ในขณะนี้ทั้งขุนนางฝ่ายพลเรือนและเหล่าแม่ทัพต่างมองดูกล่องในมือของพระเจ้าฮั่นเลนเต้
มากกว่า 80% อยากรู้อยากเห็นส่วนที่เหลือก็ตกใจแม้แต่ขุนนางที่อารมณ์ร้ายและซื่อตรงอยู่เสมอก็ไม่มีข้อยกเว้น
เพราะในตอนที่ เตียวเหยียงเปิดกล่องนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้ห้องโถงสว่างขึ้นในทันทีแต่ยังทำให้ทุกคนก็รู้สึกสบายใจมาก
พระเจ้าฮั่นเลนเต้หยิบกล่องไม้จันทน์และเปิดออก
วินาทีถัดมาพระเจ้าฮั่นเลนเต้ตกตะลึงขุนนางฝ่ายพลเรือนและเหล่าแม่ทัพก็ตะลึงเช่นกัน
ไข่มุกราตรไม่ใช่ว่าไม่มีใครเคยเห็น แม้ว่ามันจะหายาก แต่ก็ไม่ใช่สมบัติที่ยิ่งใหญ่อะไร
แต่ไข่มุกราตรีในกล่องไม้จันทน์นั้นเพียงแค่ส่วนปลายของยอดภูเขาน้ำแข็งแสดงให้เห็นถึงความพิเศษของมัน
ไข่มุกราตรีธรรมดาในเวลากลางวันจะมองไม่เห็นอะไรทำได้แค่รอเวลากลางคืน
แต่ไข่มุกราตรีนี้ไม่เพียง แต่มีขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ยังสามารถส่องสว่างได้แม้กระทั่งในเวลากลางวันและยังส่องแสงจนทำให้ท้ังห้องโถงที่มืดสลัวราวกับเวลากลางวันอีกด้วย
อย่างไรก็ตามแสงของมันไม่แสบตาเลย
ไม่เพียงแค่นั้นในห้องโถงในขณะที่กล่องไม้จันทน์ถูกเปิดออกความรู้สึกไม่สบายใจที่หายไปทันที
“ดี! ดี! ดี!” พระเจ้าฮั่นเลนเต้จ้องมองไปที่ไข่มุกราตรีในกล่องไม้จันทน์ด้วยดวงตาที่สดใสและกล่าวคำพูดที่ดีถึงสามคำ
ในขณะนี้พระเจ้าฮั่นเลนเต้รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก เพราะเขาไม่เคยเห็นสมบัติเช่นนี้มาก่อน
แต่สิ่งนี้ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือสมบัติดังกล่าวไม่เพียง แต่มีขนาดใหญ่ แต่ยังส่องสว่างในระหว่างวันและยังทำให้เขารู้สึกสบายใจอีกด้วย
ในฐานะจักรพรรดิไม่มีทางที่เขาจะขาดอาหารอันโอชะหรือขาดยาบำรุงใด ๆ เลย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกเหมือนถูกทำให้เติมเต็ม
ในตอนนี้พระเจ้าฮั่นเลนเต้รู้สึกว่าพลังงานของเขากำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า … สมบัติระดับโลกเช่นนี้เป็นสมบัติของข้า!” พระเจ้าฮั่นเลนเต้หยิบไข่มุกราตรีขนาดใหญ่ขึ้นมาจากนั้นก็ตะโกนอย่างตื่นเต้น
“ ฝ่าบาททำไมผู้ต่ำต้อยรู้สึกว่าสิ่งนี้สามารถยืดอายุได้” เตียวเหยียงเหลือบมองเย่เฉินแล้วพูดกับพระเจ้าฮั่นเลนเต้ด้วยสีหน้าตกใจ
“มันเป็นเรื่องจริงข้าก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน” พระเจ้าฮั่นเลนเต้พยักหน้าด้วยความตื่นเต้น
เมื่อพระเจ้าฮั่นเลนเต้กล่าวเช่นนี้เขาก็มองไปที่เย่เฉินทันที เขาไม่ได้รู้สึกดีกับเย่เฉินในตอนแรกแต่ในตอนนี้เขารู้สึกพึงพอใจกับเเย่เฉินเพียงแค่เขาอ้าปากและแต่งตั้งตำแหน่งให้เย่เฉิน แต่ในทันใดนั้นพระเจ้าฮั่นเลนเต้ก็รู้สึกลำบากใจ เพราะว่านี้คือสิ่งที่เย่เฉินได้มาเเต่เย่เฉินกลับมอบสมบัติที่ดีเช่นนี้ให้เขา แทนที่จะเก็บไว้กับตัวเอง
หลังจากคิดสักครู่พระเจ้าฮั่นเลนเต้ก็พูดว่า:
“เย่เฉินเจ้ามอบสมบัติแห่งสวรรค์และโลกให้กับข้า และเจ้ายังมีส่วนช่วยข้าปราบปรามโจรมากกว่า 100,000 คนและยังทำลายกองทหารอูหวน 15,000 นาย เจ้าบอกข้าว่าข้าควรให้ตำแหน่งใด กับเจ้าดี!”
