เผ่าอสูร มนุษย์ และมาร เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน เผ่าสัตว์อสูรอายุขัยยืนยาว มีพรสวรรค์ในสายเลือด พลังป้องกันสูงส่งยากต่อกร
มนุษย์และมารหลังมีข้อขัดแย้งภายใน สำนึกได้ว่าเผ่าอสูรคือหนามยอกอก ความแค้นหนี้เลือดดั่งท้องสมุทรระหว่างพวกมันมากมายเกินกว่าจะจดบันทึกได้หมด
เผ่าอสูรเองไม่ยินยอมจากแผ่นดินเผ่ามนุษย์ไปแต่โดยดี เผ่ามนุษย์จึงเผชิญหน้ากับการตอบโต้จากเผ่าอสูร
สองเผ่ากลับกลายเป็นดั่งน้ำไฟที่ไม่อาจอยู่ร่วม เห็นเมื่อไหร่ต้องชักกระบี่ออกมาไล่ล่าฆ่าล้าง
เผ่าอสูรนิยมปล่อยเนื้อปล่อยตัว เมื่อรวมกับยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ที่หลงใหลในพวกอสูร สรุปแล้วทั้งมนุษย์และอสูรต่างหลงเหลือทายาทรุ่นหลังสืบทอดสายเลือด
บุคคลประเภทนี้ มีทั้งสายเลือดของมนุษย์และอสูรในร่าง ถูกเรียกว่าพวกนอกรีต เผ่านอกรีต
ตัวประหลาดกฎสรรพสิ่งขั้นสูงสุดที่ร่วงหล่นลงในบรรพตนั้นก็เช่นกัน มันเองก็ต้องประสบเคราะห์กรรมเนื่องจากสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ เห็นได้ชัดว่าปัญหาเช่นนี้แม้กระทั่งชนชั้นกฎสรรพสิ่งเองยังไม่อาจต้านทาน
เผ่านอกรีต เนื่องเพราะภายในมีพลังของสายเลือดเผ่าอสูรแฝงอยู่ บ่อยครั้งจึงถูกผู้ฝึกวิชาตามล่าฆ่าล้าง ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก มีบ้างที่เลวร้ายยิ่งกว่าทาส
พวกมันต้องอพยพหลบลี้สู่สถานที่ชนบทอันไกลห่าง หลีกเลี่ยงการติดต่อสัมพันธ์กับผู้คนให้มากที่สุด พวกมันบ้างงอกหูแมวตาพยัคฆ์ บ้างงอกศีรษะโคหางหมี ผู้ที่มีสายเลือดอสูรนอกรีตเหล่านี้ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต่ำชั้นที่สุดในทวีปฉงหลิง
ศิษย์น้องเล็ก มีสายเลือดอสูรเช่นเดียวกัน ตอนที่อาวุโสใหญ่เก็บนางมา พอดีค้นพบปัญหาของสายเลือดที่ซ่อนเร้นอยู่
สำหรับเรื่องสายเลือดและเผ่าพันธุ์ อาวุโสใหญ่ไม่มีอคติต่อของน่าเบื่อหน่ายพรรค์นั้น
คนไม่ต้องสูงส่ง สัตว์อสูรเองก็ไม่จำเป็นต้องต่ำต้อย ล้วนมีชีวิตเลือดเนื้อ ดังนั้นอาวุโสใหญ่ยืนกรานเก็บตงฟางฉิงอวี่มาเลี้ยงในพรรคหลิงเซียวนับแต่นั้น
ศิษย์น้องเล็กเองก็ทราบดี ในร่างของตนเองไหลเวียนไว้ด้วยสายเลือดอสูร
ยามนี้ ผู้อื่นยามพบเห็นนาง จะเห็นดวงหน้าน่ารักน่าถนอมของตุ๊กตาเคลือบ หากรู้ว่าในร่างนางซุกซ่อนสายเลือดอสูร ความชื่นชมรักถนอมทั้งหลายเหล่านั้นล้วนกลายเป็นว่างเปล่า
ผู้คนจะหลีกลี้หนีห่าง ขับไล่ไสส่งนาง นี่ก็คือความจริงอันเจ็บปวด
โชคยังดีที่อาวุโสใหญ่ความสามารถสูงส่ง ผนวกกับบนร่างของศิษย์น้องเล็กมิได้แสดงคุณลักษณะอันโดดเด่นของสายเลือดครึ่งอสูรออกมา
