บทที่ 52 ทำงานแทนชั่วคราว

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“ใช่……ใช่ค่ะ” ดวงตาของพิชญาสั่นเทาเล็กน้อย ตอบกลับเสียงเบา

นัทธีเงยหน้าขึ้นมองเธอ “ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยบอกผมหน่อย ทำไมงานออกแบบขยะพวกนั้นถึงผ่านได้?”

เผชิญหน้ากับคำถามของชายหนุ่ม พิชญาก้มหน้าลง อ้ำอ้ำอึ้งอึ้งตอบไม่ได้

วารุณีหัวเราะเบาๆ “นั่นเพราะว่า นักออกแบบพวกนี้สนิทกับผู้จัดการพิชญา ดังนั้นตอนที่ตรวจงาน ก็เลยมีการปล่อยปละละเลยไปบ้าง ฉันพูดถูกใช่ไหมคะผู้จัดการพิชญา?”

พิชญามองไปที่เธอด้วยความโกรธแค้น ถึงขั้นคิดอยากจะกินเธอเข้าไป

นัทธีเห็นทุกอย่าง รู้ดีว่าสิ่งที่วารุณีพูดเป็นความจริง ริมฝีปากบางเม้มตรง มองไปที่วารุณีแล้วพูด“นับตั้งแต่ตอนนี้ คุณทำงานแทนตำแหน่งของพิชญา ผลงานการออกแบบของแผนกออกแบบต่อจากนี้ คุณเป็นคนตรวจทั้งหมด”

“คะ?” วารุณีตกตะลึง

เธอแค่อยากจะตัดกำลังของพิชญาเท่านั้น

คิดไม่ถึง จับพลัดจับผลู ได้ตำแหน่งของพิชญามาครอบครอง

เมื่อเทียบกับความตกตะลึงของวารุณี พิชญากระวนกระวายอย่างมาก เบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตัวเอง “นัทธี คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ!”

ให้วารุณีมาทำงานในตำแหน่งของเธอ

สิ่งนี้มันแตกต่างอะไรกับการตบหน้าเธอ?

แววตาคมกริบของนัทธีจับจ้องไปยังใบหน้าของพิชญา พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ทำไมถึงทำไม่ได้? ผมให้คุณเป็นผู้จัดการของแผนกออกแบบ แต่คุณกลับทำให้แผนกออกแบบเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เลวร้าย คุณบอกผมมาสิ ว่าผมต้องทำยังไงถึงจะวางใจให้คุณดูแลแผนกออกแบบต่อ?”

“ฉัน……” พิชญาพูดไม่ออก

นัทธีจับระหว่างคิ้ว พูดไล่ “พอได้แล้ว เรื่องนี้ตกลงตามนี้แหละ ออกไปให้หมด!”

“ค่ะ!” วารุณีขานตอบ แล้วเดินออกไป

ถึงแม้พิชญาจะไม่พอใจ แต่เธอก็ไม่กล้าทำให้นัทธีโมโห กระทืบเท้า แล้วเดินตามวารุณีออกไปด้วยความไม่พอใจ

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

ทางเดิน วารุณีหยุดเดิน “ผู้จัดการพิชญามีธุระอะไรเหรอคะ?”

พิชญาเดินมาตรงหน้าเธอ กัดฟันแน่นและถลึงตามองเธอ “ไล่คนของฉันออก แย่งตำแหน่งของฉัน เธอคงได้ใจมากใช่ไหม?”

วารุณียักไหล่ “ไม่ถึงกับได้ใจหรอกค่ะ แต่ก็รู้สึกดีใจนะคะ พูดมาแล้ว ผู้จัดการพิชญาเป็นคนให้โอกาสฉันแท้ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณสั่งให้คนเผยแพร่ข่าวลือระหว่างฉันกับผู้อำนวยการนิรุตติ์ พวกเขาก็คงไม่ถูกไล่ออก ตำแหน่งของคุณก็ไม่มีวันตกมาอยู่ในมือของฉัน”

พิชญาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร วารุณีกำลังเย้ยหยันเธอที่ไม่บรรลุเป้าหมายแล้วยังเสียผลประโยชน์อีก พิชญาโมโหจนตัวสั่นทันที “นางผู้หญิงสารเลว……”

“ชู่!” วารุณียกนิ้วมือขึ้น บอกให้เงียบ “ผู้จัดการพิชญา ที่นี่เป็นหน้าห้องทำงานของท่านประธาน คุณเสียงดังแบบนี้ อยากจะให้ประธานนัทธีออกมาเหรอคะ ให้ประธานนัทธีเห็นความหยาบคายของคุณเหรอคะ?”

