บทที่ 52 คู่ฝึกวรยุทธ[รีไรท์]
ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ไม่สนใจคำพูดของฉู่เหิน เธอยังคงล้อฉู่เหินต่อ จนฉู่เหินต้องหนีเข้าห้องตัวเองไป ซึ่งเขาก็ถือว่าเป็นการพักยก เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากห้องข้าง ๆ ฉู่เหินก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
ช่วงกลางวันผ่านไปอย่างเงียบ ๆ แต่เมื่อถึงเวลาบ่ายฉู่เหินก็ได้รับโทรศัพท์ พี่หวงโทรมาขอบคุณฉู่เหินที่เอาปลาเกล็ดขาวไปให้ ตั้งแต่คนรักของพี่หวงทานเนื้อปลาเข้าไป ร่างกายเธอก็ดีขึ้นมาก ฉู่เหินเรียกคนขับรถหลิวมาเอาเนื้อปลาไปให้พี่หวงอีก ตอนนี้คนรักของพี่หวงเริ่มขยับตัวได้แล้ว แถมยังเต้นได้แล้วอีกด้วย สำหรับพี่หวงแล้ว นี่มันเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก
ฉู่เหินถามพี่หวงในสายว่าเขาพอจะรู้จักพนักงานหรือนักออกแบบของบริษัทก่อสร้างบ้างหรือเปล่า แต่พี่หวงไม่ค่อยสันทัดเรื่องนี้ ฉู่เหินจึงเลิกถาม
ตกกลางคืน ฉู่เหินก็เริ่มฝึกวิทยายุทธนอกบ้าน ขณะที่ฉู่เหินกำลังเตะต่อย พลังของดวงจันทร์ที่เขาซึมซับเข้าร่างกายก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนนี้คนที่ฝึกกับฉู่เหินไม่ใช่เสี่ยวชิงแค่คนเดียว แม้แต่หวงลี่ลี่ ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ และก็แมวนพเวทย์เองก็ด้วยที่ออกมาฝึก หวงลี่ลี่มีฝีมือพอตัว ในที่สุดเธอก็สามารถสื่อสารกับดวงดาวและซึมซับพลังจากดวงดาวเข้าสู่ร่างกายได้ เธอจึงสามารถฝึกได้นานขึ้น หมัดแล้วหมัดเล่า
สิ่งที่ทำให้ฉู่เหินงงมากก็คือหวงลี่ลี่และซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ที่ดูเหมือนจะเกิดมาเพื่อเป็นปฏิปักษ์กัน ทั้งสองต่อสู้กันไม่จบไม่สิ้น แต่สิ่งที่คนรอบข้างคิดว่ามันแปลกก็คือ เรื่องที่ไม่ควรทะเลาะ ทั้งสองสาวก็หาเรื่องมาทะเลาะกันจนได้ พอสู้กันด้วยหมัดเสร็จ ก็ต่อสู้ด้วยปากต่อ
ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ไม่นึกว่าฉู่เหินจะฝึกวิทยายุทธด้วย ถึงเธอจะไม่เข้าใจอำนาจวิเศษในการฝึกของฉู่เหิน แต่เธอก็รู้ว่ามันไม่ง่ายเลย ผู้ฝึกวิทยายุทธจะมีกฎ พวกเขาจะไม่ขโมยวิชาของกันและกัน เธอเองก็จะไม่ถ่ายทอดสิ่งที่เรียนให้คนอื่น และอาจจะด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้วิทยายุทธของตระกูลจอมยุทธ์จึงเริ่มเข้าสู่ยุคเสื่อมโทรม
เมื่อเธอดูฉู่เหินฝึกสักพัก ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ก็รู้สึกเบื่อและกลับไปพักที่ห้อง แต่เธอยังคาใจ พรุ่งนี้เธอจะลองประลองกับฉู่เหินเพื่อดูว่าเขาอยู่ขั้นไหนแล้ว
การฝึกล่วงเลยมาจึงถึงเวลาห้าทุ่มกว่า ทั้งเสี่ยวชิงและหวงลี่ลี่ฝึกต่อไม่ไหวแล้ว พวกเธอต้องหยุดแล้วกลับไปพักที่ห้อง ดูเหมือนจะมีแต่แมวนพเวทย์นั่นแหละที่อยู่ฝึกเป็นเพื่อนฉู่เหินจนรุ่งสาง
“ฉู่เหิน มานี่ซิ เรามาประลองกัน ไหนดูซิว่าเธออยู่ขั้นไหน” เช้าวันรุ่งขึ้นหลังอาบน้ำเสร็จ ฉู่เหินได้ยินซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ตะโกนอยู่ในสวน
“ถ้าอยากประลองกับพี่ฉัน ก็แปลว่าอยากกินเต้าหู้*พี่ชายฉันงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ เห็นไหม คนนี้ต่างหากพี่สะใภ้ฉัน หน้าตาก็สวยกว่า หุ่นก็ดีกว่า เปลี่ยนใจเสียยังแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่านะ อย่าหวังให้มากเลย”
ก่อนฉู่เหินจะได้ตอบอะไร หวงลี่ลี่ก็ดึงแขนเสี่ยวชิงไปที่ประตู แล้วตะโกนต่อว่าซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ น่าแปลกที่ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋กลับไม่โกรธ เธอยืดตัวแล้วมองหวงลี่ลี่ด้วยสายตาหยามเหยียด
“ฉันนะดีกว่าเธอ ดีกว่าเธอในทุก ๆ ด้าน ทำไม โกรธเหรอ? จะโกรธก็ไม่เป็นไร เพราะฉันก็โกรธเธอเหมือนกัน”
ฉู่เหินมองหญิงทั้งสองแล้วรีบออกไปห้ามทัพ “หยุด ๆ เธอสองคนนี่มันอะไรกันนะ ทำไมต้องทะเลาะกันทุกครั้งเลยเนี่ย คุยกันดี ๆ ไม่ได้เหรอ?”
