หลังจากที่เดริคกับทีออสทำงานที่ได้รับมอบหมายจากเอริกะเสร็จเวลาก็ผ่านไปอีกสองสามวันจนในที่สุดก็เข้าสู่ช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายก่อนจะถึงวันเปิดภาคเรียนใหม่ของโรงเรียนรีมินัสแล้ว
 

และในช่วงเวลานี้ก็จัดได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่โรงเรียนรีมินัสจะยุ่งที่สุดในรอบปี เพราะว่าทางโรงเรียนจำเป็นที่จะต้องจัดการเอกสารจำนวนมากของนักเรียนใหม่ปีหนึ่งที่เพิ่งจะสอบเข้ากันให้เสร็จเรียบร้อย แล้วหลังจากนั้นทางโรงเรียนก็ต้องจัดเตรียมเครื่องแบบ อุปกรณ์การเรียนการสอนรวมถึงของใช้ต่างๆ ให้กับเหล่าเด็กนักเรียนปีหนึ่งอีกด้วย

 

ซึ่งด้วยความที่ทางโรงเรียนกำหนดเอาไว้เพียงแค่ว่าตัวเสื้อนักเรียนจะต้องเป็นสีขาวโดยไม่ได้กำหนดสีของกระโปรงหรือว่ากางเกงจึงทำให้เหล่านักเรียนใหม่ทั้งหลายสั่งจองสีเครื่องแบบที่พวกเขาชอบกันตามใจจนเหล่าอาจารย์ที่คอยจัดการเรื่องนี้ปวดหัวกันทุกปี

 

ส่วนทางด้านเหล่าภารโรงประจำโรงเรียนเองก็ยุ่งหัวปั่นไม่แพ้กันเพราะว่าพวกเขาจำเป็นที่จะต้องช่วยกันซ่อมแซมสนามหญ้าที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสนามสอบสำหรับเด็กนักเรียนปีหนึ่งจนเละเทะให้กลับมามีสภาพดีตามเดิมอีกทั้งยังต้องจัดการทำความสะอาดโรงเรียนครั้งใหญ่เพื่อให้มีสภาพที่ดูดีที่สุดสำหรับพิธีเปิดภาคเรียนที่กำลังจะมาถึงอีกด้วย

 

แต่ว่าในขณะที่ทุกคนในโรงเรียนกำลังวุ่นวายกันจนหัวหมุนนั้นคณะอาจารย์ส่วนหนึ่งกลับได้พบว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเหมือนว่าจะมีอาจารย์ท่านหนึ่งว่างงานจัดจนชวนเพื่อนของเธอออกไปนั่งรถเล่นค้างคืนกันที่นอกเมืองมา ซึ่งนั่นก็ทำให้คณะอาจารย์ได้ร่วมกันลงชื่อยื่นเรื่องนี้ไปหาท่านผู้อำนวยการเพื่อให้เขามอบหมายงานจำนวนมากให้กับอาจารย์ว่างงานท่านนั้นกันในทันที

 

และนั่นก็ทำให้อาจารย์ท่านนั้นหรือก็คืออาจารย์เอริซาเบธคนดังประจำโรงเรียนรีมินัสโดนพายุงานโหมเข้าใส่จนแทบจะไม่เหลือเวลานอนอีกต่อไป เพราะถึงแม้ว่าหน้าฉากของเธอจะดูเหมือนว่าว่างงานและคอยแวบไปแวบมาตรงนู้นทีตรงนี้ทีเพื่อกวนประสาทคนอื่นเล่นไปเรื่อยก็ตามทีแต่ว่าที่จริงแล้วเธอเป็นคนที่คอยจัดการประสานงานเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับยูนิตและวิชาเรียนใหม่ทั้งสามวิชาที่เอริกะเป็นคนนำมาเสนอให้กับทางโรงเรียนด้วยตัวเอง

 

