ความแปลกไปของนัทธี ถูกพิชญาที่อยู่ข้างๆพบ
พิชญามองตามสายตาเขาไป ก็มองเห็นรอยแดงที่คอวารุณี รูม่านตาเธอสั่นอย่างแรง ในใจก็รู้สึกถึงวิกฤตขนาดใหญ่ทันที แล้วลมหายใจก็ร้อนรนขึ้นมา
ในฐานะคนดูอยู่ข้างๆ เธอมองออกอย่างชัดเจนว่า สายตาที่เขาจ้องไปที่คอวารุณีนั้น เห็นได้ชัดว่ากำลังหึง!
นี่ไม่นานเอง เขาก็ใจเต้นกับวารุณีแล้ว ส่วนเธออยู่ข้างกายเขามาห้าปีแล้ว เขากลับไม่ยินยอมแม้จะมองเธอ ไม่ได้ เธอจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เธอจะต้องรีบกำจัดวารุณีออกไป ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่อาจสบายใจได้!
คิดอย่างนี้ พิชญาก็บีบฝ่ามือแน่น ในใจเริ่มคิดแผนการขึ้นมา
ไม่นานนัก การประชุมก็จบลง
ผู้คนค่อยๆแยกย้ายออกไป แป๊บเดียวในห้องประชุมก็เหลือแค่พวกเขาสามคน
วารุณียืนขึ้นมา กำลังเตรียมปรึกษานัทธีเกี่ยวกับเรื่องนางแบบ ประตูห้องประชุมก็ถูกคนเปิดออก ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งก็เดินเข้ามา
“นัทธี ไม่เจอกันนานนะ!”คนที่มาหัวเราะแล้วทักทายนัทธี
นัทธีหรี่ตาลง มองเขาอย่างเย็นชา แล้วก็ค่อยๆพ่นคำออกมาจากปากสองคำว่า“นิรุตติ์!”
นิรุตติ์?
ชื่อคล้ายกับเขาขนาดนี้ หรือว่าเป็นพี่น้องกัน?
คิดไป วารุณีก็ไปดูอย่างแปลกใจ หลังจากเห็นหน้าของนิรุตติ์ ก็อ้าปากตกใจ
เขานี่เอง?
การตอบสนองของวารุณีถูกพิชญาเห็นเข้า ดวงตาพิชญาจึงกลอกไปมา เพิ่มระดับเสียงและถามไปว่า“คุณวารุณี คุณรู้จักพี่ใหญ่เหรอ?”
พอได้ยิน สายตานัทธีย้ายไปที่ร่างของวารุณีทันที เหมือนว่ากำลังยืนยันว่าคำพูดของพิชญาจริงหรือไม่
วารุณีเผชิญหน้ากับสายตาวิเคราะห์ของเขา ก็พยักหน้าและส่ายหน้า“ไม่ถือว่ารู้จัก แค่เจอกันครั้ง ……”
ยังไม่ทันพูดจบ นิรุตติ์ก็ตัดบทเธอ จงใจพูดอย่างเสียใจ“คุณพูดแบบนี้ทำให้ผมเสียใจจริงๆ วันนี้ผมมาเพื่อคุณโดยเฉพาะเลยนะ”
“มาเพื่อฉัน?”วารุณีชี้ไปที่ตัวเอง งงเล็กน้อย
“ใช่ ผมไปถามมาจึงรู้ว่าคุณทำงานที่นี่ ดังนั้นจึงมาน่ะ”นิรุตติ์เดินไปทางเธอ
วารุณีไม่สนิทกับเขา ไม่อยากอยู่กับเขา แล้วจิตใต้สำนึกก็ถอยไป ทางที่ถอย เป็นด้านหลังของนัทธีพอดี ก็แค่ถอยไปไม่กี่ก้าว ก็ถูกนิรุตติ์ดึงมือไว้
นิรุตติ์พูดอย่างยิ้มแก้มปริ“หลบอะไร?ผมน่ากลัวขนาดนี้เชียว?เมื่อคืนก็ไม่เห็นคุณหลบ!”
เมื่อคืน?
ได้ยินคำนี้ นัทธีก็ตะลึง มือที่จะดึงวารุณีเข้ามา ก็หยุดอยู่กลางอากาศแบบนี้ สักพักจึงชักกลับไป สีหน้าหม่นลงอย่างขีดสุด
ที่แท้รอยแดงที่คอเธอ เป็นของนิรุตติ์ทิ้งไว้!
