ทันทีที่การประกาศของโลกปรากฏขึ้นช่องโลกก็เงียบลงทันที

สามวินาทีต่อมาช่องแชทโลกก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

“เชี่ยเอ้ย ข้าดูจะเคยได้ยินเขาพูดมาก่อนว่าจะขอให้เตียวเหยียงจัดการกับคนที่เพิ่มเพื่อนเขาแล้วเขาไม่ได้เงิน?”

“มารดาเถอะ ข้าละขำจริงๆ ข้าคิดว่าเจ้านั้นยอดเยี่ยมและแข็งแกร่งมาก ที่สามารถสั่งขันทีเตียวเหยียงได้กลับกลายเป็นว่านี่เป็นเพียงข้ออ้าง“

“คราวนี้ข้ากลายเป็นคนโง่ฮ่า ๆ ๆ ๆ … และมารดาเถอะเจ้านั้นบอกว่าจะให้ขันทีเตียวเหยียงจัดการกลับโดนขันทีเตียวเหยียงฆ่าตาย“

“สมควรแล้วใครใช้ให้เขาโกหก แต่เจ้าปีศาจเย่เฉินมาที่ลกเอี๋ยงได้อย่างไร?”

“ใครจะรู้ว่าจะมีโอกาศพิเศษขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะข้าไม่มีเงิน ข้าจะไปลกเอี๋ยงในทันทีเพื่อทำความเคารพท่านเทพเย่เฉินผู้ยิ่งใหญ่“

“อ่าพวกเจ้ากำลังพูดถึงอะไร ข้าเพิ่งจะออนไลน์เย่เฉินอยู่ในลกเอี๋ยง?”

“เย่เฉินอยู่ในลกเอี๋ยง แต่ยังไม่ชัดเจนว่าอยู่ที่ไหน”

“ฮ่าฮ่าฮ่าข้าจะไปลกเอี๋ยงเดี๋ยวนี้เพื่อพบกับชายที่แข็งแกร่งคนนี้“

“หากใครพบเจอเย่เฉินบอกให้ข้ารู้ทีว่าเขาอยู่ที่ไหน คราวนี้ข้าจะได้ถามเขาแบบตัวต่อตัวว่าทำไมเขาถึงเก็บซ่อนความลับของเกมโดยไม่บอกให้ใครรู้“

“ไอ้โง่ถ้าแกรู้ความลับนั้นแกจะบอกคนอื่นหรือไม่“

“ เจ้าเป็นขี้ข้าของเย่เฉินหรือเปล่า?”

“ข้าแค่พูดในสิ่งที่ข้าคิด นี้เป็นความคิดปกติของคนบนโลกนี้ไม่ใช่หรือไง!”

เมื่อเนื้อหาการพูดคุยในช่องแชทโลกกลายเป็นพูดคุยถึงเย่เฉินกันอย่างวุ่นวาย

เย้เฉินไม่ได้เปิดช่องแชทโลกดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

อย่างไรก็ตามการประกาศของระบบ ทำให้เย่เฉินที่กำลังกลับไปโรงเตี๊ยมหยุดชะงัก เขาตะลึงไปชั่วขณะ

จ้าวหลีเทียน?

เย่เฉินขบคิด เขาไม่เคยได้ยินชื่อคนคนนี้ในชีวิตก่อนหน้า

เขาจะถูกเตียวเหยียงฆ่าและถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานเป็นกบฏได้อย่างไร?

เย่เฉินคิดยังไงก็ไม่สามารถหาสาเหตุได้ เขาจึงเลิกสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้และหันไปฝึกฝนทักษะ 9 โคจรศักดิ์สิทธิต่อไป

สิ่งที่เย่เฉินไม่รู้ก็คือจ้าวหลีเทียนเป็นตัวละครที่น่าเศร้าและโชคร้ายอย่างมาก

จ้าวหลีเทียนในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาไม่มีความมั่งคั่งและล้มเหลวในการได้รับทักษะระดับราชา

จากนั้นจ้าวหลีเทียนในที่สุดก็ถูกทำลายโดยผู้มาทีหลังกลายเป็นเพียงฝุ่นควันในประวัติศาสตร์

ในชีวิตนี้เนื่องจากความอิจฉาเขาจึงการประกาศขายข้อมูลของเย่เฉิน

อย่างไรก็ตามสิ่งที่จ้าวหลีเทียนไม่รู้คือโลกนี้มีคุณลักษณะที่มองไม่เห็นและไม่สามารถจับต้องได้อยู่นั้นคือ

โชค!