แล้วนี่ยังไม่รวมถึงเรื่องของการนำยูนิตมาใช้เป็นอุปกรณ์การเรียนการสอนที่เธอถูกทางโรงพยาบาลประจำเมืองถ่วงเวลาโดยอ้างเรื่องความปลอดภัยของตัวผู้ใช้งานและทำการทดสอบมันซ้ำๆ ซากๆ เพราะว่าพวกเขายังไม่มั่นใจสักเท่าไหร่นักว่าอุปกรณ์ที่เรียกว่ายูนิตที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนจะส่งผลกระทบอะไรกับผู้ใช้งานในระยะยาวหรือไม่จนทำให้เอริซาเบธไม่ได้รับใบรับรองเรื่องความปลอดภัยมายื่นให้กับท่านผู้อำนวยการสักที

 

ส่วนสาเหตุที่ทางโรงเรียนจำเป็นต้องใช้ใบรับรองจากทางโรงพยาบาลนั้นก็เป็นเพราะว่าเหล่าผู้ปกครองของเด็กนักเรียนอาจจะเกิดความตื่นตระหนกและเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องของความปลอดภัยขึ้นมาได้เมื่อพวกเขาพบว่าทางโรงเรียนได้แจกจ่ายอุปกรณ์ที่หน้าตาเหมือนกับอาวุธให้กับเหล่าเด็กนักเรียนโดยไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากทางวังหลวงก่อนนั่นเอง

 

แต่ถึงแม้ว่าเอริซาเบธจะยุ่งจนหัวปั่นอยู่หลังฉากอยู่แล้วก็ตาม ผู้ที่รู้เรื่องนี้ก็มีแค่คนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของการนำยูนิตมาเป็นสื่อการเรียนการสอนอย่างอารอน เอริกะ อาจารย์โนล และท่านผู้อำนวยการเท่านั้นจนทำให้เมื่อท่านผู้อำนวยการถูกเหล่าคณะอาจารย์ยื่นคำร้องเกี่ยวกับอาจารย์ว่างงานมาให้เขาจึงจำเป็นจะต้องโยนงานจำนวนมากมาให้เอริซาเบธทำในทันทีเพื่อที่จะได้ไม่ทำให้เกิดข้อกังขาเกี่ยวกับการบริหารจัดการของเขาขึ้นมา

 

และนั่นก็ทำให้เอริซาเบธต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำจนไม่อยากจะลุกขึ้นมาจากที่นอนในตอนเช้าเลยแม้แต่สักวันเดียว

 

“ม่ายอยากทำงานเลยอ่า~~~~”

 

เอริซาเบธในชุดนอนสัตว์น้อยลายจิ้งจอกได้ร้องโวยวายขึ้นมาเมื่อเธอลืมตาตื่นและพบกับกองเอกสารกองเท่าภูเขาบนโต๊ะที่เธอจะต้องจัดการให้เสร็จก่อนที่เธอจะพลิกตัวกลับไปนอนคว่ำหน้ากับหมอนและดึงเอาฮู๊ดของชุดนอนมาคลุมหัวเอาไว้เพื่อพยายามหนีจากความจริง

 

เอริซาเบธนอนฟุบหน้าอยู่อย่างนั้นอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่เธอจะยันตัวเองลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับเหม่อมองออกไปด้านนอกหน้าต่างพลางนึกถึงสาเหตุที่เธอจำเป็นต้องมาเป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ในโรงเรียนเพื่อทำงานกินเงินเดือนและถูกใช้งานเยี่ยงทาสโดยไม่ได้ค่าแรงเพิ่มเติมนอกจากเงินเดือนขั้นต่ำสำหรับช่วงปิดเทอมที่น้อยนิดอยู่แล้วไปวันๆ แบบนี้

 

“…..”

