ตอนที่ 68 ทาสหลบหนี? ผู้สูงศักดิ์?

ท่านป้าหยางและเสี่ยวเจียนอยู่เป็นเพื่อนจนถึงยามซวี* จนคนในครอบครัวท่านป้าหยางมาตามจึงได้กลับไป

* ยามซวี (戌时) หมายถึงช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. – 21.00 น.

จี้จือฮวนจึงให้อาชิงน้อยไปอยู่ที่ห้องเพื่อดูแลผู้ป่วยทั้งสองหลังจากทำความสะอาดขี้ไก่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ตัวเองต้องเตรียมของที่จะเอาเข้าไปในตำบลวันพรุ่งนี้

ตอนนี้เป็นปลายฤดูร้อนยังมีเวลาอีกช่วงหนึ่งก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ดังนั้นบางครั้งอากาศก็ร้อนและบางครั้งอากาศก็เย็น เมื่ออากาศแปรปรวนขึ้นมาจึงร้อนกว่าตอนที่ร้อนจัดอีกด้วย

จี้จือฮวนนำมันแกวที่เก็บมาจากภูเขาในวันนี้ออกจากตะกร้า เมื่อปอกเปลือกและตัดรากออกแล้ว จึงวางลงบนที่บดไม้ที่เจิ้งต้าเฉียงทำให้นางก่อนจะเริ่มบด

หลังจากบดมันแกวจนเป็นน้ำแล้ว จึงเติมน้ำสะอาดลงไปในอ่างไม้ จากนั้นก็เปลี่ยนถังไม้ใบใหม่ ปูด้วยผ้าขาวบาง ตักมันแกวบดใส่ลงในผ้าขาวบาง และเติมน้ำเปล่าเพื่อเป็นการล้าง แล้วบีบน้ำข้างในออก จากนั้นก็ปิดฝาเพื่อป้องกันแมลงวัน และวางเอาไว้ที่มุมหนึ่งในห้องครัว ทิ้งไว้ข้ามคืน

จากนั้นนางก็เริ่มจัดการกับหมูป่า หลังจากเอาเครื่องในบางส่วนที่ร้านอาหารป่าไม่เอาออกแล้ว ก็ทำการล้างลำไส้ใหญ่ของหมูป่าซ้ำอยู่หลายครั้ง ก่อนที่จะเอาไปตุ๋นพร้อมกับเนื้อ

อาอินทำเกลืออยู่ข้าง ๆ สาวน้อยเองก็ยุ่งมากเช่นกัน หลังจากปิดฝาหม้อแล้ว อาอินจึงได้เดินมาหยุดอยู่ข้างกายของจี้จือฮวน “คนผู้นั้นมีความเป็นมาไม่ชัดเจน หากพรุ่งนี้ยังไม่ฟื้นรีบส่งตัวไปที่อื่นเถอะ”

จี้จือฮวนเห็นท่าทางหวาดระแวงของนางแล้ว ก็เอ่ยขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นเมื่อครู่เหตุใดถึงให้ข้าพาคนกลับมาเล่า?”

อาอินลังเลเล็กน้อย “อย่างไรก็เกี่ยวพันกับชีวิตคน จะปล่อยให้ตายโดยไม่ช่วยได้อย่างไรกัน”

การที่นางคิดเช่นนี้จี้จือฮวนจึงรู้สึกดีใจมากทีเดียว พิสูจน์ให้เห็นว่านิทานที่นางเล่าให้ฟังในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ไร้ประโยชน์ “อืม ข้ารู้ว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ”

อาอินไม่รู้ว่านางดีใจอะไรของนาง แต่ก็ยังช่วยนางตุ๋นเนื้อต่อไป “ท่านไม่ได้เข้าไปที่ตำบลตั้งหลายวันแล้ว ไม่กังวลเรื่องการค้าของตัวเองเลยหรือ?”

“ใครบอกว่าข้าไม่กังวล นี่ก็กำลังทำของสำหรับวันพรุ่งนี้อยู่อย่างไรเล่า” ของเหล่านั้นต่อให้อร่อยเพียงใด ความแปลกใหม่ก็จะลดลง มีเพียงการทำของใหม่ออกมาเรื่อย ๆ บวกกับเกลือที่พวกเขาทำขึ้นเป็นพิเศษ การเอาชนะจุ้ยเซียนจวี่ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม

“มิน่าเล่า เมื่อครู่ถึงเห็นท่านทำมันแกว”

แต่ของอย่างมันแกวนางกินจนเอียนแล้ว เวลาที่บ้านไม่มีข้าวกินนางก็มักจะไปขุดมันแกวบนเขามากิน อาอินไม่คิดว่าของสิ่งนี้จะสามารถขายได้ราคาดี