เย่เฉินเกิดใหม่และโชคของเขาก็ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก คำสั่งสร้างหมู่บ้านระดับพระเจ้าที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกเขายังได้รับมันมาและถูกเย่เฉินใช้สร้างเมืองหลุนฮุย

อาณาจักรหลุนฮุยสามารถดึงดูดโชคจากสวรรค์และโลกได้อย่างอิสระ และโชคนี้ก็เป็นของเย่เฉิน!

ดังนั้น โศกนาฏกรรมของจ้าวหลีเทียนจึงเกิดขึ้นเนื่องจากความเห็นแก่ตัวของเขา หาไม่ใช่เพราะความโลภนั้น เขาอาจจะพัตนาไปได้อีกอย่างน้อยหนึ่งปี

เป็นธรรมดาที่เย่เฉินจะไม่รู้เรื่องนี้ แต่มันก็ไม่สำคัญว่าเขาจะรู้หรือไม่ มันไม่สมควรที่สมองของเย่เฉินจะต้องคิดเรื่องขยะเหล่านี้

วันรุ่งขึ้นก่อนรุ่งสางเย่เฉินออกจากโรงเตี๊ยมอย่างเงียบ ๆ และออกมานอกเมืองจักรพรรดิเพื่อรอบางอย่าง

พระราชวังที่ประทับของจักรวรรดิฮั่นถูกสร้างขึ้นในช่วงต้นราชวงศ์

พระเจ้าฮั่นเลนเต้สวมชุดคลุมของจักรพรรดินั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทางที่ไร้ซึ่งอารมณ์

เมื่อคืนเขาหักโหมเกินไป และเขาเรียกนางสนมห้าคนมาปรนนิบัติติดต่อกัน ในตอนนี้เขามาประชุมเพียงเพราะต้องการแสดงอำนาจและโอ้ศาลอวดความฉลาดต่อข้าราชการ

มิฉะนั้นเขาจะไม่มาพบข้าราชสำนักเหล่านี้เลย

พระเจ้าฮั่นเลนเต้โบกมือให้ขันทีเตียวเหยียงอย่างเบื่อหน่าย

เตียวเหยียงพยักหน้าด้วยใบหน้าที่ประจบประแจง จากนั้นก้าวไปข้างหน้า ยกหน้าอกขึ้นและเงยหน้าขึ้นมองไปที่ เหล่าขุนนางแล้วกล่าวว่า:

“ หากเจ้ารู้ความผิดที่ก่อเจ้าจงสารภาพออกมา!”

“ท่าน ท่านกำลังกล่าวอะไร” แม่ทัพโฮจิ๋นยืนขึ้นด้วยความโกรธ โค้งคำนับและกล่าว

“พูด.” พระเจ้าฮั่นเลนเต้มองไปที่ โฮจิ๋นแต่ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงแล้วกล่าว

โฮจิ๋นโค้งคำนับแล้วรีบกล่าวอย่างร้อนรน:

“ฝ่าบาท! เย่เฉินเจ้าเมืองหลุนฮุยฆ่าทหารม้าห้าพันนายนอกเมืองลกเอี๋ยงเมื่อวานนี้ คนคนนี้ก่อความวุ่นวายและไม่สนใจกฎหมายบ้านเมืองใด ๆ ท่านอุปราชโปรดออกคำสั่งให้จับกุมโจรผู้ชั่วร้ายคนนี้และนำมันมาลงโทษเพื่อไม่ให้ผู้คนเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”

