บทที่ 40 เธอจะเป็นพี่สาวแสนดีที่ไม่มีใครเทียบได้ของฉันเสมอ

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 40 เธอจะเป็นพี่สาวแสนดีที่ไม่มีใครเทียบได้ของฉันเสมอ

บทที่ 40 เธอจะเป็นพี่สาวแสนดีที่ไม่มีใครเทียบได้ของฉันเสมอ

ซูหยินหาวอย่างเบื่อหน่าย ราวกับว่าไม่มีอะไรสามารถกระตุ้นความสนใจของเธอได้ในขณะนี้ “ดีแล้วที่เธอชอบ เพราะว่าเธอเป็นน้องสาวของที่รักฉันหรอกนะ ฉันในฐานะพี่สาวโอเคอยู่แล้ว นี่ถือซะว่าฉันซื้อให้เป็นของขวัญ”

จากนั้นเธอก็มองไปที่ซูโย่วอี๋และพูดว่า “อย่านั่งเฉย ๆ สิ ทำไมเธอถึงไปนั่งตรงนั้นทุกครั้งที่มากับฉันเลยนะ เธอไม่อยากได้อะไรเลยเหรอ ฉันเต็มใจซื้อให้นะ”

เฉินซีซีถือรองเท้าคริสตัลและมองไปที่ซูโย่วอี๋ด้วยดวงตากลมโต “ฉันก็จะซื้อให้พี่สาวด้วย”

ซูโย่วอี๋ยิ้มและพูดว่า “ถ้าฉันลดน้ำหนักได้แล้ว ฉันจะทิ้งเสื้อผ้าเดิมทั้งหมดแล้วพาพวกเธอมาซื้อเสื้อผ้าที่นี่เอง ไม่ต้องกังวลทั้งสองคนได้ซื้อให้ฉันแน่”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ซูหยินก็ไม่ยืนกรานอีก เธอกับซูโย่วอี๋รู้จักกันดี ถ้าซูโย่วอี๋พูดว่ายังไม่ซื้อ ก็หมายความว่าเธอไม่ต้องการซื้อมันจริง ๆ

ซูหยินหยิบการ์ดสีดำเลื่อมทองออกมาและยกขึ้นราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร “จ่ายเงิน”

ผู้จัดการร้านโค้งคำนับและพูดว่า “ได้ครับ โปรดรอสักครู่นะครับ”

ซูโย่วอี๋ลุกขึ้นและเดินไปรอบ ๆ ร้าน เธอชอบการตกแต่งร้านมาก มันเรียบง่ายและดูสบายตา

ที่มุมห้อง มีชุดกี่เพ้าสีดำวางโชว์อยู่

ชุดกี่เพ้านี้ปกคอต่ำ แขนสั้น ช่วงเอวคอดเข้ารูป ชายกระโปรงผ่าสูงเหนือเข่าสองนิ้ว และเพื่อลดความหดหู่และความทึบของสีดำ จึงปักลวดลายดอกโบตั๋นขนาดใหญ่สีแดงสดดูสวยงาม

ซูโย่วอี๋ตกตะลึงกับความงามของชุดกี่เพ้านี้มาก

และจู่ ๆ ก็มีเสียงถามขึ้นข้างหูว่า “ชอบเหรอ? ซื้อเลยไหม?”

ก่อนที่ซูโย่วอี๋จะปฏิเสธ ผู้จัดการร้านก็เข้ามาและพูดว่า “คุณซู ขอโทษด้วยนะครับ ชุดกี่เพ้านี้… ทางเราไม่ขายครับ”

ซูหยินดูไม่พอใจเล็กน้อย “เพราะอะไรคุณถึงไม่ขาย?”

“เอ่อ… กี่เพ้าทำโดยดีไซเนอร์ชาวต่างชาตินาม K1 ซึ่งเป็นดิไซเนอร์ชั้นนำของ YS ผลงานของ K1 มักจะถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำร้านเสมอ”

“หากต้องการซื้อผลงานของเขา ต้องเป็นระดับสมาชิกสูงกว่าระดับ 8 ครับ”

หลังจากหยุดพูดไปสักครู่ ผู้จัดการร้านก็พูดต่อ “ซึ่งบัตรสมาชิกของคุณซูหยินยังอยู่ที่ระดับ 6 คุณจึงไม่สามารถซื้อได้ครับ”

ในฐานะแบรนด์หรูระดับแนวหน้า YS มีระบบสมาชิกที่เข้มงวด ผู้ที่ต่ำกว่าระดับ 8 สามารถเลื่อนระดับได้ตราบเท่าที่พวกเขาซื้อสินค้าตามเป้า ในการเลื่อนขั้นเป็นระดับ 8 ขึ้นไป คุณต้องมีฐานะและภูมิหลังทางสังคมที่น่าทึ่ง

กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือระดับ 8 เป็นเกณฑ์

เกณฑ์ที่แม้แต่พวกเศรษฐีที่ร่ำรวยยังไม่สามารถข้ามได้ในช่วงชีวิตนี้

การได้สวมใส่ผลงานการออกแบบของอาจารย์ K1 ก็เพียงพอที่จะแสดงให้คนอื่นเห็นว่าคุณเป็นคนที่มีภูมิหลังไม่ธรรมดา

ซูโย่วอี๋จับมือซูหยินและพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงตอนนี้ฉันก็ใส่มันไม่ได้อยู่ดี ไปกันเถอะ”

เฉินซีซีที่นั่งอยู่บนโซฟา ได้ยินการสนทนาของพวกเขาตลอด และคิ้วของเธอก็พันกันยุ่งเหยิง

เธอจำได้ว่าแม่ของเธอมีบัตรสมาชิกระดับ 8 ของร้านนี้นี่นา เธอควรบอกเรื่องนี้ไหม?

ร้านนี้สามารถแจ้งชื่อสมาชิกได้ทันทีตอนที่ซื้อ แต่ถ้าทำอย่างนั้นแม่ของเธอก็จะรู้สิว่าเธอมาที่นี่

เฉินซีซีที่กำลังลังเลอยู่ก็ถูกดึงออกจากร้านไป

ทั้งสามคนเดินไปอย่างไร้จุดหมาย ซื้อการ์ตูนและตุ๊กตามากมาย

เฉินซีซีไม่เคยมีความสุขมากเท่านี้มาก่อน “พี่สาวซู ขอบคุณที่ซื้อของให้ฉันนะคะ ฉันขอประกาศว่านับจากวันนี้ไป พี่สาวซูและพี่สาวของฉันคือคนที่ฉันชอบที่สุด”

ซูหยินมองไปที่กระต่ายขาวตัวน้อยที่กระโดดโลดเต้นพร้อมกับของขวัญก็ถอนหายใจ “ที่รัก ไม่แปลกใจเลยที่เธอชอบเด็กนี่ กระต่ายขาวตัวเล็กตัวนี้น่ารักดีนะ ฉันจะยอมตกลงอย่างไม่เต็มใจให้เธอเข้าร่วมกลุ่มดอกไม้ของเรา”

ซูโย่วอี๋เกี่ยวฝ่ามือของซูหยินด้วยนิ้วก้อยของเธอ “เธอจะเป็นพี่สาวแสนดีที่ไม่มีใครเทียบได้ของฉันเสมอ”

เฉินซีซีหันกลับไปและเห็นพี่สาวสองคนอยู่ใกล้กันจึงพูดขึ้นมาว่า “แอบกระซิบอะไรกันน่ะ!”

เพราะพวกเธอไม่ต้องการทำอาหารในตอนกลางคืน ดังนั้นทั้งสามจึงตัดสินใจไปร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งเป็นร้านที่ซูหยินชอบมาก ร้านนี้เป็นร้านอาหารยอดนิยม ในช่วงสุดสัปดาห์มักจะมีคนจำนวนมากมายืนรอต่อแถวที่หน้าประตูร้าน

เฉินซีซีมองไปยังผู้คนที่ต่อแถวอยู่และพูดว่า “พี่สาว ยังมีอีกยี่สิบสามคิวข้างหน้า เราจะรอไหม?”

ซูหยินเอนตัวพิงราวบันไดอย่างเฉื่อยชา คอเรียวยาวตัดกับผมสีน้ำเงินเข้มยาวพอดีไหล่ และขายาวสมส่วนที่กำลังยืนไขว้กัน “ฉันควรทำอย่างไรดี วันนี้ฉันอยากกินอาหารญี่ปุ่นมากเลย”

แม้ว่าเธอจะแต่งตัวอย่างมิดชิด แต่รูปร่างที่ยั่วยวนของซูหยินกลับสร้างความปั่นป่วนให้ใครหลายคนที่มองมาในทันที

ผู้ชายหลายคนที่เข้าแถวอยู่ต่างส่งสายตาหิวกระหาย แต่ดูเหมือนว่าซูหยินจะไม่สนใจพวกเขาเลย กลับเป็นซูโย่วอี๋ที่อารมณ์เสียแทน เธออยากจะถอดกางเกงให้ซูหยินใส่สักตัว

เธอบังซูหยินด้วยรูปร่างที่อ้วนของเธอ “หยินหยิน ต่อไปเธอห้ามสวมกระโปรงสั้นอย่างนี้ออกมาข้างนอกอีกนะ”

ซูหยินได้ยินอย่างนั้นก็เอามือปิดหน้าและยิ้ม “ที่รัก เธอน่ารักจัง”

เสียงหัวเราะของเธอทำให้คนแถวนั้นชุ่มชื่นหัวใจอย่างไร้เหตุผล

แต่แล้วก็มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา “คนสวย ขอวีแชทเธอหน่อยได้ไหม”

ซูหยินถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย และดวงตาที่สวยงามของเธอก็มองไปที่ชายคนนั้นอย่างเย็นชาแต่ถึงอย่างนั้นก็ดูมีเสน่ห์ไม่น้อย “ไอ้หน้าหม้อ!”

