ตอนที่ 84 เขาอยู่ที่ไหน
อะไรนะ? สั่งให้ฉันคุกเข่านี่นะ?
พวกแกคงเป็นบ้ากันไปหมดแล้ว?
หลินหนานชะงักอยู่หน้าประตู และยังคงยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นเล็กน้อย แต่เมื่อเขาหันหลังกลับไปก็พบว่า ถังหยวนซานกำลังยกมือขึ้นชี้ไปทางถังชวง ด้วยสีหน้าท่าทางโกรธเกรี้ยวอย่างมาก พร้อมกับร้องตะโกนสั่งให้ถังชวงคุกเข่าลง
“พ่อ.. เมื่อครู่พ่อพูดอะไร?!!” ถังชวงถามย้ำ เพราะคิดว่าตนเองอาจจะหูฝาดไป
“ฉันสั่งให้แกคุกเข่าลง!!” เสียงของถังหยวนซานดังกึกก้องราวกับเสียงระฆัง
ใบหน้าของเขาไม่เพียงปราศจากรอยยิ้ม แต่ยังเต็มไปด้วยความดุดัน และเย็นชาอย่างที่สุด!
ดูเหมือนว่าเวลานี้ ชายชราจะกำลังเดือดดาลอย่างมากจริงๆ!
หลังจากได้สติ ถังชวงจึงรู้ตัวว่าพ่อของเขากำลังโกรธเกรี้ยวอย่างมากจริงๆ เขาจึงรีบคุกเข่าลงทันที!
“แกท่องกฏข้อตระกูลถังข้อที่สิบสามมาให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้!” ถังหยวนซานชี้หน้าถังชวง พร้อมกับร้องตะโกนสั่งเสียงห้วน
ถังชวงไม่กล้าขัดขืน จึงรีบท่องกฏตระกูลถังข้อที่สิบสามตามคำสั่งของถังหยวนซานทันที “กฏตระกูลถังข้อที่สิบสาม – คำสั่งเสียของบรรพชน : ตระกูลถังจะลงโทษผู้ที่เป็นศัตรูอย่างสาสม และจะตอบแทนผู้ที่มีบุญคุณช่วยเหลือกลับไปอย่างเต็มความสามารถ”
“ถังชวง! แกเข้าใจความหมายของคำว่า ‘คำสั่งเสียของบรรพชน’ มากแค่ไหน?”
ถังหยวนซานถึงกับถอนหายใจ ก่อนจะพูดต่อว่า “แกรู้มั๊ยว่าเพราะอะไรฉันถึงได้เขียนกฏข้อนี้ขึ้นมา? ก็เพราะฉันกลัวว่าลูกหลานตระกูลถังอย่างแก จะลืมรากเหง้าของตนเอง และกลายเป็นคนอกตัญญูที่ไม่รู้จักตอบแทนผู้มีพระคุณ และหลงลืมผู้คนที่เคยช่วยเหลือน่ะสิ!”
“เอ่อ.. ผม..”
ถังชวงถึงกับลิ้นพันกัน และติดอ่างอยู่ครู่หนึ่ง เพราะไม่รู้ว่าจะตอบถังหยวนซานเช่นใด
ผู้เฒ่าตระกูลถังจ้องมองลูกชายด้วยสีหน้าแววตาดุดันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดุดันว่า
“กว่าที่ตระกูลถังจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ เผชิญกับศัตรูมาก็มาก มีมิตรสหายคอยช่วยเหลือก็ไม่น้อย แม้ตระกูลถังของเราจะไม่เคยอ่อนข้อให้ศัตรู แต่พวกเราก็อ่อนโยนกับมิตรและผู้ที่ด้อยกว่าเสมอ..”
“ฉะนั้น เมื่อยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้แล้ว ก็ควรจะต้องรู้จักช่วยเหลือผู้คน และตอบแทนผู้ที่เคยช่วยเหลือเรา..”