ตกดึก หญิงสูงวัยคนนั้นมีไข้สูงเอาแต่นอนละเมอ จี้จือฮวนเองก็นอนไม่หลับ ดังนั้นจึงฉีดยาแก้ไข้ให้นางเพื่อลดอุณหภูมิในร่างกาย กลางดึกเผยจี้ฉือลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ จึงได้รู้ว่านางไม่ได้นอนเลย

เขาเข้ามาดูเล็กน้อย ก่อนจะตรวจดูลมหายใจของหญิงสูงวัยผู้นั้น จี้จือฮวนรู้สึกขบขัน จึงลืมตาขึ้นมาเอ่ยกับเขา “นางไม่เป็นอะไรแล้ว”

เผยจี้ฉือจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “ต่อให้เป็นอะไร ก็จะมาตายที่บ้านเราไม่ได้”

หากมีคนตายขึ้นมา ก็ต้องมีคนของทางการมาแน่ ถึงเวลา หากพวกคนที่ต้องการให้ท่านพ่อตายรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลเฉิน ทั้งยังสร้างบ้านใหม่เช่นนี้ ไม่แน่อาจจะลงมือโหดเหี้ยมกว่าเดิมก็เป็นได้

เผยจี้ฉือจะไม่มองใครในแง่ดีมากเกินไป ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก็จะคิดถึงกรณีที่เลวร้ายที่สุดก่อนเสมอ เพื่อจะได้คิดหาทางออกเอาไว้ล่วงหน้า

จี้จือฮวนไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เขาจึงรื้อดูเสื้อผ้าที่สตรีสูงวัยใส่ในวันนี้

“เนื้อผ้าเช่นนี้ ไม่เหมือนของต้าจิ้นของเราเลย”

จี้จือฮวนจึงกระตือรือร้นขึ้นมา “เจ้ารู้เรื่องพวกนี้ด้วยหรือ?”

“อืม ดูเหมือนผ้าเนื้อหยาบของพวกชนเผ่าถู่เจีย แต่เจ้าดูสิ มือของนางไม่มีตุ่มนูนเลยสักนิด ไม่เหมือนคนที่ทำงานหนัก” เผยจี้ฉือเอ่ยจบก็ก้มลงพิจารณาหญิงสูงวัยอีกครั้ง

“นางมีชาติตระกูลที่ไม่ธรรมดา และได้รับการดูแลอย่างดี หญิงชาวบ้านอายุเท่านี้ น้อยมากที่จะมีผิวพรรณขาวผ่องเช่นนี้”

ใครบ้างที่ผมไม่หงอก หลังไม่โก่ง ซอกเล็บมือเล็บเท้าเต็มไปด้วยดินโคลน?

แต่เมื่อมองไปที่คนตรงหน้า แม้ว่าจะอายุปูนนี้แล้ว แต่ก็ดูได้ไม่ยากว่าตอนสาว ๆ จะต้องเป็นคนสวยอย่างแน่นอน อีกทั้งหากเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ หากบอกว่าเป็นพวกกินดีอยู่ดีก็ดูไม่เกินจริงเลยสักนิด

“ฐานะของคนผู้นี้อาจจะไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่พวกเราเห็นก็ได้” เผยจี้ฉือเอ่ยเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองปฏิกิริยาของจี้จือฮวน

“ทาสหลบหนีหรือ?” จี้จือฮวนพูดถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา

เพราะเสื้อผ้าที่นางสวมใส่ดูไม่เหมือนมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยเลย

หากเป็นทาสที่หลบหนี ก็สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดถึงใส่เสื้อผ้าเนื้อหยาบแต่กลับดูแลตัวเองเป็นอย่างดีเช่นนี้ เพราะแม่นมของตระกูลใหญ่ก็ไม่ต่างอะไรจากการเป็นนายคนครึ่งหนึ่งแล้ว

เผยจี้ฉือคิดว่ามีความเป็นไปได้จริง ๆ “รอนางฟื้นแล้วค่อยว่ากันเถอะ”

เผยจี้ฉือเห็นจี้จือฮวนนั่งอยู่เช่นนั้น พรุ่งนี้ยังต้องเข้าไปที่ตำบลอีก เขาจึงกลัวว่านางจะนอนไม่สบาย จึงไปนำพัดมานั่งลงข้าง ๆ นาง “เจ้านอนสักพัก ข้าจะเฝ้าแทนเจ้าเอง ข้านอนมาครึ่งคืนแล้วตอนนี้จึงไม่ง่วงเท่าไร”

จี้จือฮวนคิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะเป็นหนุ่มน้อยที่อบอุ่นเพียงนี้ เมื่อก่อนเหตุใดนางจึงมองไม่ออกว่าเขาจะมีมุมเช่นนี้ด้วย

“ไม่ต้องหรอก เด็กที่นอนไม่พอตัวจะไม่สูง เจ้ารีบไปนอนเถอะ”