 

ซึ่งสาเหตุที่ว่านั้นก็เป็นเพราะว่าเมื่อหลายปีก่อนสมัยที่เอริซาเบธยังเป็นวัยรุ่นอยู่เธอคิดว่าตัวเองโตพอแล้วจึงได้ออกมาจากบ้านของเอริกะที่เป็นผู้พาตัวเธอออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและเลี้ยงดูเธอมาจนเติบใหญ่ก่อนจะไปหางานทำที่นู่นที่นี่แต่ก็ไปไม่รุ่งสักเท่าไหร่เพราะนิสัยติดเล่นของเธอจนสุดท้ายก็มาจบลงอยู่ที่การเป็นอาจารย์อยู่ในโรงเรียนรีมินัสนี่เอง

 

และถึงแม้ว่างานสอนหนังสือนี้จะได้เงินเดือนค่อนข้างดีแต่ว่าในช่วงเวลาปิดภาคเรียนแบบนี้เงินเดือนของอาจารย์ทุกท่านก็ถูกลดลงไปมากเพราะว่าทางโรงเรียนเห็นว่าเหล่าอาจารย์ไม่ได้ทำงานให้คุ้มกับที่จ่ายตามปกติสักเท่าไหร่ ซึ่งนั่นให้เอริซาเบธที่จัดว่าเป็นคนที่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอยู่ในระดับหนึ่งถึงกับกระเป๋าแห้งจนแทบจะไม่มีเงินซื้อข้าวกินให้ครบสามมื้อนั่นเอง

 

“ม่ายอยากทำงานเลยน๊า~~~~”

 

เอริซาเบธส่งเสียงร้องออกมาอีกครั้งหนึ่งก่อนจะหงายหลังแผ่ลงไปกับเตียงพลางนึกย้อนกลับไปเมื่อไม่ถึงหนึ่งเดือนก่อนที่ทุกอย่างยังคงปกติสุขดีอยู่จนเธอว่างถึงขนาดสามารถรับงานจากอารอนเพื่อไปส่งเขาที่หมู่บ้านโมริโกะซึ่งเป็นงานที่ควรจะกินเวลาไปเป็นสัปดาห์ได้โดยไม่ต้องคิดอะไรมากแตกต่างจากตอนนี้ที่เธอแทบจะไม่มีเวลาว่างสักหนึ่งนาทีซะด้วยซ้ำไป

 

กรี๊งงงงงงงงงง!

 

เสียงของนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นมาได้เรียกความสนใจของเอริซาเบธไปจนทำให้เธอต้องละสายตากลับมาจากหน้าต่างและจ้องมองมันอยู่สักพักด้วยความเหนื่อยหน่ายก่อนที่เธอจะเอื้อมมือไปกดให้มันหยุดส่งเสียงออกมาแล้วจึงยันตัวเองลุกขึ้นจากเตียงเพื่อย้ายร่างของตัวเองไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย

 

และหลังจากนั้นอีกไม่นานเอริซาเบธก็ได้เดินกลับออกมาจากห้องน้ำในชุดวันพีชลายทางขาวดำแบบที่เธอสวมใส่ประจำคลุมทับด้วยเสื้อกาวน์ตัวโปรดของเธอและเดินตรงไปทางเคาน์เตอร์ครัวขนาดเล็กๆ ที่อยู่ตรงมุมห้องเพื่อตั้งเครื่องปิ้งขนมปังสำหรับมื้อเช้าของวันนี้และเมื่อเอริซาเบธจัดการยัดขนมปังใส่เครื่องปิ้งเสร็จแล้วเธอก็หันไปตั้งกระทะเพื่อทอดไข่ต่อในทันที

 

“หืม?”

 

เอริซาเบธที่กำลังทอดไข่อยู่นั้นได้ส่งเสียงร้องออกมาเล็กน้อยด้วยความแปลกใจเมื่อเธอหันไปมองปฏิทินแล้วพบว่าในวันนี้มันได้ถูกวงเอาไว้ด้วยวงกลมสีแดงและระบุเวลาช่วงเช้าเอาไว้โดยที่เธอจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อยว่าเธอวงมันเอาไว้ทำไม

 

“จะว่าไปแล้วนี่มันกี่โมงแล้วล่ะเนี่ย…”

 

ติ๊ง!