“ฉันโชคดีที่มีมิตรสหายมากกว่าศัตรู จึงมีผู้คนคอยให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุนอยู่มากมาย และนับวันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นด้วย คนเหล่านี้ต่างหากที่เป็นรากฐานของตระกูลถังเรา!”
“หากไร้ซึ่งรากฐานนี้ ตระกูลถังของเรา และตัวแกเอง.. แกคิดว่าชื่อถังชวง ยังจะมีความหมายอะไรอีก?”
ยิ่งพูด เสียงของถังหยวนซานก็ยิ่งดังมากขึ้น และร่างทั้งร่างก็สั่นเทิ้มด้วยความโกรธ..
“พ่อครับ ผมผิดไปแล้ว!” ถังชวงรีบตอบกลับไปทันที และเวลานี้เขาก็รู้สึกอับอายหลินหนานเป็นอย่างมาก
ถังหยวนซานไม่แยแสกับคำพูดของถังชวง และยังคงดุด่าเขาต่อ “ผู้มีพระคุณอย่างท่านหมอหลิน เขาตั้งใจช่วยชีวิตของฉันโดยไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน แต่แกกลับมีความคิดสกปรกกับผู้มีพระคุณได้..”
“ฉันขอถามแกหน่อย.. สมองแกถูกสุนัขกินไปจนหมดแล้วหรือยังไง? แกยังคู่ควรเป็นคนสกุลถังอยู่รึเปล่า? คนอกตัญญูอย่างแกสมควรที่ใช้แซ่ถังของฉันรึ?”
หลังจากได้ยินคำพูดประโยคนี้ของถังหยวนซาน ถังชวงถึงกับใจสั่น นั่นเพราะถังหยวนซานมีลูกชายทั้งหมดสามคน และถังชวงเป็นลูกชายคนโต แน่นอนว่าตามธรรมเนียมแล้ว ถังชวงก็คือผู้ที่มีสิทธิ์สืบทอด และรับช่วงกิจการทั้งหมดจากถังหยวนซานผู้เป็นพ่อ
แต่ถึงอย่างนั้น น้องชายทั้งสองคนของเขา ก็ใช่ว่าจะไม่มีความสามารถ เพียงแต่รอคอยจังหวะที่จะได้แสดงฝีมือให้กับผู้เฒ่าถังเห็นเท่านั้น
และที่สำคัญ เวลานี้อำนาจการตัดสินใจภายในตระกูลถังทั้งหมดนั้น ยังคงอยู่ในมือของถังหยวนซาน!
หากครั้งนี้ ถังชวงทำให้ถังหยวนซานรู้สึกผิดหวังในตัวเขา แน่นอนว่า ในสายตาของชายชรา เขาย่อมสูญเสียความน่าเชื่อถือและเชื่อมั่นลง และอาจหลุดจากตำแหน่งทายาทผู้สืบทอดตระกูลถังก็เป็นได้
และนี่คือสิ่งที่เขาไม่ต้องการให้เกิดขึ้น!
“พ่อครับ ผมผิดไปแล้ว! ผมขอปฏิญาณและสาบานว่า จะไม่ทำผิดต่อคำสั่งเสียของบรรพชนตระกูกลถังอีก! ถ้าผมผิดคำสาบาน ขอให้ถูกฟ้าผ่าตาย!”
หลังจากนั้น ถังชวงก็ได้โขกศรีษะลงกับพื้น และน้ำตาก็ได้ไหลพร่างพรูออกมาจนเต็มหน้า..
เสียงโขกศรีษะยังคงดังปังๆๆไม่หยุด และเสียงนั้นก็ดังสนั่นราวกับว่าพื้นกระเบื้องจะแตกออกจากกัน
หลังจากนั้น ถังชวงก็ลุกขึ้นยืน พร้อมกับหันไปโค้งคำนับให้กับหลินหนาน และเป็นฝ่ายเอ่ยขอโทษเขาด้วยความจริงใจ
“ท่านหมอหลิน ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ควรมองคุณในแง่ร้ายแบบนั้น!”
เมื่อได้ยินถังชวงพูดออกมาขนาดนี้ หลินหนานจึงไม่อาจยืนนิ่งเฉยต่อไปได้ เขาได้แต่พยักหน้า พร้อมกับตอบไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ลุงถังกล่าวเกินไปแล้ว!”
ถังหยวนซานถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และรีบเดินไปหาหลินหนานพร้อมกับจับมือของเขาไว้แน่น
“ท่านหมอหลิน ผมอบรมลูกชายไม่ดี ท่านหมอกรุณาอย่าได้ถือสา..”
“อาวุโสอย่าได้พูดเช่นนั้นอีกเลย! ผมเองต่างหากที่หุนหันพลันแล่นไปเอง ไม่ใช่ความผิดของคุณลุงหรอกครับ!” หลินหนานตอบกลับพร้อมกับยิ้มบาง ในใจก็ได้แต่คิดว่า..
ในเมื่อทุกคนต่างก็แฮปปี้กันแล้ว ฉันจะกลับได้หรือยัง?
“เยี่ยมมาก! ช่างเป็นคนหนุ่มที่มีเหตุมีผลมากนัก!”
ถังหยวนซานเอ่ยชมหลินหนาน แต่ก็ไม่วายที่ย้ำว่า “พ่อหนุ่ม.. นี่เป็นคำสั่งเสียของบรรพชนตระกูลถัง พวกเราเองก็ไม่อาจที่จะเพิกเฉยไม่ทำตามได้ ฉะนั้น ได้โปรดเข้าใจความลำบากใจของพวกเราด้วย”
เมื่อเห็นหลินหนานกำลังจะอ้าปาก ถังหยวนซานก็รีบพูดต่อทันที ไม่เปิดโอกาสให้หลินหนานได้โต้แย้ง
“เอาเป็นว่า.. ผมจะใช้คุณขออะไรก็ได้สามข้อ คุณไม่จำเป็นต้องขอในตอนนี้ เมื่อไหร่ที่คิดได้แล้ว ก็ค่อยบอกพวกเรามา ไม่ทราบว่าแบบนี้ดีมั๊ย?”
เพียงแค่ได้พบกันในระยะเวลาช่วงสั้นๆ หลินหนานก็สัมผัสได้ถึงความหัวดื้อของชายชราผู้นี้ และหากเขาไม่ยอมรับข้อเสนอ ชายชราผู้นี้ก็คงจะตื๊อไม่ยอมเลิกแน่!
“หากอาวุโสยืนยันที่จะทำเช่นนี้ ผมก็คงต้องรับไว้..” หลินหนานตอบกลับไปอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
“ดีๆ เพียงแค่นี้ฉันก็ตายตาหลับแล้ว!”
ถังหยวนซานหัวเราะเสียงดัง พร้อมกับพูดต่อว่า “ท่านหมอหลิน ผมมีเรื่องจะขอร้องคุณสักเรื่อง.”
“เอ๊ะ? เรื่องอะไรเหรอครับ?” หลินหนานย้อนถามด้วยสีหน้างุนงง
“ผมอยากจะขอเชิญท่านหมออยู่รับประทานอาหารเย็นที่นี่กับผมสักมื้อ ไม่ทราบว่าท่านหมอหลินพอจะให้เกียรติผมสักครั้งจะได้มั๊ย?” ถังหยวนซานเอ่ยตอบ พร้อมกับจ้องมองหลินหนานด้วยแววตาอ้อนวอน
“ผมต้องให้เกียรติอาวุโสอยู่แล้ว!” หลินหนานตอบกลับพร้อมกับหัวเราะออกมา
ฉันกำลังหิวอยู่พอดีเลย!!!
“ถังชวง แกไปสั่งคนให้จัดเตรียมอาหารเย็นให้เรียบร้อย” ถังหยวนซานรีบร้องบอกลูกชายด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
“ครับพ่อ!” ถังชวงตอบรับ และรีบเดินกึ่งวิ่งออกจากห้องไปทันที
ถังหยวนซานและหลินหนานกลับไปนั่งที่เก้าอี้ และเริ่มคุยกันในเรื่องสัพเพเหะอีกครั้ง ยิ่งทั้งคู่คุยกันมากเพียงใด พวกเขาต่างก็นึกเสียดายที่รู้จักกันช้าไป!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายชรา เขาพบเจอผู้คนมามากมายนับไม่ถ้วน แต่หลินหนานแม้จะอายุยังน้อย แต่กลับมีความรู้และประสบการณ์กว้างขวาง อีกทั้งยังคุยสนุก แล้วก็มีอารมณ์ขัน นับว่าเป็นคนที่หาได้ยากคนหนึ่ง..
และหลานชายคนโตของเขาที่ไม่เอาไหน วันๆเอาแต่เที่ยวเล่นดื่มกิน หาความสนุกไปวันๆนั้น ก็ไม่อาจเทียบหลินหนานได้แม้แต่ปลายเล็บ!
……
เวลานี้ที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลถัง มีรถเฟอรารี่สีแดงจอดอยู่ ผู้ยืนอยู่หน้าประตูนั้นมีสีหน้าอมทุกข์ และดูร้อนอกร้อนใจอย่างมาก
หลังจากกดกริ่งไม่นานนัก สาวใช้ในบ้านตระกูลถังก็เดินออกมาเปิดประตู เย่ชิงเฉิงรีบทักทาย พร้อมกับถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน
“ไม่ทราบว่าลุงถังจะให้ฉันเข้าไปพบได้มั๊ยคะ?”
แต่สาวใช้ผู้นั้นตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเย็นชา “ขอโทษด้วยค่ะคุณเย่ คุณผู้ชายให้ฉันมาบอกกับคุณว่า ไม่สะดวกพบวันนี้ ให้คุณกลับไปก่อนค่ะ!”
“คุณช่วยกลับไปบอกท่านลุงถังอีกครั้งได้มั๊ยคะ? ฉันมีเรื่องสำคัญมาก และจำเป็นต้องพบท่านลุงในวันนี้ให้ได้!” เย่ชิงเฉิงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงวิงวอน
“ฉันบอกคุณผู้ชายไปแล้วค่ะ แต่คุณผู้ชายบอกว่าตอนนี้กำลังรับรองแขกคนสำคัญอยู่ ไม่มีเวลามาพบคุณ”
สาวใช้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชายิ่งกว่าเดิม จากนั้นก็ปิดประตูใส่หน้าเย่ชิงเฉิงทันที
“แขกคนสำคัญงั้นเหรอ?”
เย่ชิงเฉิงพึมพำพร้อมกับขมวดคิ้ว พร้อมกับจ้องมองผ่านช่องประตูสีแดงส้มของตระกูลถัง ด้วยความรู้สึกขมขื่นใจอย่างมาก
นี่สินะตระกูลถังที่ยิ่งใหญ่ ทั้งหยิ่งผยอง และเย็นชา!
ฉันไม่ใช่ ‘แขกคนสำคัญ’ สินะ!!
หากไม่ใช่เพราะความอยู่รอดของชิงเฉิงกรุ๊ปแล้วล่ะก็ เธอเองก็คงจะผลุนผลันกลับไปด้วยความโมโหแน่ แต่เพื่อชิงเฉิงกรุ๊ป เธอจำเป็นต้องอดทนอดกลั้น!
“ไม่เป็นไรค่ะ! ฉันจะคอยได้ ฉันจะรออยู่ที่นี่ รอจนกว่าจะได้พบท่านลุงถัง ถ้าวันนี้ไม่ได้พบ ฉันก็จะรอถึงพรุ่งนี้ หากพรุ่งนี้ยังไม่ได้พบ ฉันก็จะรอถึงวันมะรืน ฉันจำเป็นต้องขอคำอธิบายจากท่านลุง..”
เย่ชิงเฉิงยืนกัดฟันอดทนต่อลมหนาว อยู่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลถังด้วยความดื้อดึง!
เวลานี้ เธอกำลังต้องการความช่วยเหลือจากใครบางคน!
แต่เขาคนนั้นอยู่ที่ไหนกันนะ?