ชายคนนั้นได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสีทันที “ถ้าไม่ให้ก็พูดกันดี ๆ จะดูถูกคนอื่นทำไมกัน”

ซูโย่วอี๋ไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้ “คุณคะ เราไม่ได้พูดอะไรเกินเลย กรุณาถอยออกไปด้วยค่ะ”

ชายคนนั้นจ้องซูโย่วอี๋เป็นเวลานานและพูดอย่างหยาบคาย “ยัยอ้วน ถ้าไม่มีอะไรทำก็อยู่บ้านไปเฉย ๆ สิ อย่าออกมาทำตัวโง่ ๆ อย่างนี้”

ซูโย่วอี๋โกรธมากจนเธออยากจะต่อยเขา แต่ถ้าทำแบบนั้นเธอต้องโดนสวนกลับมาแน่ ๆ

ส่วนซูหยินได้ยินอย่างนั้นก็เลิกคิ้ว ในตอนแรกเธอไม่คิดติดใจเอาความอะไร แต่เธอจะไม่ปล่อยให้ใครมาว่าน้องสาวของเธอเสีย ๆ หาย ๆ แบบนี้เด็ดขาด!

“เดี๋ยวก่อน”

ชายคนนั้นรีบหันกลับมา “ทำไม คนสวย เธอเปลี่ยนใจแล้วเหรอ?”

ซูหยินยิ้มเย้ยหยัน “มาตรงนี้หน่อยสิ”

ชายคนนั้นไม่สงสัยในคำพูดของหญิงสาวสักนิด เดินเข้าไปตามคำสั่งอย่างกับสุนัขที่ฟังคำสั่งของเจ้านาย

เขามีชีวิตอยู่มาก็หลายปี แต่ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สวยเท่านี้มาก่อน!

ถึงจะไม่เห็นหน้าแต่ก็มีแรงดึงดูด

ชายคนนั้นจินตนาการถึงภาพสกปรกในหัว

เมื่อซูหยินเห็นอย่างนั้นก็ชกเข้าไปที่ใบหน้าของเขาอย่างแรง

จนใบหน้าของชายคนนั้นบวมเป่ง

เฉินซีซีไม่ทันได้ทำตอบสนอง เพราะมัวแต่กลัวและตกใจกับภาพตรงหน้า

ชายคนนั้นใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มข้างที่โดนต่อย “บัดซบ นังสารเลวนี่ วันนี้เธอตายแน่!”

เขาทำท่าจะยื่นมือออกไปถอดหน้ากากของซูหยิน

ซูโย่วอี๋เห็นอย่างนั้นก็ตกใจมาก “อย่านะ!”

มือของชายคนนั้นชะงักห่างจากใบหน้าของซูหยินไม่กี่เซนติเมตร และไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

ต่างจากซูโย่วอี๋และเฉินซีซี ซูหยินดูนิ่งสงบมาก เธอไม่แม้แต่จะขยับคิ้ว ราวกับไม่กลัวว่าชายตรงหน้าจะทำอะไรเธอ

“อวี๋เป่า ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่”

ชายคนนั้นมองไปที่กู่อวี๋เฉิงซึ่งกำลังจับแขนเขาอยู่อย่างโกรธแค้นและตะโกนว่า “ปล่อยฉันนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะสอนบทเรียนให้แกด้วย”

ดวงตาคมของกู่อวี๋เฉิงมองไปที่ชายตรงหน้าอย่างเย็นชา “งั้นเหรอ?”

กู่อวี๋เฉิงทุ่มชายคนนั้นลงกับพื้นทันที “ตราบใดที่ฉันอยู่ที่นี่ แกไม่มีวันแตะต้องพวกเธอได้ ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองดูสิ”

ทันทีที่กู่อวี๋เฉิงกระดิกนิ้ว บอดี้การ์ดตัวสูงสองคนก็เข้ามาขนาบข้างทันที

สถานการณ์รุนแรงกว่าที่คิดไว้ ชายคนนั้นสบถไม่กี่คำก็วิ่งหนีไปโดยไม่สนใจที่จะต่อแถวร้านอาหารอีก

เฉินซีซีมองไปที่กู่อวี๋เฉิงอย่างชื่นชม “ว้าว คุณลุงเก่งจังเลย”

“พรูด”

ซูหยินไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้เมื่อได้ยินสรรพนามที่เธอเรียกกู่อวี๋เฉิง “ขอโทษด้วย ฉันกลั้นไม่ได้จริง ๆ”

เธอมองไปที่กระต่ายขาวตัวน้อยแล้วพูดว่า “คุณกู่ยังหนุ่มยังแน่น เธอควรจะเรียกเขาว่าพี่นะ”