 

“ฮ๊าววววว~ ช่างมันเถอะ~”

 

เสียงของเครื่องปิ้งขนมปังที่ดังขึ้นมาพร้อมๆ กับที่มันดีดแผ่นขนมปังร้อนๆ ออกมานั้นทำให้เอริซาเบธละความสนใจมาจากการนัดหมายที่เธอจำไม่ได้ในทันทีและดึงแผ่นขนมปังออกมาวางไว้บนจานก่อนจะโยนไข่ดาวที่เพิ่งจะทอดเสร็จโปะลงไปด้านบนแล้วจึงยกมันไปนั่งกินที่โต๊ะตัวเล็กๆ อย่างสบายอารมณ์

 

และเมื่อเอริซาเบธนั่งแทะข้าวเช้าของเธอจนเสร็จแล้วเธอก็นำจานไปวางทิ้งไว้ที่ด้านบนกองจานขนาดเท่าภูเขาที่ถูกวางทิ้งเอาไว้จนทับถมกันในอ่านล้างจานเพราะว่าเธอไม่มีเวลาจัดการมันสักทีแล้วจึงหันกลับไปมองทางปฏิทินอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับพยายามนึกถึงสาเหตุที่เธอวงมันทิ้งเอาไว้ก่อนหน้านี้

 

“ถ้าจำไม่ผิดเหมือนว่ามันจะเกี่ยวอะไรสักอย่างกับคุณผู้อำนวยการหรือเปล่านะ… เอาเถอะ~ เดี๋ยวไปถึงก็คงจะรู้เองนั่นแหล่ะ~”

 

เอริซาเบธได้เลิกล้มความพยายามที่จะนึกถึงนัดหมายของวันนี้เมื่อเธอนึกออกแค่ว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกับคุณผู้อำนวยการในทางไหนสักทางหนึ่งก่อนที่เธอจะยกมือขึ้นมาปัดเศษขนมปังที่ติดอยู่ตามเสื้อกาวน์แล้วจึงเดินส่ายหางตรงออกจากห้องพักของตัวเองไป

 

และด้วยความที่เอริซาเบธถูกจับมาอยู่ในห้องแรกสุดของหอพักในโรงเรียนรีมินัสนั้นก็ทำให้เมื่อเธอออกมาจากห้องของตัวเองก็จะได้พบกับห้องนั่งเล่นรวมของหอพักที่ในขณะนี้ได้มีนักเรียนบางส่วนที่อาศัยอยู่ที่หอพักในช่วงเวลาปิดภาคเรียนกำลังจับกลุ่มจับจองที่นั่งกันอยู่ก่อนแล้ว

 

ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีกลุ่มของเด็กนักเรียนคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างรีซาน่า เด็กสาวที่มีเขาบนหัวและเส้นผมสีน้ำเงินที่มาจากหมู่บ้านนอกเมือง เซซิล เด็กสาวนักดาบผู้มาจากเมืองฝั่งตะวันออกที่ในขณะนี้เป็นนักเรียนของทางโรงเรียนอยู่และซิลเวส เด็กสาวร่างเล็กที่มีเส้นผมสีฟ้าและหูแมวน่ารักน่าชังที่ชอบเรียกคนอื่นว่าพี่ชายและพี่สาวนั่นเอง

 

โดยซิลเวสที่กำลังพูดคุยอะไรสักอย่างอยู่กับรีซาน่าที่ถือชามข้าวชามใหญ่เอาไว้นั้นเหมือนจะสังเกตเห็นเอริซาเบธที่เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องเข้าพอดีเธอจึงได้ละสายตามาจากรีซาน่าและหันมาโบกมือทักทายเอริซาเบธแทนในทันที

 

“อ่ะ นั่นอาจารย์เอรินี่นา~ อรุณสวัสดิ์ค่ะ~”

 

“สวัสดีค่ะ อาจารย์เอริซาเบธ”

 

“…..”

 

ในขณะที่ซิลเวสกับรีซาน่าเอ่ยปากทักทายเอริซาเบธอย่างร่าเริงนั้นทางด้านเซซิลกลับทำเพียงแค่พยักหน้ากลับมาให้เธออย่างเงียบๆ แต่ถึงอย่างนั้นเอริซาเบธก็ได้ไม่คิดอะไรมากนักเพราะเธอเองก็รู้ดีว่าเซซิลนั้นไม่ค่อยจะเอ่ยปากพูดคุยกับคนอื่นอยู่แล้ว

 

“อื้อ อรุณสวัสดิ์จ้ะทุกคน กำลังทำอะไรกันอยู่หรอ?”