“ฝ่าบาท ทุกสิ่งบนโลกนี้เป็นของฝ่าบาท เย่เฉินไม่กล้าอ้างเป็นผลงานของตัวเอง ฝ่าบาทคือองค์จักรพรรดินี้คือสิ่งที่ข้าน้อยควรทำ!” เย่เฉินโค้งคำนับและกล่าว
“ยอดเยี่ยม! ทุกสิ่งในโลกนี้เป็นของข้า เย่เฉินสิ่งที่เจ้าพูดชนะใจข้าแล้ว ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นแม่ทัพเจิ้นเว่ยในวันนี้!” พระเจ้าฮั่นเลนเต้ผงะไปครู่หนึ่งแล้วก็หัวเราะ
ดวงตาของเย่เฉินสว่างขึ้นทันทีเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ เดิมทีเย่เฉินคิดว่าเขาจะได้รับเหรียญตราประทับของแม่ทัพหรืออะไรทำนองนั้น เขาไม่คาดคิดว่าจะได้ตำแหน่งแม่ทัพเจิ้นเว่ย
แม้ว่าแม่ทัพเจิ้นเว่ยจะเป็นแม่ทัพจิปาถะ แต่ก็ยังเป็นทหารระดับสี่ แม้จะเทียบไม่ได้กับตำแหน่งแม่ทัพระดับห้า
เมื่อเย่เฉินกำลังจะขอบคุณ ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น
“ ช้าก่อนฝ่าบาท!”
เย่เฉินขมวดคิ้วและมองออกไปด้วยตาของเขา โฮจิ๋นยืนขึ้นด้วยใบหน้าที่น่าเกลียดและอ้าปากเพื่อป้องกันไม่ให้พระเจ้าฮั่นเลนเต้แต่ตั้งเย่เฉิน
“ทำไมจะไม่ได้!” พระเจ้าฮั่นเลนเต้ที่กำลังมีความสุขและทันใดนั้นก็มีคนมาขัดใจเขาเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่สบอารมณ์
“ฝ่าบาทแม้ว่าเย่เฉินจะมีผลงาน แต่เขาก็ยังไม่มีประสบการณ์ในฐานะข้าราชการ นอกจากนี้อายุเขายังน้อย หากเร่งรีบแต่ตั้งเขาเป็นแม่ทัพเจิ้นเว่ยเหล่าทหารในกองทัพอาจจะเกิดความไม่พอใจ!” โฮจิ๋นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูมีความชอบธรรม
“ท่านแม่ทัพออกไปรบเพื่อสังหารข้าศึก และพวกท่านจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งก็ต่อเมื่อคุณมีความสามารถทางทหาร เราสับสนเล็กน้อยเมื่อไหร่กันที่แม่ทัพต้องการประสบการณ์ในการเป็นข้าราชการ” แม่ทัพโลติดขมวดคิ้วและชำเลืองมองไปที่แม่ทัพโฮจิ๋น จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นและกล่าวพร้อมโค้งคำนับ
“ คำพูดของแม่ทัพโลติดนั้นมีเหตุผล ผู้ต่ำต้อยก็แปลกใจมากเช่นกันตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ขุนพลในกองทัพจำเป็นต้องมีจะมีประสบการณ์ในการเป็นข้าราชการไม่ใช่ว่าพวกควรนำทหารไปสู้รบกับศัตรูหรอกหรือ?” ดวงตาของขันทีเตียวเหยียงเป็นประกายและจากนั้นเขาก็แสดงท่าทีสับสน เขามองไปที่พระเจ้าฮั่นเลนเต้แล้วกล่าว
เมื่อแม่ทัพโฮจิ๋นได้ยินเช่นนี้ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมาหลายครั้ง ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเนื่องจากความโกรธ
“โฮจิ๋น! ออกไปให้พ้นหน้าข้า! กลับบ้านไปนั่งสำนึกผิดหน้ากำแพงเป็นเวลาครึ่งเดือน! นอกจากนี้เจ้าจะต้องจ่ายห้าหมื่นเหรียญทองม่วงภายในหนึ่งวัน! ไม่เช่นนั้นข้าจะสั่งค้นบ้านของเจ้า และทำลายตระกูลเจ้าซะ! “พระเจ้าฮั่นเลนเต้ตบบัลลังก์ลุกขึ้นยืนทันทีแล้วตะโกนด้วยความโกรธ