เมื่อพระเจ้าฮั่นเลนเต้ได้ยินเช่นนี้เขาก็ถึงกับผงะและโกรธมาก: “สำหรับข้าราชบริพารและโจรที่มีปัญหาเช่นนี้ทำไมไม่มีใครรายงานเรื่องนี้กับข้าและประหารทันที … “

เมื่อพระเจ้าฮั่นเลนเต้กล่าวเช่นนี้เขาก็ผงะจากนั้นมองไปที่ขันทีเตียวเหยียงอย่างสงสัยและพูดว่า:

“เย่เฉิน ทำไมข้าถึงเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้?”

“ฝ่าบาทเย่เฉินเป็นนายอำเภอขั้นหนึ่งของอาณาจักรฮั่นที่สังหารโจรมากกว่าหนึ่งแสนคนและสังหารทหารม้าของเผ่าอูหวน 15,000 นาย มีข่าวลือไปทั่วเมืองลกเอี๋ยง เขามาที่นี้เพื่อถวายสมบัติให้กับองค์จักรพรรดิ” ขันทีเตียวเหยียงกล่าวออกมาอย่างเรียบเฉย

“หือใช่เขาหรือเปล่าข้าจำได้ว่าเขาต้องการเสนอสมบัติให้ข้าและมายังลกเอี๋ยง แต่ทำไมเขาถึงฆ่าทหารม้าเหล่านั้นถึงห้าพันคน?” พระเจ้าฮั่นเลนเต้ได้ยินสิ่งนี้ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นจากนั้นเขาก็ถามด้วยความสับสน

เขามาที่ลั่วหยางเพื่อเสนอสมบัติและสังหารทหารม้าชาวฮั่นที่เก่งกาจห้าพันคน สิ่งที่เห็นได้ชัดนั้นไม่ถูกต้องแต่ก็ทำให้เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

“ ฝ่าบาท ผู้ตำ่ต้อยมีบางอย่างจะกล่าวรายงานไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือไม่” เตียวเหยียงโค้งคำนับแล้วพูด

หลังจากนั้น เตียวเหยียงก็มองไปยังโฮจิ๋นอย่างระมัดระวังและเสแสร้งเป็นหวาดกลัว

“พูด! กับข้า ใครจะกล้าหลอกลวงข้า!” พระเจ้าฮั่นเลนเต้โกรธมากเมื่อเห็นท่าทางของขันทีเตียวเหยียงที่กำลังหวาดกลัว จากนั้นเขาก็ตะโกน

โฮจิ๋นซึ่งอยู่เหนือห้องโถงที่วุ่นวายนี้ ใบหน้าของเขาก็ซีดลงทันทีเขามองไปยังขันทีเตียวเหยียงอย่างโหดเหี้ยมราวกับว่าเขากำลังจะกลืนกินเตียวเหยียงไป

เตียวเหยียงเหลือบมองโฮจิ๋นอย่างแผ่วเบาจากนั้นโค้งคำนับพระเจ้าฮั่นเลนเต้ด้วยความเคารพและกล่าวว่า:

“ฝ่าบาท ผู้ต้ำต้อยได้ยินมาว่านายอำเภอเย่เฉินซึ่งทำงานหนักมากเพื่อปกป้องสมบัติมายังลกเอี๋ยง แต่มีบางคนส่งทหารไปเพื่อเเย่งชิงสมบัติ และนายอำเภอเย่เฉินก็จงรักภักดีต่อฝ่าบาทเป็นอย่างมากแม้จะเผชิญกับวิกฤตที่เขาอาจถูกฆ่าได้ทุกเมื่อ แต่เขาก็ลุกขึ้นเพื่อต่อต้านและในที่สุดก็สังหารกองทหารเหล่านั้นและปกป้องสมบัติที่ล้ำค่าเอาไว้ได้“

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของขันทีเตียวเหยียง พระเจ้าฮั่นเลนเต้ก็โกรธเป็นอย่างมากและตบเขาลงบนเก้าอี้

