บทที่ 49 การตัดสินใจของโรงพยาบาล
บทที่ 49 การตัดสินใจของโรงพยาบาล
ณ โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง
ภายในห้องประชุมอันกว้างขวาง ผู้นำระดับสูงหลายสิบคนของโรงพยาบาลทุกคนมาเข้าร่วมการประชุม ซึ่งหัวข้อการประชุมนั้นเกี่ยวกับกรณีที่โจวอี้พบในวันนี้ และยังมีเรื่องมาตรฐานการเก็บเงินค่ารักษาโรค
“พวกคุณคงทราบถึงความสามารถของโจวอี้และวิธีการรักษาของเขาในการรักษาโรคที่ร้ายแรง จึงไม่เหมาะที่จะใช้มาตรฐานแพทย์ของแผนกผู้ป่วยนอก ดังนั้นขอให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น และบอกเราว่าเขาจะทำงานอย่างไรในอนาคต?” เมิ่งเหว่ยนั่งอยู่หัวโต๊ะและพูดอย่างใจเย็น
ทุกคนพากันกระซิบ แต่ก็ยังไม่มีแผนการที่ดีใด ๆ
พวกเขาเห็นด้วยกับความสามารถและการรักษาของโจวอี้ แต่วิธีการรักษาของเขามีแนวโน้มที่จะเป็นแบบอย่างของแพทย์ประจำบ้านหรือแพทย์จีนโบราณ ซึ่งไม่เหมาะกับโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่ดูเป็นทางการเช่นนี้
และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือในปัจจุบันมีโรคแปลก ๆ มากมายที่โรงพยาบาลยังไม่มีมาตรฐานการเก็บเงินที่เหมาะสม
“ท่านผู้อำนวยการ ด้วยความสามารถพิเศษของเขา เขาน่าจะต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ผมมีข้อเสนอแนะ ไม่รู้ว่าจะโอเคกันไหม?” เฉินเจี้ยนหรงพูดพลางเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ
“งั้นลองพูดมา!” เมิ่งเหว่ยเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายลองเสนอแนะ
“โจวอี้จะนั่งในห้องผู้ป่วยนอกเพื่อคอยรักษา ต่อไปเขาจะไม่ได้รับมอบหมายให้รักษาผู้ป่วยธรรมดาที่แผนกผู้ป่วยนอก แต่เมื่อผู้ป่วยมาที่โรงพยาบาลของเราด้วยโรคที่รักษาได้ยากและดูพิเศษตามที่แพทย์คนอื่น ๆ พบว่ายาก ถึงจะมอบหมายให้โจวอี้วินิจฉัยและทำการรักษา ส่วนมาตรฐานการเก็บเงินนั้นก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์” เฉินเจี้ยนหรงกล่าว
“ถ้าเราทำอย่างนี้ คนไข้ของเขาคงจะมีน้อยมาก” รองผู้อำนวยการอีกคนขมวดคิ้วและส่ายหัว ก่อนจะพูดต่ออีกว่า “แม้ว่าจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่มันก็ไม่เป็นไปตามกฎ”
“ผู้ป่วยของเขาอาจมีได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าเราบอกโรงพยาบาลอื่น ๆ ในจินหลิงว่าหากมีผู้ป่วยโรคที่รักษาได้ยาก ก็แนะนำให้พวกเขามาที่โรงพยาบาลของเรา เพราะในเมื่อพวกเขารักษาไม่ได้ แต่โรงพยาบาลของเราทำได้!” เฉินเจี้ยนหรงอธิบายด้วยแววตาเป็นประกาย
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปในทันที
เมิ่งเหว่ยถึงกับตาเป็นประกายไม่ต่างจาเฉินเจี้ยนหรง “ใช่ โจวอี้รักษาโรคยาก ๆ ได้ดี ถ้าข่าวออกมาแบบนั้น โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงของเราจะกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งเมืองรวมถึงวงการแพทย์ทั้งจังหวัด ถ้าเขาสามารถรักษาผู้ป่วยในเคสยาก ๆ จากโรงพยาบาลอื่นได้ เขาก็จะกลายเป็นป้ายชื่อเสียงอันมีชีวิตของโรงพยาบาลเรา”
“แต่ถ้ามีโรคยาก ๆ ที่เขาแก้ไขไม่ได้ โรงพยาบาลของเราจะกลายเป็นตัวตลกหรือเปล่า?” ผู้อำนวยการยังคงลังเล
เฉินเจี้ยนหรงได้ยินดังนั้นก็กล่าวขึ้นทันที “ตราบเท่าที่เขาสามารถรักษาผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เป็นโรครักษายากและซับซ้อนได้ โรงพยาบาลของเราจะไม่ขายหน้าแน่นอน อย่างน้อยเขาก็สามารถรักษาชีพจรหยินซึ่งเป็นโรคที่แพทย์คิดว่าไม่สามารถรักษาได้ แล้วใครจะกล้าหัวเราะเยาะโรงพยาบาลของเรา!”