“ฝ่าบาท! ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะก่อน ที่ท่านแม่ทัพพูดหมายความถึงข้าราชการทหารมิใช่หมายถึงข้าราชการพลเรือน” ขุนนางอ่องอุ้นรีบลุกขึ้นแก้ตัวให้แม่ทัพโฮจิ๋น
“ ฝ่าบาท! สิ่งที่ข้าน้อยพูดหมายถึงข้าราชการทหาร ฝ่าบาท! ข้าไม่มีความหมายอื่นใด โฮจิ๋นรีบก้มหน้าและกล่าวออกไป
“เยี่ยมมาก ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าจะสื่อถึงทหาร งั้นข้าจะถามเจ้าว่าเย่เฉินนำทัพออกรบฆ่าโจรมากกว่า 100,000 คนและทำลายกองทหารอุหวน 15,000 นายและทหารของเขายังไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างไร ! เขามีประสบการณ์หรือไม่ทำไมเขาถึงเป็นแม่ทัพไม่ได้! ” พระเจ้าฮั่นเลนเต้ตะโกนด้วยใบหน้าจริงจัง
“ใช่แล้วฝ่าบาท ใช่แล้ว เย่เฉินสามารถเป็นแม่ทัพได้! ตัวข้าเพียงกังวลว่าเย่เฉินยังเด็กเกินไปและจะทำให้เกิดเขาความเย่อหยิ่งได้ง่ายโฮจิ๋นรีบพูดอย่างรีบร้อน
“พอ! ออกไปให้พ้นหน้าข้า คืนนี้ ถ้าเจ้าเอาเหรียญทองม่วง 1 แสนเหรียญมาไม่ได้ เจ้าก็สามารถฆ่าตัวตายก่อนได้เลย!” พระเจ้าฮั่นเลนเต้ยิ่งโกรธมากขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนี้และตะโกนออกไปโดยไม่ลังเล
“ฝ่าา… ฝ่าบาท… ” ใบหน้าของโฮจิ๋นแข็งค้างและเขาพูดตะกุกตะกักด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ต้องพูดอะไรเเล้ว ข้าไม่อยากได้ยินคำพูดของเจ้าอีก หากกล้าพูดอีกประโยคค่าปรับจะเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า!” พระเจ้าฮั่นเลนเต้ตะโกนด้วยความโกรธ
เมื่อได้ยินดังนั้นแม่ทัพโฮจิ๋นก็รู้สึกว่าแก่ขึ้นสิบปีในทันที
มารดาเถอะ นั่นคือหนึ่งแสนเหรียญทองม่วง เท่ากับหนึ่งพันล้านเหรียญทอง ให้ค่าจ่ายภายในคืนนี้แล้วข้าจะหามาจากไหน
อย่างไรก็ตามเขาไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป เขาโค้งคำนับแล้วเดินโซเซออกไปจากห้องโถง
เย่เฉินมองไปที่โฮจิ๋นที่กำลังจากไปและหรี่ตาลง
หากผ่านเรื่องคราวนี้ไปเขาคงได้รับความขุ่นเคืองเป็นแน่ แต่ … ไม่เป็นไรเขาคงจะอยู่ได้อีกไม่นานและมันจะไม่มีเวลามายุ่งกับข้า…
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เย่เฉินเหลือบมองขุนนางชราอ้องอุ้นที่มีผมสีเทาอีกครั้ง แสงเย็นวาบเกิดขึ้นในดวงตาของเขาแล้วกลับมาเป็นปกติ
พระเจ้าฮั่นเลนเต้มองไปที่โฮจิ๋นด้วยความรังเกียจจากนั้นก็ตะโกนว่า:
“เอาล่ะ! นายอำเภอเย่เฉินแห่งจักรวรรดิฮั่นได้สร้างผลงานทางทหารอย่างดีเยี่ยมและมีส่วนช่วยต้าฮั่นเป็นอย่างมาก แต่งตั้งให้เขามีสมญานามเป็นพิเศษว่าแม่ทัพผิงเป่ยระดับสาม!” แม่ทัพผิงเป่ยหมายถึงแม่ทัพทิศเหนือ