ตอนที่ 68 ในเมื่อตกลงแล้วคุณก็คือคนของผมแล้ว

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 68 ในเมื่อตกลงแล้วคุณก็คือคนของผมแล้ว

ตอนที่ 68 ในเมื่อตกลงแล้วคุณก็คือคนของผมแล้ว

แต่สุดท้ายก็ถูกจับได้ก่อนที่เธอจะก้าวหนีลงจากบันได

สือจื่อจิ้นยิ้มอย่างโกรธเคือง

“คุณทำอะไรก็ตรงไปตรงมาไม่ใช่เหรอ? ทําไมตอนนี้ถึงไม่กล้าเผชิญหน้าล่ะ?”

ซูเถาดึงความหน้าหนามาอธิบาย

“เปล่าสักหน่อย ฉันก็แค่อยากอธิบายให้คุณฟัง แค่จะไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วค่อย ๆ นั่งคุยกัน”

เธอเปิดประตูและเชิญเขาเข้าไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าของขาเรียวยาวเดินไปข้างหน้า ก็พบกับแมวสองตัวและสุนัขหนึ่งตัวกระโจนเข้ามาต้อนรับ จนร่างกายเต็มไปด้วยขน

ซูเถากุลีกุจอรินน้ำให้เขาหนึ่งแก้ว “ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คุณก็ยอมรับฉันเถอะ ฉันสัญญาว่าจะไม่ก่อความวุ่นวาย และจะไม่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย”

สือจื่อจิ้นส่งสัญญาณให้เสวี่ยเตาที่ตื่นเต้นอยู่ในอาการสงบ เช่นนั้นมันจึงนั่งลงและแลบลิ้นยาวและรอฟังคำสั่ง

“พาเด็ก ๆ ไปเล่นในห้อง”

เสวี่ยเตาเข้าใจคำพูดนั้นเป็นอย่างดี มันกระดิกหูและพาพวกจือหม่าเข้าไปเล่นในห้องสัตว์เลี้ยง

จากนั้นสือจื่อจิ้นเล่าว่า “ผมได้รับคําสั่งแล้ว และไม่สามารถปฏิเสธได้ ที่มาหาคุณเพราะอยากให้คุณเริ่มเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าว่าเราวางแผนที่จะออกเดินทางในต้นเดือนหก”

“นอกจากนี้ พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปที่ศูนย์กลางการค้าอาวุธ เพื่อซื้ออาวุธไว้ให้คุณป้องกันตัว และตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป คุณจะต้องติดตามผมเพื่อเรียนรู้เรื่องอาวุธปืน ใช้เวลาครึ่งเดือนก็น่าจะเพียงพอแล้ว”

ซูเถาครุ่นคิดอยู่สองวินาที และพยักหน้าตกลงทันที “ได้!”

สือจื่อจิ้นเริ่มมีท่าทีจริงจังขึ้น “ในเมื่อตกลงแล้ว คุณก็คือคนของผมแล้ว คุณต้องปฏิบัติตามกฎในกองทัพของผม ไม่ว่าการฝึกจะยากลำบากขนาดไหน คุณต้องทนและกลืนมันลงไปในท้อง ทำได้ไหม”

ซูเถาเองก็เอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “ฉันทําได้ ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น และถ้ามีโอกาสได้เรียนรู้ทักษะป้องกันตัวฉันก็อยากจะทำ ก่อนหน้านี้ฉันเคยคิดอยากขอให้พี่เผยสอน แต่เธอดูยุ่งมาก จึงเลยล้มเลิกความคิดนั้นไป”

สือจื่อจิ้นเลิกคิ้วขึ้นและมองไปที่อีกฝ่าย “ทําไมคุณไม่มาหาผมล่ะ”

ซูเถา “…คุณออกไปข้างนอกตลอดทั้งปี ให้ฉันไปเรียนกับคุณแค่สองสามวัน หลังจากนั้นให้ฉันคลำทางเอาเองเหรอ?”

“แล้วกวานจือหนิงล่ะ? ทําไมคุณไม่ขอให้เธอสอน? ในปีนั้นเธอได้อยู่อันดับต้น ๆ ของการสอบการต่อสู้จริงของเขตทหารเลยนะ”

ซูเถากุมขมับ “ขอบคุณที่คุณส่งคนมีความสามารถมาให้ฉัน มิน่าล่ะตอนแรกเธอถึงไม่เต็มใจมาที่เถาหยาง ฉันก็คิดที่จะเรียนรู้จากเธอ แต่เธอความอดทนต่ำ ฉันเลยกลัวว่าจะถูกเธอดุเอาได้”

สือจื่อจิ้นพูดอย่างใจเย็น “ถ้าคุณไม่ตั้งใจเรียนรู้ ผมก็จะดุคุณ”