นัทธีนั้นคิดได้ พิชญาก็คิดได้อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคำพูดของนิรุตติ์ ก็คลุมเครืออย่างมาก
“พี่ใหญ่ พี่กับคุณวารุณีเป็นอะไรกันเหรอ?”พิชญาทนความไม่คงที่ภายในใจไม่ไหว จึงทำเป็นถามอย่างแปลกใจ
นัทธีกระดิกหูเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าใส่ใจกับคำถามนี้
หลังจากนิรุตติ์สังเกตจากหางตา ก็ยกริมฝีปากขึ้น“เธอมองไม่ออกเหรอ?”
วารุณีตาเบิกโต มองเขาอย่างตกใจ ฟังไม่ออกได้อย่างไรว่าเขาจงใจให้คนอื่นตีความสัมพันธ์ของพวกเขาผิด จึงโกรธจนหูแดงทันที
แต่ตอนที่เธอจะตอบโต้ไป พิชญากลับชิงพูดว่า“ฉันมองออกแน่นอน นี่ฉันไม่ได้อยากยืนยันหน่อยหรือไงล่ะ”
เธอไม่เข้าใจ ทำไมพระเจ้าไม่ยุติธรรมแบบนี้ มักจะให้วารุณีเจอแต่ผู้ชายมีคุณภาพ ไม่ใช่แค่ทำให้นัทธีใจเต้นต่อวารุณี แม้แต่นิรุตติ์ก็……
แต่ว่า นี่ก็เป็นเรื่องดี เอาวารุณีติดแหง็กอยู่ที่นิรุตติ์ นัทธีก็คงตายใจจากวารุณีสินะ?
คิดไป พิชญาก็ดึงแขนของนัทธี แกล้งพูดอย่างประหลาดใจ“นัทธี คิดไม่ถึงเลยจริงๆคุณวารุณีกับพี่ใหญ่จะเป็นอีกคู่หนึ่ง”
คู่หนึ่ง?
ริมฝีปากบางๆของนัทธีเม้มแน่น แค่รู้สึกว่าสองคำนี้ช่างแรงเข้าหู
วารุณีโมโหมาก ใบหน้าเล็กๆหม่นลงรีบอธิบายไปว่า“ผู้จัดการพิชญา คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันกับคุณนิรุตติ์ท่านนี้ไม่สนิทกันเลย!”
ตอนที่พูดคำนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าเกิดวิสัยทัศน์อะไรขึ้น แอบมองไปที่นัทธี ในใจไม่คาดหวังว่าเขาจะเข้าใจผิดแปลกๆ
ก็แค่ใบหน้านัทธีนั้นเย็นชาแข็งทื่อ ไม่มีการแสดงออกใดๆ เธอก็มองไม่ออกว่าสรุปแล้วเขาเชื่อหรือว่าไม่เชื่อ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกจิตตก
“วารุณี ผมรู้ว่าคุณยังโกรธผมอยู่”ทันใดนั้นสายตานิรุตติ์ก็เยือกเย็นลง มีสภาพยิ้มอย่างขมขื่น
วารุณีตะลึง ในหัวมีแต่ความงุนงง“คุณพูดอะไรน่ะ ฉันโกรธอะไรคุณ?”
“แน่นอนตอนนั้นผมจากไปโดยไม่บอกลา ทิ้งคุณไป ก็เลย ……”
“พอแล้ว!”จู่ๆนัทธีก็ลุกขึ้นยืนจากที่นั่งตรงกลาง ในแววตาเต็มไปด้วยความหมองหม่น
ตอนนั้น……
ที่แท้นิรุตติ์ก็คือคนที่วารุณีหนีตามคนรักไปในตอนนั้น ไม่น่าล่ะอารัณถึงได้น่าเหมือนเขามาก เพราะว่าเขากับนิรุตติ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน หน้าตาเลยเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีความคล้ายคลึงกัน
“นัทธี คุณเป็นอะไร?”พิชญาทำเป็นไม่รู้สาเหตุที่นัทธีตอบสนองอย่างหนักแบบนี้ ถามไปอย่างเป็นห่วง
นัทธีไม่สนใจเธอ สายตาคมกริบอันเยือกเย็นมองไปที่หน้าของวารุณีกับนิรุตติ์ พูดด้วยเสียงไร้อารมณ์ว่า“ที่นี่คือบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ไม่ใช่สถานที่สาธารณะที่จะให้พวกคุณมาพลอดรักกัน!”
