บทที่ 38 โลกของผู้ใหญ่นั้นซับซ้อนมาก

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 38 โลกของผู้ใหญ่นั้นซับซ้อนมาก

บทที่ 38 โลกของผู้ใหญ่นั้นซับซ้อนมาก

“เพราะเรื่องโคโค่งั้นเหรอ?”

ซูโย่วอี๋มองตรงเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่มตรงหน้า ตามจริงแล้ว เธอไม่มีนิสัยชอบพูดคุยกับคนแปลกหน้า แต่ไม่รู้ทำไม อาจเป็นเพราะบรรยากาศในป่านั้นเงียบสงบ หรือเพราะแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมามันดูอ่อนโยนราวกับกำลังปลอบประโลมเธอ ทำให้เธอแสดงความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่

ทุกครั้งที่มองไปยังประธานลู่ราวกับมีเวทมนตร์บางอย่างรอบตัวเขาที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจเสมอ ทุกครั้งที่มองไปที่เขาทำให้เธอรู้สึกว่าสามารถทำทุกอย่างได้ถ้าพยายาม

“ฉันกำลังคิดว่าฉันน่าจะให้เธออยู่”

“อา”

ลู่เฉินได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “นั่นเพราะคุณไร้เดียงสาเกินไป”

ฮะ?

ไร้เดียงสา?

ซูโย่วอี๋ขมวดคิ้วมุ่น “คุณหมายความว่ายังไง?”

ลู่เฉินหยุดยิ้ม “แสดงให้ศัตรูเห็นว่าอ่อนแอ และให้ศัตรูคลายความระมัดระวัง จากนั้นหลอกล่อศัตรูให้ถลำลึกเห็นด้วยกับเกม และก็จับเต่าใส่ขวด การวางแผนนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไร”

ซูโย่วอี๋รู้สึกสับสนเล็กน้อย วางแผน?

“ประธานลู่ ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดอะไรมาก ฉันแค่อยากจะทำลายความเย่อหยิ่งของเธอ”

“แต่คุณใจดีเกินไป และไม่เด็ดเดี่ยวพอ”

“ทำไมคุณไม่ปล่อยให้เธอแสดงบนเวทีก่อน แล้วคุณค่อยเอาชนะเธอด้วยความสามารถที่แท้จริงของคุณ ปล่อยให้เธอเถียงไม่ออกด้วยความห่างชั้น”

“เธอวิจารณ์คุณต่อหน้าทุกคน มันก็เหมือนกับการย่างคุณบนกองไฟ แล้วคุณก็จะสงสัยกับตัวเองว่าคุณทำอะไรผิดหรือเปล่า”

“ที่คุณบอกว่าฉันไร้เดียงสา มันหมายความว่าไง?”

“ผู้ชนะและผู้แพ้ต่างก็เต็มใจที่จะเดิมพัน และผู้แพ้ก็ยอมรับความพ่ายแพ้นั้น คุณก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่?”

คำถามประชดประชันของเขาทำให้เธอหน้าแดง ‘เขาหาว่าฉันโง่หรือเปล่า?’ เธอคิด

เธอพึมพำว่า “ฉันไม่ได้คิดมากขนาดนั้นสักหน่อย”

“ทุกคนควรมั่นใจในสิ่งที่ได้ตัดสินใจไปแล้ว และอย่าหวั่นไหว” เขากล่าวเสริม

เขามองหน้าเธอราวกับกำลังบอกว่าให้เธอมั่นใจในสิ่งที่เธอตัดสินใจ “การที่คุณให้โคโค่ออกจากรายการก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร”

คำพูดของเขาทำให้เธอกระจ่างขึ้น

ความทุกข์ในใจจางหายไปจนหมด

ใช่ เธอมามัวนั่งทุกข์ใจอะไรอยู่?

แม้ว่าซูโย่วอี๋จะเล่นเกม แต่โคโค่ก็เป็นคนเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาเองไม่ใช่หรือไง?

หลังจากที่เธอคิดทบทวนแล้ว เธอก็หยุดคิดมากและมีรอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าอ้วน ๆ ของเธอ “อืม ขอบคุณนะคะ ประธานลู่”

“โลกของผู้ใหญ่นั้นซับซ้อนมาก”

ก่อนหน้านี้เธอเคยคิดว่าเจ้านายอย่างลู่เฉินเย็นชามาก เธอไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะเอาใจใส่ในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ขนาดนี้

ลู่เฉินในสายตาของซูโย่วอี๋ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

“ประธานลู่ คุณให้กำลังใจผู้เข้าแข่งขันทุกคนแบบนี้หรือเปล่า?”