“ปัง“

“โฮจิ๋น! บอกข้าทีว่าทำไมเจ้าถึงต้องการปล้นสมบัติของข้า!” พระเจ้าฮั่นเลนเต้ตะโกนใส่แม่ทัพโฮจิ๋นด้วยความโกรธเกรี้ยว

“ฝ่าบาท… โปรดระงับโทสะลงก่อน! ข้าไม่ได้ส่งใครไปแย่งชิงสมบัติของท่าน” โฮจิ๋นผงะและรีบโค้งคำนับและกล่าว

แม้ว่าเขาจะต้องการสมบัติแต่เขาก็ไม่กล้า เขาเพียงส่งคนไปฉกชิงม้าของเย่เฉิน แต่เขาพูดได้อย่างไร หากพูดก็เท่ากับตีหน้าตัวเอง

เย่เฉินมาที่ลั่วหยางเพื่อเสนอสมบัติฮ่องเต้ แต่เจ้าส่งคนไปตัดหัวเขาเพื่อชิงม้า และเจ้ายังมาที่ศาลเพื่อตั้งข้อกล่าวหาเท็จ?

แม่ทัพผู้สง่างามยังคงหน้าด้าน

ในขณะนี้ แม่ทัพโฮจิ๋นรู้สึกอึดอัดมากกว่าการกินแมลงวัน แต่เขาไม่สามารถโต้เถียงต่อไปได้ ก่อนหน้านี้เขาเคยกล่าวว่าเย่เฉินได้สังหารทหารม้าไปแล้วห้าพันคน

มันเป็นการพูดเกินจริง แต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้ว เมื่อเตียวเหยียงกล่าวออกไปแล้ว ไม่ว่าโหจิ๋นจะอธิบายอย่างไรมันก็ไร้ประโยชน์

“ บังอาจนัก! ถ้าไม่ใช่เห็นแก่หน้าอาเฟย ข้าจะสั่งกุดหัวเจ้าเดี๋ยวนี้!” พระเจ้าฮั่นเลนเต้คำรามด้วยความโกรธ

เหงื่อเย็น ๆ ปรากฏบนใบหน้าของโฮจิ๋น ผ่านไปชั่วครู่เขาก็รีบโค้งและอธิบายว่า:

“ฝ่าบาท ข้ามีความผิด ข้ามีข้อแก้ตัวเพียงอย่างเดียวจนถึงตอนนี้ ข้าถูกผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าทำให้ตาบอด ข้าไม่รู้จักเย่เฉินมาก่อนนับประสาที่จะรู้ว่าเย่เฉินนำสมบัติมามอบให้ฝ่าบาท

ข้าไม่รู้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าคนใดที่มีความคิดออกไปต่อสู้กับเย่เฉิน แต่ฝ่าบาทท่านอุปราชพวกท่านเข้าเข้าใจผิดแล้ว พวกเขาต้องการออกไปหาม้าที่เย่เฉินนำมาเท่านั้น ท้ายที่สุดพวกเขาล้วนเป็นเหล่าทหารที่ซื่อสัตย์ พวกเขาคิดทำเพื่อฝ่าบาทจึงออกไปรับม้าศึกของเย่เฉินมา เพื่อที่จะนำไปใช้สังหารศัตรูในสนามรบถวายแตฝ่าบาท“

“ฝ่าบาทได้โปรดคิดทบทวนด้วย” แม่ทัพคนหนึ่งก้าวออกไปและกล่าวด้วยพร้อมโค้งคำนับ

“ฝ่าบาทได้โปรดคิดทบทวนอีกครั้งท่านแม่ทัพไม่ทราบเรื่องนี้และทหารม้าห้าพันคนก็ไปออกไปหาม้าด้วยโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาปกป้องฝ่าบาท ไม่ใช่เพื่อแย่งชิงสมบัติที่จะมอบให้กับฝ่าบาทเลย” อ้องอุ้นก้าวออกไปโค้งคำนับ กล่าว