 

“ฉันกำลังคิดว่าจะออกไปล่าสัตว์ในป่าแถวๆ นี้หน่อยน่ะค่ะ อาจารย์สนใจจะไปด้วยกันมั้ยคะ?”

 

“ส่วนหนูกำลังวางแผนหาวิธีแกล้งพี่เซซิลเขาอยู่อ่ะค่ะ~”

 

“….”

 

“โอ๊ยๆ หนูแค่ล้อเล่นเฉยๆ เองงงงง!”

 

ซิลเวสที่ถูกเซซิลดึงแก้มจนยืดนั้นได้ร้องโวยวายออกมาพร้อมกับพยายามยื่นมือไปดึงแก้มของเซซิลกลับบ้างแต่ว่าด้วยส่วนสูงที่แตกต่างกันมากนั้นก็ทำให้เธอไม่สามารถเอื้อมมือไปถึงแก้มของเซซิลได้จนทำให้เอริซาเบธที่เห็นแบบนั้นถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย

 

“ฮะฮะ ถ้าอย่างนั้นก็พยายามเข้าละกันนะซิลเวสจังแล้วถ้าได้ผลยังไงก็มาเล่าให้อาจารย์ฟังด้วยละกันเนอะ~ ส่วนเรื่องล่าสัตว์ของรีซาน่าอาจารย์คงจะไปด้วยไม่ได้เพราะเหมือนว่าเช้านี้จะมีนัดอะไรสักอย่างแล้วน่ะ เอาไว้โอกาสหน้าละกันเนอะ”

 

“ตกลงค่ะ งั้นเดี๋ยวเอาไว้วันหลังฉันจะลองหาโอกาสมาชวนดูใหม่ละกันนะคะ”

 

“เอาล่ะ ถ้างั้นก็เอาไว้ค่อยเจอกันใหม่ละกันนะ~”

 

“เดี๋ยว…”

 

ในขณะที่เอริซาเบธกำลังจะออกเดินไปทางประตูของหอพักนั้นเซซิลก็ได้ร้องเรียกเธอเอาไว้ก่อนจนทำให้เอริซาเบธต้องหยุดเท้าลงและหันกลับมามองเซซิลด้วยความสงสัย

 

“หืม? ว่าไงหรอเซซิล?”

 

“เมื่อกี้นี้อาจารย์เทียเขามาหาน่ะ…”

 

“เอ๋ะ? เทียมาหาฉันหรอ?”

 

เอริซาเบธที่ได้ยินชื่อของคนรู้จักนั้นได้ถามเซซิลกลับไปด้วยความประหลาดใจ เพราะเธอรู้ดีว่าอาจารย์ที่ชื่อว่าเทียนั้นไม่ค่อยจะอยากเดินทางมาในสถานที่ที่มีคนอยู่เยอะๆ อย่างเช่นหอพักนักเรียนแบบนี้สักเท่าไหร่นัก

 

“อืม… เห็นมายืนรอเธออยู่ที่หน้าห้องตั้งแต่เช้าแล้วแต่ก็ไม่ยอมเคาะเรียกสักทีน่ะ…”

 

“จริงด้วยๆ เมื่อกี้นี้หนูก็เห็นอยู่เหมือนกัน แต่ว่าพอหนูเดินเข้าไปใกล้ๆ กะจะทักทายอาจารย์เทียเขาก็รีบเดินหนีไปทันทีเลยอ่ะค่ะ”

 

“เอ๋? แต่ฉันไม่เห็นจะเห็นอาจารย์เทียเลยนะคะ”

 

“ก็พี่รีซาน่าตื่นสายแล้วพอออกมาข้างนอกห้องก็มัวแต่นั่งกินข้าวนี่นา!”

