ตอนที่ 43 นั่งไม่ติดแล้ว
จินหลิวหลีบ่นพึมพำขณะเดินอ้อมมาที่ประตูทางเข้า นางมองสตรีที่อยู่บนพื้นด้วยความรังเกียจ แต่ก็ต้องตกตะลึงในทันที และลอบมองไปยังบุรุษที่ยืนอยู่กลางห้องด้วยความประหลาดใจ
เมื่อครู่ตอนที่นางอยู่ด้านนอกจึงมองเห็นไม่ชัดเจน นางรู้สึกแค่ว่าภายในห้องเกิดแรงสังหารและแรงกดดันยากเกินกว่าจะละเลยได้ ทำให้นางทราบได้ว่าเย่ซิวตู๋มีฝีมือวรยุทธ์เหนือกว่านางมาก
แต่เมื่อเห็นบาดแผลของซวงเคอในตอนนี้ นางจึงเพิ่งทราบว่าบุรุษผู้นี้เก่งกาจกว่าที่นางจินตนาการไว้มาก
จินหลิวหลีมองอวี้ชิงลั่วด้วยความเป็นกังวล นางเกี่ยวข้องกับบุรุษเช่นนี้ จะไม่มีปัญหาอะไรจริง ๆ หรือ? และจากความหมายของบุคคลผู้นี้ก็ฟังดูราวกับว่าการถูกไล่สังหารเป็นเรื่องปกติ ซึ่งข้างกายของอวี้ชิงลั่วยังมีเด็กอีกหนึ่งคน เกรงว่าอันตรายจะเข้าใกล้พวกเขาไม่หยุดหย่อน
เพียงแต่อวี้ชิงลั่วกลับไม่ได้คิดซับซ้อนเหมือนนาง เป้าหมายของนางคือเงินสิบห้าล้านตำลึง หากเงินมาถึงมือแล้ว นางจะตีตัวออกห่างจากเขาและออกจากจวนโม่โดยไม่พูดพร่ำทำเพลงแน่นอน
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เย่ซิวตู๋จะมีสถานะไหน และสถานการณ์รอบตัวเขามีความซับซ้อนมากเพียงใด แค่เรื่องที่เขามีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นบิดาของหนานหนาน นางก็อยากจะกันเจ้าตัวเล็กของนางออกห่างจากเขาแล้ว
ดังนั้นตอนนี้นางจึงอยากมั่นใจว่าเย่ซิวตู๋จะปลอดภัย สงบจิตสงบใจ รอจนกระทั่งเงินมาถึงมือ อย่าว่าแต่ฉีกหน้าเลย กระทั่งทะเลาะกันก็ไม่มีปัญหา
“หลิวหลี พาคนไข้คนต่อไปเข้ามา” จนกระทั่งจินหลิวหลีจัดการศพของซวงเคอและเช็ดคราบเลือดบนพื้นจนสะอาด อวี้ชิงลั่วจึงนั่งลง และกางกระเป๋าชุดผ่าตัดของนาง
พูดเป็นเล่น อาหารที่นางเตรียมไว้ก็ยังไม่ได้แตะเลย
เพียงแต่ตอนที่กางกระเป๋าชุดผ่าตัด นางก็ถึงกับชะงักไป เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าในห้องยังมีคนอื่นอยู่
อูตงผู้นั้น…ดูเหมือนว่าจะถูกเย่ซิวตู๋โยนไว้ด้านหลังฉากกั้น
นิ้วของนางชะงักไปเล็กน้อย อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปากหันไปมองเย่ซิวตู๋ที่นอนหลับตาพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้เอน เอ่ยถามขึ้น “จะจัดการกับอูตงอย่างไร?”
“ให้เจ้าตัดสินใจ” เย่ซิวตู๋ตอบโดยไม่เงยหน้ามอง
ให้นางตัดสินใจ?
“ข้าเป็นหมอนะ” ดังนั้นอย่าได้มอบหมายเรื่องที่เหม็นคาวเลือดเกินไปให้นางเลย
“หมอช่วยชีวิตผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เจ้าอยากรักษานางหรือ?”
“ทำให้นางตายน่าจะเร็วกว่า”
“อืม ดูเหมือนว่าเจ้าจะตัดสินใจได้แล้ว”
อวี้ชิงลั่วบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า สิบห้าล้านตำลึง…สิบห้าล้านตำลึง…เย่ซิวตู๋คือธนบัตร นางไม่มีเหตุผลอะไรต้องโกรธธนบัตร ทำแบบนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่มีประโยชน์ นางจึงทำตัวสงบเสงี่ยม
จินหลิวหลีมองอวี้ชิงลั่วที่กำลังเดือดจัดแต่ก็อดกลั้นอย่างสุดชีวิตด้วยความประหลาดใจ ภายในใจก็แอบแปลกใจอย่างเงียบ ๆ
นางรู้จักกับนังเด็กคนนี้มานานแล้ว สตรีอย่างอวี้ชิงลั่วผู้นี้มีแต่ทำให้คนอื่นโกรธจะเป็นจะตายมาโดยตลอด นางไม่เคยเหี่ยวเฉาขนาดนี้ ต่อให้นางเสียเปรียบ ก็คงตัดสินใจโดยไม่อดทนอดกลั้นแบบนี้ นิสัยของนางหยิ่งผยองและไร้ยางอายมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
เหตุใดเมื่ออยู่ในมือของเย่ซิวตู๋ นางกลับไม่มีความสามารถที่จะโต้ตอบกลับแม้แต่น้อย?