เผยจี้ฉือไม่พอใจ เขาสูงกว่าคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันเสียอีก แต่หลังจากที่ท่านพ่อเกิดเรื่อง เขาก็เหมือน…ไม่สูงขึ้นจริง ๆ ด้วย

เมื่อคิดได้ดังนั้นในใจก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา เขาคงไม่ได้เตี้ยแค่นี้จริง ๆ หรอกกระมัง

จี้จือฮวนเห็นท่าทางของเขาก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงยิ้มออกมา “ไปนอนเถอะ ข้าทนอีกหน่อยไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวฟ้าก็ใกล้สางแล้ว”

เผยจี้ฉือรู้สึกว่าหากตนเองทำเช่นนั้นจะดูใจแคบ ดังนั้นจึงฟุบลงนอนข้าง ๆ จี้จือฮวน

รอจนกระทั่งจี้จือฮวนคิดว่าเขาหลับไปแล้ว เขาจึงบ่นพึมพำขึ้นมา “เจ้าเองก็โตกว่าข้าแค่แปดปีเอง”

จี้จือฮวนคิดในใจ ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ถ้าคำนวณตามอายุจริง ๆ พ่อที่อายุยี่สิบกว่าของเจ้า ยังเด็กกว่าข้าเสียอีก

รอจนไก่ขัน จี้จือฮวนที่ตั้งใจจะรีบไปทำอาหารเช้าให้พวกเด็ก ๆ ก็เห็นว่าคนที่อยู่บนเตียงได้ตื่นนานแล้ว ดวงตาคู่นั้นกลับไม่เหมือนคนแก่ทั่วไป เพราะดูกระจ่างใสเป็นพิเศษ

เพียงแต่มองนางอยู่เช่นนั้น ไม่พูดไม่จา น่ากลัวอย่างไรพิกล

จี้จือฮวนยื่นมือโบกไปมาตรงหน้านาง หญิงสูงวัยผู้นั้นลุกขึ้นนั่งเอง พิจารณาห้องตรงหน้า จากนั้นก็ส่งเสียงจิ๊จ๊ะแฝงความรังเกียจออกมา

ราวกับกำลังบอกว่า เจ้าเป็นใครถึงกล้ามาช่วยข้าไว้เช่นนี้

จี้จือฮวนถูกนางรังเกียจเช่นนี้ ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

“ท่านยาย ร่างกายของท่านยังมีตรงไหนที่รู้สึกไม่สบายอยู่หรือไม่?” จี้จือฮวนเอ่ยถาม

หญิงสูงวัยได้ยินดังนั้นแต่กลับไม่ได้สนใจนาง เผยจี้ฉือได้ยินเสียงสนทนาก็ลืมตาขึ้น ก่อนจะพบว่าหญิงสูงวัยผู้นั้นฟื้นแล้ว ทว่าเขาเพิ่งจะบิดขี้เกียจก็ถูกคนกระชากเข้าไปในอ้อมแขนทันที

“เด็กดี พี่หญิงคิดถึงเจ้าที่สุดเลย”

“พี่หญิง?” แม้จี้จือฮวนจะคิดว่าในชาติก่อนนางดูละครที่เหนือจินตนาการมามากมาย แต่เมื่อเห็นคนที่สามารถเป็นยายของตนเองได้ดึงเผยจี้ฉือเข้าไปกอดแล้วแทนตัวเองว่าพี่หญิง นางก็อยากจะตะโกนออกมาว่าเหลวไหล!

เผยจี้ฉือตกใจเป็นอย่างมาก รีบผลักสตรีสูงวัยออกทันที “ท่านพูดจาเหลวไหลอันใดกัน”

สตรีสูงวัยกลับไม่ยอมให้เผยจี้ฉือสลัดตัวหลุด นางพิจารณาใบหน้าของเขาอย่างละเอียด “เด็กดี เจ้าจำพี่ไม่ได้แล้วหรือ?”

“ท่านเป็นใครกัน?” เผยจี้ฉือเอ่ยถาม

สตรีสูงวัยคิดจะเอ่ยตอบ แต่ทันใดนั้นก็นิ่งงันไป นางคิดอยู่นานแต่ก็พูดไม่ออก สุดท้ายก็ได้แต่มองสองแม่ลูกอย่างเลื่อนลอย ก่อนจะส่ายหน้า “ข้าจำไม่ได้แล้ว”

“…”

สมองมีปัญหาจริง ๆ ด้วย

จี้จือฮวนตรวจร่างกายให้นางใหม่อีกครั้ง “ต้นตอของปัญหาคาดว่าคงเป็นเพราะหัว ท่านยังมีไข้อยู่ รอหายดีแล้วข้าจะพาท่านไปส่งทางการ ดูว่าครอบครัวไหนมีคนหายไปบ้าง”

.

.

.