ซูเถาไม่ได้พูดอย่างระมัดระวัง “คุณดุสิ ยังไงซะต่อหน้าคุณฉันก็ไม่มีสิทธิ์อะไรมากนัก”

สือจื่อจิ้นพูดไม่ออก พยายามเค้นคำพูดออกมาสามคำ “รีบเข้านอนซะ”

คืนนั้นซูเถานอนหลับฝันหวานจนถึงสิบโมงเช้า

เมื่อให้อาหารเด็ก ๆ ตามปกติและจูงเสวี่ยเตาเตรียมจะออกไปที่สํานักงาน จู่ ๆ เธอก็พบกับเฉียนหรงหรงที่ชั้นล่าง หาได้ยากมากที่เด็กสาวจะไม่สะพายกระเป๋าทำงานของทางไร่ และกำลังมุ่งหน้าไปทางอาคารที่พัก

ซูเถาเรียกเธอ “หรงหรงเป็นอะไรเหรอ? ทำไมดูเงียบขรึมจัง?”

หลังจากที่เฉียนหรงหรงเห็นเธอ น้ำตาก็เอ่อนองดวงตาทันที

“พี่เถา ฉันตกงานแล้ว อากาศมันร้อนเกินไป งานที่ไร่ไม่มีกําไร คนงานถูกเลิกจ้างไปหลายคน วันนี้ฉันเลยอยากไปดูว่าโรงงานอื่นรับสมัครคนไหม แต่ก็ไม่เป็นผล”

ซูเถาขมวดคิ้ว “แล้วแม่ของเธอล่ะ”

น้ำตาของเฉียนหรงหรงไหลหนักกว่าเดิม

“แม้ว่าแม่ของฉันจะยังไม่ถูกเลิกจ้าง แต่เธอก็ถูกตัดเงินเดือนก้อนใหญ่เหมือนกัน และคาดว่าอีกไม่นานเธอก็คงออกมาด้วย”

ซูเถาฉุกคิดทันทีว่าถ้าสองแม่ลูกที่พึ่งพาซึ่งกันและกัน กำลังจะตกงานในเวลาเดียวกัน พวกเขาจะไม่มีแหล่งทํามาหากินและหากมีเงินออมไม่เพียงพอก็ไม่สามารถรับประกันเรื่องค่าครองชีพขั้นพื้นฐานและค่าเช่าได้

เมื่อต้องเผชิญกับความหมดหนทางของเฉียนหรงหรง เธอก็รู้สึกอ่อนแรงเช่นกัน

เถาหยางไม่มีอุตสาหกรรมเป็นของตัวเอง หางานทําไม่ได้ เธอก็ช่วยอะไรไม่ได้

เมื่อเห็นเฉียนหรงหรงเช็ดน้ำตาและเดินจากไป หัวใจที่ผ่อนคลายของซูเถาก็รู้สึกหดหู่อีกครั้ง

ในเวลาเดียวกัน เธอก็ตระหนักได้อย่างลึกซึ้งว่าหากอุตสาหกรรมตงหยางล่มสลาย ก็จะเป็นอันตรายต่อเถาหยางถึงชีวิตเช่นกัน ผู้เช่าส่วนใหญ่มีงานทําในตงหยาง และหากพวกเขาตกงาน พวกเขาจะไม่สามารถจ่ายค่าเช่าได้

เธอจะสูญเสียแหล่งที่มาของรายได้ และไม่สามารถดําเนินการก่อสร้างได้อีก ตกบ่ายเธอจึงรีบไปพบสือจื่อจิ้น และเล่าความกังวลให้เขาฟังพลางถามว่า

“ผลประโยชน์จากไร่นาจะดีขึ้นไหม ถ้ามีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์”

สือจื่อจิ้นส่ายหัว “เรื่องนี้ก็พูดยาก การเจริญเติบโตของพืชไม่เพียงแต่ต้องการน้ำและแสงแดดเท่านั้น ดินและอุณหภูมิก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน และตอนนี้พืชหลายชนิดถูกแดดเผาจนตาย เว้นแต่จะมีคนที่มีความสามารถเกี่ยวกับอุณหภูมิสามารถควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ได้”

“ตงหยางไม่มีคนที่มีพลังนี้เหรอ?”