“ถูกต้อง!” เมิ่งเหว่ยเหลือบมองฝูงชน และพูดด้วยน้ำเสียงลึกล้ำว่า “ข้อเสนอของรองผู้อำนวยการเฉินสมเหตุสมผล หากคนส่วนใหญ่เห็นด้วย ให้ยกมือ”
“เห็นด้วย!”
“เห็นด้วย!”
“เห็นด้วย!”
“…”
ผู้นำระดับสูงของโรงพยาบาลมากกว่าหนึ่งโหลพากันยกมือเห็นด้วย และแม้แต่รองผู้อำนวยการก็ยังยกมือขึ้นมาด้วย
…
เมื่อ Knight XV มาหยุดอยู่หน้าบ้าน โจวอี้ก็เห็นถังหว่านยืนอยู่หน้าประตู แต่การแสดงออกที่เย็นชาของเธอทำให้เขารู้สึกหมดหนทาง
เขารู้สึกว่าถังหว่านเป็นเหมือนหินอันแข็งแกร่ง
เขาต้องการทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอบอุ่น แต่ดูเหมือนมันจะยากนัก
หลังจากที่พากันลงจากรถ หยางจื่อต้งก็ทักทายถังหว่าน จากนั้นก็ปฏิเสธข้อเสนอของโจวอี้ที่เชิญไปดื่มในบ้าน เขาจึงกลับบ้านของตัวเองไปในทันที
“แม่จ๋า รถที่เหมียวเหมี่ยวเลือกสวยไหม?” ถังเหมียวเหมี่ยวเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ เธอรีบไปกอดผู้เป็นแม่ด้วยความตื่นเต้น
ถังหว่านอุ้มลูกสาวของเธอขึ้นมา ทว่าคิ้วสวยกลับขมวดขึ้นอย่างข้องใจ
วันนี้เธออารมณ์ดีและกลับจากบริษัทมาไวกว่าปกติ ระหว่างทางกลับบ้าน เธอขอให้ซุนเหมิงผู้ช่วยของเธอไปตลาดขายอาหารเพื่อซื้อไก่ เป็ด ปลา เนื้อ และผัก ก่อนจะเริ่มปรุงอาหารด้วยตัวเอง
เธอพร้อมที่จะขอบคุณโจวอี้ที่ช่วยให้เธอได้รับโอกาสในการเข้าร่วมคอนเสิร์ตของอู๋หมิ่นหรูในฐานะนักร้องรับเชิญ
แต่โจวอี้ก็ไม่ยอมพาลูกสาวกลับมาสักที!
เธอโทรหาโจวอี้หลายครั้งและส่งข้อความสั้น ๆ ไปหาอยู่หลายข้อความ แต่โจวอี้ก็ไม่ตอบ อาหารที่เธอเตรียมไว้จึงเย็นลง
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ฉัน?” หญิงสาวเริ่มเปิดปากถาม
“โทรศัพท์?” โจวอี้หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมา ก่อนจะเห็นว่ามีสายที่ไม่ได้รับ
ประสาทหูของเขาดีมาก เขาสามารถได้ยินแม้เสียงเพียงเล็กน้อย
แต่ทำไมเขาไม่ได้ยินสายเรียกเข้าจากถังหว่าน?