เมื่อได้ฟัง พิชญาหยุดชะงัก นิ่งสงบลงทันที ทั้งยังกดเสียงให้ต่ำลงมาก “วารุณี เธอคอยดูเถอะ เรื่องนี้ ฉันไม่ยอมจบแน่!”

“ค่ะ ฉันจะรอนะคะ!” วารุณีตอบกลับ จากนั้นก็เดินผ่านพิชญาไปที่ลิฟต์

กลับไปถึงแผนกออกแบบ นักออกแบบพวกนั้นไม่อยู่แล้ว โต๊ะทำงานของพวกเขาก็ว่างเอาไว้ สายตาของคนที่เหลือตอนมองดุวารุณี เปลี่ยนไปอย่างมาก ในความนับถือปะปนไปด้วยความหวาดกลัว

ไม่กลัวไม่ได้จริงๆ !

เพราะนี่เป็นการล้มนักออกแบบหลายคน ด้วยความสามารถของตนเอง ทั้งยังแย่งตำแหน่งของผู้จัดการพิชญามาด้วย

สัมผัสได้ถึงความห่างเหินของคนรอบตัว วารุณีก็ไม่ได้สนใจ เธอคิดเอาไว้แต่แรกแล้ว หลังจากยิ้มบางๆ หยิบดินสอขึ้นมาแล้วเริ่มทำงาน

ตอนเย็น วารุณีได้รับโทรศัพท์ มาถึงร้านคาเฟ่ที่อยู่ใกล้กับบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป

ทันทีที่เข้าไป ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง โบกมือให้เธอ “คุณวารุณีครับ ทางนี้ครับ!”

วารุณีเดินไป ลากเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับชายหนุ่มแล้วนั่งลง “สวัสดีค่ะคุณณัท เรื่องที่ให้คุณสืบเมื่อคราวก่อน ได้คำตอบรึยังคะ?”

“แน่นอนครับ ไม่อย่างนั้นผมไม่โทรหาคุณหรอกครับ” ขณะพูด คุณณัทเปิดกระเป๋าเอกสารที่อยู่ข้างตัว หยิบแฟ้มและรูปถ่ายออกมาหนึ่งรูป รูปถ่ายนั้นคือรูปที่วารุณีถูกแอบถ่ายที่โรงพยาบาลเมื่อคราวก่อน”

“คุณวารุณีคิดเอาไว้ไม่ผิดเลยครับ สามคนนี้มีความสัมพันธ์กันอย่างที่คุณคิด ผู้ชายคนนี้ชื่อปวิช เด็กที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาชื่อถวิต ปีนี้อายุห้าขวบแล้ว นี่คือผลตรวจดีเอ็นเอของพวกเขาสามคน คนในสำนักงานของเราลงทุนลงแรงอย่างมากกว่าจะได้เส้นผม เป็นของจริงแน่นอนครับ!”

คุณณัทเอาซองเอกสารยื่นมาตรงหน้าวารุณี

วารุณีรีบเปิดออกแล้วหยิบผลตรวจดีเอ็นเอออกมาดู หลังจากดูเสร็จ เธอหัวเราะ เสียงหัวเราะของเธอเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

เมื่อยี่สิบหกปีก่อน สุภัทรคบชู้กับขยานี ทำให้พิชญาอายุเยอะกว่าเธอครึ่งปี เมื่อเจ็ดปีก่อน สุภัทรทำเพื่อขยานีกับลูก ไล่แม่และเธอกับน้องออกจากตระกูลศรีสุขคํา

ตอนนี้ขยานีนอกใจไปมีคนอื่น สวมเขาให้สุภัทร กรรมตามสนองจริงๆ รอให้แม่กลับมาจากต่างประเทศ เล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟัง แม่ต้องดีใจมากแน่ๆ ?

คิดถึงตรงนี้ วารุณีเก็บผลตรวจดีเอ็นเอเข้าไปในซองเอกสาร “คุณณัท ขอบคุณคุณมากนะคะ!”

