WS บทที่ 135 ความเข้ากันได้

ภายในห้อง ๆ หนึ่งที่มีเครื่องแก้วจํานวนมากกระจัดจายไปทั่วทุกมุมห้อง สภาพห้องเละเทะเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ที่นี่คือห้องทดลองของเมอร์ลิน

นักเวทย์ที่คนต้องการมีห้องทดลองเป็นของตัวเองเพื่อทําการปรุงยา วิจัยอักษรรูนหรือการสร้างโครงสร้างเวทมนต์ดังนั้นห้องทดลองจึงมีความสําคัญมาก ๆ

โดยห้องทดลองทั่วไปจะต้องมีความเงียบสงบและความปลอดภัยแต่มันช่างแตกต่างจากห้องทดลองชั่วคราวของเมอร์ลิน หากเมอร์ลินอยากจะสร้างเป็นของตัวเอง เขาต้องเป็นนักเวทย์ระดับสี่ขึ้นไปโดยห้องทดลองจะมาในรูปแบบของหอคอยนักเวทย์และมีห้องทดลองอยู่ในหอคอย

อันที่จริงห้องที่พ่อมดลีโออาศัยอยู่ตลอดเวลาหลายนั่นคือห้องทดลอง เขาใช้เวลามากกว่า 10ปีในการสร้างห้องทดลองให้สมบูรณ์

อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินต้องการเพียงห้องเล็ก ๆ เพื่อทําการปรุงยาเท่านั้น

“เดอะเมทริกซ์ เริ่มกระบวนการสร้างน้ํายามนตราอสูร” เมอร์ลินสูดหายใจเข้าลึก ๆ และ เปิดใช้งานเดอะเมทริกซ์ทันที

ปิ๊ป ภารกิจสําเร็จ กําลังตรวจสอบรายการส่วนผสมของน้ํายามนตราอสูร

เดอะเมทริกซ์เริ่มต้นการทํางานตามที่วางแผนไว้ล่วงหน้า มันคัดแยกและนับส่วนผสมทั้งหมด โดยส่วนผสมของน้ํายามนตราอสูรมีทั้งหมด 89 อย่าง

ส่วนน้ํายาห้ามเลือดใช้ส่วนผสมเพียง 11 อย่างเท่านั้น

เมอร์ลินรู้จักส่วมผสมพวกนี้จากพ่อมดฮาวล์แต่ด้วยมันมีมากเกินไปและกระบวนการเตรียมการค่อนข้างยุ่งยาก ทําให้เขาต้องใช้เวลาสองสามชั่วโมงในการเตรียมส่วนผสมทั้งหมด

แค่เตรียมส่วนผสมก็ใช้เวลาไปครึ่งวันแล้ว

“ฟู่~” เมอร์ลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ในที่สุดก็เตรียมเสร็จแล้ว”

ขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบนั้นยุ่งยากและซับซ้อนมาก หากไม่มีเดอะเมทริกซ์ เขาคงไม่สามารถปรุงยาตัวนี้ออกมาได้

นอกจากการเตรียมส่วนผสมจะสําคัญแล้ว การควบคุมไฟ หยดน้ําและอื่น ๆ ทุก ๆ อย่างย่อมส่งผลต่อความสําเร็จในการปรุงยา

เมื่อเตรียมการทุกอย่างเสร็จสิ้น ขั้นตอนต่อไปเป็นขั้นตอนการปรุงยา เขาปฏิบัติตามเดอะเมทริกซ์ทุกขั้นตอนอย่างพิถีพิถัน

ในที่สุเขาก็ได้ทําน้ํายามนตราอสูรเสร็จ แต่อย่างไรก็ตาม เขาต้องตรวจสอบก่อนจะดื่มว่ามันสําเร็จหรือล้มเหลว

“เดอะเมททริกซ์ ช่วยตรวจสอบหน่อยสิวา มันตรงตามมาตรฐานหรือไม่”

ก่อนหน้านี้เมอร์ลินได้ให้เดอะเมทริกซ์บันทึกข้อมูล สี ส่วนผสม องค์ประกอบต่างๆ ของน้ํายามนตราอสูรเพื่อให้เดอะเมทริกซ์สามารถนําข้อมูลที่ได้มาตรวจสอบคุณภาพของน้ํายา

ปิ๊บ ผลลัพธ์ของสีตัวยามีความแตกตางจากต้นแบ 69% อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่แนะนําให้ใช้งาน

เสียงจักรกลของเดอะเมทริกซ์รายงานผลออกมา ทําให้เมอร์ลินลังเลที่จะใช้งานน้ํายามนตราอสูรตรงหน้า

สูตรยามันมีความละเอียดอ่อนมาก หากเกิดความแต่กต่างเพียงเล็กน้อย มันก็จะสามรถเปลี่ยนจากยาธรรมดาให้กลายเป็นยาพิษได้

ดังนั้นพวกนักปรุงยาต้องลองผิดลองถูกหลายครั้งถึงจะได้น้ํายาที่ใช้ได้

ดูเหมือนการทดลองการน้ํายามนตราอสูรครั้งแรกจะล้มเหลว

เขาต้องหาสาเหตุของความล้มเหลวในแต่ละครั้ง โชคดีที่เขามีเดอะเมททริกซ์คอยช่วยเหลือทําให้เขารู้ว่าเขาทําพลาดตรงไหน

ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการค้นหาสาเหตุ เนื่องจากกระบวนการเตรียมน้ํายามันซับซ้อนเกินไป

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เมอร์ลินก็พบสาเหตุที่ทําให้เขาล้มเหลวแล้ว มันเป็นเพราะเขาไม่ได้ทําให้ส่วนผสมบางตัวเกิดความชื้นและบางอันก็แห้งเกินไป

เมอร์ลินฝืนยิ้มอย่างอ้อนแรง แม้ว่าเขาจะปฏิบัติตามแล่ละขั้นตอนอย่างเคร่งครัดแถมยังได้ความช่วยเหลือจากเดอะเมทริกซ์ เขาแค่ผิดพลาดเล็กน้อยก็ทําให้ล้มเหลวแล้ว

“เอาล่ะ มาเริ่มต้นกันใหม่” เมอร์ลินสูดหายใจเข้าลึก ๆ และเตรียมตัวปรุงยาอีกครั้ง

ครั้งที่ผ่านไป เขาเริ่มทําครั้งสองและครั้งที่สาม

หลังจากใช้สองวันในห้องปรุงยา เขาล้มเหลวในการปรุงยาสามครั้งติดต่อกัน ด้วยความล้มเหลวสามครั้งติดต่อกัน มันทําให้เขาเริ่มไม่แน่ใจที่จะให้เดอะเมทริกซ์ควบคุมต่อดีมั้ย

แต่อย่างไรก็ตาม ในการปรุงยาครั้งที่สี่ เมอร์ลินก็ประสบคสามสําเร็จได้น้ํายามนตราอสูรตามที่เดอะเมทริกซ์รับรอง

“ปู” เมอร์ลินถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารู้สึกความตึงเครียดที่สะสมมาจางหายไปทันที ตอนนี้เขารู้สึกหมดแรง เขาจึงเริ่มทําสมาธิอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่เขาทําสมาธิ เมอร์ลินรู้สึกว่าพลังจิตของเขาจะเพิ่มขึ้นกว่าการทําสมาธิตามปกติเล็กน้อย

“ฉันไม่คิดว่าการปรุงยาจะช่วยให้พลังจิตเพิ่มขึ้นด้วย” เมอริ้นยิ้มอย่างมีความสุข

จากนั้นเขาก็หยิบย้ํายาสีเขียวเข้มในภาชนะแก้วขึ้นมา

“ฉันต้องใช้ทําถึงสี่ครั้งถึงจะปรุงสําเร็จ” เขาจ้องเขม็งไปที่น้ํายามนตราอสูรตรงหน้า

เขาทําตามสูตรจากม้วนหนังสัตว์ของชายชราผมเงิน มันไม่ใช่ของที่จะทําได้ง่าย ๆ

เขาไม่รู้ว่าชายชราต้องทํากี่ครั้งถึงจะสําเร็จแต่เขาพบข้อความบางอย่างที่ชายชราเขียนทิ้งไว้ในแหวน

มันเป็นเรื่องราวของที่ระบายความยากลําบากในการรวบรวมวัตถุดิบสําหรับทําน้ํายามนตราอสูร

ชายชราได้ใช้เวลาเตรียมส่วนผสมอย่างอุสาหะ เขาใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนแต่สุดท้ายความพยายามทั้งหมดของเขากลับสูญเปล่า

เนื่องจากกระบวนกาที่ซับซ้อนของมัน แม้ว่าพ่อมดฮาวล์ทําการปรุงเอง อัตราสําเร็จก็ไม่ถึง 10% ดังนั้นการที่เมอร์ลินปรุงยาสําเร็จถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก

“การจะใช้งานน้ํายามนตราอสูร ผู้ใช้จะต้องมีสภาวะจิตที่มั่นคง

เมอร์ลินจดจําข้อปฏิบัติก่อนการใช้งานได้เป็นอย่างดี มันได้บอกว่าผู้ที่จะดื่มมัน หากพลังจิตไม่มั่งคง ห้ามดื่มมันเด็ดขาด ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากหยุดพักสองสามวันเพื่อเตรียมพร้อมสําหรับการดื่มน้ํายามนตราอสูร

5วันต่อมา เมอร์ลินรู้สึกว่าพลังจิตของเขามาถึงจุดสูงสุดแล้วและเขาก็พร้อมที่จะดื่นน้ํายามนตราอสูร

ยาตัวนี้สามารถทําให้ชายชราผมเงินที่เป็นพ่อมดพเนจรกลายให้มีพลังจิตสูงเท่านักเวทย์ระดับสาม เท่านี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่า ยาตัวนี้มีค่ามากแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม ยาตัวนี้ส่งผลต่อพลังจิตโดยตรง ดังนั้นมันจึงมีความเสี่ยงที่จะดื่มมัน เขาต้องดื่มมันอย่างระมัดระวัง