“บางทีมือถือผมคงพัง ผมเลยไม่ได้ยิน” โจวอี้ส่ายหัวอย่างปลง ๆ
“โฮะ! คิดว่าฉันจะเชื่องั้นเหรอ?” ถังหว่านเยาะเย้ยอีกฝ่ายด้วยความผิดหวังและคับข้องใจ
เธอหันหลังและเดินกลับไปที่ประตูบ้านของเธอทันที ทั้งยังเลิกคิดที่จะถามเรื่องรถ Knight XV คันนั้นด้วย
…
เฮฟเว่นคลับ…
ที่นี่เป็นสโมสรส่วนตัวชั้นนำในเมืองจินหลิง อาณาเขตของมันครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ มีทั้งศาลา หิน และทะเลสาบขนาดเล็ก พื้นที่บันเทิงอยู่ฝั่งตะวันตกของทะเลสาบ และพื้นที่ห้องพักอยู่ฝั่งตะวันออกของทะเลสาบ
ว่ากันว่ามีแขกเพียงไม่กี่คนที่มีสิทธิ์มาที่คลับแห่งสรวงสวรรค์นี้ กล่าวคือ มีสมาชิกจากในเมืองจินหลิงไม่เกินร้อยคน และสมาชิกจากทั้งในประเทศจีนมีน้อยกว่าสามร้อยคน
หวงไห่เทาและเฉิงห่าวกำลังดื่มอยู่ในห้องสุดหรูภายในพื้นที่บันเทิงของสโมสรแห่งนี้ และมีสาวสวยสี่คนอยู่รายล้อม
ทันใดนั้น หวงไห่เทาก็รู้สึกว่าโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของเขาสั่น เมื่อควักออกมาก็เห็นข้อความบางอย่างที่ทำให้เขาตกตะลึง และสีหน้าของเขาก็แปลกออกไป
“เกิดอะไรขึ้น?” เฉิงห่าวถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของหวงไห่เทาดูเปลี่ยนไป
หวงไห่เทาโบกมือให้หญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ ปิดเพลงในห้อง
จากนั้น ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของทุกคน เขาก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้เฉิงห่าวดู
“อะไรเนี่ย ลึกลับจัง!” เฉิงห่าววางแก้วไวน์ลง คว้าเอาโทรศัพท์มือถือของอีกฝ่ายขึ้นมาอ่าน สีหน้าของเขาแสดงความประหลาดใจออกมา “ใครส่งข้อความถึงคุณ? แล้วข่าวนั่นมันจริงไหม?”
“มันคือเรื่องจริง” หวงไห่เทาตอบพลางจุดบุหรี่ด้วยรอยยิ้ม
“มันยากที่จะเชื่อว่าโจวอี้สามารถรักษาโรคประหลาดของซีชิงอิ่งได้ แม้แต่แพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในเมืองหลวงยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเธอ แบบนี้ย่อมหมายความว่าระดับการรักษาของโจวอี้เหนือกว่าระดับของแพทย์ทั่วไป เขาเป็นหมอผีเหรอ?” เฉิงห่าวตกตะลึง
“ผมไม่รู้ แต่เฒ่าหยางเฉิงโซ่ว หมอผีอีกคนในเมืองหลวงเพิ่งเห็นวิดีโอการรักษาโรคของโจวอี้ และเขาก็รีบออกจากเมืองหลวงไปยังจินหลิงทันที เขาตามหาโจวอี้ทุกที่ในเมือง เวลานั้นเขายังไม่รู้ว่าโจวอี้เป็นศิษย์ของหมอผี” หวงไห่เทาอธิบาย
“ดูเหมือนว่าการตัดสินใจยก Knight XV ให้เขาจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง” เฉิงห่าวยังคงยิ้มอย่างสดใส
“โฮ่ ๆ เราอยู่บนโลกนี้ ใครจะรับประกันสุขภาพของเราได้ตลอดเวลา? แม้ว่าสุขภาพของเราจะดี แต่ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าญาติและเพื่อนของเราจะไม่ป่วย? การลงทุนกับเขานั้นคุ้มค่าแล้ว”
หวงไห่เทายังคงกล่าวด้วยรอยยิ้มอีกว่า “เขาจะไปที่บ้านของคุณในวันพรุ่งนี้ และคุณควรต้อนรับเขาให้ดี!”
“ไม่ต้องกังวล!”