไม่เลวจริงๆ”

“คุณปู่ครับ โชคดีที่คุณปู่ให้ผมช่วยทำหน้าที่รับผิดชอบอีกคน ไม่งั้นผมคงหาหนอนบ่อนไส้ในโปรเจคไม่ได้แน่” เจียงมู่หลงตั้งใจแสร้งพูดเจียมเนื้อเจียมตัว สายตาจ้องมองเจียงหว่าน แสดงความหมายทั้งหมดออกมาชัดเจน

สีหน้าเจียงหว่านแดงแปร๊ด แต่กลับไร้วิธีต่อการกลับ

“แต่คุณปู่ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้ผมจะหยุดไว้ทัน แต่ทางบริษัทวัสดุทางนั้นก็เกิดปัญหาเช่นเดียวกัน เพราะวัสดุเหล่านี้เป็นความต้องการของเจียงหว่าน พวกเขาต้องการเจรจากับเจียงหว่าน” เจียงมู่หลงกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง

“เจียงหว่าน เรื่องนี้เธอคงไม่ได้จัดการให้ดีใช่มั้ย? ถ้าเธอแก้ไขไม่ได้ ก็รีบเอาโปรเจคนี้ให้เจียงมู่หลงโดยเร็วที่สุด” ท่านสามพูดเสียงแข็ง

เรื่องนี้เจียงหว่านเคยแสดงความต้องการกับบริษัทวัสดุภัณฑ์ แต่เวลานี้เจียงมู่หลงเริ่มก่อความลำบากให้ เธอทำได้แต่กัดฟันทน ก้มหน้าเพื่อรับปากทันที “คุณปู่วางใจเถอะค่ะ หนูต้องแก้ไขปัญหานี้ให้ได้อย่างแน่นอน”

แก้ไขปัญหาเหรอ?

อาการแสยะยิ้มตรงมุมปากเจียงมู่หลงเผยอยู่ตลอด สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนเป็นไปตามการดำเนินงานในแผนการของเขา เขาแทบไม่ได้ออกโรงหยุดยั้งเรื่องวัสดุไร้คุณภาพนั้นเลย แค่คิดว่ารอวันหลังจากที่เจียงหว่านโดนหวางกุ้ยข่มขู่จนต้องยอมมีอะไรด้วย เขาค่อยออกมาเปิดโปงเรื่องทั้งหมด

ถึงเวลานั้น สูญเสียความบริสุทธิ์ แถมยังสูญเสียสัญญา เกรงว่าทั้งตระกูลเจียงคงไม่เอาเธอไว้อีกแล้ว!

“น้องสาว ครั้งนี้ก็อย่ามาพูดว่าพี่ไม่ช่วยนะ” เจียงมู่หลงกล่าว

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา สีหน้าของเจียงหว่านย่ำแย่เป็นอย่างมาก อารมณ์โกรธแน่นอกไร้วิธีพูดระบาย รอจนหลังประชุมเสร็จ เธอกลับถึงบ้านด้วยอารมณ์หัวฟัดหัวเหวี่ยงคนเดียว กระดกน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะจนหมดเกลี้ยง แถมยังตบหน้าอกที่กระเพื่อมจากการสูดหายใจเข้าออกอย่างไม่หยุดหย่อน

มู่เซิ่งทำอาหารอยู่ในบ้าน เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของเจียงหว่านที่โกรธเคืองอยู่ จึงเอ่ยปากถามด้วยความแปลกใจ “ใครยั่วโมโหคุณเหรอ?”

“ในที่ประชุมวันนี้ ทุกคนพุ่งเป้ามาที่ฉันหมด จนฉันใกล้จะอกแตกตายเพราะโกรธจัดอยู่แล้ว” เจียงหว่านโกรธจนกัดฟัน และนำรูปที่อยู่ในมือขว้างออกมา!

“อย่าไปสนพวกเขา คิดเสียว่าคำพูดของพวกเขาก็เหมือนตด” มู่เซิ่งวางจานช้อนลง และคอยนั่งพูดปลอบใจอยู่ทางด้านข้างเจียงหว่าน

เจียงหว่านย่อมเข้าใจหลักการนี้ แต่เธอรับความลำเอียงแบบนี้ของตระกูลเจียงไม่ได้ จึงพูดออกมา “แต่พวกเขาก็ทำเกินกว่าเหตุ! แถม ถ้าเรื่องนี้มันเกิดขึ้น หลังจากที่หยุดทันก็บอกฉันมาตรงๆ ก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ? ยังต้องมานั่งถากถางฉันยกใหญ่ในงานประชุมของตระกูลอีก เพื่อแสดงให้เห็นว่าต้องการทำให้ฉันอับอาย!”

“หรือมันประมาณไหนเหรอ? ต้องการให้ผมช่วยมั้ย?” มู่เซิ่งกล่าว

“คุณอยากไปหาเพื่อนของคุณอีกแล้วใช่มั้ย?” จู่ๆ เจียงหว่านก็หันหน้ากลับมาถาม

มู่เซิ่งโดนย้อนถามจนพูดไม่ออก ทำได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก

เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของมู่เซิ่งกลับมาเช่นนี้ เจียงหว่านฉุกคิดถึงตระกูลกู่เป็นอันดับแรก คนที่สามารถทำเรื่องพรรค์นี้ออกมาได้ มีแค่ตระกูลกู่เท่านั้น ถึงแม้ว่าเธอรับรู้เป็นอย่างดีเมื่อตระกูลกู่ออกหน้าเอง เรื่องนี้ต้องผูกมิตรกันแน่นอน

แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่มู่เซิ่งต้องไปวิงวอนกู่ชิงเสวียน เจียงหว่านรู้สึกเจ็บจี๊ดอยู่ในใจอย่างทนไม่ไหว

“ไม่ต้องหรอก ฉันสามารถจัดการเองได้” เจียงหว่านปากแข็ง

เธอจัดการเอกสารที่อยู่ในมือเล็กน้อย พลางผลักประตูเดินเข้าไป

“โอเค”

มู่เซิ่งถอนหายใจอย่างหมดหนทาง

รอจนเจียงหว่านเดินจากไป เขาจึงเก็บรูปที่หล่นที่พื้นขึ้นมาทีละใบ ด้วยหน้าตาเคร่งขรึม เดิมคิดว่าตระกูลอื่นเป็นคนลงมือ คิดไม่ถึง คนในตระกูลเป็นหนอนบ่อนไส้กันเอง

มู่เซิ่งเดินกลับเข้าห้องคนเดียว พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จัดการกดโทรออกอย่างไร้การลังเล

“ท่านสวี มีเรื่องให้คุณทำแล้วครับ!”