ตอนที่ 83 ผู้มาเยือนที่มีเจตนาร้าย (1)
ในห้องโถงของตำหนักหลินยวน จวินอู๋เสียกำลังจับชีพจรให้กับมั่วเฉี่ยนยวน การรักษาตัวในช่วงนี้ได้ค่อยๆ ล้างสารพิษออกจากร่างกายของมั่วเฉี่ยนยวน จนกระดูกของเขาค่อยๆ ดีขึ้น เริ่มฟื้นตัวกลับมาตามลำดับ
ทันใดนั้นเมื่อได้ยินเสียงประกาศการมาเยือนขององค์ชายรอง ใบหน้าของมั่วเฉี่ยนยวนก็ปรากฏร่องรอยของความไม่พอใจ
“มาเวลานี้ ไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน” มั่วเฉี่ยนยวนกล่าวอย่างเย็นชา
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมั่วเซวี่ยนเฝ่ยนั้นไม่ดีมาโดยตลอด เสด็จแม่ของเขาคือฮองเฮา แต่เสด็จแม่ของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยคือเว่ยกุ้ยเฟย หลังจากฮองเฮาสิ้นพระชนม์ เว่ยกุ้ยเฟยก็กลายมาเป็นผู้ปกครองวังหลังทันทีและฮ่องเต้ก็รักนางมาก เมื่อคนจากไปความรู้สึกก็หายไปด้วย เรื่องนี้มั่วเฉี่ยนยวนเลิกหวังกับมันมานานแล้ว
จวินอู๋เสียดึงมือที่จับชีพจรของเขากลับมา “ร่างกายของเจ้าดีขึ้น กลัวว่าใครบางคนจะไม่สามารถทนนิ่งเฉยได้อีก”
มั่วเฉี่ยนยวนไม่ได้ตั้งใจปกปิดเรื่องที่ร่างกายของเขาดีขึ้น นี่เป็นเรื่องที่จวินอู๋เสียกำชับเป็นพิเศษ
หากต้องการแย่งชิงบัลลังก์ จะพึ่งพาแค่องค์รัชทายาทที่ไร้ความสามารถและจวนหลินอ๋องอย่างเดียวไม่ได้ มั่วเฉี่ยนยวนต้องสร้างชื่อเสียงของเขาขึ้นใหม่ในหมู่ข้าราชบริพารและประชาชน เพื่อที่จะขึ้นครองบัลลังก์ได้สำเร็จหลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดจบสิ้นลง
จวินอู๋เสียเข้าใจสิ่งนี้ และมั่วเฉี่ยนยวนก็เข้าใจสิ่งนี้เช่นเดียวกัน
“ข้าก็อยากจะรู้นักว่าเขาจะทำอะไรองค์รัชทายาทอย่างข้าได้” ดวงตาของมั่วเฉี่ยนยวนฉายแววเย็นชา แม้ว่าตำแหน่งองค์รัชทายาทของเขาจะสั่นคลอน แต่ฮ่องเต้ก็ไม่เคยทำอะไรที่รุนแรงเพื่อรักษาชื่อเสียงของตัวเองไว้ แม้แต่มั่วเซวี่ยนเฝ่ยก็ไม่เคยโต้กลับเขาต่อหน้าทุกคนเพื่อรักษาชื่อเสียงของตัวเอง
ไม่นาน มั่วเซวี่ยนเฝ่ยกับไป๋อวิ๋นเซียนก็มาถึง
ในแง่ของรูปลักษณ์และความสง่างาม สมควรแล้วที่มั่วเซวี่ยนเฝ่ยจะได้ชื่อว่าเป็นองค์ชายที่มีชื่อเสียงที่สุดในรัฐชี และไป๋อวิ๋นเซียนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาซึ่งสวมชุดสีขาวเหมือนนางเซียนสวรรค์ในวันนี้ ทำให้ใบหน้าที่งดงามของนางยิ่งดูงดงามมากขึ้น ความเย่อหยิ่งและถือตัวก็ถูกแสดงออกมาเช่นกัน
“เสด็จพี่ไม่ได้พบท่านมาหลายวัน ร่างกายของเสด็จพี่ดีขึ้นมาก” มั่วเซวี่ยนเฝ่ยเดินเข้ามาด้วยท่าทางที่สง่าผ่าเผย เขาหยุดชะงักไปชั่วครู่เมื่อเห็นจวินอู๋เสียจากหางตาของเขา
หน้าตาของจวินอู๋เสียนั้นงดงามไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว เหตุผลที่ผู้คนไม่ชอบนางนั้นเป็นเพราะนิสัยของนาง ในอดีตดวงตาของจวินอู๋เสียจะเต็มไปด้วยความชื่นชมและความกระตือรือร้นเมื่อมองมาที่เขา แต่ตอนนี้ ดวงตาของจวินอู๋เสียไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยความเย็นชา แต่นางไม่แม้แต่จะหยุดมองเขาเลย