เขาเข้าใจผิดแล้วจริงๆ!
วารุณีกัดริมฝีปาก“ประธานนัทธี ฉันไม่ได้……”
“นายพูดไม่ผิด งั้นฉันจะออกไปพูดกับวารุณี”ไม่รอให้วารุณีพูดจบ นิรุตติ์ก็ดึงเธอ เดินไปที่หน้าประตูห้องประชุม
“คุณทำอะไร ปล่อยฉัน!”วารุณีไม่ยอม อยากสะบัดเขาออก
แต่ว่านิรุตติ์จับข้อมือเธอแน่น ทำให้เธอสะบัดไม่ออก
และก็เป็นเช่นนี้ เธอถูกนิรุตติ์ดึงออกไปห้องประชุม
นัทธีมองพวกเขาออกไปด้วยสายตาดุร้าย ความเยือกเย็นไม่หยุดแพร่ไปทั้งตัว
พิชญายืนอยู่ข้างเขา“นัทธี ระหว่างพี่ใหญ่กับคุณวารุณี ดูเหมือนว่าจะมีอะไรเข้าใจผิดนะ”
นัทธีไม่พูด ก้มหน้าลงออกไปจากห้องประชุม พอออกไป ก็เห็นฉากที่นิรุตติ์เข้าไปในลิฟต์กับวารุณี
ในลิฟต์
ในที่สุดนิรุตติ์ก็ปล่อยวารุณีออก
วารุณีลูบข้อมือที่เจ็บ มองเขาอย่างโมโห“คุณนิรุตติ์ ทำไมคุณต้องพูดคำพูดที่ทำให้คนเข้าใจผิดพวกนั้นที่พวกห้องประชุมด้วย พวกเราเพิ่งรู้จักกันเมื่อวานชัดๆ คุณกลับพูดอะไรๆตอนนั้น คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?ผมชอบคุณไง”นิรุตติ์ดันแว่นกรอบทองที่สันจมูก
วารุณีหัวเราะอย่างเย็นชา“ชอบ?คุณคิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดน่าตลกพวกนี้เหรอ?”
นิรุตติ์ยักไหล่“ผมรู้ว่าคุณไม่เชื่อ แต่ผมพูดความจริง ผมตกหลุมรักคุณอย่างแรกพบ ส่วนทำไมพูดว่าตอนนั้น ก็เพราะว่าผมอยากบอกทุกคน ว่าพวกเราเคยคบกันนานแล้ว แบบนี้ก็จะไม่มีชายอื่นมาเข้าใกล้คุณ”
ใบหน้าเล็กๆของวารุณีหม่นลงทันที“คุณนิรุตติ์ คุณหรือไม่พฤติกรรมแบบนี้ของคุณน่าละอายมาก!”
ไม่ใช่แค่น่าละอาย แต่ยังโรคจิตมาก
เธอไม่อยากอยู่ที่เดียวกัน กับคนแบบนี้เลย!
สูดลมหายใจลึกๆ พยายามระงับความโกรธในใจ วารุณียื่นมือออกไป เตรียมจะกดลิฟต์
แต่นิรุตติ์กลับก้าวไปด้านข้าง ขวางตรงหน้าปุ่มลิฟต์“โอเค ผมยอมรับ เรื่องนี้ผมทำไม่ถูก งั้นผมจะเลี้ยงข้าวคุณเป็นไง ถือว่าเป็นการขอโทษ?”
“ไม่ต้องค่ะ!”วารุณีปฏิเสธอย่างเย็นชา
ส่วนนิรุตติ์ก็เหมือนไม่ได้ยิน พอลิฟต์ไปถึงชั้นB1 เขาก็ดึงเธอไปที่หน้ารถอีกครั้ง และบังคับให้เธอเข้าไปในรถ
วารุณีหมดหนทาง ได้แต่ตามเขาไปที่ร้านอาหาร กินข้าวกับเขามื้อหนึ่งอย่างลวกๆเสร็จ จู่ๆเขาก็ได้รับสายหนึ่ง แล้วก็เดินออกไปด้วยสีหน้าหม่นๆ
วารุณีเรียกรถกลับไปที่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป พอเหยียบเข้าไปในอาคารบริษัท ก็มาพร้อมกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน