บทที่ 45 คุณจะให้อภัยเขาไหม

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

เมื่อสือมูเฉินกำลังค้นหารูปบนอินเทอร์เน็ต เขาก็เห็นภาพสมัยมัธยมปลายของหันจื่ออี้โดยไม่คาดคิด และมุมภาพก็มีหลานเสี่ยวถาง !

สือมูเฉินเคยได้พบกับหลานเสี่ยวถางในสมัยโรงเรียนมัธยมปลาย ในเวลานั้น เขาและหลานเล่อซินยังเป็นคู่หมั่นกันอยู่ ดังนั้นเมื่อเขาไปที่บ้านของตระกูลหลาน หลานเสี่ยวถางจะเป็นคนที่มาเปิดประตูให้เขาอยู่บ่อยครั้ง

ในความทรงจำ เธอเป็นผู้หญิงเรียบร้อยและร่าเริง เวลาเธอยิ้ม แววตาของเธอสดใสเหมือนพระจันทร์ที่เต็มไปด้วยแสงระยิบระยับ

ในเวลานั้น ตอนที่เธอเห็นเขา เธอจะเรียกว่าพี่มูเฉิน และเชิญเขาเข้าบ้าน พลางบอกว่าพี่สาวอยู่บนห้อง จากนั้นก็รีบวิ่งหนีหายไป

ในเวลานี้ หลานเสี่ยวถางที่อยู่ในคอมพิวเตอร์กับภาพความทรงจำของเธอ ใบหน้าเธอเหมือนเด็กทารกหน้าอ้วนเล็กน้อยและรูปร่างคล้ายไข่ห่าน ดูบริสุทธิ์เหมือนดอกกุหลาบที่เพิ่งผลิบาน

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในตอนนั้น เธอมีความสัมพันธ์กับหันจืออี้คนนี้ แววตาของสือมูเฉินเริ่มไม่พอใจ หลังจากรอให้สองนาทีผ่านไป เขาโทรหาหลานเสี่ยวถางอีกครั้ง

ในห้องนอน หันจื่ออี้เห็นโทรศัพท์ของหลานเสี่ยวถางสว่างขึ้นอีกครั้ง และหมายเลขผู้โทรมายังคงมีชื่อเดิม สือมูเฉิน

เขาไม่ได้สนใจอะไร แต่ก็แอบสงสัยเล็กน้อย

เขารู้จักสือมูเฉินซึ่งเป็นลุงของสือเพ่ยหลิน และสือเพ่ยหลินก็หย่ากับเสี่ยวถางแล้ว เขาโทรหาหลานเสี่ยวถางทำไม ?

อย่างไรก็ตาม หันจืออี้ไม่ได้คิดถึงเรื่องชู้สาวเลย เขาแค่คิดว่าอาจจะมีเรื่องให้ต้องจัดการหลังจากหย่ากันเรียบร้อย สือเพ่ยหลินละอายใจจึงให้สือมูเฉินจัดการให้

เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนตัวของหลานเสี่ยวถาง แน่นอนว่าไม่สะดวกที่จะรับสายให้ ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้มันดังจนดับไปเอง

เมื่อได้ยินสิ้นสุดการโทร สือมูเฉินลุกขึ้นจากที่นั่งทันที จากนั้นจึงโทรหาหมายเลขอื่นอย่างรวดเร็ว “ตรวจสอบให้หน่อย ตอนนี้หลานเสี่ยวถางอยู่ที่ไหน ? ”

เขาหยิบกุญแจรถออกไป แต่ในขณะนี้ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น และนั่นคือหยานชิงเจ๋อ “พี่เฉิน มีปัญหาบางอย่างเกิดที่นี่ คุณต้องกลับมาจัดการมันโดยด่วน”

สือมูเฉินไม่เต็มใจ ” ต้องเป็นตัวผมเท่านั้นเหรอ?”

“ใช่ พี่เฉิน เพราะประการที่ที่ต้องจัดการคือสแกนตาและนิ้วมือของพี่ ดังนั้น…” หยานชิงเจ๋อพูด “ผมเช็กแล้ว มีไฟส์บินพิเศษในอีกหนึ่งชั่วโมง และพี่สามารถใช้ช่องทางวีไอพี มาทันเวลาแน่นอน สำหรับสถานการณ์เฉพาะหน้า ผมจะแจ้งให้พี่ทราบในระหว่างทาง !”

“ผมรู้แล้ว ผมจะรีบไปที่นั่น” สือมูเฉินวางสาย หยิบแล็ปท็อปและเอกสารสองสามฉบับอย่างรวดเร็ว แล้วหยิบกระเป๋าเอกสารออกไป

หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าตัวเองมีความฝันแปลก ๆ ในความฝัน หลายสิ่งหลายอย่างดูเลือนรางมากและมีคนในอดีตมากมายปรากฏขึ้น และพวกเขายังเล่นเป็นแขกรับเชิญอีกด้วย

จนกระทั่ง หันจื่ออี้…

เธอยังไม่ทันลืมตา แต่ขยับริมฝีปาก ” หิวน้ำ—”

หันจื่ออี้ได้ยินเสียงของเธอที่ขยับตัวได้แต่โยกเยก ในใจเขารู้สึกกังวลและร้อนรน

เธอตื่นแล้ว เขาควรเผชิญหน้ากับเธออย่างไรดี ? เขาจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ของเขากับเธอยังไง ? เธอจะยกโทษให้เขาไหม?

เขาหยิบน้ำให้หลานเสี่ยวถางและป้อนให้เธอ และเขาก็ยังไม่หยุดคิดที่จะหาวิธีอธิบายกับเธอ

อย่างไรก็ตาม หลานเสี่ยวถางรู้สึกดีขึ้นหลังจากดื่มน้ำ มุมริมฝีปากของเธอยกขึ้น แต่ตาของเธอไม่เปิด เพียงแต่พูดว่า “ขอบคุณ”

หัวใจของหันจื่ออี้เต้นไม่เป็นจังหวะ มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ ลูกกระเดือกของเขาขยับตามมาด้วยเสียงพูดขึ้นว่า “เสี่ยวถาง?”

หลานเสี่ยวถางถอนลมหายใจ

เขากล่าวต่อ ” เธอจำหันจืออี้ไม่ได้เหรอ ? ”

“ใช่” หลานเสี่ยวถังตอบ

หันจืออี้รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้น และเขายังคงรู้สึกกังวล ” ถ้าเขากลับมา เธอจะยกโทษให้เขาไหม ? ”

หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็หลับตาแน่นเพื่อรอคำตอบจากเธอ

หลานเสี่ยวถางที่ยังอยู่ในความมึนเมาดูเหมือนจะครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ” ไม่สำคัญว่าจะให้อภัยหรือไม่ มันผ่านไปนานแล้ว”

มือของหันจื่ออี้ถือแก้วน้ำกระชับขึ้นทันที เขาไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้จากหลานเสี่ยวถาง

เขาคิดว่าเธอคงจะไม่ให้อภัยเขา เกลียดเขา และด่าเขา

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดมากกว่านั้นคือ เธอไม่ได้สนใจเรื่องนี้แล้ว………

เขารู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจอย่างฉับพลันพร้อมกับความอ่อนแอและเริ่มหายใจลำบาก เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อทำให้เสียงของเขาสงบลงมากที่สุด ” เสี่ยวถาง ถ้าเขาต้องการอยู่กับเธอ เธอจะยังเต็มใจหรือไม่? ”

หลานเสี่ยวถางตอบอย่างสั้นๆ “คงไม่ได้ ฉันแต่งงานแล้ว”

สีหน้าของหันจืออี้ดูเหมือนจะหยุดนิ่ง เขามองเธอด้วยความเจ็บปวดและพึมพำกับตัวเอง “คนคนนั้นไม่ดีกับเธอเลย แล้วพวกเธอก็เลิกกันแล้ว ทำไม?…”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เบามาก หลานเสี่ยวถางได้ยินไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก ดังนั้นเธอจึงถามเขาว่า ” เมื่อกี้ นายพูดว่าอะไร”

หันจืออี้มองไปที่หน้าที่นิ่งสงบของหลานเสี่ยวถาง เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างลุกลี้ลุกลนเป็นเวลานานแล้วพูดว่า ” เสี่ยวถาง เขาจะพิสูจน์ให้เธอเห็น ฉันหวังว่าเธอจะให้โอกาสเขาอีกสักครั้ง”

ขณะที่พูด เขาวางแก้วน้ำและโทรศัพท์ลงที่เดิม จากนั้นก็ไปหยิบผ้าห่มผืนบางในตู้เสื้อผ้ามาห่มให้หลายเสี่ยวถาง แล้วเดินออกจากห้องไป

เมื่อหลานเสี่ยวถางตื่นเต็มที่แล้ว เวลาก็ผ่านไปชั่วโมงหนึ่งพอดี

เธอลืมตาขึ้น รู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่นัก เธอจึงค่อยๆ พยุงตัวขึ้น

ในห้องมีไฟดวงเล็กๆ เท่านั้น เธอมองไปรอบๆ ทำไมที่นี่ถึงแปลกนัก? !

เธอตกใจ และรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย

เธอลุกขึ้นยืนทันที แล้วออกไปดูรอบๆ จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องๆ หนึ่งอย่างเงียบๆ

เมื่อเธอเห็นว่าเฉียวโยวโยวนอนหลับอยู่ หลานเสี่ยวถางรู้สึกตื่นตระหนกในทันที เสี่ยวถางรีบเดินเข้าไปหาและเขย่าตัวเธอ ” โยวโยวตื่นขึ้น”

เฉียวโยวโยวนถูกปลุกโดยหลานเสี่ยวถาง เธอลืมตาขึ้นอย่างเหนื่อยล้า ” เสี่ยวถาง ?

“โยวโยว นี่เป็นบ้านของเธอหรือไม่” หลานเสี่ยวถางถาม

“ใช่!” เฉียวโยวโยวมองไปรอบๆ “ ไม่สิ ก่อนหน้านี้พวกเราดื่มกันในบาร์ไม่ใช่เหรอ ? พวกเรากลับมาได้ไง ทำไมฉันจำอะไรไม่ได้เลย ”

หลานเสี่ยวถางส่ายหัว “ฉันเองก็ไม่รู้อะไรเลย”

เฉียว โยวโยวตกใจและรีบเช็กร่างกายของเธออย่างรวดเร็ว และพบว่าเธอไม่มีอะไรผิดปกติ ดังนั้นเธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เราอาจจะดื่มมากเกินไป แล้วนั่งแท็กซี่กลับเอง?”

หลานเสี่ยวถางส่ายหัว ” พวกเราไม่ดื่มมากเกินไปมั้ง ? ทำไมถึงเมาไม่รู้เรื่องไปได้ ?”

“ใครจะไปรู้ บางทีมันอาจจะเป็นค็อกเทลที่มีแอลกอฮอล์สูงหรือเปล่า!” เฉียวโยวโยวพูดพลางบิดเอว “เสี่ยวถาง ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้วใช่ไหม? ถ้ามันดึกมากเธอก็ค้างที่นี่แหละ ยังไงเจียนปอก็ยังไม่กลับมาจากต่างประเทศ ยังมีที่นอนว่างสำหรับเธอ ”

หลานเสี่ยวถางเปลี่ยนท่าทีไปในทันที เธอวนหาโทรศัพท์ ” อ่ะ!แย่แล้ว โทรศัพท์ฉันอยู่ไหน ?

ฉันยังไม่ได้โทรบอกมูเฉินเลย ”

เธอจึงเดินไปที่ห้องรับแขกและหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าของเธอ แน่นอนว่า เธอเห็นสายที่ไม่ได้รับจากสือมูเฉิน 2 สาย

เธอรีบโทรกลับหาเขา แต่กลับได้รับเสียงข้อความตอบกลับว่าเจ้าของเครื่องปิดตัว

เขาจะโกรธไหม? ตอนนี้ห้าทุ่มแล้ว ดึกขนาดนี้เธอยังไม่ได้กลับบ้านและไม่ได้รับสาย บางทีเขาอาจจะเข้าใจผิดก็ได้?

หลานเสี่ยวถางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และพูดกับเฉียวโยวโยว ” โยวโยวฉันต้องกลับแล้วหรือ มูเฉินเป็นห่วงฉันแย่แล้ว แล้วเราค่อยนัดเจอกันใหม่!”

เฉียวโยวโยวหัวเราะเธอ “ดูสิ เธอกลัวสามีขนาดนี้เชียว สามีเธอเป็นคนเข้มงวด!”

หลานเสี่ยวถางยิ้มอย่างไม่ปฏิเสธ “เพราะเขาปฏิบัติกับฉันเป็นอย่างดี”

เธอรีบหยิบกระเป๋าแล้วหันหลังเดินจากไป

“ฉันจะไปส่งเธอ ” เฉียวโยวโยวหยิบกุญแจโทรศัพท์แล้วเดินลงไปข้างล่างกับหลานเสี่ยวถาง เธอหาป้ายทะเบียนรถของเธอ จากนั้นก็ขึ้นรถไปส่งเสี่ยวถาง

ระหว่างทาง เธอเช็กโทรศัพท์มือถือของตัวเองและเห็นว่าปลายสายมีสายเรียกเข้าจากฟู้เจียนปอเธออดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำกับตัวเองว่า “โอ้ พระเจ้า ฉันยังคุยกับเจียนปออยู่หลายวินาที แต่ทำไมจำอะไรไม่ได้เลย!”

เมื่อหลานเสี่ยวถางกลับบ้านและเปิดประตู เธอเอาแต่คิดว่าจะอธิบายอย่างไร ?

เธอรู้สึกเหมือนเป็นลูกศิษย์ที่ทำผิด และรอคำดุจากพ่อแม่

อย่างไรก็ตาม เธอเปิดประตูและเห็นว่าบ้านมืดและเงียบสงบ และดูเหมือนไม่มีคนอยู่เลย

หรือว่าเขานอนแล้ว ?

หลานเสี่ยวถางเดินเข้าไปในห้องนอนและพบว่าห้องยังคงเหมือนเดิมกับตอนที่เธอออกไป ดูเหมือนว่าสือมูเฉินจะยังไม่กลับมา

เขาไม่กลับบ้านด้วยเหรอ? เมื่อกี้เขาโทรมาบอกว่าจะกลับดึกหรือเปล่า?

หลานเสี่ยวถางโทรหาสือมูเฉินอีกครั้ง แต่ก็ยังได้รับเสียงข้อความว่าปิดเครื่องอยู่

เธอรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ไม่รู้ว่าจะติดต่อเขาได้ยังไง เธอจึงได้แค่อาบน้ำและรอที่บ้าน

เธอรอจนถึงเที่ยงคืนกว่า แต่เขาก็ยังไม่กลับมา เธอรอจนทนไม่ไหวจึงผล็อยหลับไป

เช้าวันรุ่งขึ้น หลานเสี่ยวถางสัมผัสไปที่เตียงข้างๆ เธอรู้สึกถึงความเย็น เหมือนกับว่าไม่มีใครนอนเมื่อคืนนี้

ดังนั้น เมื่อคืนสือมูเฉินไม่ได้กลับมา

เธอยิ่งกังวลเข้าไปใหญ่ เธอจึงโทรหาเขาอีกครั้ง

คราวนี้สามารถติดต่อได้ หลานเสี่ยวถางรอเสียงจากปลายอีกด้านอย่างใจจดใจจ่อ

ผ่านไปสักพัก ในที่สุด สือมูเฉินก็รับสาย “ ฮาโหล ”

เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยินเสียงของเขาและเธอรู้สึกโล่งใจ ” มูเฉิน ฉันเอง คุณไม่ได้กลับมาเมื่อคืนนี้ ฉันเลยโทรมาถามว่าคุณไปไหน ?

เธอไม่ได้อธิบายให้เขาฟังว่าทำไมเธอถึงไม่รับโทรศัพท์ แต่กลับถามเขาว่าทำไมเมื่อคืนไม่กลับมา แม้ว่าในภายหลังเขาจะได้รับข่าวว่าหันจืออี้ส่งเธอไปที่บ้านของเฉียวโยวโยวและไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ แต่ว่า…

“ผมกำลังเดินทางมาทำธุระ ผมอยู่ที่ต่างประเทศและยุ่งมาก ประมาณอีกสองสามวันถึงจะได้กลับไป ” สือมูเฉินกล่าว ” ถ้าสือเพ่ยหลินถามขึ้นมา คุณก็บอกไปว่าไม่รู้”

“โอเค” หลานเสี่ยวถางคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ที่นั่นหนาวไหม อย่าลืม…..”

เธอยังไม่ทันได้พูดจบ ปลายสายก็ตัดสายไปแล้ว

เธอทำท่างงๆ เอาโทรศัพท์ลงมาดู สือมูเฉินวางสายไปแล้วจริงๆ

ดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาวางสายกับเธอแบบนี้?

หลานเสี่ยวถางนึกย้อนกลับไปแวบหนึ่ง เธอรู้สึกว่าน้ำเสียงของสือมูเฉินนั้นเย็นชา อย่างกับว่าเขาอารมณ์ไม่ค่อยดี ?

เป็นเพราะเขาปวดหัวกับเรื่องงานหรือเปล่า? อีกอย่างที่เขาปิดเครื่องทั้งคืนเป็นเพราะเขาเดินทางเมื่อคืนนี้

ดังนั้นเขาอาจจะเหนื่อยมาก หลานเสี่ยวถางไม่ได้คิดอะไรมาก และตัดสินใจที่รอให้สือมูเฉินกลับมาค่อยคุยกับเขา

แต่แล้ว ผ่านมาหลายวันหลานเสี่ยวถางก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับของสือมูเฉิน เธอกังวลเกี่ยวกับงานของเขา และเวลาที่นี่ต่างกับที่นั้น และเธอก็กลัวว่าการโทรหาเขาจะเป็นการรบกวนเขา

เธอส่งข้อความให้เขาอยู่หลายครั้ง และเขาตอบกลับเพียงไม่กี่คำโดยบอกว่าเขายุ่งอยู่หรืออยู่ในการประชุม หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าสือมูเฉินโกรธหรือเปล่า ? แต่เธอก็หาสาเหตุไม่ได้

จนกระทั่ง หลานเสี่ยวถางได้รับข้อความเชิญจากบริษัท Latitude Technology โดยข้อความบอกว่าจะมีการนัดประชุมกันในสมาชิกโครงการซอฟต์แวร์ ให้เข้าร่วมการประชุมขององค์กรในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้