จากปากคำของอาวุโสใหญ่ สายเลือดอสูรในร่างของศิษย์น้องเล็กบริุสทธิ์ยิ่ง สามารถควบคุมบังคับได้ตามใจ
ขอเพียงศิษย์น้องเล็กไม่จงใจแสดงพลังสายเลือดออกมา ด้วยฝีมือของอาวุโสใหญ่ นอกจากถูกยอดคนชั้นกฎสรรพสิ่งตั้งใจตรวจหา ย่อมไม่มีใครล่วงรู้ความลับนี้
จะมนุษย์หรือมารอสูรอันใด ฉินจิ่วเกอก็ไม่สนทั้งนั้น
หลังล่วงรู้ความจริง ฉินจิ่วเกอกลับปราศจากสายตาเป็นอื่น หากกลับยิ่งรักถนอมนางอย่างลึกซึ้ง
เด็กน้อยเยาว์วัยที่ไร้บิดามารดาผู้หนึ่ง ไม่สมควรต้องแบกรับปัญหามากมายถึงปานนี้ ปกปิดซ่อนเร้นถึงเพียงนี้
ทว่า ด้วยระดับพลังของฉินจิ่วเกอในปัจจุบัน แน่นอนว่าไม่มีปัญญาบัญญัติบรรทัดฐานใหม่
และเพราะในร่างมีสายเลือดอสูร ศิษย์น้องเล็กจึงสามารถสื่อสารกับสัตว์อสูรได้ ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการช่วงชิงด้วยกำลัง เพียงสื่อสารเจรจาอย่างเท่าเทียม เส้นใยแมงมุมปีศาจล้วนสามารถได้มาโดยง่าย
หวนกลับมาที่สองพี่น้องแซ่ม่อ หากคิดเข้าไปแย่งชิงใยแมงมุมปีศาจซึ่งหน้าอย่างโง่งม เกรงว่าคงต้องเสี่ยงอันตรายแล้ว
ฟ้าดินไร้ปราณี ลงทัณฑ์อย่างเหี้ยมโหดต่อสรรพชีวิต แม้ฟ้าดินกำเนิดมนุษย์ หากยังกำเนิดและทำลายล้างด้วยตนเอง
ฉินจิ่วเกอไม่กล้าบอกว่าตนเองจะปกป้องเผ่าอสูรที่ถูกมนุษย์ขับไล่ฟ้าดินไสส่ง แต่หากมันยังอยู่ ไม่ว่าผู้ใดล้วนไม่อาจทำอันตรายศิษย์น้องเล็กได้ อย่างน้อยในพรรคหลิงเซียวนี้ ผู้ใดกล้าพ่นวาจามนุษย์อสูรไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าอันใดออกมา ฉินจิ่วเกอจะให้มันได้ลองลิ้มชิมรสชาติฝีมือของมันอย่างถึงอกถึงใจ
เมื่อเบื้องล่างเขาเงียบสงบลง ก่อนอื่นเป็นสองพี่น้องแซ่ม่อ ที่วิ่งหัวซุกหัวซุนจนตูดปัดจากด้านหลังเขา หลบหนีลนลานลงมา
มองเห็นปากแผลบนร่างพวกมัน หยาดหยดไปด้วยน้ำพิษห้าสีจากแมงมุมปีศาจ คนเพียงอาศัยพลังวิญญาณจากตันเถียนพยุงชีพไว้ ใกล้ถึงฆาตรอมร่อ
รังของแมงมุมปีศาจ แม้แต่ฉินจิ่วเกอยังไม่กล้าเข้าใกล้แบบสุ่มสี่สุ่มห้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกมัน
เหิงโหย่วเฉียนร้อนรน พี่น้องแซ่ม่อเป็นศิษย์อันโดดเด่นในบรรดาศิษย์รุ่นพี่ของพรรค อนาคตพิสุทธิ์ไพศาลขั้นสูงสุดไม่จำเป็นต้องกังขา
ดังนั้นเหิงโหย่วเฉียนเร่งรุดเข้าหา ช่วยเหลือสองพี่น้องแซ่ม่อขับสลายพิษ เมื่อมีมันลงมือด้วยตนเอง การขจัดพิษย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
สำหรับจำนวนของใยแมงมุมปีศาจที่พวกมันเก็บได้ ทั้งหมดสามจินหกเลี่ยง คะแนนไม่เลวเลย