จินหลิวหลีถึงกับเดาะลิ้นสรรเสริญ แต่เป็นเพราะต้องการหลีกเลี่ยงบรรยากาศอันตึงเครียด จึงเอ่ยปากพูดเพื่อทำลายบรรยากาศ
“ข้าว่าอูตงนั่นไม่ต้องให้พวกเราจัดการหรอก ก่อนหน้านี้ข้าเห็นสตรีผู้นั้นใช้วิธีกดจุดฝังเข็มแบบพิเศษไปที่หลังของนาง ข้าคิดว่าหากไม่รู้วิธีแก้ เกรงว่าอูตงผู้นี้คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเราต้องทำอะไรให้มากความเช่นนี้ด้วย ปล่อยให้นางตายไปเองก็สิ้นเรื่อง”
หากยังมีชีวิตต่อไป ก็นับว่าดวงนางแข็ง
จินหลิวหลีไม่ได้เปิดโอกาสให้อูตงมีชีวิตรอดแม้แต่น้อย นางไม่เคยแสดงความปรานีต่อนักฆ่ามาก่อน
เพียงแต่อูตงเป็นศิษย์ของหมออาวุโสฉงซาน บุคคลผู้นั้นมีชื่อเสียงใต้หล้าเช่นเดียวกับอวี้ชิงลั่ว และรู้จักผู้มีความสามารถไม่น้อย หากวันใดวันหนึ่งเขาค้นพบว่าการตายของอูตงมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขา ย่อมต้องนำมาซึ่งความวุ่นวายที่ไม่มีความจำเป็น
นางไม่ได้สนใจเรื่องของอวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋ แต่นางต้องมีเส้นทางให้หนานหนานถอยด้วย เจ้าเด็กคนนั้น…มิอาจปล่อยให้ได้รับบาดเจ็บโดยไม่ทันตั้งตัวได้
อวี้ชิงลั่วย่อมทราบดีถึงความพะว้าพะวังภายในใจของจินหลิวหลี ต่อให้นางจะเชื่อหลักการถอนรากถอนโคนมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ นางจะคิดเสียว่าเป็นการสะสมบุญกุศลให้บุตรชายของนางก็แล้วกัน
อีกอย่าง อูตงจะมีชีวิตรอดต่อไปหรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
จินหลิวหลีเห็นนางไม่โต้ตอบอะไร จึงมองไปที่เย่ซิวตู๋อีกครั้ง กลับพบว่าอีกฝ่ายกำลังหลับตาทำท่าทางเหมือนกำลังจะหลับ มุมปากจึงกระตุกวูบ นางหมุนกายสั่งให้คนลากอูตงออกจากห้อง โยนไว้ในตรอกเล็กแห่งหนึ่งในตลาดของเมืองเจียงเฉิง ไม่ต้องสนใจไยดีอะไรอีก
ภายในห้องกลับมาเงียบสงบลงอีกครั้ง อวี้ชิงลั่วมองดูเย่ซิวตู๋ที่สงบเสงี่ยม ไม่มีสติในฐานะคนไข้แม้แต่น้อย ราวกับว่าห้องแห่งนี้เป็นห้องของเขาเอง เรื่องนี้ทำให้นางอดขบฟันกรอดไม่ได้
ฝีมือของสตรีเมื่อครู่ที่เข้ามาสังหารเขาช่างแย่เกินไปแล้ว อย่างน้อย ๆ ก็ออกแรงฮึดสู้ครั้งสุดท้ายทุบเขาให้สลบแล้วค่อยตายก็ได้นี่ ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่อย่างมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนแบบนี้ มันส่งผลกระทบกับอารมณ์ของนางมากเลยนะรู้ไหม?