 

ในขณะที่ซิลเวสกำลังหยอกล้อรีซาน่าเล่นอยู่นั้นทางด้านเอริซาเบธก็ได้ยกมือขึ้นมาลูบคางและเอียงคอใช้ความคิดไปมาจนทำให้เซซิลที่เห็นแบบนั้นได้ส่งสายตาไปหาเอริซาเบธเป็นเชิงบอกว่าให้เธอรีบๆ ไปตามหาอาจารย์เทียที่อาจจะมีธุระกับเธอได้แล้ว

 

“….”

 

“หว๋าย~ ฉันโดนเซซิลจังเขาไล่ซะแล้วล่ะ~ ถ้างั้นเดี๋ยวฉันขอตัวก่อนละกันนะ รีซาน่าถ้าจะออกไปล่าสัตว์ก็ระวังตัวด้วยละ ส่วนซิสเวลถ้าจะลงมือแกล้งใครก็อย่าให้หนักมือมากละกันนะจ๊ะเข้าใจมั้ย~”

 

“ค่า~”

 

“โชคดีนะคะอาจารย์เอริซาเบธ”

 

“….”

 

เอริซาเบธพยักหน้าตอบรับคำกล่าวลาจากเด็กนักเรียนทั้งสามคนก่อนที่เธอจะหันหลังกลับและเร่งฝีเท้าไปทางอาคารเรียนในทันทีเนื่องจากว่ามันได้เลยเวลานัดหมายที่ถูกเขียนเอาไว้ในปฏิทินแล้วถึงแม้ว่าเธอจะยังคงนึกไม่ออกว่ามันเป็นกำหนดการเรื่องอะไรกันแน่อยู่ดีก็ตาม

 

และเมื่อเอริซาเบธเดินมาถึงตัวอาคารเรียนเธอก็ได้พบกับหญิงสาวผมยาวสีขาวนัยน์ตาสีแดงในชุดเดรสสีดำยาวประดับลูกไม้สีขาวที่กำลังประสานมือเอาไว้ทางด้านหน้าด้วยท่าทีลังเลเหมือนกับไม่กล้าตัดสินใจว่าจะเข้าไปด้านในดีหรือเปล่า

 

ซึ่งถึงแม้ว่าหญิงสาวผมสีขาวนัยน์ตาสีแดงคนนี้จะมีลักษณะภายนอกเหมือนกับ มีอา หญิงสาวที่เป็นคนของเอริกะที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลของเมืองไม่ผิดเพี้ยนแต่ว่าท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ของเธอนั้นก็ทำให้เอริซาเบธมั่นใจได้ว่าหญิงสาวคนนี้คือ เทีย พี่สาวฝาแฝดของมีอาไม่ใช่ตัวมีอาเองแอบปลอมตัวมาแกล้งเธออย่างแน่นอน

 

“อ…เอริซาเบธ…”

 

“ว่าไงๆ เมื่อกี้เห็นพวกเด็กๆ บอกว่าเธอไปหาฉันที่ห้องงั้นหรอ มีอะไรหรือเปล่า?”

 

“ท…ท่านผู้อำนวยการเขา…”

 

“สรุปว่าเป็นนัดของท่านผู้อำนวยการจริงๆ หรอเนี่ย? ถ้างั้นก็นำทางฉันไปได้เลยจ้ะ”

 

“อ…อื้อ! ร…รีบไปกันเถอะ…”

 

เทียพยักหน้าตอบเอริซาเบธกลับไปก่อนที่เธอจะรีบเดินนำตรงขึ้นบันไดขึ้นไปยังชั้นบนของอาคารเรียนในทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้เอริซาเบธได้พูดถามอะไรขึ้นมาเพิ่มเติมเนื่องจากว่านี่มันเลยเวลาที่ท่านผู้อำนวยการนัดหมายเอาไว้แล้ว

 

และหลังจากนั้นทั้งสองคนก็ได้เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบานใหญ่ที่มีป้ายติดอยู่ด้านบนว่าห้องประชุมหมายเลขหนึ่งจนทำให้เอริซาเบธที่กำลังเดินส่ายหางจิ้งจอกฟูๆ ตามมาอยู่ถึงกับชะงักไปในทันที

 