การฝึกตน ที่จริงไม่ต่างจากการเสริมสร้างความสูงของร่างกายเท่าใด ต้องมีสิ่งที่สวรรค์ให้มาและวาสนา ทั้งสัมพันธ์กับอายุที่ได้รับอย่างมาก
หากผ่านพ้นระยะหนึ่งในสามของอายุขัยไปแล้ว ช่วงเวลาทองของการฝึกตนล้วนล่วงเลยไป ไม่อาจมีความสำเร็จยิ่งใหญ่ใดได้
ดังนั้นประชากรทวีปฉงหลิงแม้มีมาก ทว่าผู้ฝึกตนที่บรรลุวิชาขั้นสูงจริงๆ กลับมีน้อย หากคิดเป็นยอดคน ยิ่งยากลำบาก
“สามจินหกเลี่ยง พวกเจ้าแพ้แน่” เกาฟู่ส่วยรังเกียจพิษแมงมุมปีศาจบนร่างสองพี่น้อง กลับมิได้เร่งเข้าไปช่วยเหลือ หากปลายนิ้วทั้งสองมือของมันกลับลูบไล้ลงบนใยแมงมุมปีศาจอย่างละเมียด
“คอยดูกันไปเถอะ ถึงตอนนั้นพวกเจ้าพรรคจอกประกายสิทธิ์อย่าหนีหนี้ก็แล้วกัน” ฉินจิ่วเกอมั่นใจเกินร้อย หากไม่สามารถเอาชัย ถึงตอนนั้นจะเชือดเจ้าอ้วนน่าตายสังเวยฟ้า
เกาฟู่ส่วยเห็นฉินจิ่วเกอไม่แยแสตนเอง ต้องแค่นเสียงเฮอะฮะ รอคอยผลลัพธ์ขั้นสุดท้าย
ห่างจากกำหนดเวลาสามชั่วยามอีกสิบกว่านาที เกาฟู่ส่วยเบิกบานสราญใจ ไม่แน่ว่าหลอมวิญญาณขั้นเก้าทั้งสองตายกลายเป็นผีเฝ้ารังแมงมุมไปแล้ว
อาวุโสสองเข้าใจจิตเจตนาของฉินจิ่วเกอ มันเองก็เป็นเช่นศิษย์ของมัน ในใจไม่อาจสงบลง
ฉินจิ่วเกอโดยธรรมชาติไม่ใช่คนยอมลำบาก หากกล้าเอาชนะพรรคหลิงเซียว ยิ่งกล้าไม่ไว้หน้าอาวุโสสอง อาวุโสสองรักหน้าปานไหน ไม่อาจถูกตีตายได้
“พวกเจ้าแพ้แน่!”ม่อไซ่ถีสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างเลอะเลือน ใบหน้าซีดขาว
“เจ้าห่วงเรื่องของตัวเองไปเถอะ ดูพวกเจ้าเพิ่งสลบจากพิษแมงมุมไปเมื่อครู่ ศิษย์พี่เกาของเจ้ายังไม่แยแสสนใจแม้แต่น้อย”
เกาฟู่ส่วยกำหมัดแนบแน่น อีกฝ่ายเหมือนพูดจาโดยไร้ความคิด ที่จริงกำลังบั่นทอนความสัมพันธ์ศิษย์พี่ศิษย์น้องของพวกมันอยู่
เมื่อมองไปยังสองพี่น้องแซ่ม่อ เห็นพวกมันซุกซ่อนประกายนัยน์ตาเย็นชา ลอบหลบสายตามัน คนต้องบังเกิดความวิตกกังวล
เจ้าคนต่ำช้า ต้องหาทางตีให้พิการให้ได้!
เกาฟู่ส่วยในใจอัดแน่นด้วยความแค้น ยิ่งสาปแช่งเจ้าอ้วนน่าตายในใจให้ไม่ตายดี
ขณะที่เวลากำลังจะหมดลงในอีกไม่กี่นาทีนี้เอง เงาร่างผอมร่างหนึ่งก็โผล่ขึ้นจากหลังเขา สร้างความแตกตื่นประหลาดใจแก่คนทั้งหมด
ร่างอ้อนแอ้นเดินอย่างชดช้อย กลิ่นหอมอวลราวกล้วยไม้ ประดุจดั่งดอกบัวขาวบริสุทธิ์ที่ผุดโผล่ขึ้นจากกลางน้ำ ไร้ซึ่งมลทินและสิ่งแปดเปื้อนใดๆ
แม้จะยังเยาว์วัย หากแน่นอนว่าเป็นวัตถุดิบแห่งโฉมงาม ดวงหน้าเรียวยาวเรียบลื่นประดุจหยกเนื้อดีไร้ตำหนิ นัยน์ตาสุกใสกลอกกลิ้งฉายประกาย วิ่งเข้าหาบุรุษหนุ่มสง่างามในชุดขาวที่ยืนอยู่กลางผู้คน