ชายหนุ่มไม่พูดอะไร ตอนที่เขาไม่เห็นซูโย่วอี๋ที่งานเลี้ยง เขาก็เดาได้ว่าเธอน่าจะอยู่ในป่า เมื่อกลับมาก็พบว่าเธออยู่ที่นี่จริง ๆ

อย่างที่ลู่เฉินกล่าวไว้ โลกของผู้ใหญ่นั้นซับซ้อนมาก เขามาที่นี่ไม่เพียงเพื่อปลอบโยนคนที่กำลังทุกข์ใจเท่านั้น

แต่เพราะเขามองเห็นศักยภาพในตัวเธอ

เขาจึงตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์จะเซ็นสัญญากับเธอ

ในสายตาของเขา มันเป็นเพียงความประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอราวกับหยั่งรากลึกอยู่ภายในใจของเขา และความชื่นชอบก็งอกเงยขึ้นเรื่อย ๆ

เขาเพิ่งเตือนเธอว่าโลกของผู้ใหญ่นั้นซับซ้อนมาก และดูเหมือนตอนนี้หมายเลข 23 ก็ลืมมันไปในพริบตา

ดีเหมือนกัน

มันง่ายที่จะโกหก

“คุณจะกลับหอพักเลยไหม?”

เมื่อลู่เฉินถามคำถามดังกล่าวกะทันหัน ซูโย่วอี๋ก็รีบตอบทันทีว่า “กลับกันเถอะค่ะ คุณมาอยู่ที่นี่นานแล้ว”

จากนั้นทั้งสองก็เดินออกจากป่าไปด้วยกัน

ลู่เฉินที่มีความเป็นสุภาพบุรุษจึงเดินช้า ๆ เนื่องจากซูโย่วอี๋ตามเขาไม่ทัน และทั้งสองก็เดินไปด้วยกัน

แต่ถึงอย่างนั้น จิตใต้สำนึกของเธอก็ต้องการที่จะจัดเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบแล้วบีบน้ำออก แต่ทันทีที่เธอแตะมุมเสื้อของเธอ เธอก็มองเห็นลู่เฉินจากหางตา และทำเพียงปล่อยมือลงอย่างเขินอาย

ไม่สะดวกเลย

“เจ็บไหม ผมจะเรียกหมอมาตรวจ”

ซูโย่วอี๋ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ”

เมื่อพวกเขามาถึงประตูทางเหนือ ก็แยกย้ายกันกลับไปที่บ้านพักบนยอดเขา

ห้อง 203

เฉินซีซีกลับมาตั้งแต่หัววัน เมื่อไม่เห็นซูโย่วอี๋ เธอจึงอ่านหนังสือการ์ตูนรอ

เสียงประตูดังขึ้น และร่างอ้วน ๆ ของซูโย่วอี๋ก็ปรากฏตัวที่ประตู

เมื่อมองไปที่เธอ เฉินซีซีพบว่า…พี่สาวดูอารมณ์ดีขึ้น?

“พี่สาวไม่อารมณ์เสียแล้วเหรอ?”

ซูโย่วอี๋โบกมือต่อหน้าเธอแล้วพูดว่า “ฉันไม่โกรธแล้ว แต่มือฉันเจ็บ”

จากนั้นเฉินซีซีก็สังเกตเห็นบาดแผลที่มือของซูโย่วอี๋ และความไม่พอใจก็ปรากฏบนใบหน้าของเธอ “พี่สาว พี่ทำร้ายตัวเองทำไม? ต่อให้โกรธแค่ไหน พี่ก็ไม่ควรทำร้ายร่างกายตัวเองสิ”

แก้มของเธอพองด้วยความโกรธ ดูเหมือนผู้ใหญ่ตัวเล็ก ๆ

เฉินซีซีนำอุปกรณ์ทำแผลมาให้ และบอกให้ซูโย่วอี๋นั่งลง เธอหยิบก้านสำลีออกมาทำแผลทีละจุด ด้วยความกลัวว่าซูโย่วอี๋จะเจ็บ เธอจึงทำแผลอย่างเบามือและพยายามเป่ามันหวังลดความเจ็บให้ซูโย่วอี๋