ฉู่เหินมองทั้งสองฝ่ายแล้วรีบพูดปราม แต่เขาก็แอบรู้สึกดีใจอยู่ลึก ๆ โชคดีที่เสี่ยวชิงกับหวงลี่ลี่เข้ากันได้ ไม่อย่างนั้นก็คงได้ตีกันแบบนี้
“ฉู่เหิน มาลองดูสักตั้งสิ” ฉู่เหินมองซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ที่กำลังยืนอยู่ในสวน เธอยืนอยู่สักพักแล้ว แสดงถึงจิตใจที่แน่วแน่
“โอเค ถ้าอยากเจ็บตัวก็มาเลย” ฉู่เหินรู้สึกได้จริง ๆ ว่ากำลังการต่อสู้ของซ่างกวนเสี่ยวฟู๋เกือบเหมือนพี่จาง ซึ่งเป็นกำลังที่เขาเอาชนะได้ง่ายมาก
“เสี่ยวเหินนี่ปากดีจริง ๆ เดี๋ยวจะได้เห็นฝีมือของฉัน ซ่างกวนผู้ไร้เทียมทาน” ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ปราดเปรียวดั่งลมพัด เธอยื่นหมัดตรงไปยังหน้าฉู่เหิน
ฉู่เหินไขว้มือข้างหนึ่งไว้ข้างหลัง อีกข้างก็เอื้อมออกไปป้องกัน มือของซ่างกวนเสี่ยวฟู๋โดนฉู่เหินสองครั้ง หมัดของเธอเร็วปานสายฟ้า แต่นั่นก็ยังถือว่าช้ามากในสายตาฉู่เหิน
10 นาทีต่อมา ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋รู้สึกอ่อนกำลังลง เธอมาลองคิด ๆ แล้ว ดูเหมือนว่าเธอจู่โจมเขามาสักพัก แต่นั่นก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเอาแต่ยืนอยู่เฉย ๆ โดยไม่ขยับสักก้าว แถมเขายังใช้มือข้างเดียวสู้กับเธอ นี่ฉู่เหินอยู่ฝึกถึงขั้นไหนกันนะ มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ
“ฉันปล่อยให้เธอจู่โจมมานานพอแล้ว ตอนนี้ถึงตาฉันบ้าง เธอคอยดูดี ๆ ล่ะ ฉันจะจู่โจมที่หัวก่อน” เมื่อสิ้นเสียง ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ก็เห็นร่างของฉู่เหินหายไป มีแสงวาบขึ้นมาก่อนที่ฉู่เหินก็มาโผล่ตรงหน้าเธออย่างรวดเร็ว
เขาดีดที่หัวเธอ เกิดเป็นเสียงคลื่นสะท้อนในสมองมาที่หน้าผากของซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ จนทำให้เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บ เมื่อเห็นดังนั้นฉู่เหินก็พูดออกมาอีก “ต่อมาจะเป็นที่แขนซ้ายก่อน แล้วค่อยเป็นข้างขวา จากนั้นก็จะเตะก้น”
ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋รีบปกป้องแขนซ้าย แต่ช้าไปแล้ว เงาฉู่เหินผ่านไปในชั่วพริบตา ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บที่แขนซ้าย เธอยังไม่ทันจะได้มอง เธอก็รู้สึกเจ็บที่แขนขวาเหมือนมีเข็มมาทิ่ม
แล้วจู่ ๆ เธอก็รู้สึกถึงแรงที่ก้น ทั้งร่างของเธอลอยขึ้นไปในอากาศหลายเมตร ก่อนจะร่วงลงมาที่พื้น
“โอ้โห ฉู่เหิน นี่เธอยังเป็นคนอยู่ไหมเนี่ย สู้กับผู้หญิง ทำไมถึงไม่ออมมือเลย ฉันเจ็บอ่ะ”
ฉู่เหินมองกำปั้น ก่อนจะยิ้มและหัวเราะออกมา
“ลุกขึ้นมา เมื่อวานฉันเห็นจุดชีพจรสามจุดเธอปิดอยู่ ถ้าเธออยากหายไว ๆ ฉันเกรงว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้ฉันเลยถือโอกาสเปิดจุดทั้งสามจุดให้ จะไม่ขอบคุณฉันหน่อยเหรอ เธอนี่ช่างไม่รู้สำนึกเอาเสียเลย”
เมื่อได้ยินฉู่เหินพูด เธอก็รีบตรวจตามร่างกายทันที ตอนเจอคนร้ายรุมเมื่อวันก่อน เธอใช้วิชามารของตระกูล เมื่อใช้เสร็จ ทั้งสามจุดนี้ก็จะปิดไป
ถ้าไม่มีจอมยุทธมาเปิดจุดให้ ทั้งสามจุดนี้ก็จะไม่เปิดอีก เธอไม่นึกว่าเขาจะสามารถเปิดจุดให้เธอได้ เห็นได้ชัดว่าการเยียวยาของฉู่เหินมีฤทธิ์สูงมาก
เมื่ออาบน้ำเสร็จ ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ก็วิ่งไปหาฉู่เหินอีก “ ฉู่เหิน บอกมานะว่าเธอฝึกวิทยายุทธถึงขั้นไหนแล้ว”
เมื่อได้ยินซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ถาม ฉู่เหินก็ถึงกับอึ้งไป เขาเองก็ไม่รู้แล้วว่าตอนนี้วิทยายุทธของเขาถึงขั้นไหนกันแล้วแน่
*กินเต้าหู้ แปลว่า แต๊ะอั๋ง
Next