หลังจากเมอร์ลินปรับสมดุลเสร็จ จากนั้นเขาก็ดื่มน้ํายามนตราอสูรเข้าไป

ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าร้างกายของเขาเบาหวิวราวกับลอยอยู่ในอากาศ จากนั้นเขารู้สึกได้ความร้อนที่พวยพุ่งขึ้นมาในจิตใจของเขา มันพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนทําให้เขารู้สึกไม่สบายใจ

ความรู้สึกนี้มันกินระยะเวลาพักใหญ่ เขาได้ลองทําสมาธิแต่มันก็ไม่หายไป ดังนั้นเขาจึงต้องเฝ้ารอให้ความรู้สึกนั้นหายไปอย่างเงียบ ๆ

เมื่อผ่านไป ความรู้สึกดังกล่าวได้หาย เขารีบตรวจสอบพลังจิตของเขาอย่างรวดเร็ว จากการตรวจสองมัยก็ทําให้เขาตกตะลึง พลังจิตของเขาเพิ่มขึ้นจากเดิมเกือบ 30%

เมอร์ลินอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ เขาพยายามระงับความตื่นเต้นเอาไว้ ถ้าเขาสามารถปรุงน้ํายามนตราอสูรได้มากกว่านี้ มันก็จะเพิ่มพลังจิตให้เขามากกว่าเทคนิคการทําสมาธิระดับกลาง

แต่ช่างน่าเสียดายที่ส่วนผสมเหลืออยู่ในแหวนไม่มากนัก แล้วเมอร์ลินก็ไม่กล้าใช้พวกมันอีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม พลังจิตในตอนนี้เพิ่มขึ้นตั้ง 30% เมอร์ลินจึงนําแผนการที่จะสร้างคาถาระดับหนึ่งกลับมา จริง ๆ เขาก็จะทําอย่างนี้มาตั้งนานแล้วแต่พลังจิตในตอนนั้นยังน้อยเกินไป

และตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกประมาณ 10วัน ก่อนที่จะถึงวันงานชุมนุมนักเวทย์ เขาจึงรีบเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาทันที

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เขาจึงเปิดใช้งานเดอะเมทริกซ์

“เดอะเมทริกซ์ เริ่มทําการวิเคราะห์โครงสร้างคาถาระดับหนึ่ง เพลิงพิโรธ”

คาถาเพลิงพิโรธเป็นคาถาระดับหนึ่ง เมอร์ลินเลือกมันโดยอ้างอิงกับคาถาลูกไฟ

ในช่วงเวลาที่เขาอาศัยอยู่ในดินแดนมนต์ดํา เขาค่อย ๆ ศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมเรื่องของโตรงสร้างเวทมนต์ เขาได้รู้ว่าการเลือกคาถามันสําคัญมาก มันจะมีผลในช่วงที่เลื่อนขั้น

ยกตัวอย่างเช่น หากเขาต้องการจะสร้างคาถาระดับหนึ่ง นอกจากเขาจะต้องมีพลังจิตที่เหมาะสมกับโครงสร้างคาถาในมือแล้ว เขาจะต้องมองหาความเข้ากันของคาถาระดับนึ่งและระดับศูนย์

นั่นจึงทําให้การสร้างคาถามันซับซ้อนมากขึ้นไปอีก พวกพ่อมดต้องทําการศึกษามากมายถึงจะหาคาถาที่เข้ากัน

ด้วยเหตุนี้มันจึงทําให้นักเวทระดับเริ่มต้นจํานวนมากไม่สามารถเลื่อนขั้นกลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งได้

หากพวกเขาผืนสร้างคาถาโดยไม่สนถึงความเข้ากันของคาถา มันจะทําให้โครงสร้างไม่เสถียร และมีสิทธิ์ที่จะพังทลายได้

สําหรับเลอแรนก้า สาเหตุที่เธอไม่ประสบความสําเร็จ อาจเป็นเพราะคาถาเพลิงพิโรธไม่เข้ากันกับคาถาระดับศูนย์ของเธอ เมื่อเธอล้มเหลว เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นและต้องออกจากดินแดนมนต์ดําไป

อย่างก็ตาม เมอร์ลินไม่จําเป็นต้องกังวลเรื่องของความเข้ากันระหว่างทั้งความคาถา เขามั่นใจว่าเดอะเมทริกซ์สามารถคํานวณและวิเคราะห์ในส่วนนี้ได้

ดังนั้นเมอริ้ลนจะต้องเลือกคาถาที่มีความเข้ากันสูงสุดถึงเขาจะปลอดภัยในการจําลองมันเข้าไปในจิตใต้สํานึก

ปิ๊บ ทําการวิเคราะห์เสร็จสิ้น ได้รูปแบบทั้งหมด 113,650รูปแบบ

คราวนี้เมอร์ลินต้องใช้ความระมัดระวังในการเลือกมากขึ้น นอกจากเรื่องของความเสถียรแล้ว เขายังต้องเลือกโครงสร้างเวทมนต์ที่มีความเข้ากันได้กับโครงสร้างเวทมนต์คาถาลูกไฟเพื่อให้กระบวนการจําลองคาถาระดับหนึ่งดําเนินไปอย่างราบรื่น