“เดี๋ยวนะ เธอพาฉันมาที่ห้องประชุมนี่ก็หมายความว่า…”

 

“อ…อื้อ…”

 

“หว๊าย… อย่าบอกนะว่—”

 

แอ๊ด…

 

เสียงของบานประตูที่ค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ นั้นทำให้เอริซาเบธชะงักนิ่งไปในทันทีก่อนที่เธอจะหันกลับไปมองทางประตูห้องและพบกับร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะเต็มตัวสีขาวประดับลวดลายสีทองที่กำลังยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าจนทำให้เอริซาเบธที่เห็นแบบนั้นถึงกับสะดุ้งตกใจจนหางตั้ง

 

“หึ๊ย—”

 

“ท…ท่านผู้อำนวยการ”

 

ถึงแม้ว่าท่านผู้อำนวยการของโรงเรียนรีมินัสจะสวมใส่ชุดเกราะแบบเต็มตัวปิดหน้าปิดตาเอาไว้แต่ว่าอาจารย์สาวทั้งสองท่านก็สามารถรับรู้ได้จากบรรยากาศที่แผ่ออกมาว่าร่างในชุดเกราะสีขาวนั้นกำลังจ้องเขม็งมาทางพวกเธออยู่ซึ่งนั่นก็ทำให้เอริซาเบธต้องรีบพูดแก้ตัวออกมาในทันที

 

“ค–คือว่าฉัน—–”

 

“เอริซาเบธ…”

 

“ค—คะ!?”

 

“ถ้าพร้อมแล้วก็เข้าไปในห้อง…”

 

ทันทีที่ท่านผู้อำนวยการพูดจบเขาก็ค่อยๆ ปิดประตูห้องกลับไปตามเดิมเพื่อปล่อยให้เอริซาเบธและเทียได้มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจให้เรียบร้อยกันก่อนจะเข้าไปในห้องประชุมกัน

 

“เฮ้อ~ ท่านผู้อำนวยการนี่น่ากลัวจังเนอะ…”

 

“ต…แต่ฉันว่า… ท…ท่านเขาก็ใจดีออกนะ…”

 

“งั้นหรอ? ฉันว่าเขาน่ากลัวจะตายไป”

 

เอริซาเบธพูดตอบเทียกลับไปพลางม้วนหางจิ้งจอกของเธอมาด้านหน้าและใช้มือตบๆ มันเล็กน้อยเพื่อให้มันกลับมานุ่มฟูเป็นระเบียบเรียบร้อยตามเดิมหลังจากที่เธอตกใจจนขนหางลุกไปเมื่อสักครู่ ซึ่งเอริซาเบธก็ใช้เวลาสักพักจนมั่นใจว่าหางของเธอกลับมาสวยงามตามเดิมแล้วจึงหันไปบอกกับเทียว่าเธอพร้อมที่จะเข้าไปในห้องประชุมแล้ว

 

“เอาล่ะ ถ้างั้นพวกเราก็เข้ากันเถอะเทีย”

 

“อ…อื้อ…”

 

เทียพูดตอบเอริซาเบธกลับไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักก่อนที่เธอจะเดินตามเอริซาเบธเข้าไปในห้องประชุม ซึ่งภายในห้องประชุมนั้นก็มีอาจารย์มากหน้าหลายตานั่งจับจองที่กันจนเกือบจะเต็มห้องประชุมอยู่ก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอารอนที่เพิ่งจะรับตำแหน่งอาจารย์ประจำห้องพยาบาลมา อาจารย์โนลและอาจารย์อายะที่เป็นผู้ตัดสินผลการสอบของพวกนากา หรือแม้แต่กระทั่งอลิซที่จะเริ่มการสอนของเธอในปีการศึกษาหน้าเช่นเดียวกัน

 

ซึ่งอาจารย์ทุกท่านที่นั่งกันอยู่ในห้องก็ได้หันมามองอาจารย์สาวผู้มาสายทั้งสองคนที่เพิ่งจะมาถึงด้วยสีหน้าต่างๆ กันไปจนทำให้เอริซาเบธต้องรีบเดินนำเทียไปยังที่นั่งที่ยังว่างอยู่ใกล้ๆ กับเก้าอี้ของอารอนในทันที

 

“สวัสดีค่ะคุณอารอน~ นี่ฉันมาสายไปกี่นาทีล่ะคะเนี่ย?”