การเปลี่ยนแปลงของอุปนิสัย ทำให้รู้สึกว่าจวินอู๋เสียเปลี่ยนไปเป็นอีกคน ใบหน้าที่สวยงามของนางเมื่ออยู่ภายใต้อุปนิสัยที่เย็นชาก็เหมือนดั่งดอกบัวที่เติบโตบนยอดภูเขาหิมะ งดงาม บริสุทธิ์ และเอื้อมไม่ถึง
จวินอู๋เสียแต่งกายด้วยชุดสีขาวเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างสบายๆ ดวงตาที่ใสเหมือนดั่งน้ำใสในฤดูใบไม้ร่วงค่อยๆ ก้มศีรษะลงมองหนังสือในมือของนาง ไม่มีวี่แววว่าจะเงยหน้าขึ้น
อาภรณ์สีขาวแบบเดียวกัน สตรีสองนางที่เย็นชาเหมือนกัน ความงามที่น่าทึ่งเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด มั่วเซวี่ยนเฝ่ยกลับรู้สึกว่าหลังจากเห็นจวินอู๋เสียแล้ว ไป๋อวิ๋นเซียนที่อยู่ข้างๆ เขากลับดูไม่สวยงามบริสุทธิ์เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ความเย็นชาของจวินอู๋เสียนั้นเป็นดูเป็นธรรมชาติมาก นางนั่งอยู่ที่นั่นคนเดียว ไม่มีผู้ใดอยู่ในสายตาของนาง ราวกับว่าทุกสิ่งในโลกมนุษย์นี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง นางเป็นอิสระจากโลกและมองทุกสิ่งด้วยสายตาที่เย็นชา แต่ในทางตรงกันข้ามไป๋อวิ๋นเซียนกลับทำให้ผู้คนรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ คางที่ยกขึ้นเล็กน้อยและดวงตาที่เย่อหยิ่งของนาง แสดงให้เห็นถึงท่าทางที่สูงส่ง แต่ท่าทางโดยเจตนานี้เมื่ออยู่ต่อหน้าจวินอู๋เสียที่เป็นธรรมชาติแล้วกลับทำให้รู้สึกเหมือนหัวมังกุท้ายมังกรเล็กน้อย
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยรู้สึกว่าตัวเองต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่รู้สึกว่าจวินอู๋เสียดูงดงามมากกว่าไป๋อวิ๋นเซียน
เป็นไปไม่ได้ ต้องเป็นภาพลวงตาแน่นอน!
……………
ตอนที่ 84 ผู้มาเยือนที่มีเจตนาร้าย (2)
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยไม่ยอมรับว่าความคิดแบบนี้ได้เกิดขึ้นในใจของเขาจริงๆ
“ทำให้น้องรองต้องเป็นกังวลแล้ว” มั่วเฉี่ยนยวนกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ “ไม่รู้ว่าน้องรองมาวันนี้ มีธุระอันใดหรือไม่”
“ข้ามาดูเสด็จพี่ เพราะช่วงนี้ข้าได้ยินมาว่าร่างกายของเสด็จพี่ดีขึ้นมาก น้องดีใจเป็นอย่างยิ่ง นี่คือเม็ดยาน้ำค้างหยกที่อวิ๋นเซียนได้ปรุงขึ้นมา มันสามารถใช้บำรุงร่างกายได้ ข้าหวังว่าเสด็จพี่จะรับมันไว้” มั่วเซวี่ยนเฝ่ยกล่าวด้วยคำพูดที่ดูดี เสร็จแล้วเขาก็หย่อนกายนั่งลงข้างๆ ไป๋อวิ๋นเซียนแล้ววางยาขวดหนึ่งลงบนโต๊ะ
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยพูดด้วยคำพูดที่ดูดี แต่มันสายเกินไปหรือไม่สำหรับความห่วงใยนี้
จวินอู๋เสียก้มศีรษะลง นางไม่อยากเสียเวลากับคนแบบนี้
หากเป็นเมื่อก่อน มั่วเฉี่ยนยวนอาจยังคงรู้สึกตื่นเต้นกับยาของไป๋อวิ๋นเซียน แต่ในช่วงเวลานี้ ร่างกายของเขาได้รับการดูแลจากจวินอู๋เสีย และเห็นได้ชัดว่ามันดีขึ้น ฉะนั้นตอนนี้อย่าว่าแต่ยาของไป๋อวิ๋นเซียนเลย ยาที่อาจารย์ของนางปรุงด้วยตัวเองก็คิดว่าไม่สามารถทำให้มั่วเฉี่ยนยวนยิ้มออกมาได้
ในใจของมั่วเฉี่ยนยวน จวินอู๋เสียเป็นหมออัจฉริยะอันดับหนึ่งในใจของเขา