แต่ช้าก่อน…
จู่ ๆ อวี้ชิงลั่วก็หันหน้าไป กวาดสายตาสำรวจบุรุษที่นอนอยู่บนเก้าอี้เอนด้วยท่าทางแปลกประหลาด แม้เมื่อครู่จะเกิดการต่อสู้กัน และเดิมทีร่างกายของบุรุษคนนี้จะมีบาดแผล แต่ ณ เวลานี้ แม้แต่พลังปราณของเขาก็ไร้ซึ่งความยุ่งเหยิงใด ๆ
ในเมื่อพลังวรยุทธ์ของเขาเป็นเช่นนี้ เขาจะได้รับบาดเจ็บในตอนแรกได้อย่างไร? ทั้งยังบาดเจ็บเพราะฝีมือของสตรีผู้นั้นอีก
แม้ฝีมือของอวี้ชิงลั่วจะปราดเปรียว แต่นางก็ไม่ได้มีกำลังภายใน จึงไม่ค่อยเข้าใจเรื่องวรยุทธ์ที่แสนจะวุ่นวายเหล่านั้นภายในยุคสมัยนี้เท่าไรนัก
ด้วยเหตุนี้ นอกจากจะแปลกใจกับฝีมือแปลกประหลาดของเขาที่พรากชีวิตของสตรีผู้นั้น นางก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายเกินไป
ตอนนี้เมื่อได้คิดอย่างละเอียด จึงค้นพบว่านางประเมินความสามารถของบุรุษคนนี้ต่ำเกินไป
“เย่ซิวตู๋”
บุรุษที่นอนอยู่บนเก้าอี้เอนลืมตาขึ้น จ้องมองมาที่นาง “อืม?”
“ในเมื่อวรยุทธ์ของท่านดีขนาดนั้น อีกทั้งสตรีผู้นั้นก็ไม่ใช่ศัตรูของท่าน เหตุใดในตอนนั้นท่านถึงได้รับบาดเจ็บ?” ทั้งยังบาดเจ็บหนักขนาดนั้นด้วย จนเกือบจะพรากชีวิตของเขาอยู่แล้ว
เย่ซิวตู๋หลับตาลง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง จึงกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “วิธีของพวกเขา เมื่อครู่เจ้าเองก็ได้สัมผัสด้วยตัวเองแล้วไม่ใช่หรือ?”
วิธี?
อวี้ชิงลั่วชะงัก นางตระหนักขึ้นได้ทันใด หลังจากสตรีผู้นี้และเย่ซิวตู๋สู้กันครู่หนึ่ง อีกฝ่ายก็คิดจะพรากชีวิตของนาง เป็นวิธีการที่น่ารังเกียจอย่างมาก
“คนพวกนั้นมีจำนวนมาก ส่วนหนึ่งก็เข้ามาเพื่อจัดการกับข้า อีกส่วนหนึ่งก็แยกออกไปเพื่อฆ่าพยัคฆ์ทมิฬ” เย่ซิวตู๋พูดคำพูดเหล่านี้จบ เขาก็ไม่เอ่ยปากพูดอะไรอีก
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลงเล็กน้อย ถ้าอย่างนั้นบาดแผลที่อยู่บนตัวเขา ก็เกิดขึ้นเพราะเขาเข้าไปขวางเสือดำของตัวเองอย่างนั้นสิ?
ความรักระหว่างมนุษย์และสัตว์…
อวี้ชิงลั่วครุ่นคิดด้วยความคิดที่ไม่ได้ดีงามเอาเสียเลย จึงรีบเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างเงียบ ๆ
ทั้งสองคนกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง บรรยากาศเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลงถนัดใจ ซึ่งความเงียบสงบและบรรยากาศเช่นนี้ทำให้อวี้ชิงลั่วรู้สึกเหมือนภาพลวงตา ราวกับว่าห้องแห่งนี้เข้ากับพวกเขาทั้งสองคนได้อย่างพอดิบพอดี อยากให้เป็นแบบไหนก็จัดวางได้ตามที่ต้องการ
โดยเฉพาะตอนที่เห็นท่าทางสบาย ๆ ของเย่ซิวตู๋ นางก็รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัวเพราะความตกใจยิ่งขึ้น
ความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้แบบนี้ เกิดขึ้นจนกระทั่งจินหลิวหลีนำคนไข้คนอื่นเข้ามา
อวี้ชิงลั่วจึงใช้สมาธิทั้งหมดไปกับการตรวจชีพจรและเขียนใบสั่งยาให้คนไข้ เวลาค่อย ๆ ผ่านไป อาทิตย์ก็ได้อัสดงจนลับขอบหน้าต่างแล้ว
จินหลิวหลีพาคนไข้เข้า ๆ ออก ๆ ประตูอยู่เรื่อยไป ดูแล้วกำลังยุ่งจนหัวหมุน
จนกระทั่ง…หลังจากคนไข้คนที่สี่สิบเก้าถูกพาตัวออกไป ใครบางคนที่อยู่ในห้องพิเศษก็เริ่มนั่งไม่ติดที่
…………………………
สารจากผู้แปล
พี่เย่คือน้ำเกลือเหนือเต้าหู้ของชิงลั่วหรือเปล่า แสบพอกันเลย
สรุปพี่เย่ได้แผลมาจากการปกป้องเสือดำของตัวเองสินะ? นึกว่าจะโดนผู้มีฝีมือคนไหนฝากไว้เสียอีก
มีคนร้อนรุ่มแล้วหนึ่ง คนผู้นั้นคงเป็นอดีตหลัวแน่ ๆ
ไหหม่า (海馬)