 

“สิบห้านาที…”

 

“หว๊าย~ แบบนี้มีหวังฉันได้โดนคุณผู้อำนวยการเขาหักเงินเดือนอีกแน่เลย…”

 

“อ…เอริซาเบธอย่าเพิ่งคุยเล่นกันสิ… ท…ท่านผู้อำนวยการเขากำลังพูดอยู่นะ…”

 

ในขณะที่เอริซาเบธกำลังสอบถามอารอนอยู่นั้นเทียก็ได้ตีมือของเธอเข้าใส่เอริซาเบธเบาๆ พร้อมกับพูดเตือนออกมาเนื่องจากว่าในตอนนี้ท่านผู้อำนวยการกำลังพูดอธิบายถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อการประชุมครั้งนี้ให้ทุกคนฟังอยู่ ส่วนทางด้านอารอนที่ได้ยินคำบ่นของเอริซาเบธนั้นก็ได้พยายามพูดปลอบใจเธอออกมา

 

“ไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง… เพราะก่อนหน้านี้—”

 

“…ขอเชิญอาจารย์ใหม่ทั้งสองท่านออกมาแนะนำตัวด้วยครับ”

 

อารอนที่กำลังจะพูดปลอบเอริซาเบธอยู่นั้นได้ชะงักไปเมื่อท่านผู้อำนวยการได้กล่าวเรียกอาจารย์ใหม่ทั้งสองคนหรือก็คือเขากับอลิซให้ออกไปแนะนำตัวกับเหล่าคณะอาจารย์คนอื่นจนทำให้เขาจำเป็นต้องรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ในทันที

 

“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันกลับมานะเอริ…”

 

“อื้อ โชคดีนะคะ~”

 

เมื่ออารอนเอ่ยปากขอตัวมาจากเอริซาเบธเสร็จแล้วเขาก็ได้เดินไปทางหน้าห้องด้วยความรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังช้ากว่าอลิซที่เดินมาถึงก่อนแล้วและกำลังจะรับเครื่องขยายเสียงมาจากท่านผู้อำนวยการเพื่อนำมาพูดแนะนำตัว

 

“ฉัน อลิซ เป็นอาจารย์ที่จะมา… มาสอนวิชาการควบคุมพาร์ทและยูนิตที่จะเปิดสอนในภาคเรียนหน้านี้ค่ะ…”

 

อลิซที่กำลังจะเอ่ยปากแนะนำตัวนั้นได้นิ่งไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะกลอกตาไปมาและกัดฟันพูดขึ้นมาจนจบแล้วจึงยัดเครื่องขยายเสียงเข้าใส่มือของอารอนพร้อมกับรีบเดินลงจากเวทีไปในทันที

 

“ผม อารอน… จะมาเป็นอาจารย์ประจำห้องพยาบาลและสอนวิชา…..”

 

“ฟรี้~~”

 

เสียงเรียบๆ ที่ฟังดูเหนื่อยๆ ของอารอนนั้นถึงกับทำให้หนังตาของเอริซาเบธรู้สึกหนักขึ้นมาก่อนที่สติของเธอจะเริ่มหลุดลอยด้วยความเหนื่อยอ่อนที่สะสมมาหลายวัน ซึ่งเทียที่ได้ยินเสียงกรนเบาๆ ดังขึ้นมาจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆ นั้นก็ได้หันมามองด้วยความประหลาดใจก่อนที่เธอจะรีบเขย่าตัวเอริซาเบธเบาๆ เพื่อปลุกอีกฝ่ายขึ้นมาเมื่อสังเกตเห็นว่าท่านผู้อำนวยการเหมือนจะกำลังมองมาทางพวกเธออยู่

 

“น…นี่เอริ…หลับในนี้เดี๋ยวก็โดนดุหรอก…”