“ขอบใจเจ้ามาก” มั่วเฉี่ยนยวนกล่าวตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ก็ไม่ได้หยิบขวดยานั้นขึ้นมา ปล่อยให้มันถูกวางอยู่อย่างนั้นอย่างไม่ใส่ใจ
สีหน้าของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยค่อนข้างไม่พอใจ เขาเหลือบมองไปที่ไป๋อวิ๋นเซียน ตามที่คาดไว้ ความนิ่งเฉยของมั่วเฉี่ยนยวนทำให้ไป๋อวิ๋นเซียนไม่พอใจเล็กน้อย
“องค์รัชทายาทดูถูกเม็ดยาน้ำค้างหยกนี้หรือ” ไป๋อวิ๋นเซียนกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางเย็นชา ไม่อ่อนน้อมถ่อมตนเลยสักนิด แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นองค์รัชทายาทก็ตาม
นางเป็นลูกศิษย์ของท่านเจ้าสำนักชิงอวิ๋น ไม่ว่านางจะไปที่ไหน นางก็จะได้รับความเคารพและชื่นชมจากผู้คนอยู่เสมอ และยาที่อยู่ในมือของนางนั้น เป็นสิ่งที่ผู้คนยากที่จะขอได้ แต่เมื่อมาถึงเมืองหลวงรัฐชีแห่งนี้ นางกลับถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า เริ่มจากจวินอู๋เสียที่ปฏิเสธการรักษาจากนาง จากนั้นก็ถูกชายชราผู้นั้นในเมืองผีปฏิเสธดูถูกแม้กระทั่งเม็ดยาของอาจารย์นาง จากการถูกปฏิเสธติดต่อกันสองครั้ง ทำให้ศักดิ์ศรีความเย่อหยิ่งของไป๋อวิ๋นเซียนคล้ายถูกหยั่งเชิง นางจึงไม่พอใจอย่างมาก และตอนนี้องค์รัชทายาทยังนิ่งเฉยราวกับว่าดูถูกเม็ดยาน้ำค้างหยกของนางอีก
นี่คือสิ่งที่ไป๋อวิ๋นเซียนไม่สามารถทนได้ นางมีพรสวรรค์ในด้านการรักษาที่สูงมาก ไม่เช่นนั้นนางก็คงไม่ถูกท่านเจ้าสำนักเลือกให้เป็นลูกศิษย์ ไม่ว่านางจะอยู่ที่สำนักชิงอวิ๋นหรือที่ใด ไม่มีผู้ใดไม่เชื่อฟังนาง เคารพนางและชื่นชมนาง
ตอนนี้จวินอู๋เสียและมั่วเฉี่ยนยวนได้ปฏิเสธนางทั้งสองคน ซึ่งมันทำให้หัวใจที่เย่อหยิ่งของนางถูกทิ่มแทงถึงสองครั้ง
“คุณหนูไป๋กล่าวเยี่ยงนี้ได้อย่างไร ร่างกายของข้าปกติดี ข้าก็แค่ไม่อยากใช้ยาที่ดีแบบนี้อย่างสิ้นเปลืองเท่านั้น” แม้ว่ามั่วเฉี่ยนยวนจะกล่าวเช่นนี้ แต่ท่าทางของเขาไม่จริงใจเลย
ไป๋อวิ๋นเซียนกัดฟันแน่น นางไม่ได้โง่จนมองความไม่จริงใจของมั่วเฉี่ยนยวนไม่ออก
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของไป๋อวิ๋นเซียนยิ่งอยู่ยิ่งไม่ดี มั่วเซวี่ยนเฝ่ยก็รีบเปลี่ยนเรื่องกล่าว “ช่วงนี้เสด็จพี่อารมณ์ดี แต่น้องก็ต้องเตือนเสด็จพี่จากใจจริงว่า ไม่ใช่เรื่องดีนักที่จะสนิทสนมกับคนบางคนมากเกินไป ไม่ว่าการแต่งหน้าจะสมบูรณ์แบบมากเพียงใด ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง เสด็จพี่อย่าได้ถูกใครบางคนหลอกเอาได้” มั่วเซวี่ยนเฝ่ยกล่าว แต่สายตากลับมองไปที่จวินอู๋เสีย
ตั้งแต่เขาเดินเข้ามาในห้องโถงจนถึงตอนนี้ จวินอู๋เสียไม่เคยมองเขาเลย ซึ่งมันทำให้มั่วเซวี่ยนเฝ่ยไม่พอใจเล็กน้อย
เขาไม่ต้องการจวินอู๋เสียเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ท่าทางหยิ่งผยองของจวินอู๋เสียก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
คนเรามักจะมีเรื่องที่สับสนอยู่ในใจ ในตอนแรก จวินอู๋เสียตกหลุมรักและมีความรักอย่างลึกซึ้งต่อมั่วเซวี่ยนเฝ่ย แต่ก็ถูกมั่วเซวี่ยนเฝ่ยทอดทิ้ง ยิ่งไปกว่านั้นคือถูกรังเกียจเป็นอย่างมาก
…………………