ซูโย่วอี๋รู้สึกตลกและแปลกใจ “เธอจำมาจากไหน”

เฉินซีซีเงยหน้าขึ้นอย่างไม่พอใจ “ฉันเรียนรู้มันจากหนังสือการ์ตูน แม้แต่ฮีโร่ก็ยังทำนะ”

ตามที่คาด เธอไม่สามารถคาดหวังจากเฉินซีซีได้จริง ๆ

แต่พอมาคิด ๆ ดูแล้ว

เธอเบื่อที่จะต้องอยู่บนเกาะนี้โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลยตั้งสองสามวัน ในวันหยุดสุดสัปดาห์ เธอจึงตัดสินใจที่จะกลับบ้าน เพราะหากอยู่บนเกาะต่อไปต้องบ้าตายแน่ เธออยากกลับไปพักผ่อนแม้ว่าจะเป็นแค่การงีบหลับอยู่ที่บ้านก็ตาม

เมื่อได้ยินว่าเธอกำลังจะกลับบ้าน เฉินซีซีก็ปฏิเสธว่า “พี่สาว อย่ากลับบ้านเลยนะ ถ้าพี่ไม่อยู่ฉันก็เหงาสิ”

บ้านของเฉินซีซีอยู่ในเมืองไท่ ดังนั้นการจะเดินทางกลับจึงลำบากมาก

“งั้นเธอไปเที่ยวที่บ้านของฉันไหม?”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นดวงตาของเฉินซีซีก็เป็นประกาย “ไปบ้านพี่สาวได้เหรอ?”

“แน่นอน”

เฉินซีซีลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วพูดว่า “ฉันไปด้วย”

……

ลมทะเลพัดพาความเค็ม ฝูงนกนางนวลบินต่ำเหนือผืนน้ำเพื่อจับปลาแล้วบินไปไกล

สาว ๆ ที่กำลังจะออกจากเกาะมารอที่ท่าเรือแล้ว

ทีมงานเดินถือตะกร้ามา “เอาโทรศัพท์ของพวกคุณคืนไป แล้วมอบให้พวกเราอีกครั้งเมื่อกลับมาที่เกาะ”

ในที่สุดก็เล่นโทรศัพท์ได้แล้ว

ซูโย่วอี๋ก้าวไปข้างหน้าทันทีแต่ถูกกลุ่ม ‘วิญญาณที่หิวโหย’ แทรกหน้าอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ฝูงชนแยกย้ายกันไปแล้ว เธอจึงพาเฉินซีซีไปเอาโทรศัพท์ของพวกเธอในตะกร้า

สุดท้ายก็ยังเหลือมือถืออีกกว่าสิบเครื่องที่ยังไม่มีใครเอาไป เดาว่าพวกที่เหลือคงอยู่บนเกาะต่อ

“กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา หมั่นเช็คข้อความในโทรศัพท์ของคุณเสมอ”

ทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียง “รับทราบค่ะ”

เรือเข้าเทียบฝั่งแล้ว ทีมงานมองเหล่าเด็กสาวที่กำลังจะขยับตัวแต่ก็ไม่กล้า เขาจึงโบกมือแล้วพูดว่า “ไปเถอะ”

หลังจากที่เรือออก ซูโย่วอี๋ช่วยเฉินซีซีจากอาการเมาเรือ จากนั้นเปิดโทรศัพท์ของเธอดู พบว่ามีข้อความจำนวนมากส่งมา

[ที่รัก เธอร้องเพลงได้ดีมาก ทำไมฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าเธอมีพรสวรรค์ในการร้องเพลงมาก่อน]

[ไม่มีใครที่ลดน้ำหนักได้ในการถ่ายทอดสด]

[ที่รัก กระต่ายตัวนั้นคือใคร ทำไมถึงเกาะติดเธอทุกวัน น่ารำคาญ]

[ที่รัก เธอทำได้จริง ๆ!]

[อย่าร้องแรป]

[เอ๊ะ? เธอร้องแรปได้เหรอ]

[อะไรเนี่ย?]

ซูหยินน่าจะรู้ว่าโทรศัพท์ของซูโย่วอี๋ถูกยึด แต่เธอก็ยังส่งข้อความมาไม่หยุด