“ไม่มี แต่ฐานอื่น ๆ อาจจะมี แต่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงแบบนี้ พวกเขาต้องเป็นที่ต้องการในฐานหลักใหญ่อย่างแน่นอน พวกเขาไม่น่าหลงเหลือมาถึงตงหยางเล็ก ๆ นี่”

ซูเถาไตร่ตรองอยู่สองวินาที และพูดขึ้นว่า

“งั้น…ถ้าเถาหยางสามารถจัดหาที่พักที่สวยงาม รวมอาหารสามมื้อได้ พวกเขาจะสนใจไหม”

สือจื่อจิ้นมองเธออย่างด้วยสายตาลึกซึ้งอยู่สองวินาที และพูดอย่างมั่นคง “ใช่”

ซูเถายิ้ม “งั้นได้ หาโอกาสประชาสัมพันธ์หน่อยเถอะ ถ้าคุณสามารถหาคนมีความสามารถที่เหมาะสมได้ ฉันมีคําขอเล็ก ๆ ตงหยางต้องจ่ายค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในเถาหยางของคนคนนี้ และพวกเขาต้องทํางานให้กับเถาหยางห้าวันต่อเดือน”

สือจื่อจิ้นชี้ไปที่เธอ “ไม่ยอมขาดทุนแม้แต่น้อยเลยนะ”

ซูเถาพูดอย่างตรงไปตรงมา “ถ้าทำได้จริง ฉันก็ได้แก้ปัญหาใหญ่ให้ตงหยางแล้ว”

สือจื่อจิ้นยิ้มอย่างทําอะไรไม่ถูก “ครับ คุณซูฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่”

เมื่อมาถึงศูนย์กลางการค้าอาวุธ ซูเถามองไปรอบ ๆ ตาไม่กะพริบ

เธอไม่เคยมาที่นี่มาก่อน และไม่เคยเห็นอาวุธที่มากมายหลากหลายขนาดนี้ มีตั้งแต่ปืนพกไปจนถึงปืนกล และแม้แต่ลูกปืนใหญ่หนัก ๆ

ต้องการ ต้องการ ต้องการทั้งหมด

นอกจากพื้นที่ค้าเสรีแล้ว ผู้ที่เข้ามาในพื้นที่การค้าอย่างเป็นทางการก็มีข้อกำหนดเกี่ยวกับตัวตนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ บุคลากรทางทหารหรือบุคคลอื่นที่มีคุณสมบัติในการซื้อและใช้งาน เช่นซูเถา

สือจื่อจิ้นพาเธอไปเลือกชมรอบหนึ่ง และสุดท้ายก็เลือกปืนพกเบเร็ตต้า อีกฝ่ายให้เธอลองจับดู และพบว่ามันเหมาะสม ยกเว้นมันจะใหญ่เกินไปสำหรับมือของเธอ

แต่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะโครงกระดูกของเธอไม่ใหญ่ มือของเธอก็ยิ่งเล็ก

สือจื่อจิ้นเห็นว่าเธอถือมันไม่ถูกวิธี จึงยื่นมือไปช่วยแก้ไข

“ปากกระบอกปืนให้ยังอยู่ในแนวเดียวกัน และต้องออกแรงบังคับนิ้วมือ…”

มือของเขาแนบชิดติดอยู่กับมือของซูเถา ซึ่งทำให้เธอมีการอาการจั๊กจี้เบา ๆ ที่ผิวบาง

ซูเถาหดมือกลับ เตรียมจ่ายเงินก้อนใหญ่ “เข้าใจแล้ว ซื้อเลยละกัน ราคาเท่าไหร่เหรอ”

พนักงานขายตอบว่า “80,000 เหลียนปัง และ 6,200 คะแนนสมทบ”

ซูเถาที่ไม่เคยรู้สึกโง่อย่างนี้มาก่อน “?”

สือจื่อจิ้นรูดบัตรจากบัญชีอย่างใจเย็น และดึงมือเธอไปที่เขตอาวุธป้องกัน

ขาที่ไร้เรี่ยวแรงของซูเถาไม่สามารถขยับได้ ราวกับว่ามันเต็มไปด้วยตะกั่วหนักอึ้งถ่วงขาไว้

เธอคว้าสือจื่อจิ้นไว้อย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยวก่อน ฉันไม่คิดว่าสถานที่แบบนี้จะเหมาะกับฉัน”

สือจื่อจิ้นสงสัย “ทําไม?”

ซูเถา “เพราะความยากจน”

สือจื่อจิ้นเคาะศีรษะเธอเบา ๆ ด้วยกำปั้นเปล่าไปครั้งหนึ่ง

“ผมจ่ายเอง”

ขาและเท้าของซูเถาอ่อนแรง “แต่ฉันไม่สามารถจ่ายได้ คุณทำแบบนี้ฉันคงทำได้แค่ยกชีวิตนี้ให้คุณเท่านั้น”

ปืนก็ 80,000 เหลียนปัง กับคะแนนสมทบอีก 6,000 กว่า แพงจนเธอรู้สึกหน้ามืด

สือจื่อจิ้นยังคงดึงเธอให้เดินไปด้วยกัน “งั้นก็ตามที่คุณว่า”

ซูเถา “???”