“คุณวารุณีไม่ต้องเกรงใจครับ” ณัทยิ้มแล้วตอบกลับ

วารุณีหยิบโทรศัพท์ออกมา โอนเงินส่วนที่เหลือให้เขา จากนั้นเดินออกไปจากคาเฟ่ เตรียมที่จะไปรับลูกที่โรงเรียนอนุบาล

สองชั่วโมงต่อมา วารุณีพาลูกทั้งสองคนกลับคอนโด เพิ่งเดินออกมาจากลิฟต์ เห็นมารุตเดินออกไปจากคอนโดของนัทธี

“ผู้ช่วยมารุต คุณ……” วารุณีชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางของเขา

มารุตเองก็คิดไม่ถึงว่าจะเจอเธอที่นี่ ขยับแว่นตาแล้วตอบ“ผมมาจัดกระเป๋าให้ท่านประธานครับ”

ขณะพูด สายตาของเขาอดไม่ได้ที่จะมองอารัณ

เด็กคนนี้ หน้าตาเหมือนท่านประธานมาก

เป็นลูกชายของนิรุตติ์ได้ยังไง

“จัดกระเป๋าเดินทาง?” อารัณเงยหน้าขึ้นแล้วถาม “คุณอาครับ คุณอานัทธีไม่พักที่นี่แล้วเหรอครับ?”

มารุตพยักหน้า “ใช่ครับ”

ไอริณได้ฟัง ก็ร้อนใจ “หม่ามี๊ หนูชอบคุณอานัทธีมาก หม่ามี๊ช่วยบอกคุณอานัทธีหน่อยได้ไหมคะ บอกให้เขาไม่ต้องย้ายออกไป?”

“ไอริณ อย่าดื้อนะคะ!” วารุณีก้มหน้าลงแล้วดึงชายเสื้อออกจากมือของเด็กน้อย จากนั้นยิ้มให้มารุตด้วยความเกรงใจ “เด็กยังเล็กไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ค่ะ ทำเรื่องตลกต่อหน้าผู้ช่วยมารุต”

“ไม่เป็นไรครับ พวกเด็กๆ น่ารักมากครับ” มารุตผายมือ เพื่อแสดงว่าไม่ถือสา

ถึงแม้เขาจะไม่ชอบนิรุตติ์

แต่ไม่ยอมรับไม่ได้จริงๆ เด็กสองคนนี้น่ารักน่าเอ็นดูมาก

“คุณวารุณีครัรบ ตอนนี้ก็สายมากแล้ว ผมต้องเอากระเป๋าเดินทางไปให้ท่านประธาน ขอตัวก่อนนะครับ” มารุตมองนาฬิกาข้อมือแล้วพูด

“ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะผู้ช่วยมารุต” วารุณีจับมือเด็กทั้งสองให้ยืนชิดด้านข้าง หลีกทางให้มารุต

มารุตกล่าวขอบคุณ เดินผ่านหน้าสามแม่ลูก เข้าไปในลิฟต์

“หม่ามี๊” อารัณมองวารุณี “ทำไมคุณอานัทธีถึงไม่อยู่ที่นี่แล้วครับ?”

“หม่ามี๊ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ” วารุณีส่ายหน้า มองประตูห้องของนัทธีที่ปิดสนิท จู่ๆ เธอก็รู้สึกโหว่งขึ้นมา

ไอริณขยี้ตา กำลังจะร้องไห้ออกมาแล้ว “หม่ามี๊ หลังจากนี้ไอริณจะไม่ได้เจอคุณอานัทธีแล้วใช่ไหมคะ?”

“พูดอะไรเนี่ย?” วารุณีไม่รู้จะยิ้มหรือหัวเราะดีเธอลูบจมูกลูกสาว “จะไม่ได้เจอได้ยังไงคะ? เมื่อก่อนตอนที่คุณอานัทธีไม่ย้ายมา หนูเองก็เคยเจอคุณอานัทธีมาก่อนไม่ใช่เหรอคะ พอได้แล้ว เราเข้าบ้านกันเถอะ อยากกินอะไรคะเดี๋ยวหม่ามี๊ทำให้”

พอพูดถึงเรื่องกิน ไอริณลืมนัทธีทันที มือเล็กๆ ยกขึ้น “หม่ามี๊ หนูจะกินปลาค่ะ”

“พี่อารัณละครับ?” วารุณีเปิดประตู พร้อมกับหันไปถามอารัณ

อารัณจับคางแล้วครุ่นคิด “ไก่ต้มโค้กครับ”

“ได้ครับ หม่ามี๊ทำให้!” วารุณีขยี้ผมของเด็กทั้งสองคน ตอบด้วยความรักใคร่

วันที่สอง วารุณีสวมเสื้อคลุมสีขาวที่เปื้อนไปด้วยหลากหลายสีสันออกมาจากห้องย้อมผ้า เห็นนิรุตติ์ยืนพิงอยู่บนกำแพง เธอชะงักไปครู่หนึ่ง “ผู้อำนวยการนิรุตติ์ คุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ?”